อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 54 เฝ้าระวังและจู่โจม
ฤดูร้อนได้เข้ามาอย่างเต็มตัวแล้ว อากาศก็เริ่มร้อนกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
วันนี้ฉันหยุดทำงานและเดินทางมายังบริษัทKANEZAKIซึ่งพี่ทำงานอยู่
「วันนี้ฉันมีภารกิจสำคัญจะมอบให้พวกเธอ!!」
เรมะได้พูดขึ้นหลักเรียกฉันเข้าไปในห้องประชุม
ส่วนพวกจัสติสครูเซเดอร์ มีแค่คิราระอยู่เพียงคนเดียว เหมือนว่าอาโออิและอากาเนะจะไม่ว่าง
「……คนอื่นหายไปไหนหมดกัน!?」
「อากาเนะติดเรียนภาคฤดูร้อน ส่วนอาโออิจะตามมาทีหลังน่ะ」
「ฉันละไม่เข้าใจจิตสำนึกในการเป็นฮีโร่ของพวกเธอจริงๆ!! พวกโหลยโท่ย!!」
เระมะบ่นใส่คิราระก่อนจะมองมาทางฉัน
「ัคัตสึกิคุง กับอัลฟ่ายังรับผิดชอบเดี๋ยว….」
「ถ้าอัลฟ่าละก็เหมือนจะเป็นลมแดดน่ะ เลยให้ไปพักกับพี่ฮาคัวก่อน……」
『อะ อึกปวดหัวจัง』
『อัลฟ่า อ่อนแอ』
『เงียบไปเลยโปรโต……』
『รีบไปนอนพักได้แล้ว』
ท่าทางจะไม่คุ้นเคยกับความรุนแรงของแดดหน้าร้อน
ฉันก็เลยพาเธอไปพักอยู่ในห้องพยาบาลกับพี่แทน แล้วบอกว่าดีขึ้นจะตามมาทีหลัง
「เฮ้อ ช่วยไม่ได้….……」
「ทำไมเหมือนคัตสึกิคุงกับฉันถูกปฏิบัติต่างกันเกินไปบ่นิ…?!」
「หะรุบปาก! ……เมื่อเหลือกันแค่สองก็เอาแค่สองนี่แหละ」
เรมะนั่งลงบนโต๊ะแล้วเอานิ้วประสานหากันจ้องหาพวกฉัน
บรรยากาศที่ดูจริงจังนี่มันอะไรกัน
「โอโมริคุงทำตัวแปลกๆไป」
「「แปลก?」」
โอโมริซังเนี่ยนะ?
เรมะพยักหน้ารับ ส่วนคิราระเอียงหัวสงสัย
「จะว่ายังไงดีล่ะ ช่วงนี้เธอทำงานได้ดีเกินไป….คือเมื่อก่อนก็ดูเป็นคนประหลาดที่สามารถทำหลายๆอย่างได้ดีนะ แต่ตอนนี้มันเหมือนเป็นพนักงานสาวผู้สามารถเกินไปน่ะสิ..……」
「บ่หยาบคายไปหน่อยเหรอ?」
「รู้สึกเศร้าใจแทนโอโมริซังจริงๆ……」
ในมุมของประธานมันแปลกมากสินะ?
「ดังนั้นฉันเลยอยากจะให้พวกเธอตรวจสอบเบื้องหลังเรื่องนี้สักหน่อย!!」
「แล้วทำไมประธานบ่ทำเองเด้」
「เหมือนฉันจะถูกหลบหน้าด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างน่ะ」
「โดนเกลียดขี้หน้าแหง」
「ไม่ใช่เฟ้ย!!!」
「สิ้นหวังแล้วเด้ อิตานี่」
มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับโอโมริซัง….
「สองวันก่อนผมได้ขนมมาจากโอโมริซังด้วย…ก็เลยมีโอกาสแลกเบอร์ติดต่ออะไรกันนิดหน่อย」
「ยัยติ่งโทคุนี่เหลือจะเชื่อ!!」
「เรมะ!?」
「คัตสึกิคุง บ่มีไผบอกเหรอว่าอย่ารับของจากคนแปลกหน้าน่ะ」
「แต่นั่นมันโอโมริซังนะ?!」
เรมะกับคิราระพูดอะไรแปลกๆออกมาวะงั้น
สองคนนี่เป็นอะไรของเขา?!
หรือความร้อนมันทำให้สมองไหลไปแล้ว!?
「หลังจากได้ขนมช่วงบ่ายผมก็ตั้งใจจะไปขอบคุณเธอ แต่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีนิดหน่อย」
「โอโมริคุงก็อารมณ์เสียประจำอยู่แล้วไหม?」
「ก็แค่ต่อหน้าประธานแหละเด้」
「หล่อนอยากเห็นผู้ใหญ่ร้องไห้หรือไงฟะ? 」
ฉันพูดต่อหลังประธานกับคิราระพูดกวนเท้าใส่กัน
「ทว่าพอถึงช่วงพัก ผมก็เอาขนมที่เธอให้มา มาทานด้วยกันแล้วอยู่ดีๆเธอก็อารมณ์ดีขึ้นมาจนน่าแปลกใจ สงสัยจะจัดการกับปัญหาระหว่างนั้นได้แล้วมั้งครับ
」
โอโมริซังนั้นเป็นคนที่ใจดีกับฉันตั้งแต่มาที่นี่
ดังนั้นเรื่องในคราวนี้ฉันก็อยากจะช่วยเธอบ้าง
「แต่อย่างน้อยก็มั่นใจว่าเธอไม่น่าจะมีคนรักอะไรกับเขาแน่นอน」
「เอ๋ ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ?」
「บางเรื่องนายก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก」
ไม่เข้าใจที่เขาพูดเลย
แต่เอาเป็นว่าวันนี้ฉันกับคิราระก็ตัดสินใจไปสืบพฤติกรรมแปลกๆของโอโมริซัง
อันที่จริงเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะรู้ได้เลยภายในวันสองวันสักหน่อย เรมะเข้าใจคำขอของตัวเองไหมนะ?
หลังออกมาจากห้องประชุม ฉันกับคิราระก็ตรงไปห้องทำงานที่พวกโอโมริซังกับคนอื่นๆอยู่
พอไปถึงกลับไม่เจอเธอ ฉันก็เลยลองไปถามความคิดเห็นของพวกคนอื่นๆในห้องดู
『โอโมริอ่ะเหรอ พักนี้ก็เปลี่ยนไปหน่อยๆ จะว่ายังไงดีล่ะ ทำงานได้ดีขึ้นผิดหูผิดตา』
『ระหว่างทำงานก็มักจะกินของหวานไปด้วย』
『แม้จะโดนงานโถมเข้ามาเหมือนกัน แต่โอโมริกลับรับมือได้ดีจนผิดปกติ』
『เธอก็ทำงานได้ดีตามปกติ ดังนั้นก็เลยไม่ได้สนใจอะไร』
ดูเหมือนหลายคนก็แอบคิดว่าโอโมริซังดูแปลกๆไป
ฉันค่อยๆจดข้อมูลที่ได้จากแต่ละคนลงโน๊ต
「จะว่าไป พักนี้ฉันรู้สึกว่าเธอกลายเป็นคนสองบุคลิกแปลกๆ」
「สองบุคลิก? ยังไงเหรอครับ?」
「คือว่าโอโมริที่ฉันไปดื่มกาแฟด้วยคราวก่อนน่ะ ดูจะมีบุคลิกที่สงบเยือกเย็นเกินไป แถมยังสั่งนั่นนี่มาเต็มโต๊ะไปหมดจนคิดว่าเธอยัดหมดจริงเหรอ」
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของเขา หรือจะเป็นช่วงกำลังเจริญอาหารนะ
สองบุคลิกงั้นเหรอ…..
ไม่สิ อาจจะเป็นเอเลี่ยนก็ได้…?
หากพวกมันคิดจะเคลื่อนไหวเข้ามาภายในโลก เรื่องนี้ก็ตัดออกไม่ได้
「เอาเถอะ นี่คัตสึกิคุง ตอนนี้ฉันดูแลโปรเจ็คพัฒนาสินค้าของอัศวินขาวอย่างเป็นทางการอยู่――」
「เอ๋?」
「แต่ตอนนี้เรายุ่งอยู่ ดังนั้นเดี๋ยวค่อยมาคุยกันต่อเนอะ」
ในขณะที่ฉันสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่าย คิราระก็ดึงแขนฉันออกจากตรงนั้น
อะไรกัน……?
「ที่บอกว่าพัฒนาสินค้านั่นมัน?」
「ก็แบบว่า….เหมือนจะมีหลายคนต้องการสินค้าเกี่ยวกับคัตสึกิคุงน่ะ….」
「มันจะมีใคร…อึก!」
ฉันเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นเงาปริศนากำลังเดินเข้ามาภายในห้อง ฉันจึงดึงมือคิราระเบาๆแล้วพาเธอไปซ่อนอยู่ใต้โต๊ะใกล้ๆ
「ดะดะดะดะเดี๋ยวสิ?!」
「ชู่ว โอโมริซังกำลังมา เงียบก่อน」
ไม่รู้ทำไมเธอถึงหน้าแดง แต่สักพักเธอก็ตั้งสติแล้วหันไปมองโอโมริซังที่เข้ามา
เธอหาวขณะเดินไปตรงโต๊ะทำงานตัวเองแล้วเริ่มปั่นงานที่ค้างอยู่
「ดูตั้งใจทำงานดีเน้อ……」
「นั่นสิ……」
ฉันเฝ้ามองจากมุมมืด
เธอทำงานอย่างขันแข็งอยู่ตรงหน้าคอม และไม่มีอะไรผิดปกติเลย
「พอทำแบบนี้แล้วรู้สึกเหมือนกำลังเล่นหนังสายลับเลยแฮะ!!」
「เรื่องไหนหว่า?」
「spy kids」
「เหนือคาดเหมือนกันเด้?! หนังก่อนพวกเราเกิดอีกนิ?!」
เป็นเรื่องที่ฉันคิดว่าสนุกดี
หลังพวกเราเฝ้ามองดูโอโมริซังทำงานอย่างจริงจังสักพัก…
「ดูเหมือนจะไม่มีอะรผิดปกติเลย หรือพูดให้ถูกคือสิ่งที่พวกเราทำตอนนี้ต่างหากผิดปกติ」
「……นั่นสิเด้」
เพราะถูกเรมะขอมาก็เลยลองมาตามสืบเรื่องของโอโมริซังดู….
ใจจริงของเรมะก็คงห่วงเธอไม่น้อย….
……รึเปล่านะ?
「ท่าทางจะชอบหันไปดูเวลาบ่อยแฮะ」
「อาการหงุดหงิดก็เริ่มออกมาให้เห็นละเด้」
เธอมักจะหันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะบ่อยๆ
ในขณะที่ฉันสงสัยอยู่นั้นเอง เสียงนาฬิกาก็ดังขึ้นราวกับเป็นเสียงเตือน
จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นแล้วกดหยุดเสียงก่อนจะหยิบบางอย่างในกระเป๋าออกมาแล้วมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่งด้วยความเร่งรีบผิดปกติ
「เอ๋ โอโมริซัง!?」
「จะไปไหนกันน่ะ!?」
พนักงานที่นั่งอยู่ใกล้ๆพูดขึ้น ฉันกับคิราระเองก็ประหลาดใจกับการกระทำของเธอ
「ก็มันเที่ยงแล้วนะ ช่วงนี้ฉันปรับเวลากินข้าวให้เร็วขึ้นน่ะ」
「จะว่าไปก็พักเที่ยงแล้วนี่หว่า……」
「งั้นก็ไปกินข้าวเถอะ……」
แค่หิวเท่านั้นเหรอ?
อะไรสักอย่างมันเตือนฉันว่านี่ไม่ใช่โอโมริซังที่ฉันรู้จัก
เมื่อตัดสินใจว่าจะสืบต่ออีกหน่อย ฉันกับคิราระเลยตามโอโมริซังไปต่อ
「เดี๋ยวก่อน เธอจะเดินเร็วไปหน่อยไหม!?」
「เร่งฝีเท้าเข้า!」
ฉันวิ่งตามโอโมริซังที่เดินผ่านฝูงชนไปอย่างรวดเร็ว ทว่าระยะห่างของพวกเรากลับไม่ลดลงเลย
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอหิวขนาดไหน ถึงได้เดินเร็วซะจนวิ่งตามไม่ทัน
「หะ หายไปแล้ว……」
พอฉันมาถึงโรงอาหารของพนักงาน ก็ไม่พบเธอเสียแล้ว
ฉันจึงย้ายไปดูตรงทางเดินชั้นบนแล้วมองหาโอโมริซังที่อยู่ข้างลอง..อ๊ะนั่นไง
「คิราระ ตรงนั้นไง!」
「โอ้จริงด้วย! ว่าแต่ข้าวกล่องเหรอ!!」
ฉันมองเห็นโอโมริซังนั่งอยู่ตรงโต๊ะในโรงอาหารชั้น 1
ซึ่งจุดที่เธอนั่งมันเป็นจุดที่มองเห็นได้ยากจากข้างล่างนิดหน่อย ว่าแต่ทำไมถึงเอาข้าวกล่องมาแทนล่ะทั้งที่มากินโรงอาหารก็ได้
「อุ ร้านข้าวกล่องหน้าสถานีซูซูมิเนะ ข้าวกล่องพิเศษสำหรับหน้าร้อน 20 กล่องต่อวัน….」
「「หือ!?」」
เสียงดังมาจากข้างหลังฉันกับคิราระ
พอหันกลับไปก็พบว่าเป็นอาโออิซึ่งถือขนมหวานและนมอยู่ในมือพูดขึ้น
「คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะมีคนรู้จักสามารถเอามันมาไว้ในครอบครองได้…โอโมริซัง ไม่ธรรมดา」
「อาโออิ เธอมาถึงเมื่อไหร่นิ…?」
「อุ เมื่อกี้」
มาเข้าแทรงวงพวกเราได้อย่างเป็นธรรมชาติ
แปลว่าก่อนมาถึงนี่แอบไปสอยขนมกับนมมาก่อนแล้วสินะ?
「คิราระ ทำไมถึงไม่เรียกฉันทั้งที่มีภารกิจน่าสนใจขนาดนี้ล่ะ?」
「ก็เธอมาสายเองนี่นา แล้วหายไปไหนมาล่ะ」
「อากาศร้อน เลยนอนตากแอร์ในห้องถึง 10 โมง ก่อนไปร้านกาแฟที่คัตสึกิทำงานแต่ร้านปิด จากนั้นก็มาที่นี่」
เดี๋ยวนะ นี่เธอไปที่ร้านมาเหรอ?
แอบรู้สึกผิดเลยแฮะ
「อ๋อ ขอโทษทีที่ลืมบอก วันนี้มาสเตอร์ปิดร้านเพราะมีธุระส่วนตัวน่ะ」
「อื้อ ไม่เป็นไรหรอก…เดี๋ยวค่อยให้คิราระชดใช้เรื่องที่ทำให้ฉันเสียเวลาก็ได้」
「หล่อนผิดที่มาสายเองไม่ใช่เหรอยะ!!」
「ดะดะดะเดี๋ยวก่อนๆ! คิราระใจเย็นๆเก้าอี้ในมือเธอนั่นคิดจะใช้ทำอะไรน่ะ!?」
คิราระหยิบเก้าอี้ที่วางบนระเบียงชั้นสองขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว ฉันที่เห็นจึงพยายามเข้าไปห้าม
เอาจริงดิ ผู้หญิงคนนี้แรงช้างไปไหม?
「ุ้ถ้าเกิดเสียงดังกันไปมากกว่านี้เดี๋ยวโอโมริซังจะรู้ตัวเอานะ」
「แฮก! แฮก!! แฮก!!」
「ขอโทษ เอานี่ไปสิแล้วใจเย็น」
จากนั้นอาโออิก็เปิดถุงขนมที่หยิบออกมาจากไหนก็รู้แล้ว แล้วยัดมันเข้าปากคิราระเพื่อระงับความโกรธของเธอ
「มุ้วววว……」
「มาตรวจสอบโอโมริซังกันดีกว่า….」
อาโออิหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเปิดกล้องเพื่อซูมดูโอโมริซัง
คิราระเคี้ยวขนมในปากพลางแสดงสีหน้าไม่พอใจ ฉันที่เห็นก็ทำได้เพียงเหนื่อยใจกับพวกเธอแล้วกลับไปโฟกัสข้างล่างต่อ
「ฮุมุๆ จากที่เห็นโอโมริซังคนนี้ทำการกินข้าวและเครื่องเคียงแบบมีแบบแผนสิ่งที่อยู่ในหัวของเธอตอนนี้คือการคิดวิธีผสมข้าวกับเครื่องเคียงเพื่อก่อให้เกิดรสชาติที่เหมาะสมที่สุดในการกินข้าว….」
「นี่รู้ได้ถึงขั้นนั้นเลยเหรอ?」
「ซึ่งปกติแล้วโอโมริซังไม่ใช่คนมีแบบแผนชีวิต」
「อิตาประธานก็ทีนึงแล้ว แต่เธอก็หยาบคายกับโอโมริซังมากไปเหมือนกันเด้!!」
โอโมริซังถูกปฏิบัติตัวแบบนี้ใส่ตลอดเลยเหรอ?
ทั้งที่ก็ดูเป็นคนปกติดีแท้ๆ
หรือฉันควรจะไปถามเธอตรงๆเลยดีนะ?
ฉันแน่ใจว่าถ้าถามเธอก็น่าจะยอมบอก
เมื่อตัดสินใจได้ ฉันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วตั้งใจจะโทรหาอีกฝ่าย
「ถึงจะดูเสียมารยาทที่ไปขัดตอนกินข้าวก็เถอะ……」
หลังได้ยินเสียงเรียกเข้า ปลายสายก็ตอบกลับทันที
『ค่ะ นี่โอโมริเองค่ะ!!』
「เอ่อ โอโมริซังสินะครับ? ขอโทษที่โทรมาหาระหว่างทานข้าวนะครับ」
『อ๊ะ อื้อ ไม่หรอก! ฉันยังไม่ได้กินข้าวด้วยซ้ำ มีอะไรหรือเปล่าคัตสึกิคุง!!』
เสียงโอโมริซังดูร่าเริงเป็นปกติ
『หายากนะเนี่ยที่นายโทรหาฉันก่อนแบบนี้!』
「ก็ไม่อะไรหรอกครับ แค่ได้ยินว่าช่วงนี้คุณทำตัวแปลกๆไป เรมะเองก็เป็นกังวลเลยอยากจะรู้ว่าคุณเป็นอะไรไปหรือเปล่า?」
『อ้อ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฉันก็ยังเป็นฉันตามปกตินี่แหละสบายมาก!!』
ความกังวลที่มีก่อนหน้าเหมือนเป็นเรื่องโกหกไปเลย
จากวิธีการพูดจาของเธอแล้วถึงจะมีอะไรแปลกไปเธอก็น่าจะผ่านไปได้ เอาเป็นว่ากลับไปบอกเรมะเกี่ยวกับภารกิจ――
「……หือ?」
『มีอะไรเหรอ?』
ฉันคุยโทรศัพท์แล้วหันไปมองโอโมริซังที่อยู่ชั้น 1 ก่อนจะนิ่งไปสักพัก
「ไม่ได้ถือ……โทรศัพท์?」
『หือ ก็ถือคุยอยู่นี่ไง?』
ในระหว่างที่กำลังคุยกัน โอโมริซังที่นั่งอยู่ตรงชั้น 1 ก็ทานมื้อกลางวันเงียบ โดยไม่มีมือถืออยู่ข้างๆเลยด้วยซ้ำ
สีหน้าก็ไม่ได้ยิ้ม หรือกำลังเหมือนพูดคุยอะไรอยู่
「……」
『หะ หือ? นี่คัตสึกิคุง? เป็นอะไรไปน่ะ?』
ใครกัน
คนที่อยู่ตรงปลายสายของโทรศัพท์หรือคนที่นั่งทานข้าวอยู่
ใครคือตัวจริงกันแน่?
「เอ่อ เอาเป็นว่าขอโทษด้วยนะครับ…เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อแล้วกัน…」
『อะ อื้อ』
ฉันกดวางสายไปก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นๆ
「จะบอกว่าเป็นเพราะอากาศร้อนมันก็….」
โอโมริซังที่ไม่ควรจะมีถึง 2 คน
ข้อสงสัยของเรมะได้รับการพิสูจน์เรียบร้อยแล้ว
「นี่ทั้งสองคน!!」
「หือ!?」
「อุ?」
สองสาวที่ได้ยินเสียงพูดของฉันก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
แบบนี้มันชักจะแย่แล้วสิ!!
「เอาเป็นว่าเราหยุดแค่นี้กันก่อนดีไหม……!!」
「เดี๋ยวทำไมล่ะ!? ดูหน้านายซีดๆไปเด้!?」
ฉันควรบอกพวกเธอดีไหมนะ?
จะบอกว่าเป็นพวกผีวิญญาณก็ยังไงอยู่ แถมไม่มีอะไรรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากฉันพูดออกไป
ในขณะที่กำลังหนักใจว่าจะบอกยังไงกับพวกเธอดี ก็เกิดแสงวาบขึ้นที่จัสติสเชนเจอร์ตรงมือของคิราระกับอาโออิ
「เอาล่ะ! รีบไปจัดการพวกเอเลี่ยนกันเถอะ!!」
「ทำไมนายถึงดูกระตือรือล้นแปลกๆน้า……?」
「น่าสงสัย……?」
เอเลี่ยนไปปรากฏตัวขึ้นราวกับรู้จังหวะ ฉันใช้โอกาสนี้ในการเบี่ยงประเด็น
ไว้ค่อยไปคุยเรื่องนี้กับเรมะดีกว่า
ไว้เดี๋ยวลองสังเกตเองอีกสักหน่อย ค่อยไปปรึกษาเรมะละกัน
***
ทันทีที่รู้ถึงการมาเยือนของเอเลี่ยน พวกเราก็แปลงร่างแล้วขึ้นยานของตัวเองบินไปบนฟากฟ้า
『ครั้งนี้พวกมันมากัน 3 คน!! น่าจะตั้งใจต่อสู้กันเป็นกลุ่มด้วย!!』
「「รับทราบ!」」
「อ้า!」
3 สินะ?
ถึงจะเคยสู้กับพวกที่มากันเยอะ แต่คราวนี้เป็นพวกลำดับสูง เลยคิดว่าน่าจะลำบากพอสมควร
ลืมเรื่องของโอโมริซังไปก่อนแล้วจัดการเรื่องตรงหน้าดีกว่า
ในระหว่างที่คิดเรื่องนี้ เรดซึ่งออกไปเรียนเสริมภาคฤดูร้อนก็เข้ามาเสริมทัพ
「เรด เดินทางมาถึงแล้ว!」
「ในที่สุดก็มาจนได้เด้ เรดตัวแดง」
「มาสาย」
「ตัวแดงบ้าบออะไรกันยะ เกรดของฉันยังพอใช้ได้เถอะ! เอาเป็นว่ารอบนี้มี 3 สินะ?」
「ก็คงจะอย่างงั้นน!!」
หลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเสร็จ เราก็มุ่งไปยังปลายทาง
กำจัดพวกมันก่อนจะเกิดความเสียหาย
ในระหว่างเดินทางนั้นเอง ชิโระที่อยู่ตรงหัวเข็มขัด ก็ส่งสัญญาณเตือนบางอย่าง
จากนั้นวัตถุโปร่งใสก็พุ่งชนรถของฉันเข้าจากด้านหลัง
「อึก!?」
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นรถอีกคันหนึ่ง
เอเลี่ยนตัวที่ 4 เหรอ แถมนั่นมัน….
「ไรเดอร์สีน้ำเงิน?!」
「……」
คอสโม่ ไรเดอร์สีน้ำเงินที่ขับมอเตอร์ไซค์เหมือนกับฉัน ซึ่งอยู่ลำดับที่ 67 สินะ?!
เมื่อรู้ว่าเป้าหมายของเธอนี่จะเป็นฉันแน่ๆ ฉันก็ติดต่อกับพวกเรด
「ตรงนี้ให้ฉันจัดการเอง พวกเธอไปสู้กับตัวที่รออยู่เถอะ!!」
「……อึก! เข้าใจแล้ว!!」
หลังยืนยันว่าพวกสาวๆไปกันแล้ว ฉันก็หยุดรถแล้วเฝ้าระวังอีกฝ่าย
ไรเดอร์สีน้ำเงินไล่ตามฉันมาจากบนฟ้าอย่างที่คิด
「ต้องการอะไรกันแน่!!」
『BREAK ARROW!!』
「คู่ต่อสู้ของนายคือฉัน!」
『L・E・O GUNSWORD!!』
ฉันหยิบธนูออกมา ส่วนอีกฝ่ายหยิบปืนสีน้ำเงินที่ติดปลายเป็นดาบขึ้นมา จากนั้นพวกเราทั้งสองก็บิดคันเร่งรถพุ่งผ่านกันขณะโจมตีด้วยอาวุธในมือ
ประกายไฟและการกระทบกับของกระสุนและลูกศรพลังงานกระจายไปทั่ว
พลังทำลายล้างของอีกฝ่ายเหมือนจะสูงกว่าร่าง Break Form นิดหน่อย
「ย้ากกก!!」
『PUNISH → L・E・O』
「ชิบ」
อยู่ดีๆก็ใช้ท่าพิเศษเลยเหรอ!!
ฉันกดหัวเข็มขัดของฉันทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเตรียมใช้ท่าพิเศษ
「ก็มีแต่ต้องสวนไปสินะ!!」
『DEADLY!! TYPE LUPUS!!』
เท้าของคอสโม่ถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงสีน้ำเงิน ส่วนเท้าขวาของฉันก็ถูกหุ้มด้วยแสงสีทอง
พวกเราทั้งสองได้บินอยู่บนฟ้า และถอยรถออกมาเพื่อทำระยะห่างเล็กน้อย ก่อนจะเร่งความเร็วเตรียมพุ่งเข้าปะทะอีกครั้ง
「ต้องการอะไรจากฉันกันแน่……!!」
แน่นอนว่าถ้าเร่งความเร็วไปตรงหน้าเฉยๆสุดท้ายรถก็จะชนกัน ทางฉันจึงทำการกระโดดออกจากรถเพื่อเตรียมเตะอีกฝ่าย ทว่าอีกฝ่ายก็ทำแบบเดียวกับฉัน
「อัศวินขาววววววว!!」
『REGULUS EXECUTION……』
「ย๊ากกกก!!」
『BREAK! POWER!!』
『BITING! CRASH!!』
ลูกเตะของพวกเราสองคนปะทะกันจนเกิดเสียงดังลั่นราวกับฟ้าฝ่า
แสงจากการปะทะนั้นจ้าไปทั่วบริเวณ
เมื่อได้รับมือกับอีกฝ่ายในระยะนี้ ฉันก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่า ศัตรู คราวนี้แตกต่างจากที่ฉันเคยเจอมาทั้งหมด ในหลายๆความหมาย
***
ลูกเตะปะทะกันกลางอากาศ
การโจมดีคราวนี้ทำให้สมดุลของพวกเราทั้งสองเปลี่ยนไป ประกายแสงที่ส่องออกมาพัดร่างของฉันปลิวจากจุดที่อยู่
「อั๊คคคค!?」
ร่างของฉันร่วงลงมาจนถึงพื้น ก่อนที่ฉันพยายามจะลุกขึ้นยืนใหม่
ตกลงมาเขตคนอยู่เหรอ?! แย่แล้วสิ แบบนี้อันตรายแน่!!
『คัตสึกิคุง!! เป็นยังไงบ้าง!!』
「อึก ก็พอไหวครับ!!」
『ศัตรูคราวนี้มีความสามารถและพลังที่ใกล้เคียงกับนาย!! เพราะสิ่งนั้นคือของที่ฉันเคยสร้างขึ้น ให้ตายสิดันเข้ากันได้เหรอเนี่ย!!』
สูทที่เรมะเลยสร้าง
ก็รู้หรอกว่าศัตรูคราวนี้แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะขนาดนี้
ทางคอสโม่เองก็ร่วงลงมาที่พื้นไม่ต่างกับฉัน
ผู้คนเริ่มเข้ามามุงดูว่าเกิดอะไรขึ้น
「…ขอเปลี่ยนที่สู้หน่อยได้ไหม?」
「หนวกหู!!」
「ทุกคนรีบหนีออกไปจากที่นี่ซะ!!」
คอสโม่เข้ามาโจมตีฉันด้วยอาวุธที่เหมือนกับดาบติดปลายปืน
ฉันจึงหยิบ Lupas Dagger ออกมาป้องกัน
「เอาจริงได้แล้ว อัศวินขาว!!」
「สรุปแกมีเป้าหมายอะไรกันแน่ฟะ!!」
「ฉันก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วไง!!」
เหวี่ยงอาวุธพร้อมกับปิดระยะด้วยการก้าวไปข้างหน้าหนึ่งจังหวะ ก่อนจะฟันเป็นแนวนอนต่ออีกที ตามด้วยการถอยไปครึ่งก้าวแล้วจ้วงแทงเข้ามา
ฉันสังเกตลำดับการโจมตีของเธอพลางป้องกันด้วยLupus Dagger
「「……!!」」
แรงชะมัด……!!
สไตล์การต่อสู้ของคอสโม่….ช่างดูสง่างามและสมบูรณ์แบบจริงๆ
มันคือการโจมตีที่แสดงให้เห็นถึงการฝึกฝนจากตำราซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นการนานแสนนานจนได้ท่วงท่าการโจมตีที่เฉียบคมเช่นนี้
「นี่สินะ ผลของการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ……!!」
เหมือนกับคนที่เคยฝึกฝนเคนโด้ คาราเต้ สไตล์การต่อสู้ของเธอมีแบบแผนชัดเจนต่างการเรดและคนอื่นๆที่ฉันเคยสู้ในอดีต ที่สั่งสมประสบการณ์ผ่านสนามรบจริงๆ
『ฉันเคยจับดาบครั้งแรกก็ตอนสู้กับพวกสัตว์ประหลาดนี่แหละ หือ? ฟันดาบเหรอ? จะไปเคยเรียนของแบบนั้นได้ยังไงกัน』
『ฉันก็มาเรียนรู้วิธีต่อสู้เอาตอนแปลงร่างได้นี่แหละเด้』
『ตอนอยู่ ป 4 โดนชมว่าเก่งยิงปืน อื้อ』
ตอนที่ได้ฟัง 3 สาวพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ฉันก็เคยบอกพวกเธอไปเหมือนกันว่าไม่ฝึกให้มันมีแบบแผนอะไรดีๆหน่อยเหรอ
แต่พวกเธอที่ได้ฟังก็ดันสงสายตาแปลกๆจ้องมองมาทางฉันแทน
「จะมาสร้างความเสียหายให้คนรอบๆก็ไม่ได้อีก !!」
『NEXT! BREAK BLUE!! → OK?』
ฉันกดหัวเข็มขัดเพื่อเปลี่ยนร่าง
ชุดเกราะสีขาวได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ตามด้วยเสียงคลื่นน้ำที่สาดซัดเข้ามาปกคลุมร่างของฉัน
『CHANGE!! BREAK BLUE!!』
ประสามสัมผัสของฉันเฉียบคมขึ้น ฉันทำการหลบดาบของโคสโม่และเตะสวนกลับไปหนึ่งดอก
「อึก!?」
คอสโม่กลิ้งไปมากับพื้นก่อนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ในขณะที่ฉันกำลังจะตามไปซ้ำ ก็สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้ฉัน
「อะ เอ่อ ถ่ายละครเหรอ…?!」
「ก็บอกว่าให้หนีไปไม่ใช่หรือไงฟะ!!」
ขืนสู้กันที่นี่ต่อได้เดือดร้อนแน่
「ชิโระ! รีบหาจุดที่ไม่มีคนให้หน่อย!」
『โฮก!』
「ฝากด้วยล่ะ!」
「ชิ……!! ไม่คิดจะให้กันได้พักเลยเหรอฟะ!!」
คอสโม่ลุกขึ้น ก่อนจะยิงกระสุนปืนมาทางฉัน
ชิบละสิ ถ้าหลบก็โดนคนข้างหลังอีก
ฉันจึงตัดสินใจใช้ฝ่ามือบวกกับประสาทสัมผัสอันเฉียบคมของ Break Blue เพื่อคว้าเอากระสุนที่พุ่งมาทั้งหมดด้วยมือของฉัน
ก่อนจะตะโกนซ้ำให้คนรอบๆหนีไปอีกที
「ก็บอกว่าให้รีบหนีไปไง อยากจะโดนฆ่าตายหรือไง!!」
「ค ครับ!」
「เอ่อ คือว่า ถ้าอยากจะหาที่ไม่มีคน ลองไปลานกว้างใกล้ๆนี่ก็น่าจะได้นะครับ!!」
「! เข้าใจแล้ว ขอบคุณมาก!!」
คงต้องพาไปที่ลานกว้างใกล้ๆนี่สินะ!!
แต่ปัญหาคือจะลากอีกฝ่ายไปได้ยังไง
「สู้ไปคิดไปละกันฟะ!!」
『LIQUID SHOOTERⅡ!!』
ฉันหยิบLIQUID SHOOTERⅡขึ้นมาแล้วยิงกระสุนพลังงานออกไปเป็นชุดๆ
「งั้นก็ต้อง……!!」
คอสโม่ที่เห็นแบบนั้น ก็หยิบเอาบางอย่างคล้ายกับกุญแจออกมาจากข้างเข็มขัดแล้วเสียบเข้าไปตรงหัวเข็มขัด
「รับมือด้วยไอ้นี่!!」
『LOADING→→ ARMORー:GRIM』
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น สนามพลังงานขนาดเล็กก็ปกคลุมรอบตัวคอสโม่ และชุดเกราะรูปแบบใหม่ก็เข้าไปติดตั้งรอบตัวของเธอ
「เหมือนกับฉันเลยนี่หว่า!?」
『จะบอกแบบนั้นก็ไม่เชิง! การเปลี่ยนร่างของนายคือการเปลี่ยนความสามารถและคุณสมบัติของพลังที่ใช้ได้ไปเลย แต่เรกูรัสนั้นจะเป็นการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเข้ามาเพื่อเพิ่มความสามารถในการต่อสู้เฉยๆ!!』
ชุดคลุมได้ถูกติดเอาไว้บนแผ่นหลังของชุดเกราะสีน้ำเงิน
เกราะสีดำได้เข้ามาติดบนร่างกายของเธอ พร้อมกับมือขวาที่ปรากฏเคียวด้ามยาว ทันทีที่อีกฝ่ายเหวี่ยงมันก็เกิดกระแสลมขึ้น
「คิดว่านายเป็นคนเดียวที่เสริมพลังได้หรือไง!!」
『ระวังตัวด้วยล่ะ คัตสึกิคุง ความสามารถและพลังของมัน แม้แต่ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ!!』
「โอ้ว!」
กระสุนพลังงานที่ฉันยิงออกไปถูกเคียวนั้นฟันหายไปในพริบตา
ก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปแล้วปรากฏตัวอีกทีตรงหน้าฉัน
「ชิ」
ประกายไฟได้เกิดขึ้นตรงเกราะบริเวณหน้าอก อีกฝ่ายเร็วได้ขนาดนี้เลยเหรอ
แต่ถึงแบบนั้นก็ยังพอจะตามไหว
「เอานี่ไปกิน!!」
「คึก!!」
ฉันพยายามตามจังหวะการโจมตีของเธอและใช้มีดป้องกันเคียวที่เหวี่ยงเข้ามา ก่อนจะยิงกระสุนพลังงานสวนกลับไปด้วยมืออีกข้าง
ทว่าอีกฝ่ายก็สามารถหลบได้ด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
「การโจมตีแค่นี้คิดว่าจะหลบไม่ได้เหรอ」
「ทางนี้ก็เหมือนกันแหละน่า!!」
คอสโม่ยังคงเคลื่อนที่ไปมาด้วยความเร็วสูง
ส่วนทางฉันก็เคลื่อนที่หลบไปด้วยขณะ คาดเดาการเคลื่อนไหวอีกฝ่ายเพื่อหาจังหวะยิงสวน
「……」
เคียวของอีกฝ่ายฟาดฟันไปมาเป็นระยะ
ฉันก็ใช้โอกาสนี้ค่อยๆพาอีกฝ่ายไปยังจุดที่สามารถต่อสู้ได้สะดวกไม่เดือดร้อนใคร
「ทำไมนายถึงยังไม่เอาจริงสักทีล่ะ!!」
「หมายถึงอะไร!」
「ก็ร่างที่แข็งแกร่งที่สุดคือร่างขาวดำไม่ใช่หรือไง!!」
คงจะหมายถึงร่าง Another
ไม่มีทางที่ฉันจะใช้ร่างนั้นในพื้นที่อยู่อาศัยได้หรอก แค่ยิงGravity Busterทีเดียวก็สามารถทำลายพื้นที่รอบๆได้เป็นแถบๆแล้ว
「คิดว่าฉันจะต่อสู้เอาตามตัวเองสะดวกได้หรือไงฟะ!!」
「หา……!!」
ฉันเหวี่ยงมีดในมือฟันตรงช่องท้องอีกฝ่าย
แต่ก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายเหวี่ยงเคียวเข้ามาโจมตีฉัน
「อั๊ค」
「อึก」
ประกายไฟได้เกิดขึ้นตรงชุดเกราะอีกครั้ง
เมื่ออีกฝ่ายตั้งสติหลังถูกโจมตีเสร็จ ก็ทำการใช้งานท่าพิเศษต่อ ออร่าสีม่วงประหลาดเริ่มห่อหุ้มทั่วเคียว
『PUNISH → L・E・O』
「รับไปซะ……!」
ร่างของคอสโม่หายไปเหมือนภาพลวงตาที่เลือนหาย
วินาทีต่อมา คอสโม่ก็ปรากฏตรงหน้าฉันและฟันเคียวเข้ามาที่ไหล่ของฉัน
『GRIM EXECUTION……』
「อึก……!!」
「ฉันจะต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองให้ท่านให้เห็น!!」
ความเจ็บปวดพวยพุ่งออกมาจากไหล่ของฉัน
ฉันคว้าด้ามเคียวเอาไว้แน่นพร้อมกับมองเลือดที่ไหลออกมา
「อะไรกัน!?」
「คิดว่าใช้เป็นคนเดียวหรือไง?」
『DEADLY!! BREAK BLUE!!』
ฉันลั่นไกปืนของLiquid Shooter IIเข้าไปที่หน้าท้องของคอสโม่ซึ่งถูกหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ ก่อนจะปล่อยท่าพิเศษออกไป
หากเป็นระยะนี้ยังไงก็ไม่พลาด!!
「คิดว่าหลบได้ก็ลองดูสิฟะ!!」
『BREAK! POWER!!』
『AQUA!! FULLPOWER BREAK!!』
「เชี่ยเอ้ย!?」
การโจมตีโดยตรงจากข้างหน้า ทำให้ร่างของคอสโม่กระเด็นออกไปพร้อมกระสุนพลังงาน
เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็ตั้งใจจะวิ่งตามไปซ้ำ แต่ความเจ็บปวดตรงไหล่ทำให้ฉันต้องหยุดลง
「ชิโระ ช่วยสร้างเกราะขึ้นมาปิดตรงนี้ให้หน่อยได้ไหม」
『โฮก』
「โอ้ว ขอบใจมาก」
ทิศที่ฉันส่งเธอไปคือทางลานกว้างของเมือง
เป็นพื้นที่ที่น่าจะใช้ต่อสู้ได้สะดวก
ฉันเรียก Lupus Striker ออกมาเพื่อขับตรงไปยังทางที่คอสโม่กระเด็นไป
「คะ คึก ทำกันได้นะ…!! อัศวินขาว!!」
ฉันใช้รถชนอัดเข้ากับร่างของคอสโม่ก่อนจะลากมันให้กระเด็นร่วงไปตรงลานกว้างสำเร็จ
「คุ!?」
ฉันลงจากรถแล้วมองไปยังกองฝุ่นที่คลุ้งออกจากแรงกระแทก
ความเสียหายที่คอสโม่ได้รับตอนนี้น่าจะหนักกว่าฉัน
แต่ใจสู้ของอีกฝ่ายไม่ได้ลดลงเลย
――คู่ต่อสู้คราวนี้ก็มีนิสัยไม่ต่างอะไรกับแก
「……」
ฉันได้ยินเสียงของรูอินซังพูดขึ้น
อีกฝ่ายก็เหมือนกับฉัน
เหมือนเสียยิ่งกว่าเรดหรือคนอื่นๆ
――แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงผู้รุกราน
「เอาใจแล้วครับ」
――ดังนั้นสิ่งที่แกต้องทำก็ไม่เปลี่ยน
เอาชนะอีกฝ่าย
――เพื่อปกป้องโลกใบนี้
ต้องกำจัดภัยรุกรานออกไปจนสิ้น
――จัดกาซะ
――หยุดลมหายใจของนางและคืนความสงบให้กับผู้คน
สิ่งที่ฉันต้องทำไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้รุกราน ฉันไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตา หากปล่อยเอาไว้อีกฝ่ายก็จะออกไปทำร้ายผู้คน
จะมาเสียใจเอาตอนเมื่อสายไปไม่ได้
「แต่ว่า……」
มีบางอย่างผิดแปลกเกี่ยวกับศัตรูคนนี้
เขาไม่เหมือนกับศัตรูก่อนหน้า ฉันรู้สึกว่าเขาตั้งใจจะสู้กับฉันจริงๆ ไม่ใช่การทำร้ายมนุษย์คนอื่น
「เราพอกันแค่นี้ดีกว่าไหม?」
「……หา!!」
อยู่ดีๆฉันก็พูดคำนี้ออกไป
ภาพของคอสโม่ที่ฉันเห็นตอนนี้ช่างคล้ายกับดาราแฝดเจ็มที่ฉันเคยสู้ด้วย
เธอดูมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนต่างจากพวกก่อนหน้า
การกระทำของเธอเหมือนฝืนตัวเองอย่างสิ้นหวัง ราวกับอยากจะให้ใครสักคนยอมรับในตัวเธอ….ใช่แล้ว เหมือนเด็กน้อยที่ต้องการความรัก
「อย่ามาล้อกันเล่น จะมาสงสารกันหรือยังไง? 」
「ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……」
「แต่ที่ฉันได้ยินมันแบบนั้น…!!」
คอสโม่ใช้เล็บของตัวเองลากไปมาบนหน้ากากราวกับกำลังเกาอยู่
ความโกรธของคอสโม่ได้พวยพุ่งและเข็มขัดรูปเสือดาวก็ส่องประกายออกมา
「อึก โถ่เว้ย!! อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ย อย่าได้คิดเชียว ฉันผู้นี้ที่ได้รับการอนุญาตให้เรียกชื่อของท่านรูอิน เหมือนกันกับนาย!!」
「พูดเรื่องอะไรกันฟะ?」
「จงสู้สิ อัศวินขาว!! ทุ่มสุดตัวกับฉันคนนี้ซะ!!」
เหมือนคอสโม่จะพูดถึงชื่อของใครบางคน แต่เสียงนั้นมันกลับไม่เข้าหูฉันเลย
เขากำลังคลั่ง
ความโกรธ ความเกลียดชัง อารมณ์ที่รุนแรงนั้นทำให้เขาหยิบกุญแจรูปปีกออกมาแล้วเสียบไปตรงหัวเข็มขัด
「ฉันจะต้องทำตามความคาดหวังของท่านให้ได้…ไม่งั้นฉันก็จะเป็นคนไร้ค่า…ต่อสู้ก็ไม่ได้เรื่อง เป็นเพียงเศษฝุ่น!!」
『LOADING→→ARMOR:EVIL!!!』
「เพื่อสิ่งนั้น แม้ฉันจะต้องตายก็ไม่เสียหาย!!」
เกราะที่ปกคลุมร่างของคอนโม่ได้หายไป จนกลับไปเป็นร่างปกติ
ทว่าวินาทีต่อมา ร่างของเขาก็ถูกห่อห้มด้วยปีกค้างคาวที่ติดอยู่ตรงหลัง พร้อมกับเกราะรูปแบบใหม่
เกราะสีเขียวที่ปล่อยออร่าแห่งความชั่วร้ายออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย
อาวุธที่เหมือนกับปืนคาบศิลาปรากฏตรงมือขวา
คอสโม่ทำการควงมันไปมาก่อนจะเล็งมาหาฉัน
「ช่วยไม่ได้สินะ!!」
『GRAVITY!!』
ฉันเสียบกราวิตี้ไดร์ฟเข้าไปตรงหัวเข็มขัดและเปลี่ยนเป็นAnother Form
กระสุนพลังงานอันเข้มข้นถูกยิงออกมาจากปากกระบอกปืนอีกฝ่าย แต่ฉันก็ใช้สนามพลังแรงโน้มถ่วงทำลายทิ้ง
『ANOTHER FORM!! COMPLETE……』
ANOTHER FORM ร่างขาวดำสลับได้ปรากฏขึ้น
หลังเปลี่ยนร่างเสร็จ คอสโม่ที่ยังถือปืนไว้ในมือก็เปิดใช้งานท่าพิเศษ
『EVIL!! 1000 BULET!!』
ปืนมากกว่า 100 กระบอกได้ปรากฏขึ้นด้านหลังของคอสโม่
และมันชี้มาทางฉันทุกกระบอก พร้อมกับปลดปล่อยกระสุนพลังงานทันที
「อึก!!」
「……」
ฉันยกฝ่ามือขึ้นมาและสร้างบาเรียแรงโน้มถ่วงเพื่อป้องกันกระสุนพลังงาน
การระดมยิงนั้นนานกว่า 10 วินาที
คอสโม่ที่เห็นว่าฉันไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลยก็แสดงอาการตกใจออกมา
「ยะ ยังหรอกน่า…!!」
『EVIL!! EXECUTION!!』
กระสุนพลังงานพิเศษได้ถูกยิงออกมาอีกครั้ง
หากเป็น Break Form ฉันคงจะพยายามหลบมัน แต่เมื่ออยู่ในร่างนี้ก็ไม่มีความจำเป็นเลย
「……」
กระสุนถูกยิงมาด้วยกัน 6 นัด ถูกฉันปัดทิ้งจนหมด ก่อนที่ฉันจะปิดระยะเข้าหาคอสโม่แล้วทำลายปืนที่อีกฝ่ายถืออยู่
「อะ อึก นี่นาย!」
ฉันหลบลูกเตะที่ดูสิ้นหวังของอีกฝ่าย ก่อนจะกดหัวเข็มขัด 3 ครั้ง แล้วหันไปหาคอสโม่ หมัดที่ห่อหุ้มด้วยออร่าสีขาวในมือของฉันถูกปล่อยออกไป
『DEADLY!! WHITE SIDE!!』
「โถ่เว้ย――」
『LUPUS! FIRST CRASH!!』
หมัดนั้นได้กระแทกเข้ากับลำตัวของคอสโม่จังๆ
หลังปล่อยหมัดออกไป ร่างของอีกฝ่ายก็ปลิวไปกระแทกเข้ากับกำแพงของลานกว้าง
「อั๊……ก」
การแปลงร่างของคอสโม่ถูกปลดออกและล้มลงกับพื้น
ฉันดึงกำปั้นกลับมาและโล่งใจที่การต่อสู้จบลงเสียที ทว่ามันก็เกิดเรื่องที่ฉันต้องประหลาดใจขึ้นอีกครั้ง
――จบแล้วงั้นเหรอ เอาเถอะ ก็คงได้ประมาณนี้แหละนะ
「……ผะ……ผู้หญิง?」
ร่างที่ล้มลงกับพื้นนั้นคือหญิงสาวที่สวมชุดคลุมสีดำสนิท
แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเธอเพราะมีผ้าคลุมเอาไว้ แต่ผมหน้าม้าสีเขียวที่ลอดออกมานั้นก็ทำให้ฉันได้รู้ถึงตัวตนอีกฝ่าย จากที่เห็นยังไงก็ไม่น่าจะอายุมากนัก คงไม่ห่างกับฉันเท่าไหร่
…ต้องติดต่อเรมะก่อน
「ประธาน ลำดับที่ 067 คอสโม่ถูกจัดการเรียบร้อย」
『เข้าใจแล้ว….ดูเหมือนว่าเรดกับคนอื่นๆก็ใกล้แล้วเหมือนกัน เอาเป็นว่าขอให้นายจับตาดูเธอ เพื่อไม่ให้หนีได้ก่อนละกัน』
「รับทราบ」
แม้ฉันจะพยายามออมแรงเท่าที่ทำได้แล้ว แต่ผลกระทบจากการโจมตีก็สูงอยู่ดี
นั่นเป็นเพราะคอสโม่แข็งแกร่งจึงอยากจะออมมือ….
「……ดูคล้ายชิโระเลยแฮะ」
เพื่อจะไม่ให้เธอแปลงร่างได้อีก ฉันจึงตั้งใจเก็บหัวเข็มขัดของเธอไว้กับตัวเอง
ในจังหวะที่กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบหัวเข็มขัดรูปเสือดาวตรงหน้า สายฟ้าสีแดงก็พวยพุ่งออกมาจากหัวเข็มขัดโดยไม่บอกกล่าว
「———คุ」
「……!」
ฉันกระโดดถอยออกมาจากตัวคอสโม่
「อะไรอีกฟะ?」
「อ๊ากกกกกก!!! กรี๊ดดดดดด!!」
เข็มขัดที่ติดอยู่ตรงเอวของเธอเกิดกระแสไฟฟ้าสีแดงขึ้นแล้วห่อหุ้มทั่วร่าง
ร่างของเธอชักกระตุกไปมาก่อนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
――โฮ่ มาแล้วสินะ……
「บะ แบบนี้จะไหวไหมเนี่ย!」
『WARNING!! WARNING!! WARNING!!』
เสียงเตือนที่บ่งบอกว่าอันตรายกำลังจะใกล้เข้ามา
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
『WILD! WILD!! WILD!! WILD!!!』
เสียงที่คล้ายกับจะปลุกบางอย่างให้ตื่นขึ้น
เด็กสาวที่ล้มลงไปก่อนหน้านี้ขยับแขนของตัวเองไปมาราวกับหุ่นเชิด
『แย่แล้ว! เธอไม่สามารถคุมมันอยู่!! คัตสึมิคุง รีบหยุดเธอเดี๋ยวนี้เลย!!』
「คะ ครับ!!」
เมื่อได้ยินเสียงของเรมะที่ตกใจจนพูดชื่อของฉันผิด ฉันก็รีบทำตามเขาบอกทันที
「……แ ป ล ง ร่ า ง」
『WAKE UP!!!』
ชิบ ช้าไป!!
ร่างของเธอลอยขึ้นไปในอากาศ เสื่อดาวที่อยู่ตรงหัวเข็มขัดถูกกลืนกินด้วยสีดำไปครึ่งหนึ่งตัดกับสีน้ำเงินของเดิม
อากาศเริ่มสั่นไหว โคลนสีดำค่อยๆปกคลุมร่างกายของคอสโม่และเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นสิ่งอื่น
『COME ON!!』
『DEVASTATING! RAMPAGE!!』
『GREAT BEAST!! FALL INTO DESIRE!!!』
ในขณะที่ฉันกำลังจะเดินเข้าไปใกล้ แขนของเธอก็ยื่นออกมาจากโคลนสีดำแล้ว พัดฉันปลิวไปด้วยพลังลึกลับ
『ARMOR:ZONE!! JOKER FORM!!!』
ไรเดอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้ได้สวมเกราะสีน้ำเงินสลับสีดำ
รูปร่างเกราะของเธอได้เปลี่ยนไปคล้ายกับปลาปิรันย่า
สิ่งที่สะดุดตาฉันที่สุดก็คงจะเป็นดวงตาที่ถูกย้อมไปเป็นสีเลือด
『ร่างนี้มันบ้าอะไรกันฟะ……』
「ประธาน ผมควรทำยังไงดี! อีกฝ่ายดูจะรับมือยากสุดๆเลย」
『……ก็มีแต่ต้องสู้เท่านั้นแหละ』
ก่อนที่ฉันจะได้พูดว่า รับทราบ กลับไป แขนของคอสโม่ก็ขยับไปตบตรงหัวเข็มขัด
『GENOCIDE!! →JOKER!!!』
「หา!?」
คอสโม่พุ่งเข้ามาหาฉันพร้อมกับเปิดใช้งานท่าพิเศษ
การเคลื่อนไหวของเธอดูดุร้ายและรุนแรงมาก ไม่เหมือนกับตัวเธอตอนแรกเลย
อย่างไรก็ตาม ฉันรู้แล้วว่าเธอในตอนนี้อันตรายแค่ไหน จึงงัดพลังสวนหมัดกลับไปสุดตัว
「ก็มาสิฟะ!!」
「……」
ฉันทุ่มสุดตัวโจมตีสวนกลับไป
เธอในตอนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันจะออมมือให้ได้อีก
ฉันต้องรีบจบมันให้เร็วที่สุด
『JOKER!! EXE』
ในขณะที่ปะทะกันอยู่ ก็มีบางอย่างคล้ายกับประตูมิติปรากฏขึ้นด้านหลังคอสโม่ แล้วกลืนกินร่างของเธอเข้าไป
「คุ!?」
คอสโม่หายไปต่อหน้าต่อตาฉัน ฉันมองไปรอบๆอย่างระวังเผื่อจะถูกลอบโจมตี ทว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยถึงจะผ่านไปพักหนึ่งแล้วก็ตาม
บ้าอะไรกัน……?
เธอหายไปไหน?
「……ประธาน」
『……ขอโทษด้วย ทางฉันเองก็ไม่สามารถตามสัญญาณของคอสโม่ได้…เธอน่าจะหนีไปแล้ว』
「……」
ร่างที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและความเกลียดชัง
นี่มันไม่ได้เรียกว่าการต่อสู้แล้ว
แค่เห็นก็รู้ว่านอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับรอบๆโดยไม่สนใจใคร มันยังสามารถทำลายตัวผู้ใช้อย่างตัวเธอเองได้
『โฮก……』
「อื้อ ฉันเขาใจดี ชิโระ」
ไม่ใช่แค่คอสโม่ หัวเข็มขัดที่อยู่ตรงเอวของเธอเองก็เหมือนกำลังร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่
『คะ คัตสึกิคุง!!』
「ครับ?」
『รีบไปช่วยพวกเรดเดี๋ยวนี้เลย!! ไอ้ 3 ตัวที่บุกมา มันขยายร่างยักษ์แล้ว』
「ช่วยบอกพิกัดทีครับ!! ผมจะรีบไปทันที!!」
ตอนนี้ต้องรีบกำจัดพวกเอเลี่ยนก่อน
จริงอยู่ว่าพวกเรดสามารถรับมือกับสัตว์ประหลาดได้สบาย แต่ฉันต้องไปเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเมืองจากการต่อสู้!!
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code