ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก - ตอนที่ 173
ตอนที่ 173 โครตต้นไทร
“งั้นฉันขอถามหน่อย… ถ้าพวกเราจะออกไปสํารวจหาทางออกอย่างที่เธอว่า แล้วพวกเราจะกลับมาตรงจุดนี้ได้ยังไง เห็นหรือเปล่าว่าตรงนี้มันมืดลงทุกขณะ พวกเราแทบจะมองหน้ากันไม่เห็นอยู่แล้ว แล้วอีกอย่างหนึ่งถ้า เราเข้าไปในป่าหมอกมันก็จะลงใช่ไหม!? จําได้ไหมตอนที่เราไล่ตามหมาป่ากลายพันธุ์ฝูงนั้นกับไล่ตามสาวก พวกเราเองก็มองไม่เห็นเส้นทางเหมือนกัน ถ้าพวกเราไม่ได้ยินเพลงจากพวกสาวกพวกนั้นพวกเราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าศาลเจ้านั่นอยู่ห่างจากฝูงหมาป่ามากแค่ไหน… แล้วมั่นใจได้ยังไงว่าพวกเราจะกลับมาทางเดิมได้”
หลินม่อรู้สึกสับสน ศาลเจ้าแถวนี้จากเดิมที่น่ากลัวอยู่แล้ว ตอนนี้น่ากลัวมากขึ้นยิ่งขึ้นไปทวี โดยเฉพาะเมื่อมองไปที่ต้นไทรที่ต้นใหญ่โตและบิดเบี้ยวพวกนั้น จิตใจของเขามันก็แทบจะดิ่งลงเหว… ในเมื่อรู้ว่าต้นไทรพวกนั้นน่ากลัวขนาดนี้ แล้วพรรคพวกที่อยู่ตรงนี้จะทํายังไงจะไปสํารวจแค่บางคน ในขณะที่ทิ้งบางคนเอาไว้ที่นี่หรือ? ถ้าหลงกันจะทํายังไงต่อ
“ถ้าจําไม่ผิด กลุ่มของเราดูเหมือนจะมีเชื้อเพลิงที่พอจะมาทําคบไฟได้อยู่ พวกเราก็แค่จุดไฟเอาไว้รอบๆศาลเจ้าก็พอแล้ว มันน่าจะเพียงพอให้ทุกคนมองเห็น และจําสถานที่ได้” ตั้งแต่วางแผนนี้ออกมา กู้จวินก็หาทางหลบเลี่ยงหรือว่าหาทางสานต่อแผนได้อย่างสมบูรณ์แบบ และประสาอะไรกับเรื่องแสงสว่าง เขาได้เตรียมการไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องแล้ว…
ความสามารถในการเตรียมการและวางแผนของเขาเมื่อเทียบกับคนในทีมนักล่าอสูรมันยังสูงกว่าพวกเขาเป็นพันเท่าล้านเท่า แม้กระทั่งหัวหน้าอย่างเสวี่ยป้าที่ทํางานมานานหลายปียังสู้ความคิดเพียงชั่ววูบเดียวของกู้จวินไม่ได้เลย… และดูเหมือนเสี่ยป้าเองก็รับรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะฉลาดเฉลียวมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้มากนัก
เสวี่ยป่าได้แต่พยักหน้าเงียบ ๆ แล้วออกคําสั่งอีกครั้ง “อาจวิ้น เธอพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะออกไปจัดการเรื่องนี้เอง ฉันจะพาคนของฝ่ายนักแม่นปืนออกไปสํารวจพื้นที่และหาทางออกเอง”
“ไม่ครับ! หัวหน้า ผมจะไปด้วย” คู่จวินยืนขึ้นทันที ใบหน้าของเขาเปล่งประกายด้วยความมุ่งมั่น “อย่างที่ผมบอกไปเมื่อครู่นี้ ผมมีญาณพิเศษสามารถหยั่งรู้ได้ว่ารูของต้นไม้พวกนั้นมันอยู่ที่ไหน ดังนั้นมันจะดีกว่าถ้าผมไปด้วย…”
บางทีเขาอาจเป็นคนเดียวในโลกที่สามารถทําได้โดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นภาชนะ สําหรับบุตรแห่งความโชคร้าย
“รูเหรอ? เอาเถอะ ตามใจ…แต่ระวังตัวด้วย” เสี่ยป้าไม่เข้าใจถึงเรื่องรูต้นไม้ที่สื่อใจกับกู้จวินได้หรอก เขาไม่เข้าใจความหมายของกู้จวิน… เขาเป็นแค่คนธรรมดาเป็นแค่หัวหน้าของหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่สาขาหน่วย นักล่าอสูรก็เท่านั้น เขารู้ว่าเด็กหนุ่มไม่ได้โอ้อวด เขาไม่ได้อยากจะแสดงฝีมือเกินหน้าเกินตาชาวบ้านแต่อย่างใด เพราะมันเป็นพรสวรรค์ของเขาตามปกติอยู่แล้ว…ดังนั้นเสวี่ยป้าจึงไม่ค่อยข้างกังวลเท่าไหร่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กหนุ่มในตอนนี้ ถ้าเขาอยากจะค้นหา เขาก็จะปล่อยให้เด็กหนุ่มทําตามใจ ถ้ามีกู้จวินไปด้วย ทีมของเขาก็จะยิ่งค้นพบรูต้นไม้หรือทางออกนั่นได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เสวี่ยป้าเดินไปหานักแม่นปืนและคนที่มาจากหน่วยสืบสวนพลังงานผิดปกติ จากนั้นก็ประกาศแผนการของเขาทันที และจัดการเลือกคนอย่างเข้มงวด เพื่อให้ไปสํารวจทางออกรวมทั้งทําลายต้นไม้หายนะที่อยู่รอบๆศาลเจ้า
ในขณะเดียวกันที่กองการแพทย์ ลุงต้านก็นั่งจ้องหน้าจวินด้วยความไม่พอใจ เขากังวลอย่างยิ่งกับความปลอดภัยของเด็กหนุ่ม ถ้าเด็กหนุ่มเป็นอันตรายขึ้นมา เขาคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต… แต่จวินก็เถียงกลับด้วยเรื่องของงาน ทําให้เขาไม่สามารถหยุดกู่จวินได้
อีกทั้งเมื่อมาคิดถึงสถานการณ์ของหน่วยนักล่าอสูรที่ขาดเสบียงและน้ํา เขาก็จําเป็นต้องปล่อยกู้จวินไป ถ้าเกิดไม่มีใครขยับอะไรในเวลานี้เลย อีก 3 วันข้างหน้าพวกเขาจะตายเนื่องจากอาการขาดน้ําอย่างแน่นอน
หลังจากอธิบายแผนเสร็จ เสี่ยป้าก็สั่งให้ทุกคนเตรียมตัวอย่างรวดเร็ว และคราวนี้ในที่สุดเครื่องอุปกรณ์ ป้องกันแบบสมบูรณ์แบบที่ถอดทิ้งเอาไว้ ก็ได้เวลานํามาใส่เสียที พวกเขาสวมอุปกรณ์ป้องกันเท่าที่พอจะหยิบมาได้ จากนั้นก็หยิบปืนไรเฟิลมา 2 กระบอกรวมทั้งปืนไรเฟิลซุ่มยิงอีกสักกระบอกหนึ่ง พวกเขาเอามาเตรียมเอาไว้เป็นอาวุธในยามฉุกเฉินในกรณีที่ถูกโจมตีจากศัตรูที่ไม่รู้จักหน้า จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปยังทิศที่เหล่าสาวกเดินมายังศาลเจ้าแห่งนี้
คนที่เข้าไปสํารวจมีเพียงแค่ 3 คน คือ เสวี่ยป่า ภู่จวิน และหยางเฮ่อหนาน ส่วนคนที่เหลือจะต้องทําการเก็บกวาดสนามรบแถวนี้ให้เรียบร้อย จากนั้นก็เตรียมการบางอย่างสําหรับการตรวจสอบซากศพที่เพิ่งล้มตาย…
จากทั้ง 3 คนหายใจเข้าปอดลึกก่อนที่จะเหยียบโคลนสีดําที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกโสโครกและก็เดินเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยต้นไทร มันมีต้นไทรเยอะมากจนดูคล้ายกับเป็นเขาวงกตที่น่าพิศวง
เมื่อเข้ามาก็มีแต่ความเงียบ ไม่มีร่องรอยของสัตว์ร้ายใดๆ ไม่มีเสียงนกกาที่บินนอกออกในเหมือนป่าปกติที่พบเห็นข้างนอก…มันให้บรรยากาศเหมือนสุสาน หากแต่ในสุสานยังมีอีแร้ง…แต่ที่นี่ไม่มีกระทั่งสิ่งมีชีวิต
นอกจากเสียงฝีเท้าที่จมลงไปในโคลนที่เน่าเสียจากพื้นดินแล้วก็ไม่มีเสียงอื่นใดอีก กู้จวินมองไปรอบ ๆ ตัว ในขณะที่พวกเขากําลังเดินสํารวจทางในป่าด้วยจิตใจที่เต็มไปด้วยความกังวล
ต้นไทร ที่นี่นั้นมีความแตกต่างจากต้นไทรบนโลกมาก นั่นคือลําต้นของพวกมันจะใหญ่ขึ้น….มากและกิ่ง ก้านของพวกมันบิดเบี้ยวมาก..ขึ้น! เปลือกของพวกมันมีสีดําและมีจุดสีขาวที่ดูแปลกตาราวกับมีชีวิต กิ่งก้านที่บิดเป็นเกลียวเชื่อมต้นไม้ข้างเคียงเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นตาข่ายที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัว
ทั้งสามคนเดินผ่านช่องว่างและระวังไม่ให้ตัวเองสัมผัสกับส่วนใดส่วนหนึ่งของต้นไทร อย่างไรก็ตามบางครั้งช่องว่างก็เล็กเกินไป ดังนั้นการเบียดเสียดแนบชิดต้นไทรบางต้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อใดก็ตามที่กู้จวินเผลอไปแตะต้นไทร เขาจะรู้สึกเหมือนมีลมหนาวพัดเข้ามาในหัวใจของเขา เขาได้ยินเสียงคร่ําครวญด้วยความเจ็บปวด ความสยดสยองและการวิงวอนที่ข้างหูของเขาเป็นระยะๆ
“คุณนั่นเอง สิ่งที่อยู่ภายในตันไทร…”
“ปล่อยฉันไป!”
“เอ่อ ฉันขอร้อง!”
“เจ็บจัง…”
ทันใดนั้นกู้จวินรู้สึกเหมือนเหยื่อนับไม่ถ้วนที่เสียชีวิตจากโรคไทรที่มีรูปร่างผิดปกติกําลังมองมาที่เขา ด้วยแววตาหลากหลายอารมณ์ ใบไม้ทุกใบบนต้นไทรเหล่านี้ดูเหมือนจะมีใบหน้าที่แตกต่างกัน….ถ้าเขาคิดไม่ผิด พวกเขาคงมาจากต่างโลกต่างอารยธรรม
ต้นไทรเติบโตอย่างรวดเร็วจนน่าสนใจ และเขาเห็นใบไม้ของต้นไทรปลิวไปทั่วท้องฟ้า
“อืม…” หลังจากผ่านเหตุการณ์มามากมาย…. สิ่งหนึ่งที่จวินได้เรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านั้นก็คือการสังเกตและการควบคุมอารมณ์ เขาไม่ทําตัวน่าสงสัยแบบออกหน้าออกตา แม้จะมีเสียงที่เจ็บปวดและเสียงที่กําลังอ้อนวอนขอร้องมากมายดังก้องอยู่ในหัวสมองของเขา แต่เขาก็พยายามหลีกเลี่ยงมันจนสิ้นและหันไปมองหัวหน้าและพรรคพวกที่กําลังเดินตามมา
และดูเหมือนทั้งสองคนนั้นยังสบายดี พวกเขายังคุยเล่นกันโดยที่ไม่รู้สึกรู้สาต่อสิ่งที่กู้จวินกําลังเผชิญอยู่ใน ขณะนี้… ทันใดนั้นกู้จวินก็รู้ความจริงทันที ดูเหมือนว่าสิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับตัวของเขาคนเดียวเท่านั้น
แม้ดวงใจตอนนี้จะเจ็บปวดและเต็มไปด้วยการสอดแทรกของดวงจิตอื่นๆ แต่จวินก็พยายามสงบสติอารมณ์ และระงับพลังงานอันดํามืดมิดในหัวใจให้หมดไป พร้อมกับหันมามองพรรคพวกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วเอ่ยแนะนําทางตามหน้าที่ “ทางนี้”
เสวี่ยป่าและหยางเฮ่อหนานเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายโดยที่ไม่ต้องขอร้องด้วยซ้ํา แต่…พวกเขายังมองไป รอบ ๆ ด้วยความตื่นตัว เพราะยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่สวนดอกไม้หลังบ้านอยู่ดี มันคือป่าที่เต็มไปด้วยความตายและมีต้นไทรปีศาจรอบล้อมเต็มไปหมด… แถมพวกมันยังตั้งสติใกล้ชิดกันอย่างมากอีกด้วย ทําให้การเดินทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความยากลําบาก ทว่านอกจากเส้นทางการเดินในป่าที่ค่อนข้างที่จะวุ่นวายและคับแคบแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นสิ่งใดมาขัดขวางทางพวกเขาอีก
จากนั้นทั้งสามคนก็ค่อยๆเดินพร้อมกับอาวุธอย่างระมัดระวัง จนผ่านมานานหลายนาทีถึงได้ครบ 300 เมตร.ม
และสิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นทําให้พวกเขาถึงกับตกตะลึง… ถ้าหากเจอจระเข้ตัวเล็กหลายตัวรวมกันแล้วกลาย เป็นจระเข้ตัวหนึ่งเรียกว่าโคตรไอ้เคี่ยม ต้นไทรที่พวกเขาเห็นเบื้องหน้านี้ก็น่าจะเรียกว่าโครตต้นไทร
มันเหมือนกับเอาต้นไทรขนาดใหญ่ผิดปกติประมาณ 3-4 ต้นมารวมกัน นอกจากนี้ยังมีโพรงต้นไม้มากมายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ด้านล่างของลําต้น… นี่จัดเป็นหลุมต้นไม้เพียงแห่งเดียวที่พวกเขาเคยพบเคยเจอมา ณ ที่แปลกประหลาดแห่งนี้
มันเหมือนกับเอาต้นไทรขนาดใหญ่ผิดปกติประมาณ 3-4 ต้นมารวมกัน นอกจากนี้ยังมีโพรงต้นไม้มากมายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ด้านล่างของลําต้น… นี่จัดเป็นหลุมต้นไม้เพียงแห่งเดียวที่พวกเขาเคยพบเคยเจอมานะที่แปลกประหลาดแห่งนี้
“ที่นี่แหละครับ” กู้จวินกล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี สัมผัสแปลกประหลาดตรงเข้าสู่จิตใจของจวินทันที นั่นทําให้เขารู้ว่าเป็นต้นไม้ต้นนี้นี่แหละที่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ… ในขณะที่เด็กหนุ่มกําลังมองรูที่อยู่ในต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นนี้ ความรู้สึกที่เหมือนกับเดจาวูก็หวนกลับมากระทบกับมันสมองของเขาอีกครั้ง
กู้จวินยืนมองต้นไทรอยู่พักใหญ่ จากนั้นเขาก็บ่นพึมพําเพียงลําพัง
“นี่ใช่ต้นไทรที่ฉันเคยถูกเอามาวางไว้หรือเปล่านะ…?
กู้จวินมีความรู้สึกว่าต้นไม้ต้นนี้มันช่างคล้ายและเหมือนเป็นต้นไม้ที่เขาถูกจับมาไว้ในตอนเด็กเพื่อนํา มาบูชา… แต่เมื่อเห็นจํานวนคนและสถานที่ที่แปลกประหลาด เขาก็เปลี่ยนความคิดและตั้งข้อสันนิษฐานใหม่ขึ้นมาแทน บางทีต้นไม้ต้นนี้อาจจะเชื่อมต่อกับต้นไม้ที่อยู่บนโลกก็เป็นไปได้
เสวี่ยป้ากับหยางเฮ่อหนานกําลังศึกษาจากระยะไกล พวกเขาสงสัยว่าทําไมพวกเขาถึงไม่เห็นแสงจากภายในโพรงต้นไม้นั่นกันแน่
“หัวหน้าเสวี่ยครับ แผนของคุณตอนนี้คืออะไร?” กู้จวินเอ่ยถาม เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหัวหน้าคนนี้กําลังวางแผนเรื่องนี้ไว้ว่ายังไง… และจะตรงกับสิ่งที่เขาคิดเอาไว้หรือเปล่า
“ถ้านี่เป็นทางออกจริงๆ พวกเราทุกคนจะถอยแล้วติดต่อกลับไปที่สํานักงานใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือ แม้ว่าเขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกับคนงานเหมืองที่ทํางานหนักทั้งวัน แต่เสวี่ยป้าก็เป็นนักวางแผนที่พิถีพิถันคนหนึ่ง เขาสามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงเบื้องหลังการสอบถามของคู่จวินได้