อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 45 ผู้กระหาย
น่าเบื่อ
ตอนที่ฉันอายุได้ 3 ขวบ วินาทีที่ทำการสังหารพ่อของตัวเองและเอาทั้งกาแล็กซีมาไว้ในครอบครอง ความรู้สึกมันช่างว่างเปล่า
ผู้ที่ถูกเลือกให้อยู่บนจุดสูงสุด
สำหรับฉันที่เดินตามเส้นทางดังกล่าวราวกับถูกหนดมาตั้งแต่เกิดมันช่างน่าเบื่อหน่ายเหลือเกิน
นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้ฉันหันหน้าเข้าต่อสู้กับพ่อแม่ที่ให้กำเนิด
แต่มันก็น่าเบื่อ
เพียงแค่นี้ก็ปกครองจักรวาลได้แล้วหรือ
ด้วยพลังระดับนี้กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิชิตเนี่ยนะ?
นั่นคือความรู้สึกของฉันที่มีต่อพ่อแม่
『ข้าขอสาบานจะภักดีต่อท่าน』
『ช่างงดงามเหนือสิ่งใด……』
『ข้าจะอุทิศกายใจทั้งหมดให้แก่ท่าน……!』
เมื่อเข้ามารับตำแหน่งสูงสุดในองค์กร ผู้คนมากมายที่หลงไหลในพลังของฉันก็ต่างเข้ามาหา
ความเบื่อหน่ายที่ไม่สามารถบรรยายได้
ไม่มีศัตรูที่คู่ควร
ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาท้าทาย
ตรงหน้าของฉันมีเพียงเหล่าผู้อ่อนแอทั้งกายใจที่พร้อมคุกเข่าก้มหัวให้กับฉัน
บ้างก็หมดใจสู้และร้องไห้ขอความเมตตา
บ้างก็หมอบคลานกับพื้นและสาปส่งฉัน เรียกฉันว่าสัตว์ประหลาดก่อนจะฆ่าตัวตายไปเอง
『……ให้มองเธอเป็นศัตรูคนต่อไปได้เลยใช่ไหม? 』
ทว่าจิตใจของฉันก็ได้ยอมแพ้ไปมากแล้ว
ชายในชุดเกราะสีขาวตรงหน้าฉันที่พูดภาษาดาวโลกออกมา เดี๋ยวก็ลงจะกลัวจนตัวสั่น สงสัยว่าทำไมตัวเองถึงกล้ามาท้าทายฉันและหนีไปในที่สุด
เอาเถอะ วินาทีที่มันกำลังจะหันหลังหนี ฉันก็จะลบมันให้หายไปซะ
ฉันจ้องมองเขาอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก พร้อมปลดปล่อยออร่าออกมา
――ทว่าชายผู้นี้กลับยืนเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาไม่ได้คุกเข่าลงกับพื้น แม้ว่าเจตนาฆ่าของฉันจะส่งไปหาเขาโดยตรง เขาก็ไม่ได้หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย
『CHANGE!! →TYPE…』
『UNIVERSE!!』
『ย๊าก!!』
กลับกัน เขาพุ่งเข้ามาหาฉันอย่างไม่ลังเล
อารมณ์ที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อนก่อตัวขึ้นในจิตใจ
ฉันใช่เวลาไม่นานนักในการตระหนักว่านี่คืออารมณ์แห่งความมยินดี
ยิ่งได้มองทะลุเข้าไปในดวงตาของเขา ฉันก็มั่นใจ
ดวงตานี้ไม่ใช่ดวงตาแห่งคนเขลาที่เข้ามาท้าทายฉันอย่างไม่คิดหน้าหลัง
ไม่ใช่ว่าเขาโจมตีเข้ามาโดยไม่รู้ถึงความต่างในพลังระหว่างฉันกับเขา
เพียงแต่เขาไม่ได้มีความสงสัยในชัยชนะและพลังของตัวเองเลย ในหัวของเขาไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดนอกจากการต่อสู้ตรงหน้า
เลินเล่อ?
บ้าคลั่ง?
ไม่ใช่ของแบบนั้นเลยสักนิด
สิ่งที่เขาทำไม่ใช่สิ่งที่ฉันเคยเห็นจากคนที่มาท้าทายในอดีต
น่าทึ่งเหลือเกิน
แม้จะย้อนนึกกลับไปทีไร ภาพการต่อสู้กับเขาก็ยังคงอยู่ไม่หายไปและทำให้ฉันสุขใจจนอธิบายไม่ออกมาไม่ได้
พลังทำลายจากเปลวเพลิงที่บังคับให้ฉันต้องใช้แขนขวา
ฉันต้องดึงเทคนิคศาสตร์ต่อสู้ที่ตัวเองมีรับมือกับร่างที่เป็นของเหลว
ความเร็วดุจสายฟ้าฟาดสลัดพลังแรงโน้มถ่วงของฉันได้ จนทำให้ฉันต้องขยับตัวจากจุดที่อยู่
ร่างกายที่รับแรงหมัดของฉันเข้าไปได้โดยที่ไม่บุบสลาย แถมยังเคลื่อนไหวตอบโต้ฉันต่อ
แสงสีทองที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขาบดขยี้กระสุนแรงโน้มถ่วงของฉันจนสิ้น
หัวใจที่ไม่เคยแตกสลายให้กับความพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะต้องล้มลงกับพื้นอีกสักกี่ครั้ง
ดวงตาของเขาจ้องมองมาทางฉันอย่างไม่ลดละราวกับจะฆ่าให้ได้ ความตั้งใจนั้นถูกสลักลงในสมองของฉัน ช่างเป็นอารมณ์ที่น่ายินดี
การต่อสู้กับเขาครั้งที่สองก็เลวเลย แต่หากให้เทียบกับร่างสีทองที่มีเจตจำนงและพลังที่แข็งแกร่งกว่าก็คงนับว่ายังไม่ถึงขั้น
「หึ」
ฉันยกมือขึ้นมาตรงหน้าตัวเองและเปิดมิติภาพ
ก่อนจะปรากฏภาพของคัตสึมิตรงหน้าของฉัน ตอนนี้เขาอยู่กับเด็กสาวดาบยาวที่เรียกตัวเองว่าเรด
『อัศวินขาว! ลุกขึ้นมาซะ! พวกสัตว์ประหลาดมันไม่รอนายหรอกนะ!!』
『ยะ ย๊าคคคค!!』
เขากระหน่ำฟันหลายต่อหลายครั้ง ในร่างของเรดฟอร์ม
แม้ว่าฝีมือตอนนี้จะยังไม่ถึงขั้น แต่ฉันก็อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นมาใหม่ทีละก้าว
「ต้องแบบนี้สิ」
『เป็นอะไรไป! นายไม่มีสิ่งที่อยากจะปกป้องเอาไว้ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรหรือไง!!』
『อะ โอ้วววว!!』
เขาเหวี่ยงดาบด้วยแขนทั้งสองข้างใส่เรด ทว่าเรดก็ป้องกันมันไว้ด้วยดาบที่ถือเพียงมือเดียว ก่อนจะเตะอัดเข้าไปที่ท้องของเขา
ร่างของคัตสึมิกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงก่อนจะนั่งจุกไปสักพักหนึ่ง
จากนั้นเขาก็พยายามลุกขึ้นและแตะไปตรงหัวเข็มขัด 3 ครั้ง และแล้วเปลวเพลิงก็เกิดขึ้นตรงดาบของเขา
『ย้ากกกก!!』
『BURNING!! SLASH!!』
เปลวไฟถูกปลดปล่อยออกมา
แม้จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งนี้ เรดก็หาได้หวาดกลัวและพุ่งไปหาเขาทันที
เธอใช้ดาบของตัวเองผ่าเปลวเพลิงนั้นทิ้ง แล้วเข้าประชิดตัวคัตสึมิก่อนจะฟันดาบของเขาทิ้ง
『ถึงกับหักเลยเหรอ!? 』
『แค่ตัดมันทิ้งไม่ใช่เรื่องยากหรอก』
『นี่เธอพูดบ้าอะไรของเธอเรด…ดาบของคัตสึมิคุงมีโครงสร้างที่แกร่งมากไม่ใช่ของจะตัดได้เป็นเต้าหู้นะเห้ย….』
ดาบที่หักไปกระแทกลงกับพื้นเสียงดัง ก่อนที่เรดจะตะโกนออกมา
『ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนายมันอ่อนหัดยังไงล่ะ! จงทิ้งความลังเลและไร้เดียงสาใสการฟาดฟันศัตรูไปซะ ไม่งั้นสักวันหนึ่งมันจะกลับมาทำร้ายนาย!!』
『เดวนะหล่อน?! ฉันว่าเธอนี่แหละเป็นคนทำลายความมั่นใจของเขาซะเอง!!』
『ประธานหุบปากค่ะ!! สิ่งที่เขาต้องได้รับตอนนี้ไม่ใช่ความเมตตากรุณาอะไร!! คนที่ไม่เคยจบเจอกับความพ่ายแพ้แสนอัปยศอดสูไม่มีทางเข้าใจเส้นทางที่พวกเราผ่านมาได้หรอก!!』
เรดมองไปที่คัตสึมด้วยสายตามุ่งมั่น
ฉันยิ้มออกมาทันที
『ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ต้องทำให้นายเข้าใจถึงเรื่องนี้ให้ได้แม้มือจะเปื้อนเลือด!!』
『……นี่หล่อนได้รับอิทธิพลจากอัศวินดำมากไปไหม? 』
คัตสึมิเสียความทรงจำไป จึงไม่เคยพบเจอความพ่ายแพ้แบบหมดรูป
ไม่สิต้องบอกว่าฉันลบความทรงจำตอนที่สู้กันล่าสุดไปด้วยดังนั้นเขาจึงยังไม่เคยสัมผัสรสชาติของมัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เรดฝึกฝนเขาในด้านนี้
『ทำไมนายยังลังเลอีกล่ะ?! คิดถึงสิ่งที่นายอยากจะปกป้องสิ!』
『……อึก』
『อะไรกันหรือมันเป็นแค่ลมปาก?! เท่าที่ฉันเห็นนายไม่ได้มีเจตจำนงที่จะเอาชนะฉันเลยสักนิด หากนายไม่สามารถก้าวข้ามตรงนี้ไปได้ การต่อสู้ที่จะมาถึงนายได้ตายแน่!!』
『……ไม่ใชแบบนั้นสักหน่อย!!』
คัตสึมิพุ่งเข้าไปโจมตีด้วยดาบที่หัก
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาเริ่มกลับมา
『ฉันจะเอาชนะเธอให้ได้!!』
『ต้องแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นนาย งั้นทางฉันก็จะเร่งเครื่องแล้วเหมือนกัน!!』
『โอ้ว!!』
การเคลื่อนไหวของเรดเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แล้วภาพที่คัตสึมิของเห็นก็ถูกตัดไป
ดูเหมือนว่าการฝึกฝนจะดำเนินไปได้ด้วยดี
หากเขายังคงเดินไปตามเส้นทางนี้ผ่านการฝึกฝนของพวกเธอฉันก็ไม่มีอะไรจะบ่น
「ท่าทางดูสนุกนะครับ」
「โฮ่ ก็สนุกจริงอย่างที่แกบอก」
ชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นขณะที่ฉันนั่งบนบัลลังก์
วาส ชายผมสั้นสีขาว ในมือของเขามีดาบที่เรียกว่าคาตานะกำลังยิ้มให้ฉัน
「ท่าทางแกจะว่างนะ มาเป็นเพื่อนเล่นฉันหน่อยไหมล่ะ」
「อย่าพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้สิครับ ชายแก่อย่างข้าจะไปสู้กับท่านได้อย่างไร」
วาสปฏิเสธข้อเสนอของฉัน
ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ได้ฟังเพียงคำตอบที่น่าเบื่อ ฉันนั่งไขว่ห้างแล้วพูดกับเขาต่อ
「นอกจากนี้ด้วยฝีมือของตัวข้าคงไม่สามารถทำให้ท่านหญิงพึงพอใจได้」
「……ที่แกพูดมามันก็จริง」
「พลังของข้าไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มีดีหรือแย่ลง ไม่ว่าจะแกว่งดาบฝึกฝนอีกมากเท่าใด ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท่านได้」
「……เห้อ」
อันดับที่ 1 แห่งลำดับดวงดารา ฉันรู้ถึงความสามารถของตาแก่นี่ดี
เขาคือผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของลำดับตั้งแต่สมัยพ่อของฉัน โดยไม่ถูกใครโค่นลงได้เลย
ชายผู้แข็งแกร่งโดยสมบูรณ์ ทว่าก็ไม่มีวันจะแกร่งไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่แล้ว นั่นคือตัวตนของเขา
「วาส แล้วแกไปโลกเจออะไรน่าสนใจบ้างไหม? 」
「หื้ม ก็คงจะเป็นเด็กหนุ่มที่ท่านจับตามอง――」
「คนนั้นข้าจอง」
「โฮ่ๆๆๆ เข้าใจแล้วครับ นั่นสินะ หากจะให้นึกถึงเรื่องน่าสนใจก็คงเป็นพวกจัสติสครูเซเดอร์ครับ」
ก็น่าสนใจนิดหน่อย
สำหรับพวกที่สวมสูทซึ่งโกลดี้เป็นคนสร้าง
「จะว่าไปโกลดี้ก็เป็นคนที่แกเคยจับตามองอยู่นี่? 」
「แต่ก็เกินคาดตรงที่เขาเลือกดาวโลกเป็นจุดหมาย…บางทีอาจจะเพราะได้ยินเรื่องอดีตของข้าก็ได้มั้งครับ」
วาสมองคาตาเนะในมือของตน ก่อนจะพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ลึกซึ้ง
「ก็ได้แค่เฝ้ารอพวกนั้นเติบโตครับ」
「คงงั้น」
ตอนนี้หากจะให้เทียบความแข็งแกร่งของพวกเธอก็คงประมาณลำดับต้นๆ ของลำดับแห่งดวงดารา ดาวโลกนี่ช่างน่าแปลกจริงๆ
ระดับความคุกคามทางชีวภาพก็แสนต่ำต้อย อารยธรรมก็ยังไม่ถึงกับเดินทางในอวกาศได้
ทว่าพวกเขาก็สามารถเอาชนะพวกลำดับแห่งดวงดาราระดับสูงได้อย่างง่ายดาย
ช่างเป็นดาวที่ประหลาดแท้
「ดาวโลกนั้นถึงจะมีอารยธรรมและภัยคุกคามที่ดูต่ำต้อยหากเทียบกับดาวดวงอื่น ทว่าพวกเขาก็ได้พัฒนาสิ่งที่แตกต่างออกไปจากการเสริมแกร่งให้ตัวเองเพียงอย่างเดียว」
ฉันรู้สึกสนใจคำพูดของเขาจึงปล่อยให้พูดต่อ
「หากจะได้เทียบง่ายๆ ก็คงเป็นอาหารละมั้งครับ」
「หืม? 」
「สำหรับพวกเราแล้วอาหารก็เป็นเพียงสิ่งช่วยฟื้นฟูพลังทางกายและเสริมการรักษาบาดแผล เพราะในอวกาศนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือประสิทธิภาพและความเหมาะสม หาใช่รสชาติ」
「นั่นสินะ……」
ฟังดูสมเหตุสมผล
เพราะสิ่งมีชีวิตในดาวดวงอื่นนั้นจะพยายามผลักดันตัวเองไปสู่อวกาศและค้นหาทรัพยากรใหม่ๆ
ทว่าทาวโลกกลับพยายามจัดการทรัพยากรเท่าที่ตัวเองมีภายในดาว และสร้างวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
「เห็นว่าลำดับที่ 072 ก็ให้ความสนใจกับเรื่องนี้พอสมควรครับ」
「อ้อ เจ้านั่นน่ะเหรอ」
「ครับ ตอนนี้เขาอยู่บนโลกแล้ว」
อันที่จริงฉันก็รู้อยู่แล้ว
「น่าสนใจจริงๆ ว่าใครจะเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน」
「ถึงทุกคนจะต้องการสู้จนตัวสั่น แต่พวกเขาก็ยังเคารพคำสั่งท่านครับ」
「ทั้งที่ฉันพูดแค่ว่าตามสบายเลยเนี่ยนะ หึ」
ฉันขอเป็นผู้เฝ้าดูไป
สำหรับพวกลำดับสองหลัก การต่อสู้จากนี้คงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
「จะว่าไป ตอนนี้แกก็มีลูกกับเขาแล้วนี่ คิดจะเอายังไงต่อล่ะ? 」
「เป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยงครับ แต่หนทางยังคงอีกยาวไกล เพราะนางเป็นเด็กที่จิตใจดีเกินไปและไม่มีประสบการณ์มากพอ ถึงจะอยู่ลำดับ 067 แต่คงไม่เหมาะสมสำหรับการต่อสู้คราวนี้」
เขาขมวดคิ้วคิดเกี่ยวกับลูกตัวเอง
เห็นแล้วฉันก็อดขำไม่ได้
「นอกจากนี้เหมือนว่านางจะหลงใหลท่านมากเลยนะครับ」
「แล้วแกล่ะ? 」
「หากไม่ใช่คำสั่งคงต้องขอผ่านครับ」
ฉันที่พูดติดตลกก็โดนวาสก็โบกมือปฏิเสธ
มาถึงตรงนี้คงไม่มีทางที่หมอนี่จะหลงรักใครได้อีกแล้ว
「ให้ตายสิ อย่างที่เขาว่า พวกนักรบที่พึงพอใจกับชีวิตของตัวเองแล้วไม่เหลือช่องว่างให้เติบโตหรอก」
「ถึงเป็นแบบนั้นก็ยังชอบชวนข้าให้สู้ด้วยเหรอครับ? 」
「คนเรามันก็ย้อนแย้งแบบนี้แหละ ฮ่าๆๆ 」
หากเขาพอใจที่จะอยู่ที่เดิมและรักษาจุดยืนตัวเองเอาไว้ก็ปล่อยไปละกัน
ไม่มีอะไรน่าสนใจจะไปกระตุ้นมากกว่านี้ด้วยสิ
จากนั้นวาสก็มองไปยังภาพที่ฉายตรงหน้าของฉันก่อนนจะพูดออกมา
「การชื่นชอบใครสักคนและอยากจะให้เขาพัฒนาตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเพื่อมาต่อสู้และเอาชนะท่านให้ได้คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับที่นี่นัก แต่นักรบแห่งดาวโลกหาได้มองว่านั่นคือเรื่องน่าชื่นชม การกระทำของท่านก็ไม่ต่างอะไรกับการรุกรานที่พวกเขาต้องเอาตัวเข้าแลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้」
「 ถึงจะชมข้าไปก็ไม่มีอะไรให้หรอกนะ」
「ฮ่าๆๆ น่าเสียดายนะครับ」
วาสยิ้มออกมาก่อนถอนหายใจ
「นางมีจิตใจที่อ่อนไหวและเป็นคนขี้ขลาดที่เอาแต่นึกถึงขีดจำกัดของตัวเองและไม่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้า」
「…ก็เป็นอย่างที่ท่านว่า」
「ถึงฉันจะมีความคาดหวังในตัวของนางสูงจนเอาผลงานชิ้นเอกของโกลดี้ไปให้ แต่นางก็ยังสามารถดึงพลังสูงสุดของมันออกมาได้ หากเป็นอัศวินขาวตอนนี้ ฉันว่าคงจะจัดการไหว แต่เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะสู้กับพวกจัสติสครูเซเดอร์」
「แล้วท่านจะส่งนางไปไหมครับ」
「หุหุ แกนั่นแหละจะยอมเหรอ? นางจะตายเอานะ อีกฝ่ายไม่เมตตาต่อศัตรูด้วยสิ」
「หากจะตายก็เพราะขาดความสามารถเอง ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะแยกเรื่องส่วนตัวออกจากการต่อสู้」
「เอาเถอะ สำหรับฉันจะแบบไหนก็ไม่สนหรอก」
ตราบใดที่ทำให้คัตสึมิได้รับประสบการณ์และแข็งแกร่งขึ้น จะฝืนให้สู้กับลำดับสูงๆ หน่อยก็ไม่เป็นไร
….เพราะความสนุกมันกำลังเริ่มเท่านั้นเอง นอกจากนี้ยังมี….
「ไทป์ 1」
แกนพลังงานที่ถูกสร้างขึ้นมาจากร่างและวิญญาณของอัลฟ่าปริศนา ผ่านเวทต้องห้าม
ร่างของนักรบทมิฬที่ปรากฏตัวขึ้น ปีศาจร้ายที่ดูดกลืนพลังชีวิตของผู้ใช้งาน แค่คิดก็ทำให้ฉันใจเต้นแล้ว
「ชักจะรอไม่ไหวแล้วสิ……」
แต่ก็ต้องทนเอาไว้ก่อน
อดทนอีกสักนิด
ให้เขาได้มีพวกพ้อง
อาวุธที่เหมาะสม
คู่ต่อสู้ที่ฉันเฝ้ารอมากว่าหลายร้อยปีของแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก
ทว่ามันก็เป็นเรื่องจริงที่เข็มนาฬิกาชีวิตฉันในปัจจุบันมันเดินช้าเสียจนน่าเหลือเชื่อ
————-
Note 1 : จบบทสอง ขึ้นบท 3 น่าจะได้ตีกันยับละ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code