เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ - ตอนที่ 30 ภูตแห่งแสงที่แท้จริง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่พร้อมอาชีพสุดเทพเหรอ ความจริงคือมาพร้อมโชคเฉยๆ น่ะ
- ตอนที่ 30 ภูตแห่งแสงที่แท้จริง
บทที่ 30 – ภูตแห่งแสง?ที่แท้จริง
ฉันมีชื่อว่าโรซาเรีย.. พึ่งกลับมามีบทอีกครั้งหลังจากผ่านมานานพอสมควร เพราะเหมือนว่าคนเขียนเขาจะหัวตันคิดมุกไม่ออกหรืออะไรก็ไม่ทราบได้
ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่ในที่สุดฉันก็ได้เวลากลับมาเฉิดฉายแล้วล่ะน—
“เมื่อกี้เธอบอกว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่า.. ฉันเป็นตัวแทนของแสงสว่าง มาขอร้องให้ท่านโรซาเรียออกจากที่นี่ทีเถอะ ขืนท่านยังอยู่ที่นี่ต่อไปทั้งไทม์จังและสเปซจังจะต้องทำงานหนักขึ้น”
ดูเหมือนแสงสว่างจะไม่ได้อยากจะสาดส่องมาที่ฉันวะอย่างนั้นล่ะ.. ฉันมองไปยังสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า
ถึงฉันจะตัวน้อยกว่าเธอก็เถอะ แต่ถ้านับตามหลักแล้วเธอก็เป็นเด็กเหมือนกัน ผมของเธอมีสีขาวเรือนแสงอยู่ตลอดเวลา
ขนตาก็เป็นสีขาว เหมือนกับภูตน้อยในนิทานเลยล่ะ ดวงตาของเธอเองก็เป็นสีขาวที่งดงามแปลกตา ภายในนัยน์ตาสีขาวมีสัญลักษณ์ของวงแหวนสีทองแปลกตา
ถ้าอยู่ในอนิเมะ.. ดีไซน์ของเจ้าตัวบอกเลยว่าโคตรจะสุดเลย เธอสวมชุด ไม่สิ แทนที่จะบอกว่าเป็นชุด ต้องบอกว่าเป็นเหมือนเศษผ้าคลุมตัว
และมีผ้ามัดตรงไหล่สองข้าง เพื่อไม่ให้ชุดหลุดออกจากร่างกายของเธอ… แม้ชุดจะเป็นเหมือนชุดของทาสที่เคยเห็นในหนัง
แต่มันไม่สกปรกหรือดูยาจกเลย.. เอาจริง เด็กคนนี้อาจจะมีพรสวรรค์ในการใส่ผ้าขาดรุ่ยให้ดูเป็นคนมีเงินก็ได้
“แสงสว่าง..? .. ไทม์กับสเปซ.. เรื่องไรเนี่ย?”
แต่ถึงแบบนั้นฉันคิดว่าฉันน่าจะสวยกว่าเธอ เลยกล้ายืดอกคุยด้วยแบบต่อหน้า พร้อมกับถามทุกอย่างเพราะสิ่งที่น้องเขาพูดฉันไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ท่านโรซาเรียไม่ต้องทำเป็นไขสือไปหรอกค่ะ ที่นี่เองก็มีแต่พวกเราด้วย”
พอเธอพูดแบบนั้นโรซาเรียก็รู้สึกตัวอีกครั้ง ก็พบว่ารอบๆ มีแต่แสงสว่างเต็มไปหมดเลย ทั้งที่ตอนแรกเธออยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆ
กำลังชื่นชมความงดงามของดอกไม้ในกระจกอยู่เลย จู่ๆ เด็กคนนี้ก็เข้ามาแต่ไหนไม่รู้ พอรู้สึกตัวอีกทีก็พามาที่แปลกๆ อีกแล้วเนี่ยสิ
อุตส่าห์ดีใจว่านับตั้งแต่เหตุการณ์ลุยดันเจี้ยนอะไรนั่นก็ไม่มีปัญหาอะไรมาถึงตัวเองอีกเป็นสัปดาห์แล้ว
แต่…ก็นั่นสินะ ชีวิตฉันมันจะไปมีความสุขได้ไงล่ะ
“ก่อนอื่นเลยนะ.. เธอเป็นใครเหรอ?”
ฉันพยายามทำตัวให้ชินกับโลกนี้เอาไว้พร้อมกับถามชื่อ
“นะ.. นั่นสินะ ขอโทษด้วย ฉันไม่เคยคุยกับคนอื่นมาก่อน ต้องแนะนำตัวงั้นสินะ ฉันมีชื่อว่าลุสจัง”
“อย่าแนะนำตัวเองโดยเติมคำว่าจัง ไปด้วยสิมันดูแปลกไม่ใช่หรือไง?”
“เอ้ะ เป็นงั้นเหรอ แต่ลุสมันสั้นไปอะค่ะ ฉันอุตส่าห์ตั้งชื่อสวยๆ ได้แล้วแท้ๆ”
“ไม่สิ ถ้าเป็นคนตั้งเองแล้วจะตั้งให้สั้นแต่แรกทำไมล่ะ”
“ไลท์กับลุส ท่านโรซาเรียคิดว่าอันไหนดีกว่ากันล่ะ”
“เอ่อ..ก็คงลุสนั่นแหละนะ”
“ใช่ไหมล่ะคะ ไลท์นั่นมันเชยสะบัดเลยใช่ไหมคะ เหมือนสเปซจังกับไทม์จังที่ตั้งชื่อมักง่ายกันทั้งคู่นั่นแหละ ฉันไม่เหมือนหรอกนะ”
ขอโทษคนที่ชื่อไลท์ในโลกนี้หรือโลกเก่าทุกคนด้วย ฉันกับสาวน้อยคนนี้ยังเด็กทั้งคู่ การจะเลือกพูดอะไรตามใจตัวเองมันเป็นเรื่องปกติใช่ไหมล่ะ!
“ไม่สิ ฉันสับสนมาสักพักแล้ว ทั้งไลท์ ทั้งสเปซ ทั้งไทม์ นี่มันคืออะไร?”
พอได้ยินฉันถามแบบนั้น สาวน้อยชื่อลุสจังก็ทำสีหน้าแปลกๆ แล้วก็มองฉัน
“ถามอะไรแปลกๆ ละคะ.. ก็หมายถึงแสง พื้นที่และเวลาไงคะ”
“เอ่อ.. ไอ้การตอบคำเดิมซ้ำมันไม่ได้เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมอะไรหรอกนะ”
“อ้ะ.. แบบนี้นี่เอง”
จู่ๆ ลุสจังก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างกะทันหัน ฉันที่สัมผัสถึงสิ่งนั้นได้ก็รู้ทันทีว่า.. ไอ้นี่มันธงเข้าใจผิดชัดๆ
แต่ปกติแล้วเวลาเข้าใจอะไรผิด ฉันก็พอจะตามเรื่องที่คุยทันอยู่บ้าง เลยพอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดเรื่องอะไร
แต่รั้งนี้ไม่มีข้อมูลใดอยู่ในสารระบบสมองฉันเลยเนี่ยสิ..! หรือก็ไม่มีวิธีรับมือ!
“ท่านโรซาเรียกำลังคิดว่าฉันกำลังล้อเล่นสินะคะ.. นั่นสินะ มาปรากฏตัวในรูปลักษณ์แบบนี้ การที่จะไม่พูดมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสินะ”
“หรืออาจจะเป็นเพราะท่านโรซาเรียกำลังพิสูจน์ฉันอยู่?”
“นั่นสินะ เข้าใจแล้วค่ะ!”
อืม.. อย่างน้อยก็ไม่ได้เข้าใจผิดเตลิดไปเรื่อยเหมือนคนอื่นๆ ที่ผ่านมาแล้วกันนะ อีกอย่างไอ้มาแบบนี้หล่อนคงจะอธิบายทุกอย่างให้ฉันฟังชัวร์ๆ เลย
แบบนั้นก็ดีด้วย.. คุยไม่รู้เรื่องกันต่อไปมีแต่เสียเวลาเปล่าๆ นี่นะ
“ฉันคือ—”
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพร้อมประตูที่ถูกเปิดออก เพราะฉันไม่ได้ล็อคประตูเอาไว้ ตามมาด้วยเสียงของเมอร์ลิน
“ท่านแม่ คุยกับใครอยู่เหรอคะ?”
แต่ทันทีที่ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ร่างของสาวน้อยลุสจังก็กลายเป็นลำแสงพร้อมกับเคลื่อนที่ผ่านอากาศหายวับไปด้วยความเร็วของแสง
เอ่อ ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ เธอกลายเป็นแสงสว่างจ้าและพุ่งออกไปทางหน้าต่างแทบจะทันที เอาเข้าจริง ความเร็วของเธอมันเร็วเกินกว่าฉันจะมองทันแน่ๆ
แต่อาจจะเพราะเธอส่องแสงออกมาเลยเห็นเป็นแสงกะพริบว้าบผ่านไปอย่างรวดเร็วหรือเปล่ามั้ง
“เอ้ะ เมื่อกี้ท่านแม่…คุยกับแสงสว่างนั่นเหรอคะ?”
“ไม่สิ นั่นจะเป็นไปได้ยังไง ท่านแม่ไม่ได้บ้าสักหน่อย”
เมอร์ลินเหมือนเริ่มเถียงกับตัวเองซะอย่างนั้น แถมเหมือนจะโยงไปหาเรื่องฉันเป็นบ้าเฉยเลยด้วย แน่นอนว่าเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง
ฉันจึงเปิดปากอธิบายว่า
“เมื่อกี้ไม่ใช่แสงนะ แต่เป็นมนุษย์เรือนแสง”
ก็นะ เท่าที่ฉันดูเหมือนเธอจะเลือนแสงอยู่ตลอดเวลาด้วย ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าคืออะไร แต่นี่โลกแฟนตาซีนี่นะ
“มนุษย์เรือนแสงเหรอคะ …?”
ในขณะที่ฉันกำลังจะตอบว่าใช่ ดวงตาของเมอร์ลินก็เบิกกว้างขึ้น ทันทีที่เห็นแบบนั้นฉันก็คิ้วกระตุกทันที
ปฏิกิริยาตอบสนองฉันทำงาน ทว่ามันก็ยังช้าเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าเมอร์ลินแม่มดเฒ่าอายุหลักร้อยปีอย่างเมอร์ลิน
“ถ้าพูดถึงสิ่งมีชีวิตที่เหมือนมนุษย์และเรือนแสงแถมยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสงแบบนั้นได้…. ก็มีแค่ภูตแห่งแสงเท่านั้นไม่ใช่หรือไงคะ?”
“ไม่สิ.. แต่ว่าภูตทั้งปวงน่าจะหายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่างภูตแห่งแสงค่อนข้างมีนิสัยที่แปลกจากภูตตนอื่นแทบเป็นไปได้เลยที่นางจะปรากฏตัว”
“อีกอย่าง ภูตจะไม่สื่อสารกับสิ่งมีชีวิตใดๆ บนโลก…”
เจ้าตัวเริ่มพึมพำราวกับเหมือนคนบ้า.. ผู้หญิงคนนี้นับวันยิ่งน่ากลัวแฮะ คงไม่มีแบบจู่ๆ วันดีคืนดีจับฉันไปทดลองเล่นหรอกนะ
“แบบนี้นี่เอง! ท่านแม่..ภูตตนนั้นน่าจะต้องการทำสัญญากับท่านแม่ก็ได้นะ”
ก่อนที่มันจะไปไกลกว่านี้ฉันดึงกลับมาดีกว่า..
“เอ่อ.. แทนที่จะบอกว่าต้องการทำสัญญา ต้องบอกว่ามันตรงกันข้ามมากกว่านะ”
ฉันหัวเราะแห้งๆ เพราะเจ้าตัวมาไล่ให้ฉันออกไปจากที่นี่.. แต่ที่พูดไปเมื่อกี้คำพูดฉันค่อนข้างกำกวมเลยรีบพูดอีกคำว่า
“ที่หมายถึงตรงข้ามนี่คือ เจ้าตัวบอกอยากให้ฉันหายไปนะ”
“ให้ท่านแม่หายไป…. ระ.. หรือว่า!”
“อะไรอีก..”
เมอร์ลินที่ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างทันที ฉันได้แต่ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ เอาจริงเมอร์ลินนี่รับมือยากสุดแล้ว
เพราะเธอมีอายุเยอะหลายร้อยปี ข้อมูลในสมองเธอเลยมีเยอะ เป็นตุเป็นตะได้ไม่หมดไม่สิ้น ทำให้ฉันเองก็ไม่รู้จะรับมือกับเธอยังไง
ในขณะที่ถอดถอนใจอยู่นั้นเอง
“ท่านแม่.. ตามที่ท่านแม่พูดภูตแห่งแสงอยากจะให้หายไปไม่ผิดใช่ไหม?”
“…เอ่อ.. ฉัน”
“ภัยพิบัติกำลังใกล้เข้ามา!”
เจ้าตัวพูดแบบนั้นแล้วก็รีบออกห้องไป ก่อนกล่าวทิ้งท้ายว่า
“ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้กับราชาทราบโดยไวที่สุด..”
“บ้าเอ้ย.. ในเวลาที่สงครามใกล้จะปะทุอยู่แล้วแบบนี้นี่!”
เจ้าตัวบ่นพึมพำคนเดียวพร้อมกับจากไปทิ้งให้ฉันยืนงงอยู่ด้านหลัง.. ฉันทิ้งตัวลงบนเก้าอี้คอตกอย่างเหนื่อยล้า
ถ้าจินตนาการฉันเป็นจริงในตอนนี้คงมีเสียงระฆัง Knock out ดังขึ้นไปแล้ว
สรุปเมื่อกี้ถ้าปล่อยให้คำพูดดูคลุมเครือน่าจะดีกว่างั้นสินะ ตามไม่ทันเลยสักทีนะ คนบนโลกนี้เนี่ย…..
…….เฮ้อ เหนื่อยว่ะ
……….
[นิยายรายเดือนมีอยู่จริง ขอโทษท่านผู้อ่านทุกท่านจริงๆ ครับ.. ผมคิดมุกไม่ออกเลย เอาจริงๆ ลุสจังผมวางแพลนไว้จะกล่าวถึงช่วงเริ่มสงครามแล้วนะ แต่หัวมันตันนึกมุกไม่ออกก็เลยเอามุกในอนาคตมาเล่นครับ ฮา.. เผื่อยังไม่รู้คือเรื่องนี้อย่างที่บอกผมเขียนโดยยัดแค่ความกาวเขามาเลย แบบช่างหัวมันเรื่องเนื้อเรื่อง จะเอาแค่มุก ซึ่งผมเคยพูดลงเพจไปแล้วแหละว่า เรื่องนี้ผมไม่ได้วางมุกไว้เลย แบบคิดอะไรออกก็เขียนมาเลยอะครับ ปมก็มีแค่ปมหลักในเรื่องที่วางไว้ เพราะงั้นบางทีมันตันมุกก็เลยเขียนไม่ออกแบบนี้แหละ ตอนนี้ผมเขียนแก้ใหม่อยู่หลายรอบเลย แต่มุกมันฝืด จริงๆ ก็ฝืดมาตั้งแต่ช่วงนางเอกลงดันแล้วแหละ .. ผมเลยแก้ใหม่อยู่หลายรอบเลย.. ใดๆ คือกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จะพยายามงอกตอนใหม่ให้บ่อยกว่านี้ครับ – ผู้เขียน]