Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 316
การนับถอยหลังจบ พร้อมกับการทดสอบ
รายชื่อผู้ที่ผ่านการทดสอบแสดงขึ้น ชื่อของซูหลิงเยวี่ยก็อยู่ในนั้นเช่นกัน เธอสะสมแต้มมากพอที่จะขึ้นสู่อันดับที่ 5!
ลั่วเฟิงเทียนผ่านการทดสอบเช่นกัน จากผู้ชนะ 10 คนเขาเป็นคนเดียวที่ผ่านการฆ่าอย่างเดียว โดยไม่ได้รับหินแห่งฝัน เขาอยู่ในอันดับที่ 7 ด้วยแต้ม 36!
หนึ่งในสามของผู้เข้าร่วมการทดสอบตายเพราะลั่วเฟิงเทียน!
ผลงานของเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นผู้เข้าร่วมที่โดดเด่นและน่าประทับใจ เขาถือว่าเป็นตัวอันตรายต่อผู้เข้าร่วมทุกคน ความแข็งแกร่งของเขาควรจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ
50!
ในบรรดาผู้ชนะสิบคนแรกนอกเหนือจากซูหลิงเยวี่ยและลั่วเฟิงเทียนแล้ว ความสามารถของอีกแปดคนก็น่าทึ่งเช่นกันพวกเขาเป็นคนจากตระกูลเย่ หลิว และฉิน
พวกเขาบางคนเกิดมาในตระกูลใหญ่ และมีสถานะที่ชัดเจนในตระกูลนั้น ๆ บางคนเป็นลูกเมียน้อยในตระกูลและไม่มีชื่อเสียงอะไรมากมาย แต่พวกเขาก็สามารถสร้างชื่อได้!
ชื่อของสิบคนถูกเผยแพร่ การทดสอบรอบแรกสิ้นสุดลงแล้ว
ผู้ชนะก้าวลงจากเวทีท่ามกลางเสียงปรบมือดังสนั่น
คนที่แพ้ลงจากเวทีด้วยใบหน้าหดหู่ บางคนพยายามตามหาคนที่ฆ่าพวกเขาในโลกอินคิวบัส และจ้องมองด้วยความโกรธลั่วเฟิงเทียนเป็นคนที่ถูกเกลียดมากที่สุด ผู้เข้าร่วมที่พ่ายแพ้จำนวนมากจ้องมองเขาด้วยเจตนาร้าย ถึงอย่างนั้นลั่วเฟิงเทียนก็ยังคงสงบ ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจสายตาที่ดุร้ายเหล่านั้น
ซูหลิงเยวี่ยรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นกระหน่ำ ตอนแรกเธอมีความสุขเพราะโชค แต่เมื่อเธอผ่าน เธอก็รู้สึกว่ามีภาระเพิ่มขึ้นกว่าเดิมบนไหล่ของเธอ
ซูผิงเฝ้าดูซูหลิงเยวี่ยเดินกลับมา เขาพบว่าจำเป็นต้องสอนความรู้เธอเกี่ยวกับความสามารถของมังกรจันทราเหมันต์ ในกรณีที่เธอระวังตัวไป มันจะทำให้มังกรจันทราเหมันต์ช้าลง
“ น้องชายซู ขอแสดงความยินดีด้วย”ฉินชูไห่ยิ้ม
“ ตระกูลของคุณทำได้ดีเช่นกัน พวกเขามีศักยภาพมาก” ซูผิงตอบกลับแสดงความยินดีอย่างจริงใจต่อฉินซูไห่
ฉินชูไห่ตอบด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
การทดสอบรอบสองเริ่มขึ้น
มีผู้เข้าร่วมหนึ่งร้อยคนเข้าร่วมรอบนี้เหมือนเดิม
หลังจากสังเกตการทดสอบรอบแรก คราวนี้ไม่มีใครเริ่มก่อน พวกเขาทั้งหมดรออย่างเงียบ ๆ
แต่มันไม่ใช่ป่าอีกต่อไป เป็นที่ราบมีเนินเขา และพุ่มไม้ให้ซ่อน รวมทั้งหนองน้ำและก้อนหิน
สถานที่จะเปลี่ยนทุกครั้งเพื่อความเป็นธรรม
ซูผิงไม่สนใจอีกต่อไปเพราะซูหลิงเยวี่ยผ่านการทดสอบแล้ว เขาเอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อน
ฉินชูไห่พูดไม่ออก เขาหวังว่าซูผิงจะได้เห็นการแสดงของชายหนุ่มที่กำลังจะเป็นหัวหน้าตระกูลในอนาคตของตระกูลฉิน ฉินชูไห่คิดว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีที่ซูผิงจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับพรสวรรค์ของชายหนุ่มคนนั้น
เพียงแต่ว่าซูผิงไม่อยากรู้อยากเห็นเลย
เขามั่นใจขนาดนั้นจริงๆเหรอ?
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การทดสอบเริ่มขึ้นและสิ้นสุดลง ทุก ๆ ครั้งผู้ชมจะส่งเสียงเชียร์
ผู้เข้าร่วมบางคนเปิดเผยความดุร้ายในระหว่างการทดลอง มีคนหนึ่งที่ฆ่าผู้เข้าร่วมเกือบเจ็ดสิบคนและคว้า หินแห่งฝันไปห้าก้อน ได้รับแต้มมากที่สุด ในบรรดาผู้ชนะทั้งหมด เขายังคงอยู่ในอันดับต้น ๆ และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
“ ชายหนุ่มจากตระกูลเย่มีจิตใจที่ชั่วร้ายจริงๆ!”
“ ฉันรู้ว่าคนพวกนั้นไม่ได้ตายจริงๆ แต่ก็อย่างว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องทำให้หลาย ๆ คนขุ่นเคืองหลังจากสิ่งที่เขาทำในนั้น”
“ ฉันได้ยินมาว่าชายหนุ่มคนนี้ซึ่งเป็นว่าที่ผู้นำของตระกูลเย่มีความสามารถมาก เขาไม่เลื่อนขึ้นไปขั้นสูงเพราะเขาต้องการเข้าร่วมในลีกนักรบปีนี้”
“ เขาสามารถใช้พลังได้ในระดับเก้าทั้งๆที่เขาอยู่ระดับหก! สมกับเป็นอัจฉริยะจริงๆ!”
ในพื้นที่รอ ผู้เข้าร่วมกำลังสนทนากันอย่างดุเดือด
ผู้เข้าร่วมตระกูลมู่พักอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ชายหนุ่มคนหนึ่งชัดว่าเป็นผู้นำ เขาจะเป็นผู้นำตระกูลมู่ในอนาคต และอายุน้อยกว่าชายหนุ่มตระกูลเย่เพียงไม่กี่ปี ในปีนี้เด็กชายตระกูลมู่ไม่ได้วางแผนที่จะได้อันดับสูง เขามาที่นี่เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์
“ ในปีนี้การแข่งขันระหว่างตระกูลเย่และตระกูลฉินน่าสนใจมาก” ชายหนุ่มคนหนึ่งของตระกูลมู่แสดงความคิดเห็น
ในช่วงลีกนักรบก่อนหน้านี้ แชมป์เป็นคนจากตระกูลมู่ เวลานี้มู่เฉินเพิ่งจบการศึกษาจากสถาบัน เขายังคงเป็นมือใหม่และไม่ได้วางแผนที่จะต่อสู้ชิงแชมป์
ทุกคนมีหนทางของตัวเอง ตระกูลมู่ไม่คาดหวังว่าเขาจะกลายเป็นแชมป์
“ หลิวเขียนซินก็เก่งเหมือนกัน เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์” มู่เฉินพูดอย่างใจเย็น
เป้าหมายของเขาคือการติด 10 อันดับแรกในครั้งนี้ กระนั้นเขาก็ยังคงมองคนที่อาจติด 1 ใน 5 หรือ 3 อันดับแรกด้วยสายตาดูถูก
เพียงเพราะเขาเป็นว่าที่ผู้นำตระกูลมู่
ในอีกสามปี ในลีกนักรบถัดไปเป้าหมายของเขาคือแชมป์!
ที่จุดรวมตัวของตระกูลหลิว
“ พี่ชายเจียนซิน ผู้หญิงคนนั้นคือซูหลิงเยวี่ย เธอสวยมาก” เด็กชายตระกูลหลิวยิ้มกว้าง
หลิวเจียนซินรีบเหลือบมองซูหลิงเยวี่ย แล้วตอบว่า“ อย่าประมาทเธอ มังกรตัวนั้นยังไม่ได้แสดงพลังเต็มที่”
“ นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าพี่ถามผม ผมคิดว่ามังกรนั้นอยู่ที่ระดับแปดมากที่สุด เช่นเดียวกับที่หัวหน้าตระกูลของเราคาดเดา ผู้หญิงคนนั้นอ่อนแอ เมื่อเรากำจัดเธอออกไป อสูรของเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม”
“ น่าเสียดาย ฉันไม่เจอเธอ ไม่งั้นฉันจะทำให้เธอร้องไห้และแพ้ตั้งแต่รอบทดสอบ”
“ ฉันอยู่ในรอบเดียวกันกับเธอ แต่ไม่เจอเธอ”
“ ช่างเถอะ คู่ต่อสู้ที่แท้จริงของเราคือผู้ชายจากตระกูลฉิน ฉินเส้าเทียน เขายังไม่ได้ใช้อสูรหลักของเขา เขาสามารถผ่านการทดสอบด้วยอสูรที่มีสายเลือดระดับเจ็ด ฉันได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นฆ่าอสูรร้ายระดับเก้าในอาณาจักรลับ แต่ไม่รู้ว่านั่นเป็นความจริงไหม”
“ ระดับเก้า? เป็นไปได้ยังไง!”
“ อาจจะได้ แต่เขาต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสในตระกูลของเขา นายไปได้ยินมาจากไหน?”
ผู้เข้าร่วมตระกูลหลิวจับจ้องไปที่ตระกูลฉินด้วยความกังวล พวกเขาไม่สามารถยืนยันได้ว่าข่าวนั้นจริงหรือปลอม แต่แท้จริงแล้วพวกเขารู้ว่า ฉินเส้าเทียนคนนี้น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่อสูรของเขา แต่เป็นความสง่างามในการต่อสู้ ราวกับว่าการแข่งขันมีไว้เพื่อสร้างชิ้นงานศิลปะ นั่นทั้งสวยงามและน่ากลัว
ตระกูลฉิน
ชายหนุ่มที่มีหน้าตาสะอาดสะอ้านและสูงส่งนั่งอยู่ในบริเวณนี้พร้อมกับคนอื่น ๆ จากตระกูลฉินเขาไม่ได้มองไปที่ผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ แต่กลับเงยหน้าขึ้นจ้องมองเมฆ
เมฆที่ลอยอยู่ดูเหมือนจะทำให้เขาทึ่ง
“ ท่าน มู่เฉินยังไม่มีประสบการณ์ แต่ผู้พิทักษ์ของเขาน่ากลัว อีกฝ่ายปิดบังพลังเอาไว้ แต่ผมเชื่อว่าอย่างน้อยเขาก็อยู่ในระดับแปด!”
“ เช่นเดียวกันสำหรับตระกูลหลิว นอกเหนือจากว่าที่ผู้นำตระกูลหลิวเจียนซินก็ก้าวร้าวเช่นกัน ผมได้ยินมาว่าเขารับประกันว่าจะติด 5 อันดับแรก” “ พรสวรรค์ของตระกูลเย่ไม่ควรมองข้าม!”
คนของตระกูลฉินคอยรายงานสถานการณ์ให้ฉินเส้าเทียนฟังเสมอ
พวกเขารายงานเสร็จแล้ว แต่ฉินเส้าเทียนยังคงมองขึ้นไปบนท้องฟ้า พวกเขาเงยหน้าขึ้นเช่นกัน แต่ไม่พบสิ่งที่น่าสนใจบนท้องฟ้า
พวกเขามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มขมขื่น ในที่สุดก็มีคนกล้าคิด และถามว่า“ ท่านได้ยินไหม…ที่เราพูดนะ?”
ฉินเสาเทียนหลับตาของเขาวินาทีหนึ่งแล้วลืมขึ้นอีกครั้ง “ นายเห็นดาบไหม?” เขาพูดด้วยเสียงต่ำ
ดาบ?
พวกเขามองขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือเมฆ ดาบที่ไหน?