เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] - ตอนที่ 122
คนในวังต่างแตกตื่น
อย่างไรก็ตาม ซูฉินมาที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ ด้วยท่าทีสบายๆ
ตามจริงแล้วแท่นบูชาเทพธรณีฯ คือสถานที่หวงห้ามมิให้คนทั่วไปเข้ามาใกล้ มันใช้เพื่อบูชาเห ล่าทวยเทพที่ปกปักราชวงศ์ถัง แต่ในเมื่อซูฉินเป็นถึง พี่เขย” ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน ทหารภาย ในวังไยจึงจะกล้าห้ามซูฉินไม่ให้เข้าไปยังแท่นบูชาเทพธรณีฯ เล่า?
“โอกาสลงชื่อเข้าใช้ของวันนี้เพิ่งกลับมาให้ใช้ได้อีกครั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นก็ลงชื่อเข้า ใช้เลยแล้วกัน”
ซูฉันยืนอยู่หน้าแท่นบูชาเทพธรณีฯ พกความหวังเล็กๆ น้อยๆ มาด้วยในใจ
จากประสบการณ์การลงชื่อเข้าใช้หลายต่อหลายครั้ง ซูฉินได้พบว่าแท่นบูชาเทพธรณีฯ ในวังหลวงนี้ควรจะเทียบได้กับ “ลานโพธิ์” ของวัดเส้าหลินซึ่งสามารถลงชื่อเพื่อรับสมบัติที่สามา รถใช้เพิ่มความแข็งแกร่งได้
ตัวอย่างเช่นหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติ
“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
ซูฉินกล่าวเงียบๆ ในใจ
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ โลหิตรู้แจ้ง x3 ]
เสียงจักรกลอันแสนเย็นชาดังขึ้นที่หูของซูฉิน
“โลหิตรู้แจ้ง?”
จิตของซูฉินผสานเข้าไปดูคลังของระบบ ในไม่ช้าเขาก็พบโลหิตรู้แจ้งจํานวนสามหยดที่อยู่ตรงมุมหนึ่ง
โลหิตรู้แจ้งเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่มีความแวววาวสดใสสีคล้ายๆ เลือด
ตามคําอธิบายของระบบ โลหิตรู้แจ้งอันนี้มีผลในการเพิ่มพลังความสามารถและใช้รักษาอากา รบาดเจ็บสาหัสได้
“สิ่งนี้กินได้ไหมนะ?”
ซูฉินกลับไปที่ตําหนักชุนฝั่งขวา นั่งขัดสมาธิและนําโลหิตรู้แจ้งออกมาจากคลังของระบบ
ซูฉินมองไปที่โลหิตรู้แจ้งอย่างระมัดระวัง และพบว่าสิ่งของชิ้นนี้มีลักษณะเป็นของเหลว ใส เมื่อนํามาถือไว้ในมือมันร้อนราวกับท่อเหล็กลนไฟ ร้อนเหมือนหินลาวาหนืด สามารถไหลได้
“มันไม่ใช่เลือด”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยอีก
ช่วงเวลาต่อมา
ซูฉินกลืนโลหิตรู้แจ้งที่อยู่ตรงหน้าของตนเข้าไปตรงๆ
“เปรี้ยวๆ หวานๆ รสชาติดีกว่าโอสถพวกนั้นเยอะเลย…”
ซูฉินลองเคี้ยวโลหิตรู้แจ้งอยู่สองสามครั้ง รู้สึกเหมือนกําลังกินสิ่งที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ก่อนจะเอ่ยออกมา
ในที่สุดน้ําหวานจากโลหิตรู้แจ้งก็กลายเป็นหยาดน้ําร้อนพุ่งไปตามแขนและขาของซูฉิน
“ไม่เลวไม่เลว”
“มันคล้ายคลึงกับหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติ”
ซูฉินรับความรู้สึกอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วคิดใคร่ครวญในใจ
ด้วยพลังที่โลหิตรู้แจ้งมอบให้ซูฉินมานั้นเทียบเท่ากับหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติหยดเดียว
นอกจากนั้นสิ่งที่แตกต่างระหว่างหยดน้ําจิตวิญญาณธรรมชาติกับโลหิตรู้แจ้งก็คือมันสดชื่น
ส่วนผลอื่นๆ ของโลหิตรู้แจ้งก็คือช่วยรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส..
ซูฉินไม่สามารถรับรู้สิ่งนั้นได้ เนื่องจากร่างกายของซูฉินได้รับการเปลี่ยนแปลงมาถึงสี่ครั้งใน ตอนนี้ และเขาก็เข้าสู่ขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สี่แล้ว ทั้งพลังกายและระดับพลังต่างอยู่ใน จุดสูงสุดเสมอ แม้ร่างกายจะได้รับบาดเจ็บมันก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นผลของโลหิตรู้แจ้ งนั้นไม่จําเป็นสําหรับเขาเลย
“ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องทําให้ข้าประหลาดใจได้ในการลงชื่อเข้าใช้ครั้งนี้ด้วยแฮะ”
“ดูเหมือนว่าข้าควรจะมาลงชื่อเข้าใช้ที่แท่นบูชาเทพธรณีฯ ให้บ่อยขึ้นเสียหน่อยในอนาคต”
ความคิดของซูฉินพลิกผันไปมา
ก่อนหน้านี้ หลังจากที่อยู่ภายในวังมาหนึ่งปีเขาก็ลงชื่อเข้าใช้ภายในวังจนครบทุกที่ และมีมาก กว่าสิบแห่งที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ําได้
ในหมู่สถานที่ดังกล่าว แท่นบูชาเทพธรณีฯ คือหนึ่งในนั้น
ขณะที่ซูฉินลงชื่อเข้าใช้อย่างเงียบๆ อยู่ภายในวัง
เมืองฉางอันก็คราคร่ําไปด้วยเหล่ามัจฉาและมังกรภายในเวลาไม่นาน ไม่รู้ว่ามียอดยุทธกี่คนต่ อกี่คนมารวมตัวกันที่นี่เพราะต้องการเป็นสักขีพยานในการต่อสู้กันระหว่างสองยอดปรมาจารย์แห่ งกระบีผู้ยิ่งใหญ่
รู้หรือไม่ว่าเรื่องที่ยอดปรมาจารย์จากเมืองไป๋หยุน เย่กู้เฉิงจะประลองกับซีเหมินชุยเฉว ภายในพระราชวังถึงได้แพร่กระจายออกไปทั่วดินแดนแล้ว
เป็นเรื่องยากมากที่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งจะมาต่อสู้กัน นับประสาอะไรกับยอดปร มาจารย์ขั้นสูงสุด
ในเมื่อมีโอกาส ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธกี่คนกันที่ถูกดึงดูดด้วยข่าวนี้
ภายในโรงเตี้ยมขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ณ เมืองฉางอัน
จอมยุทธจํานวนมากจากทุกสารทิศกําลังนั่งดื่มกินรับประทานอาหารและสนทนากัน
“เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองไป๋หยุนหรือยอดยุทธซีเหมินใครที่แข็งแกร่งกว่ากัน?” ชายร่างผอมเอ่ยถาม
“ยากที่จะพูด”
ชายชราอีกคนส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ไม่ว่าจะเจ้าเมืองไป๋หยุนหรือซีเหมินชุยเฉว่ ทั้งคู่ต่า งก็เป็นยอดปรมาจารย์กระบี่ที่เก่งกาจที่สุด ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครออกดาบ ได้รวดเร็วกว่ากัน”
คําที่กล่าวออกมา
คนอื่นๆ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
หากจะกล่าวถึงสองยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด การจะดวลเพื่อผลแพ้ชนะนั้น ย่อมต้องอาศัยกา รออกกระบวนท่าและกลเม็ดเคล็ดลับนับร้อยกระบวน หรืออาจจะมากกว่านั้น
แต่ในกรณีของเยู่เฉิงและซีเหมินชุยเฉว่อาจจะออกกระบวนท่าเพียงไม่กี่ครั้ง
เนื่องจากยอดฝีมือกระบี่มักจะเก่งกาจในด้านการจู่โจม ชีวิตและความตายอาจจะตัดสินกันได้ ในกระบวนท่าเดียว
หยุดการต่อสู้ด้วยความตาย
หยุดไม่ได้ก็คือตาย
“ตามข่าวลือที่ได้ยินมา เมื่อสองปีที่แล้วมียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดสองคนตกตายอยู่นอกวัง หลวง ตอนนี้เยู่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวจะมาต่อสู้กันอีก อาณาจักรถังกําลังจะได้นั่งเฉยๆ แล้วเก็บ เกี่ยวผลประโยชน์อีกครั้ง”
ชายร่างผอมที่เริ่มพูดออกมา ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จากนั้นจึงลดเสียงให้เบาลง
“ฮ่าฮ่า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชายชราก็ยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้าคงไม่คิดว่าจะมีตํานานยุทธอยู่ภายในพ ระราชวังถึงหรอกใช่ไหม?”
“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดจริงๆ”
ชายร่างผอมพยักหน้าแล้วจึงกล่าวคํา
รู้หรือไม่ว่าการเอาชนะยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดกับการสังหารยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด เป็นคนละเรื่องกัน
ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมหนีไปเป็นธรรมดาหากมีข้อผิดพ ลาดเกิดขึ้นในการต่อสู้
ยิ่งไปกว่านั้นคือมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดได้สิ้นชื่ออยู่ที่ด้านหน้าพระ ราชวังดังในเวลานั้น
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว”
ชายชราส่ายหัวแล้วพูดว่า “ตํานานยุทธจะมีอยู่สักกี่คนกันเชียวบนโลกนี้ ถ้าอาณาจักรถังมีตํา นานยุทธจริง ข้าเกรงว่าป่านนี้คงจะออกมาปาวประกาศไปนานแล้ว จะเงียบเฉยมาจนถึงตอนนี้ได้ อย่างไร?”
ชายชราพูดออกมาเช่นนั้น
จอมยุทธที่อยู่โดยรอบก็คิดตาม
ก็จริง
หากมีตํานานยุทธอยู่เบื้องหลังอาณาจักรถังจริงๆ อาณาจักรถังก็ควรจะรวมอาณาจักรให้ เป็นหนึ่งเดียวไปแล้ว
“แล้วเรื่องที่ยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดที่ตกตายอยู่นอกวัง เรื่องนี้จะอธิบายอย่างไร?” ชายร่าง ผอมดูยังไม่เข้าใจนัก จึงถามออกมา
“เรื่องนี้ง่ายมาก”
ชายชรากล่าวด้วยน้ําเสียงที่สงบนิ่ง “ตั้งแต่ที่จักรพรรดิพระองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์เมื่อสองปี ก่อน จ้าวกงกงก็ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นภายในวังอีกเลย”
“ตอนนี้หลายๆ คนคงคาดเดาแล้วว่าจ้าวกงกงเป็นคนที่หยุดยั้งราชาหรูหยางและอินจิ๋วฝูด้วย การเผาแก่นพลังของตนเข้าน้ํานั่นจนตกตายไปพร้อมกันทุกคน”
“แต่แน่นอนว่ามันอาจจะเป็นเพราะเหตุการณ์อื่นก็ได้”
“แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉว่กระทําการเช่นนี้ ตราบใดที่ไม่มีสัตว์ประหลา ดอย่างเช่นตํานานยุทธอยู่ภายในพระราชวังถัง พวกนั้นก็คงไม่เกรงกลัวหรอก”
ชายชรากล่าวคําช้าๆ
“เป็นเช่นนั้นเองสินะ”
ชายร่างผอมก็ค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น
ภายในพระราชวังถัง
จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร
“ฝ่าบาท มีจอมยุทธมากมายเข้ามาในเมืองฉางอัน ต้องการให้ขุนนางไปขับไล่พวกเขาหรือ ไม่?”
แม่ทัพใหญ่ ขุนนางระดับสูง โค้งคํานับก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ไม่จําเป็น
หลี่เชิงจักรพรรดิพระองค์ใหม่ครุ่นคิดสักพักแล้วจึงส่ายศีรษะ
กองกําลังของอาณาจักรถังควรจะถูกใช้สําหรับจัดการเรื่องราวในคืนพระจันทร์เต็มดวง สําห รับเหล่าจอมยุทธที่มารวมตัวกันภายในเมืองฉางอัน ไม่คุ้มค่าที่จะเสียกําลังพล
หากอาณาจักรถังสามารถปิดกั้นเย่กู้เฉิงและซีเหมินชุยเฉวไม่ให้เข้ามาได้ จอมยุทธเหล่านั้นก็ จะไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายไปตามธรรมชาติ หากอาณาจักรถังไม่สามารถหยุดยั้งเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็ไม่มีความหมายที่จะไล่จอมยุทธพวกนั้นไปอยู่ดี
“การจัดกระบวนทัพเป็นอย่างไรบ้าง?”
จักรพรรดิพระองค์ใหม่อย่างหลี่เชิงตรัสถามด้วยน้ําเสียงทุ่มลุ่มลึก
“รายงานฝ่าบาท กองกําลังได้ตรึงกําลังพลรอคําสั่งอยู่นอกเมืองแล้ว เพียงพระองค์ออกคําสั่ งก็จะเคลื่อนพลได้ทันที
ขุนนางระดับสูงจากสภากลาโหมกล่าวด้วยความเคารพ
“เยี่ยมมาก”
จักรพรรดิหลี่เชิงพยักหน้าเล็กน้อย ความคิดของเขาล่องลอยออกไป ไม่มีใครรู้ว่ากําลังคิด อะไรอยู่