เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2049 จอมมารโลหิตตกใจหนีเตลิด ตอนที่ 2050 อาจารย์ข้าแซ่ฉู่
- Home
- All Mangas
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2049 จอมมารโลหิตตกใจหนีเตลิด ตอนที่ 2050 อาจารย์ข้าแซ่ฉู่
ตอนที่ 2049 จอมมารโลหิตตกใจหนีเตลิด
เพียงแต่ยามเอ่ยประโยคนั้นออกมา เสียงของตาเฒ่าเหมือนจะอ่อนลงอย่างชัดเจน คล้ายไม่ค่อยมั่นใจ เขาจ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่วซ้ำๆ ด้วยสีหน้าแปลกๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หน้าตาดูประหลาดยิ่งนัก
คนอื่นก็มองดูด้วยสีหน้าแปลกๆ เช่นกัน เหตุใดจอมมารโลหิตจึงบอกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นผู้หญิง? เขาเป็นผู้ชายไม่ใช่หรือ? เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง?
จัวจวินเยวี่ยแววตาไหวระริก สายตาจับจ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่วตั้งแต่หัวจรดเท่า สายตาแฝงแววครุ่นคิด
ฝานอี้ซิวเองก็ตะลึงเช่นกัน ผู้หญิงหรือ เป็นไปไม่ได้กระมัง? ดูอย่างไรก็เป็นเด็กหนุ่มนี่นา! แม้หน้าตาจะดูงามละเอียดไปบ้าง แต่อย่างไรก็ไม่ใช่ผู้หญิงแน่นอน! เฟิ่งจิ่วดูไม่มีความกระมิดกระเมี้ยนเฉกเช่นสตรีเลยแม้แต่น้อย จะเป็นผู้หญิงไปได้อย่างไรกัน? ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดเส้นทางนี้พวกเขาก็ถือว่าสนิทกันระดับหนึ่ง หากเขาเป็นผู้หญิงมีหรือพวกเขาจะแยกไม่ออก?
จอมมารโลหิตไม่สนใจพวกเขา เขาถอยหลังและจ้องเด็กหนุ่มที่กำลังกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความระแวดระวัง ตวาดด้วยความอับอายระคนโกรธแค้น “เป็นถึงภูตหมอเฟิ่งจิ่วกลับปลอมตัวเป็นชายก็แล้วไป แม้แต่หน้าตาก็ยังต้องแปลงโฉม ปลอมตัวจนมีสภาพเช่นนี้ ทำไมเล่า? หรือไม่กล้าสู้หน้าใคร?”
นึกไม่ถึงว่าเขาจะดูไม่ออกว่าเด็กหนุ่มนี่เป็นผู้หญิง แล้วยังคิดจะแย่งร่างอีกฝ่ายมาอีก ไม่อยากคิดว่าหากเขาแย่งร่างได้สำเร็จ ถึงตอนนั้นเขาที่เป็นถึงจอมมารโลหิตกลับเข้าไปอยู่ในร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นไม่อยากคิดว่าจะเป็นอย่างไร!
เพียงแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งอดสูดหายใจด้วยความหวาดเสียวไม่ได้ อีกฝ่ายคือภูตหมอเฟิ่งจิ่ว คนที่แม้แต่ปีศาจจอมมารยังหวั่นเกรง แล้วเขาจะจับคนอย่างนี้มาง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? เขาคิดง่ายเกินไปแล้ว
เฟิ่งจิ่วขยับหมุนดาบคมพยับในมือ ช้อนตามองจอมมารโลหิต กลีบปากเผยอยิ้มที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “นึกไม่ถึงว่าท่านจอมมารโลหิตผู้ยิ่งใหญ่กลับรู้จักข้าด้วย ช่างเป็นเกียรติยิ่ง”
“เหอะ! เฟิ่งจิ่ว ข้ารู้ว่าเป้าหมายของเจ้าคือหานหรง ยามนี้หานหรงตายไป เท่ากับชำระแค้นสำเร็จแล้ว วันนี้ ข้าจะไม่ถือสาเจ้าก็แล้วกัน!” เอ่ยจบ จอมมารโลหิตถอยหลังไปทีละก้าวๆ ขณะเดียวกันก็โบกมือสั่งให้เหล่าผู้ฝึกวิชามารถอยทัพ
เฟิ่งจิ่วมองดูจอมมารโลหิตถอยทัพ กลับไม่ได้ไล่ตามไป เพียงยืนมองอยู่อย่างนั้น ขณะเดียวกัน น้ำเสียงเย็นใสแฝงกลิ่นอายพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งเปล่งออกจากปากของเธอ “ฝากบอกปีศาจจอมมารของเจ้าด้วย สักวันหนึ่ง ข้าจะเหยียบตำหนักมารของพวกเจ้าให้ราบคาบ!”
ได้ยินเสียงนั้น เลือดลมในร่างของจอมมารโลหิตตีขึ้นลำคอ เขาหันกลับมาจ้องเงาร่างสีเขียวด้วยสีหน้าตึงเครียด ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “ตำหนักมารของพวกข้ายินดีต้อนรับเสมอ!”
สิ้นเสียง เหล่าผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นหายวับไปในพริบตา เหลือไว้เพียงกลิ่นคาวเลือดจางๆ ในอากาศ รวมถึงความตกตะลึงและเหนือความคาดหมายของผู้คนรอบข้าง…
ปะ ไปทั้งอย่างนี้เลยหรือ?
ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นที่แม้แต่ฮุ่นหยวนจื่อยังสู้ไม่ได้ ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยว่าพอจำเฟิ่งจิ่วได้ก็หนีไปทั้งอย่างนี้แล้ว?
ทุกคนตะลึงตาค้าง มองเงาร่างสีเขียวตรงหน้าอย่างอึ้งๆ รู้สึกเพียงเหนือความคาดหมาย ภูตหมอเฟิ่งจิ่วผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่? เพียงแค่แสดงกระบี่คมพยับเล่มนั้นให้เห็น และเอ่ยนามภูตหมอเฟิ่งจิ่วออกมา ก็ทำให้พวกผู้ฝึกวิชามารตกใจจนหนีเตลิดไปได้เลยหรือ? หนำซ้ำ ยังทำให้จอมมารโลหิต ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบจอมมารภายใต้อาณัติของปีศาจจอมมารตกใจหนีไปได้ด้วย?
พวกเขาไม่ได้มองผิดไปแน่ใช่หรือไม่?
เวลานี้ เรียกได้ว่าทุกคนรู้สึกตกตะลึงและเหลือเชื่อ พวกเขาไม่เคยพบเจอเรื่องอย่างนี้มาก่อน มันประหลาด และน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว…
อีกอย่าง หากภูตหมอเฟิ่งจิ่วที่จอมมารโลหิตพูดถึงคือเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ อย่างนั้น อย่างนั้นเขาก็คือนาง? เป็นผู้หญิง?
นึกมาถึงตรงนี้ สายตาแปลกประหลาดที่แฝงแววอยากรู้อยากเห็นจับจ้องไปที่เด็กหนุ่ม ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนผู้หญิง…
………………………………….
ตอนที่ 2050 อาจารย์ข้าแซ่ฉู่
ครั้นสัมผัสได้ถึงสายตาของทุกคนที่อยู่ข้างหลัง เฟิ่งจิ่วหันกลับมามองพวกเขา ยามสบกับสายตาฉงนฉงายระคนเลื่อมใส เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงจนใจ “ที่จริงเหตุผลสำคัญที่ข้าเข้ามาในป่าภูเขาไฟก็เพื่อสังหารคนคนนั้น “เธอยกกระบี่คมพยับในมือชี้ไปยังศพของหานหรงที่อยู่บนพื้น
ประโยคเดียว บ่งบอกพวกเขาว่านางไม่ใช่คนของสำนักดาราจักร และไม่ใช่คนของตระกูลไฉด้วยเช่นกัน
ได้ยินอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกฝานอี้ซิว หรือพวกคุณชายรองไฉ ต่างจ้องเธออย่างปากอ้าตาค้าง ตลอดเส้นทางนี้พวกเขานึกว่าเธอเป็นคนของอีกฝ่าย นึกอยู่นาน พวกเขากลับไม่รู้ว่าเธอแฝงตัวเข้ามาตั้งแต่ตอนไหน?
“สะ เสี่ยวจิ่ว จะ เจ้าเป็นผู้หญิงจริงหรือ?” ไฉเฟิงจ้องเธอด้วยสีหน้าแปลกๆ คิดภาพไม่ออกว่าหากเด็กหนุ่มตรงหน้าสวมใส่เสื้อผ้าผู้หญิงจะเป็นอย่างไร?
“อืม ข้าเป็นผู้หญิง” เธอเผยยิ้มจนตาหยี และรอยยิ้มนี้ ไม่มีแววเย่อหยิ่งเจ้าเล่ห์เหมือนตอนสู้กับพวกนั้น มีเพียงความเป็นมิตรเหมือนเด็กสาวข้างบ้านเท่านั้น
“แต่ แต่ว่าเจ้าจะเป็นผู้หญิงไปได้อย่างไร เจ้า…” เขาจ้องมองเธอขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนั้น ชี้ไปที่หน้าอกแบนราบของเฟิ่งจิ่วอยากจะถาม แต่สุดท้ายกลับถามไม่ออกสักคำ
“เจ้าเด็กนี่ ถามอะไรส่งเดช! นางบอกว่าเป็นผู้หญิงก็ต้องเป็นผู้หญิงสิ ยังจะถามอะไรมากมายอีกทำไม?” คุณชายรองไฉตบหัวไฉเฟิง ห้ามไม่ให้เขาถามอะไรไม่เหมาะสมออกไป
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงเช็ดทำความสะอาดกระบี่คมพยับก่อนจะเก็บ ทว่า เงาร่างหนึ่งกลับเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเธอ
“นี่ก็คือกระบี่คมพยับ กระบี่เทวะโบราณหรือ? ให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?” จัวจวินเยวี่ยยืนอยู่ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว สายตาจับจ้องกระบี่ในมือเธอ
ได้ยินแล้วเฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย แต่กลับยังคงยื่นกระบี่คมพยับที่เก็บเข้าฝักให้เขา “มือจับไม่ได้ พลังกระบี่คมพยับจะทำให้บาดเจ็บได้” เธอเตือน
ฮุ่นหยวนจื่อที่อยู่ข้างหลังแปลกใจเล็กน้อย ลอบคิดในใจ จัวจวินเยวี่ยเป็นอะไรไป เหตุใดจึงได้สนอกสนใจกระบี่คมพยับนัก? แม้กระบี่คมพยับจะเป็นกระบี่เทวะโบราณที่แม้แต่เขายังอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง แต่โดยปกติแล้ว หากเป็นกระบี่ของคนอื่น การขอจับส่งเดชกลับดูไม่เหมาะสมนัก
“ขอบใจมาก”
จัวจวินเยวี่ยรับไปก่อนจะชักออกมาดู บนตัวกระบี่สลักคำว่าคมพยับเอาไว้ พลังกระบี่นั่นพรั่นพรึงน่าเกรงขาม แหลมคมยิ่งนัก จ้องมองกระบี่ในมือ สายตาของเขาไหวระริก ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เนิ่นนาน เขายื่นกระบี่คมพยับคืนให้เฟิ่งจิ่ว มองเธอ ก่อนถามว่า “ดาบเล่มนี้เจ้าได้มาได้อย่างไร?”
จัวจวินเยวี่ยไม่ใช่คนที่จะเสียมารยาท แต่คนอย่างนี้กลับกระทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมถึงสองครั้งติดกัน เฟิ่งจิ่วได้ยินคำถามของเขา ก็มองเขาด้วยสายตาลึกซึ้ง
“กระบี่เล่มนี้เดิมเป็นของอาจารย์ของข้า เขาซ่อนกระบี่เล่มนี้ไว้ในสุสานหมื่นกระบี่ ปีนั้นตอนที่ข้ากราบเขาเป็นอาจารย์ เรื่องที่เขาให้ข้าทำเป็นเรื่องที่สองก็คือเข้าไปตามหากระบี่คมพยับในสุสานหมื่นกระบี่ เขาส่งข้าเข้าไปในสุสานหมื่นกระบี่ จากนั้นก็ให้ข้าตามหามันด้วยตนเอง และนำมันออกมา”
ขณะเล่าให้ฟัง เฟิ่งจิ่วเก็บกระบี่คมพยับ มองจัวจวินเยวี่ยแล้วถาม “เจ้าสนใจหรือ?”
จัวจวินเยวี่ยมองเธอ นัยน์ตาลึกซึ้ง คล้ายมีอะไรอยากจะบอก แต่สุดท้ายกลับส่ายหน้า ไม่พูดอะไร
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วจ้องหน้าเขา เอ่ยว่า “อาจารย์ของข้าแซ่ฉู่”
เธอเห็นจัวจวินเยวี่ยหลุบตาต่ำ เก็บซ่อนประกายในสายตา อดสะดุดใจไม่ได้ ก่อนจะยื่นป้ายคำสั่งให้เขา “ภายหน้าหากมีโอกาสก็มาหาข้าได้ที่หอยาสวรรค์ในเมืองร้อยนที”
จัวจวินเยี่ยมองป้ายคำสั่งแผ่นนั้น ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะรับป้ายคำสั่งที่เธอยื่นให้
………………………………….