Astral Pet Store ร้านขายอสูรดวงดาว - ตอนที่ 308
กลับไปยังพื้นที่เมืองตอนบน
ตระกูลโจวหมดสิ้นทุกวิถีทางที่จะหยุดการรั่วไหลของข้อมูล
ตระกูลใหญ่อื่น ๆ คนรวยหรือมีอำนาจบางคนได้รับข่าวนี้
ตระกูลโจวถูกโจมตี!
พวกเขาสูญเสียนักรบอสูรกิตติมศักดิ์!
คำพูดเหล่านั้นเพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ขุมอำนาจทั้งหมดในเมืองตกใจ
พวกเขาส่งคนออกไปขุดหารายละเอียดเพิ่มเติม ในไม่ช้าข่าวอื่นที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็มาถึงหู
คนเพียงคนเดียวได้บุกตระกูลโจว
ข้อมูลนี้เพียงอย่างเดียวได้กระตุ้นให้เกิดความปั่นป่วน ขุมอำนาจหลักทั้งหมดตื่นตัว!
บุคคลที่สามารถโจมตีตระกูลโจวทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะขัดขวางสถานการณ์ปัจจุบันในเมืองฐานหลงเจียง
ความเงียบสงบที่เคยปกครองพื้นที่ทางตอนบนของเมืองถูกทำลายลงในขณะนี้
ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิว
สมาชิกผู้ก่อตั้งและผู้นำของตระกูลหลิวทั้งหมดนั่งอยู่ในห้องประชุม ใบหน้าของทุกคนมืดครึ้มเมื่อตระกูลหลิวได้รับข้อมูลจาก “หนอน” ที่พวกเขาส่งไปแฝงอยู่ในตระกูลโจว ตระกูลหลิวทั้งหมดก็จมดิ่งเพราะไม่อยากจะเชื่อ
ข้อมูลที่ได้รับครอบคลุมรายละเอียดทุกอย่าง พวกเขาไม่เพียงแต่รู้ว่ามีการโจมตี แต่ยังระบุตัวตนของคนที่โจมตีๆกเอีกด้วย … การโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับร้านขายอสูรพิกซี่!
ร้านขายอสูรพิกซี่เป็นร้านใหม่ เนื่องจากการแข่งขันกับตระกูลหลิว รวมถึงความบ้าคลั่งกับมังกรเพลิงนรก ร้านขายอสูรแห่งนั้นจึงได้รับความสนใจไม่น้อย
เป็นความจริงที่ทราบกันดีว่าตระกูลหลิว และร้านค้านั้นเป็นคู่แข่งกัน
เกมนี้ดำเนินมาครึ่งทางแล้ว ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาทำให้ตระกูลหลิวประหลาดใจ
เขาเล่นงานผิดเป้าหมายหรือเปล่า?
โดยปกติสิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ตระกูลหลิวกระตือรือร้นที่จะค้นหาว่าเหตุใดร้านค้าแห่งนั้นจึงโจมตีตระกูลโจว
“ ทุกคนได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วใช่ไหม?”
หลิวเทียนจง หัวหน้าตระกูลลุกขึ้นยืน กวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง “ ครึ่งชั่วโมงที่แล้วตระกูลโจวถูกโจมตี ผู้เสียชีวิตคือโจวเฟิง คนที่เพิ่งจะเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์เมื่อไม่กี่ปีก่อน พวกนายต้องรู้จักเขา แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์นาน แต่เขาก็เป็นอัจฉริยะในตระกูลโจว ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเขาคือตอนที่เขายังอยู่ในระดับแปด เขาสามารถหลบหนีการจับกุมของนักรบอสูรกิตติมศักดิ์จากเมืองฐานอื่นได้ ว่ากันว่าเขาสามารถสู้กับคนที่มีระดับสูงกว่าได้ นอกจากนี้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขามักจะเก็บตัว ถ้าเขาไม่ถูกฆ่าเขาก็จะกลายเป็นนักรบระดับแนวหน้า เป็นเสือซ่อนในตระกูลโจว!”
ห้องนั้นเงียบราวกับหลุมศพ หลิวเทียนจงพูดต่อ แต่ก็ลดเสียง“ เสือที่กำลังก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างมั่นคงกลับถูกฆ่าตายภายในเขตบ้านของตระกูลโจว พวกนายคิดว่าผู้ลงมืออยู่ระดับไหน?”
คนอื่น ๆ หลีกเลี่ยงที่จะสบตากับหลิวเทียนจง คำตอบที่พวกเขาคิดเป็นการตอกย้ำตัวเอง
เพื่อที่จะสามารถฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์ของตระกูลโจวในถิ่นตระกูลโจวได้ อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ขั้นสูงสุด…
เนื่องจากไม่มีใครพูดอะไร หลิวเทียนจงกล่าวต่อว่า“ ตามแหล่งข่าว โจวเฟิงถูกฆ่าตายเพราะเขาอยู่คนเดียวและประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป อย่างไรก็ตาม หลังจากคนนั้นฆ่าโจวเฟิง เขาก็ได้ต่อสู้กับผู้นำตระกูลโจวเทียนหลิน รวมถึงผู้อาวุโสคนอื่น ถึงกระนั้นบุคคลนั้นก็ยังสามารถผยองได้อยู่ ไม่มีใครทำอะไรเขาได้ กล่าวได้ว่า คนคนนี้น่าจะอยู่ในจุดสูงสุดแล้ว!”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ซึ่งทำให้ความเงียบในห้องยิ่งเงียบลงไปอีก
ครู่ต่อมาชายชราคนหนึ่งพูดขึ้น“ ท่านครับ ทำไมชายคนนั้นถึงโจมตีตระกูลโจว? ถ้าคนคนนั้นเกี่ยวข้องกับร้านขายอสูร ทำไมพวกเขาถึงทำให้ตระกูลโจวขุ่นเคือง ในเมื่อพวกเขามีเราเป็นศัตรูอยู่แล้ว? หรือตระกูลโจวไปทำให้พวกเขาไม่พอใจ?”
คนอื่น ๆ หันไปหาหลิวเทียนจง เพราะพวกเขาก็สงสัยในเรื่องนี้เช่นกัน
เดิมที พวกเขาคิดว่าร้านนี้น่าจะมาจากเมืองฐานอื่นที่คิดพยายามปักหลักในเมืองฐานหลงเจียง และเลือกเป้าหมายเป็นตระกูลหลิวเพื่อเข้ามาแทนที่
แต่หลังจากการโจมตีนี้ ตระกูลหลิวก็ไม่คิดแบบนี้อีกต่อไป
การกล้ายั่วยุตระกูลหลิวนับว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ร้านค้านั้นกลับทำให้ตระกูลใหญ่อีกตระกูลโกรธ ซึ่งถือได้ว่า ตอนนี้ร้านค้านั้นมีสองตระกูลใหญ่เป็นศัตรู!
ตระกูลโจวต้องทำอะไรบางอย่างที่เลวทราม จนทำให้เจ้าของร้านต้องลงมือ!
นั่นเป็นอะไรที่ทุกคนคิดในใจ
หลิวเทียนจงสังเกตเห็นท่าทางของผู้เข้าร่วมประชุม เขาเม้มปาก เขารู้สาเหตุของการโจมตีจากสายที่แฝงไว้ในตระกูลโจวแล้ว
สายลับคนนั้นทำงานกับตระกูลโจวมานานกว่ายี่สิบปี และจะติดต่อหลิวเทียนจงด้วยตนเองเท่านั้น
เมื่อหลิวเทียนจงได้รับแจ้งถึงเหตุผล เขาก็สงสัยอยู่ครู่หนึ่งว่าเขาได้ยินผิดหรือเปล่า เหตุผลที่ตระกูลโจวถูกโจมตีนั้นไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาจินตนาการ …
หลิวเทียนจงหายใจเข้าลึก
จากนั้นเขาเริ่มอธิบายอย่างช้าๆ“ ตระกูลโจวตกเป็นเป้าหมายเพราะพวกมันติดสินบนคนที่ซื้อบริการ 100 อันดับแรกในร้านนั่น วางแผนทำให้ร้านนั้นเสียชื่อ พวกมันยังบอกให้บุคคลนั้นแสร้งทำเป็นว่าโดนตระกูลหลิวสั่งมา เพื่อทำให้สถานการณ์ระหว่างเราแย่ลง”
คำพูดนั้นทำให้ทุกคนนิ่งงัน
มีใครบางคนจ้องมองหลิวเทียนจงด้วยความสับสน รอให้เขาพูดต่อ แต่เขาก็หยุดพูดไปเลย ชัดเจนว่าเขาอธิบายจบแล้ว
มันคืออะไร?
เอาจริง?
คนคนนั้นไปบุกเข้าไปในเขตตระกูลโจวเพียงเพราะส่งคนมาทำลายชื่อเสียงของร้านค้า?
เขาฆ่านักรบอสูรกิตติมศักดิ์เพราะเรื่องนี้?!
ทุกคนจ้องหน้ากันอย่างตกใจ แสดงสีหน้าไม่เชื่อ พวกเขาเคยคิดว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างการฆ่าพ่อแม่ พวกเขาไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้?!
ทำลายชื่อเสียงของร้าน?
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทำทุกวันในโลกออนไลน์!
การทำให้ฝ่ายตรงข้ามอับอายเป็นวิธีการพื้นฐานที่ใช้ในการแข่งขันทางการค้า ไม่ใช่หรอ?!
ใช่ ตระกูลโจวได้ส่งคนไปทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยที่ร้าน นี่เรียกได้ว่าเป็นการล้ำเส้น!
นั่นคือสาเหตุความพินาศของตระกูลโจวงั้นเหรอ?
ไม่มีใครรู้ว่าควรจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าตระกูลโจวทำให้ตระกูลหลิวโกรธด้วยการใช้วิธีนี้ และพวกเขาก็รู้สึกไม่พอใจตระกูลโจวอย่างมาก
ตระกูลโจวไม่สมควรได้รับความเห็นอกเห็นใจ ควรถูกสมน้ำหน้า!
ตอนนี้ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น พวกตระกูลโจวนั้นสมควรแล้ว!
“ ตระกูลโจว…พวกมันทำอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือไง?” มีคนแสดงความคิดเห็น คนอื่น ๆ พยักหน้าเห็นด้วย
พวกมันเป็นแค่คนสังเกตการณ์ และควรอยู่เงียบๆ จะมาเกี่ยวข้องทำไม?
เพื่อความสนุก?
ความสนุกนั้นแลกมาด้วยชีวิตของคนในตระกูล
ในทางกลับกันตระกูลหลิวต้องขอบคุณตระกูลโจว อย่างน้อยที่สุด ตระกูลโจวก็ได้ขุดข้อมูลที่ซ่อนอยู่เกี่ยวกับร้านค้าให้พวกเขา
ก่อนอื่นดูเหมือนว่าจะมีนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ในร้าน
นอกจากนี้ร้านนี้ก็ค่อนข้างแปลก คุณไม่สามารถระบุได้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของร้านจะโกรธเมื่อใด สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด เพราะสิ่งที่ตระกูลโจวทำ ตระกูลหลิวจึงสามารถหาวิธีชนะผ่านอีกเส้นทางได้
เส้นทางที่ว่านั่นคือความโง่เขลาและความโชคร้ายของตระกูลโจว
ในเหตุการณ์นี้ตระกูลโจวพยายามที่จะลากตระกูลหลิวลงมา ตามสถานการณ์ปัจจุบัน ร้านค้าเป็นปัญหาใหญ่กว่าตระกูลโจว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครมีความคิดที่สมบูรณ์เกี่ยวกับร้านนี้ ในทางกลับกัน พวกเขาคุ้นเคยกับตระกูลโจวเป็นอย่างดี
ศัตรูของศัตรูคือมิตร
ตระกูลโจวต้องประสบกับความสูญเสีย พวกเขาคงไม่ปฏิเสธหากตระกูลหลิวไปเสนอว่าจะร่วมมือกับพวกเขา
“ ท่านครับ พรุ่งนี้เราควรดำเนินการตามแผนที่เราเตรียมไว้กับร้านค้านั่นไหมครับ?” ชายคนหนึ่งถามด้วยความกังวล เขากังวลว่าจะไปยั่วโมโหร้านแปลก ๆ นี้เข้า
หลิวเทียนจงเลิกคิ้ว “ แน่นอน เราไม่ใช่ตระกูลโจว ถ้าใครคนนั้นกล้าเข้ามาทำร้ายเรา ฉันแน่ใจว่ามันจะไม่มีทางกลับไปได้!” เขาฟังดูมั่นใจ
“ใช่!”
“ถูกต้อง ตระกูลโจวไม่เหมือนเรา ฉันล่ะอยากจะได้ลองต่อสู้กับเขาชะมัด!”
“ นี่คือที่ของเรา การย่างกรายเข้ามาก็เท่ากับความตาย!”
ทุกคนออกความคิดเห็น
หลิวเทียนจงยกมือขึ้นเพื่อหยุดเสียงคนอื่น ๆ ความเงียบกลับคืนมาในห้องประชุม จากนั้นเขาก็เริ่มการสนทนาอีกรอบเกี่ยวกับการติดตามผล ในขณะเดียวกันเขาก็มอบหมายให้ใครบางคนขุดคุ้ยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโจมตีตระกูลโจว
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามีอะไรมากกว่านั้นในเรื่องนี้
ที่คฤหาสน์ตระกูลฉิน
ในสวนไผ่ที่เงียบสงบ ชายสูงอายุคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในศาลา จิบชาและพักผ่อน
“ พ่อ นั่นคือทั้งหมด” ชายวัยกลางคนร่างกำยำmujนั่งข้างศาลาน้ำชาพูด เขาเป็นลูกชายของหัวหน้าตระกูลฉิน ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกกำหนดให้เป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉิน
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับปานกลาง ก่อนที่ตระกูลฉินจะตกมาอยู่ในมือเขา ลูกชายของเขา ฉินเส้าเทียนได้ถือกำเนิด ความแข็งแกร่งของเขาถูกปลุกขึ้นทันทีที่เขาลืมตาตื่นขึ้น ต่อมาเขาแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะ จากนั้นเขาก็เข้ารับตำแหน่งของพ่อ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉิน หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาจะยึดครองตระกูลฉินในอนาคต
ชายวัยกลางคนดีใจที่มันเป็นลูกชายของเขา
“พ่อเข้าใจ ” ชายสูงอายุนั่งบนเก้าอี้โยก โบกพัดเบา ๆ เขาหลับตาลงในขณะที่พักผ่อนอย่างสบาย บนโต๊ะ ไอน้ำจากถ้วยชาลอยเข้าจมูกของเขา กลิ่นหอมทำให้ผ่อนคลาย
“ ฉันถามได้โจวเรื่องร้านค้านั่น แต่เขาพูดกับฉันเพียงเล็กน้อย เขาเตือนฉันแค่ว่าอย่าไปยั่วโมโหร้านนี้”
ชายสูงอายุลืมตาขึ้นช้าๆ “ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โจวไม่เคยกลัวใคร แต่เขากลับบอกให้อยู่ห่าง ๆ …จากร้านนี้”
ชายวัยกลางคนร่างกำยำตกใจ ตระกูลโจวไม่เปิดเผยความลับเกี่ยวกับร้านนี้กับพวกเขาเพียงเพราะกลัวว่าเราจะทำให้เจ้าของร้านไม่พอใจ?
เจ้าของคนนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน?
ในแง่หนึ่งนี่เป็นการบอกเป็นนัยว่ารัฐบาลต้องล่วงรู้บางสิ่งบางอย่าง และความลับนี้ก็น่ากลัวมาก!
“ นอกจากนี้ ในเรื่องของตระกูลโจว คนคนนั้นไม่ได้หนีไป แต่เขาเกือบจะทำลายทั้งตระกูลโจว บังคับให้พวกเขายอมจำนนจริงๆ…” ชายสูงอายุกล่าวต่อ
“อะไรนะ?!”
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืนทันที เกือบจะกระแทกโต๊ะหิน เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความประหลาดใจ
คน ๆ เดียวเอาชนะทั้งตระกูล?!
เป็นไปได้ยังไง !!
ในบรรดาห้าตระกูลหลัก ตระกูลโจวนั้นอ่อนแอที่สุด แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นตระกูลใหญ่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาตระกูลโจวยังคงรักษาตำแหน่งไว้ได้ พลังของพวกเขาน่าประทับใจ
ชายสูงอายุขมวดคิ้วกับพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นของลูกชาย เขามองระลอกในถ้วยน้ำชาแล้วสั่งชายวัยกลางคนว่า“ นั่งลง”
ชายวัยกลางคนรู้ตัวว่ากำลังลืมตัว เขานั่งลงอย่างเชื่อฟัง “ พ่อว่าจริงมั้ย? ถ้าเป็นเช่นนั้น คนๆนั้นควรจะเป็นยอดนักรบอสูรกิตติมศักดิ์ หรือแม้แต่…นักรบอสูรในตำนานใช่ไหม?”
เมื่อพูดถึงท้ายประโยค เสียงของเขาก็เริ่มสั่น
ตำนาน..
ทั่วทั้งทวีปในเมืองฐานหลายสิบเมือง มีนักรบอสูรในตำนานเพียงสองคนเท่านั้น!
นักรบอสูรในตำนานสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งทวีปได้ มีใครอยากมาอยู่ในเมืองฐานหลงเจียง และอยู่ในร้านเล็ก ๆ นั่นไหม?!
ชายวัยกลางคนกลัวที่จะปล่อยให้ความคิดของเขาดำเนินต่อไป
“ อย่าคิดมาก รอดูไปก่อน” ชายสูงอายุกล่าวแล้วหลับตาอีกครั้ง
มีข่าวจากตระกูลโจวออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วตระกูลใหญ่ และแหล่งข่าวก็ต่างกัน เมื่อมีข้อมูลมากขึ้นความจริงก็บิดเบี้ยว ข้อมูลบางอย่างเกินจริง ทุกอย่างฟังดูไม่น่าเชื่อและเหนือจริง
มีเพียงชนชั้นสูงในตระกูลใหญ่เท่านั้นที่ตระหนักถึงความจริง
พวกเขายังคงขุดหาข้อมูลเพิ่มเติม เพราะตระกูลโจวทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลหลุดออกไป สิ่งที่ตระกูลใหญ่ทั้งหมดแน่ใจก็คือตระกูลโจวต้องสูญเสียครั้งใหญ่ และการโจมตีนั้นเกี่ยวข้องกับร้านขายอสูรแห่งนั้น
อย่างไรก็ตามร้านขายอสูรแห่งนั้นถูกผู้คนทำเครื่องหมายว่า“ อันตราย” และ“ แปลก”
ที่ร้านขายอสูรพิกซี่
ซูผิงเรียกโจแอนนา บอกให้เธอไปที่สนามบ่มเพาะด้วย
เขาเพิ่งเลือกทักษะใหม่สำหรับโครงกระดูกน้อย โจแอนนานั้นมีความรู้เยอะ เธออาจวิเคราะห์ทักษะได้
ซูผิงสุ่มเลือกสนามบ่มเพาะขั้นพื้นฐานที่ไม่มีผู้คนอาศัย ซึ่งจะเสียแต้มพลังงานเพียงจุดเดียวสำหรับการเข้าไป
นั่นคือดาวเคราะห์ที่ไม่มีใครอยู่และรกร้าง ซูผิงยืนอยู่บนพื้น สามารถมองเห็นดาวเคราะห์ดวงอื่นขนาดต่างๆใกล้ ๆ และจ้องมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอันกว้างใหญ่
แต่ซูผิงไม่รู้ว่าเป็นกาแล็กซี่ใด
โจแอนนามองไปรอบ ๆ ทุกครั้งที่เธอเข้าสู่โลกที่แปลกประหลาด เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายของบ้านเกิดของเธอ ถึงกระนั้นความพยายามนั้นก็ไร้ผลอีกเช่นเคย
สนามบ่มเพาะที่ซูผิงเลือกดูเหมือนจะอยู่ทั่วทั้งจักรวาล เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอ เธอได้เรียนรู้ว่าจักรวาลนั้นไร้ขอบเขต อยู่ห่างไกลจากแดนเทพกลางที่เธอจากมา
ซูผิงเรียกโครงกระดูกน้อย
โครงกระดูกตัวน้อยยืนอยู่ข้างเท้าของซูผิง เงยหน้าขึ้นมองเขา
ซูผิงยิ้มและลูบหัว เขาบอกให้โครงกระดูกน้อยก้าวไปข้างหน้า ปลดปล่อยทักษะในตำนาน
โครงกระดูกน้อยพยักหน้า ด้วยแสงวูบวาบ โครงกระดูกน้อยปรากฏขึ้นอีกครั้งในจุดที่ห่างไปร้อยเมตรบนท้องฟ้า
โจแอนนาละสายตาจากท้องฟ้า จดจ่ออยู่ที่โครงกระดูกน้อย เธอได้พบเจอกับโครงกระดูกน้อยหลายครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เธอสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่โครงกระดูกทั่วไป แต่เป็นโครงกระดูกที่มีสายเลือดสูงส่งและหายากมาก
ในไม่ช้า พลังงานมืดก็โผล่ออกมาจากร่างของโครงกระดูกน้อย ก่อตัวเป็นมวลพลังปีศาจ ด้วยเสียงคำรามต่ำ โครงกระดูกตัวน้อยก็ระเบิดออกมาจากเปลวไฟรุนแรง เบื้องหลังเปลวไฟ ภาพลวงตาขนาดใหญ่ของราชาโครงกระดูกปรากฏขึ้นจางๆกลางอากาศ
ในขณะเดียวกันภาพของราชาโครงกระดูกก็ทำตามในสิ่งที่โครงกระดูกน้อยทำ พวกมันประสานมือกัน ทำท่าเหมือนดึงอะไรบางอย่าง
ราวกับว่าพวกมันกำลังดึงประตูที่มองไม่เห็นให้เปิดออก
ความว่างเปล่าพลันพังทลายลง รอยแตกปรากฏขึ้น ทันใดนั้นแสงในบริเวณโดยรอบก็หรี่ลง กลิ่นอายความตายแผ่ออกมา ได้ยินเสียงครวญครางของผีและหมาป่าอยู่รอบ ๆ เสียงนี้ไม่ได้ยินจากหู แต่เป็นสัมผัสโดยตรงจากวิญญาณ
รอยแตกขยายกว้างขึ้น ขณะที่ช่องว่างถูกฉีกออกโดยราชาโครงกระดูก
ทันใดนั้นหมอกสีดำหนาแน่นจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมาจากภายใน!
ในขณะที่ยืนอยู่ข้างๆซูผิง โจแอนนารู้สึกหวาดกลัว เธอตะโกนว่า“ นี่คือโลกแห่งปีศาจอันเดธ !!”
ซูผิงไม่เข้าใจ “อะไร?”
แสงสีทองปกคลุมตัวโจแอนนา เธอพร้อมที่จะต่อสู้ เธอต้องการปกป้องตัวเองโดยสัญชาตญาณ
ซูผิงบอกเธอว่าการตายของเธอจะไม่เกิดขึ้นจริงในขณะที่อยู่ในสนามบ่มเพาะ แต่เธอไม่เคยเสียชีวิตในสนามบ่มเพาะมาก่อน และเธอก็ไม่อยากลอง
ซูผิงประหลาดใจกับปฏิกิริยาของโจแอนนา เขาไม่คาดคิดว่าทักษะใหม่ของโครงกระดูกน้อยจะทำให้เธอเครียด แน่นอนว่าเขาเองก็สังเกตเห็นบางอย่าง ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่ทักษะธรรมดา รอยแตกเป็นเหมือนประตูและเบื้องหลังมันคืออีกโลกหนึ่ง!
“ โลกแห่งปีศาจอันเดธ…” ซูผิงพึมพำ เขาสงสัยว่าเขาจะหาชื่อในรายชื่อสนามบ่มเพาะได้ไหม?
ในเวลานี้ หมอกสีดำที่โผล่ออกมาจากประตูแห่งความตายแข็งตัวทันที ด้านหลังของโครงกระดูกน้อย หมอกสีดำกลายเป็นสัตว์ประหลาดมืดที่มีกลิ่นอายปีศาจรุนแรง บางตัวมีปีกแปดปีกบนหลังเหมือนนางฟ้า ปีศาจบางตัวปกคลุมด้วยกรงเล็บแปลก ๆ และบางตัวก็เป็นเพียงมวลเนื้อน่ากลัว
สัตว์ประหลาดทุกตัวที่กลายร่างมาจากหมอกปีศาจล้วนมีกลิ่นอายป่าเถื่อน
เมื่อจ้องมองไปที่โครงกระดูกน้อยซึ่งยืนอยู่ตรงหน้ารอยแยก รายล้อมไปด้วยปีศาจ ทันใดนั้นซูผิงก็รู้สึกว่าโครงกระดูกน้อยกลายเป็นราชาของพวกมัน
ราชาปีศาจ!
ราชาแห่งความชั่วร้าย!
“ อยากลองดูไหม?” ซูผิงถามโจแอนนา
โจแอนนาจ้องมองซูผิง เธอรู้สึกขุ่นเคืองกับคำพูดของเขา
ลอง?
หึ นายพาฉันมาที่นี่ในฐานะคู่ซ้อมซินะ เข้าใจแล้ว!
“ ไม่ต้องกังวล เธอแข็งแกร่ง นอกจากนี้คือเธอจะไม่ตาย” ซูผิงปลอบโยนเธอ
โจแอนนาขบฟัน
“ ช่างมันเถอะ มันก็แค่ปีศาจ ฉันไม่จำเป็นต้องกลัวพวกมัน!”
ด้วยความเย็น แสงสีทองปกคลุมตัวโจแอนนา และจากฝ่ามือของเธอ แสงสีทองก็ควบแน่นเช่นเดียวกับสายฟ้าที่แข็งตัวอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหอกอันแหลมคมที่เคยเกือบจะฆ่าหยวนเทียนเฉิน
ก่อนที่เธอจะลงมือ โจแอนนาพูดอย่างภาคภูมิใจว่า“ ถ้าฉันไม่ตายที่นี่ ก็อย่ามาว่าฉันล่ะ…”
ซูผิงยิ้ม “โจมตีเลย” เขาสั่งโครงกระดูกน้อย
โครงกระดูกน้อยเอียงหัวด้วยความสับสน แต่มันก็เชื่อฟัง วินาทีต่อมาสัตว์ประหลาดจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มโจมตีโจแอนนา
ทันใดนั้นสงครามที่น่าสะพรึงกลัวก็ได้เกิดขึ้นบนดาวร้างซึ่งเงียบสงบมาเนิ่นนาน แสงสีทองและพลังงานชั่วร้ายปะทะกัน ฉีกพื้นดินให้เปิดออก เสียงคำรามและเสียงร้องของสัตว์ประหลาดดังไปทั่วทุกที่
การต่อสู้ดำเนินไปเพียงห้านาที โจแอนนาเจาะโครงกระดูกน้อยด้วยหอกของเธอ โครงกระดูกน้อยกลายเป็นกองกระดูก มันสามารถคืนชีพได้ อย่างไรก็ตามพลังงานส่วนใหญ่ของโครงกระดูกน้อยก็ลดลง ด้วยการตายอีกไม่กี่ครั้ง โครงกระดูกน้อยจะไม่สามารถทำให้ตัวเองกลับมามีชีวิตได้อีกต่อไป!
แน่นอนว่าแม้จะตายจริง ซูผิงก็สามารถชุบชีวิตโครงกระดูกน้อยได้ เนื่องจากที่นี่คือสนามบ่มเพาะ