เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god) - ตอนที่ 112
Chapter 112: การต่อสู้กับเสือดํา
เมื่อได้ยินหัวหน้าเคนดัลพูด เจี้ยนเฉินก็พยักหน้าเห็นด้วย ความประทับใจต่อเคนดัลของเจี้ยนเฉินเพิ่มขึ้นอีกครั้งจิตใจของเคนดัลก็ไม่ได้ชั่วร้ายเท่ากับเจี้ยนเฉินในชีวิตที่แล้ว ด้วยทัศนคติที่ไม่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ไม่มีใครที่จะปฏิเสธในการยอมเสียสละชีวิตให้กับหัวหน้าคนนี้ สิ่งสําคัญที่สุดอด้วยความแข็งแกร่งของหัวหน้าในขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นต้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถสั่งหารสัตว์อสูรระดับ 3 ได้ด้วยตัวเอง แต่อย่างน้อยเขาก็ทําให้สัตว์อสูรระดับ 2 ตายได้อย่างไม่ลําบาก มันอาจจะรู้สึกแย่ที่เขาไม่ได้สู้กับสัตว์อสูรระดับ 2 ด้วยตัวคนเดียวถ้าเขาทําอย่างนั้นกําไรที่เขาได้ก็จะเพิ่มสูงขึ้นแต่การร่วมกลุ่มกับเซียนและเรียนระดับสูงเพื่อออกล่าและฆ่าสัตว์อสูรแม้ว่า ผลกําไรจะถูกกระจายกันออกไปแต่มันก็ยังดีกว่าออกมาคนเดียว ในความเป็นจริงความแตกต่างด้านผลกําไรก็ไม่ได้เยอะมากหรืออาจจะมากกว่าครึ่งหนึ่งของการออกเดินทางคนเดียว
เพียงแค่ได้ยินแค่นี้ เจี้ยนเฉินก็ชื่นชมหัวหน้าเคนดัลอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามเมื่อหัวหน้าเคนดัลพูดถึงเรื่องกําไรที่พวกเขาได้รับจากสัตว์อสูรในอดีต เขาก็ตกใจอย่างเงียบ ๆ เมื่อหัวหน้าอยู่ในระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญและเซียนระดับสูงอีก 5 คนในกลุ่ม มันก็ได้น้อยอย่างน่าเศร้าสําหรับแกนอสูรเจี้ยนเฉินไม่ยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อเขาเข้ามาคนเดียวในเทือกเขาสัตว์อสูรเพียงวันเดียวเขาก็ได้รับแกนอสูรมากกว่า 20 อัน แม้กระทั่งแกนอสูรระดับ 3 อีกเกือบโหลเมื่อเทียบกับที่ทหารรับจ้างอัคนี้ได้รับมันแตกต่างกันมากเมื่อเอาทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน
ในขณะนั้นหูของเจี้ยนเฉินก็กระดิกนิด ๆ ขณะที่เขามองหญ้าสูงข้างหน้าใกล้ ๆ ในสัมผัสของเขา เขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรจากระยะ 10 เมตร อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรตัวนี้ก็แทบจะไม่ได้เคลื่อนไหวเลยแม้กระทั่งหัวหน้าเคนดัลก็ไม่อาจรู้สึกได้ถึงตัวมัน
สัตว์อสูรตัวนั้นหยุดอยู่ชั่วคราวราวกับว่ามันลังเลก่อนที่จะมันจะตัดสินใจว่าต้องการโจมตีกลุ่มเจี้ยนเฉินหรือไม่สุดท้ายมันก็เลือกที่จะถอยกลับไปเงียบ ๆ
การสัมผัสได้ถึงสิ่งที่สัตว์อสูรทําอย่างนั้นทําให้เจี้ยนเฉินเต็มไปด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้น? เป็นไปได้ไหมว่าสัตว์อสูรนั่นยอมรับความแข็งแกร่งของกลุ่มเราและตระหนักได้ว่าเกินกําลังของตนเองและอาจนํามันไปสู่ความตายได้ ? “ เจี้ยนเฉินสงสัย แต่เมื่อเขายิ่งคิด คําถามที่มากมายก็เข้ามาในใจของเขา กับสัตว์อสูรที่มีความแข็งแกร่งต่ํา มันจะมีความรู้สึกที่จะตัดสินใจแบบนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเจี้ยนเฉินเดินทางเข้ามายังเทือกเขาสัตว์อสูรไม่ว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรระดับ 1 หรือ 2 หรือแม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับ 3 พวกมันก็จะรีบวิ่งออกมาจากที่ซ่อนเพื่อโจมตีเขา แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในที่ลับ พวกมันก็จะพยายามลอบโจมตีเขา ทําให้สถานการณ์แตกต่างจากที่เจี้ยนเฉินคาดไว้มาก
“จะเกิดอะไรขึ้น ถ้ากลุ่มของเรามีคนมากเกินไป? นั่นอาจเป็นสาเหตุที่สัตว์อสูรไม่ได้โจมตีเจียงเฉินมองกลับมาอย่างสงสัย บนถนนสายนี้เขาได้เห็นร่องรอยสัตว์อสูรเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ในขณะนั้น ขนสีดําก็พุ่งออกมาจากพื้นหญ้าสูงเข้าหาหัวหน้าเคนดัลผู้ซึ่งอยู่หน้ากลุ่ม
ทุกคนเตรียมตัวพร้อมสําหรับสถานการณ์นี้แล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่เสือดําเข้ามา เคนดัลและดีรี่ก็เจอแล้ว เมื่อมองไปที่เป้าหมายที่เข้ามา เคนดัลก็หัวเราะและพูดออกมาว่า “ในที่สุดก็มา !” ขวานใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิวก่อนที่จะปรากฏในมือของเขา พร้อมกับการเคลื่อนไหวขวานก็ถูกสับไป ที่เสือดํา
เมื่อเคนดัลเริ่มโจมตี ดีที่ยืนอยู่ข้างหลังก็เสื้อกระบี่ขึ้นมาพร้อมที่จะฟันลงไป
“เครั้ง!”
ขวานของเคนดัลและเสือดําปะทะกันกลางอากาศทําให้เกิดเสียงดังอย่างมาก เสือดําก็หยุดชะงักขณะที่ขวานก็ถูกกระแทกกลับไปข้างหลัง
เสือดํากระเด็นถอยหลังออกไปกว่า 5 เมตรก่อนที่จะตกลงพื้น ทันทีที่ถึงพื้นทุกคนในกลุ่มก็พึ่งจะได้เห็นเสือดําที่พุ่งเข้าใส่มาได้อย่างถนัดตา มันเป็นเสือดําที่มีแผงคอ อุ้งเท้าของมันก็มีเล็บแหลมคมเป็นจํานวนมาก ขณะที่มองดูดี ๆ อาจจะยังเห็นคราบเลือดอยู่
“Brothers, surround it!” Kendall called out before grabbing his axe to once more attack the black tiger. Hu Po, Chang Ning Feng and the two Zhou twins encircled the black tiger in all four directions in order to prevent it from getting away. Deere, who had the power of a Great Saint, entered the circular ring and began to fight it with Kendall.
“พี่น้อง ล้อมมันไว้ ! “ เคนดัลตะโกนออกมาก่อนที่จะคว้าขวานของเขาออกไปโจมตีเสือดําอีกครั้ง หูป้อและสองพี่น้องจ้าวต่างก็ล้อมรอบเสือดําเพื่อไม่ให้มันหนี ดีรี่ผู้ซึ่งเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญอ ยู่ตรงกลางวงล้อมและเริ่มสู้พร้อมกับเคนดัล
เสือดํานี้เป็นสัตว์อสูรระดับ 2 และด้วยเซียนระดับสูงขั้นสูงสุดและเซียนผู้เชี่ยวชาญในการต่อกรกับเสือดําตัวนี้ มันไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย ในพริบตาร่างของเสือดําต่างก็เต็มไปด้วยแผลและเลือดไหลลงมาอย่างไม่อาจหยุดได้ เป็นผลทําให้ขนของเสือดําถูกย้อมเป็นสีแดง
เจี้ยนเฉิน, เสี่ยวเต๋และหยุนหยวน ยืนอยู่กับที่และดูการต่อสู้จากระยะไกล ในขณะที่สัตว์อสูรนั้นมีสัญชาตญาณที่เหนือปกติ แต่นี้เป็นเพียงสัตว์อสูรระดับ 2 ที่ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้กับเซียนพิเศษ ดังนั้นสําหรับการต่อสู้ในครั้งนี้เสี่ยวเตและเซียนอีกสองคนก็ไม่อาจเข้าไปแทรกแซงการต่อสู้ได้เนื่องจากกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส
จากการเฝ้าดูเคนดัลและดีรี่ต่อสู้กัน เสี่ยวเต่ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมากและอยากจะเข้าร่วมต่อสู้ด้วยจากการสังเกตของทั้งสองครั้งของเสือดํา เสี่ยวเต่ดูราวกับว่าเขาไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการแบ่งภาคไปช่วยเคนดัล และประจันหน้าสู้กับเสือดํา
“ ข้าต้องขยันและฝึกฝนเพื่อที่ข้าจะได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญให้ไว ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถตามล่าสัตว์อสูรระดับ 2 ได้ด้วยตัวคนเดียว” เสี่ยวเต๋พูดขณะที่กัดริมฝีปากแน่น
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หยุนหยวนที่อยู่ข้าง ๆ หัวเราะและพูดว่า “เสี่ยวเต๋ ความแข็งแกร่งของเจ้าตอนนี้เป็นแค่เซียนขั้นกลาง ดังนั้นมันยังอีกนานกว่าที่เจ้าจะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญ จากความสามารถของเจ้า การบ่มเพาะของเจ้าควรจะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญตอนอายุราว ๆ 40 ปี ไม่อย่างนั้นมันก็แก่เกินไปที่จะได้เป็นแล้ว”
” 40 ปี แล้วไง? หัวหน้าไม่ได้เป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญตอนอายุเท่านั้นหรือ ? ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะกลายเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญในที่สุด” เสี่ยวเต้ตอบด้วยน้ําเสียงไม่พอใจเล็กน้อยจากนั้นท่าทีก็ เปลี่ยนไปราวกับว่าเขากําลังฝันก่อนที่จะพึมพําเบา ๆ “รอจนกว่าข้าจะกลายมาเป็นเซียนผู้ เชี่ยวชาญ จากนั้นข้าก็จะสามารถออกเดินทางไปรอบ ๆ ในเทือกเขาสัตว์อสูรคนเดียวและต่อสู้กับสัตว์อสูรตัวต่อตัวมันคงเป็นภาพที่น่าประทับใจ”
เมื่อเห็นท่าทางของเสี่ยวเตที่กําลังแสดงออกถึงความปรารถนา หยุนหยวนก็ส่ายหัว อย่างหงุดหงิดและกระซิบบอกกับตัวเอง”เซียนผู้เชี่ยวชาญนั้นน่าทิ้งจริง ๆ ? สิ่งที่พวกเขาต้องทําก็คือสู้กับสัตว์อสูรระดับ 2 เจ้าคิดว่าความแข็งแกร่งของเซียนผู้เชี่ยวชาญอย่างเดียวก็พอที่จะทําให้เจ้าเดินเล่นไปรอบ ๆ เทือกเขาสัตว์อสูรอย่างไม่กลัวเกรง ? * หยุนหยวนหันกลับมามองเจี้ยนเฉินขณะที่เขาพูดว่า “นี่ เจี้ยนเฉิน เจ้าเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูรกี่ครั้งแล้ว? เจ้ายังเด็ก นี่คงเป็นครั้งแรกของเจ้า?”
เจี้ยนเฉินตอบไปอย่างไม่แยแสว่า “นี่ควรจะเป็นครั้งที่สองของข้า”แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเข้าไปในป่าของสํานักคากัดและฆ่าสัตว์อสูรในอดีต ประสบการณ์ครั้งนั้นไม่อาจเป็นอะไรได้นอกจากนี้สัตว์อสูรที่ทางสํานักเลี้ยงดูนั้นเจี้ยนเฉินไม่ถือว่ามันเป็นประสบการณ์
ตาของหยุนหยวนเบิกกว้าง เขาแสดงความสนใจทันทีและถามอย่างใจร้อนว่า “ตอนเจ้าเข้ามาครั้งแรกที่คน? พวกเขามีพลังแค่ไหน? เจ้ามีผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับเคนดัลหรือไม่?”
เจี้ยนเฉินหันไปมองหยุนหยวน หลังจากที่ลังเลอยู่พักนึกเขาก็พูดว่า”ครั้งแรกที่ข้าเข้ามาในเทือกเขาสัตว์อสูร ข้าอยู่ตัวคนเดียว แต่…”
ก่อนที่เจี้ยนเฉินจะพูดจบ เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยหยุนหยวนว่า “เจ้าเข้ามาที่เทือกเขาสัตว์อสูรคนเดียวในครั้งแรก? ว้าว เจี้ยนเฉิน ข้าต้องมองเจ้าใหม่แล้ว”
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขึ้นและตอบว่า” หยุนหยวน ไม่จําเป็นต้องพูดเสียงดัง เมื่อข้าเข้าสู่เทือกเขาสัตว์อสูรคนเดียว การเดินทางของข้าก็แค่เดินไปรอบ ๆ เท่านั้น”
หยุนหยวนมองไปที่เจี้ยนเฉินพร้อมกับแสดงความชื่นชมออกมาว่า “เจี้ยนเฉิน ข้าเคารพเจ้าจริง ๆ โดยเฉพาะความกล้าหาญของเจ้า เจ้ากล้าหาญมากจริง ๆ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเจ้าเข้ามาที่นี่โดยที่ไม่รู้ว่าที่นี่คือเทือกเขาสัตว์อสูรและมันก็เป็นสถานที่อันตรายมาก ? การเผชิญหน้ากับสัตวอสูรระดับ 1 นั้นเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะเอาชนะมันได้ หากเจ้าไม่อาจเอาชนะมันเจ้าก็ยังมีโอกาสหนีแต่ถ้าเจ้าพบสัตว์อสูรระดับ 2 ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าก็จะจบลงทันที” หยุนหยวนตบหน้าอกของเขาพลางพูดขณะที่แสดงออกถึงความหวาดกลัว “เด็กอย่างเจ้าโชคดีมากที่ไม่ได้เจอสัตว์อสูรเหล่านั้น ไม่อย่างนั้นเจ้าคงถึงคราวเคราะห์แล้ว”
“ถูกต้อง เจี้ยนเฉิน จากนี้ไปเจ้าต้องไม่มาที่เทือกเขาสัตว์อสูรเพียงลําพัง แม้ว่าการเดินทางของเราจะเงียบสงบอย่างมาก แต่เจ้าไม่ควรประมาทสัตว์อสูรเพราะสิ่งเหล่านั้น” เสี่ยวเพูดอย่างจริงจังและท่าทางของเขาก็เคร่งขรึม
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคําพูดของทั้งสองและตอบว่า “เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ในตอนนนี้เราหันกลับไปดูการต่อสู้ของหัวหน้ากับเสือดํา การดูฉากนี้มีประโยชน์สําหรับพวกเจ้าจริง ๆ อย่างน้อยเจ้าสามารถดูรูปแบบการต่อสู้ได้ พวกมันน่าจะมีประโยชน์ในภายหลัง”
คาโบลด์ยืนอยู่ข้างๆเจี้ยนเฉินสายตาที่ตกใจและจ้องมองเจี้ยนเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่สองสามครั้งและดวงตาของเขาก็แสดงออกถึงความสับสนอย่างไม่หยุด อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้พูดอะไรและยืนอยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ
เมื่อได้ยินคําพูดของเจี้ยนเฉิน เสี่ยวเตาและหยุนหยวนหยุดพูดจริง ๆ และกลับมาให้ความสนใจกับการต่อสู้และจดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา
เคนดัลและดีรี่ยังคงต่อสู้กับเสือดําในเวลาประมาณเท่าเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณจิบชา ในขณะที่ร่างกายของเสือดําเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด ในที่สุดการต่อสู้ที่แสดงให้เห็นถึงความดุร้ายของเสือ สุดท้ายเสือดําก็ไม่ได้อยู่เฉยเข้าปะทะกันซึ่ง ๆ หน้า มันเริ่มหลบการเคลื่อนไหวของมนุษย์อย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่มันหลบมันก็ยังคงหาโอกาสโจมตีสวนกลับเคนดัลและดีวี่