ระบบย่อยสลายขั้นเทพ - ตอนที่ 172
บทที่ 172
เจียงฮ่าวมองไปยังชายแก่ก่อนที่จะแกล้งทําเป็นตื่นตกใจออกมา
“หวา… ปู่ ปูนี่สุดยอดจริงๆ”
หลังจากนั้นเขาก็แกล้งจ้องมองไปยังลอยมือแล้วทําเป็นบังเกิดจิตวิญญาณที่ลุกโชติช่วง
“งั้น ผมก็ขอลองดูบ้าง”
เมื่อพูดจบ เขาได้ใช้มือของตนวางไว้ข้างรอยมือของชายแก่
อีกฝากฝั่งหนึ่ง ชายชราถึงกับสําลักเมื่อได้ยิน
เขาเหลือบมองไปที่เจียงฮ่าวและก็ได้เห็นว่าเจียงฮ่าวนั้นได้คิดที่จะลองทํารอยฝ่ามือแบบเขาบ้าง มันดูไร้สาระอย่างมากหากจะคิดว่าไม่ว่าใครก็สามารถสร้างรอยมือนี้ได้ด้วยมือเปล่า
ถึงจะเป็นแบบนั้น เข้าได้เม้มปากไปที่หนึ่งก่อนที่จะกลับมาวางมาดเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญยุทธเช่นเดิม นั่นก็เพราะเขานั้นอยากจะเห็นเจียงฮ่าวทําให้ตัวเองดูโง่งม
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่นาน ชายแก่ก็ได้ยินเสียงของเจียงฮ่าวโฮร้อง
“ว้าว ผมก็ทําได้นี่นา นี่แสดงว่าผมเองก็เป็นจอมยุทธสินะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ชายแก่เองก็ได้หมุนตัวกลับมาด้วยความไม่เชื่อ และในการนี้ เขาเองก็เตรียมที่จะแสดงวิชายุทธให้เจียงฮ่าวดูสักที่จะได้เป็นโอกาสให้เจียงฮ่าวกราบไหว้เขาเป็นอาจารย์
นั่นก็เพราะ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะได้พบกับคนหนุ่มแน่นที่มีความเหมาะสมแบบนี้ สําหรับเขานั้นนี่ถือได้ว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิต
แต่ในทันทีที่เขามองไปทางเจียงฮ่าว ในตอนนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นแล้วว่ามีรอยมือปรากฎข้างรอยมือของเขาบนม้านั่ง
เขาจ้องมองไปยังลอบมือของคนที่ควรจะเป็นมือใหม่ด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง
“เจ้าทําได้ยังไง”
ชายแก่มองไปที่เจียงฮ่าวด้วยอารามณ์ตกตะลึง
ในตอนนี้เจียงฮ่าวลอบหัวเราะอยู่ในใจ
“ก็ผมบอกปูไปไม่ใช่เหรอครับว่าผมจะลองดูน่ะ”
ในเปลือกนอกนั้น เจียงฮ่าวไม่ได้ต่างไปจากคนทั่วไปคนหนึ่ง
“มันก็ไม่ได้ยากอะไรนี่ครับ”
เมื่อชายแก่ได้ยินดังนั้น เขาแทบจะกระอักเลือดออกมา
“ไม่ยาก”
ชายแก่คนนี้มีนามว่าหยูต้าจางจัง เขาคือประธานสมาคมศิลปการต่อสู้นานาชาติประจําเมืองเทียนเหอ
เขาถูกเคี่ยวเข็ญให้ฝึกปรือหมัดไท้เก๊กจากครอบครัวของเขาเป็นเวลากว่าสิบกว่าปี แต่ด้วยการที่พลังแห่งเต๋าบนโลกนี้นั้นสาบสูญไปหมดแล้ว แม้แต่กระบวนการบ่มเพาะก็ยังสูญหาย และเรื่องนี้เกิดไปทั่วทุกมุมทั่วโลก นี่จึงเป็นเหตุให้เพลงหมัดไท้เก๊กนั้นไม่มีอานุภาพเท่าที่ควรจะเป็น
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทําให้ตัวเขานั้นยังคงฝึกปรืออยู่เสมอเพื่อให้ร่างกายนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เขามีความรู้สึกได้ว่าโลกนี้มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป
นั่นก็เพราะว่าอยู่ๆร่างกายของเขานั้นราวกับจะกลับไปสู่ช่วงที่ดีที่สุด เขานั้นรู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและจิตวิญญาณการต่อสู้ นี่ทําให้เขานั้นไม่สนใจเรื่องอายุและกลับมามุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะ
และด้วยเหตุนี้ทําให้ทั่วทั้งร่างเขามีร่องรอยแห่งกําลังภายในปรากฎ และนี่เองก็ทําให้เขานั้นการเป็นผู้ฝึกยุทธตามตํานานเรื่องเล่าที่เคยได้ยินมา
ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเขานั้นมีพลังที่น่ากลัวสถิตอยู่
ดูเหมือนว่าเพลงหมัดไท้เก๊กของเขานั้นจะกลับมาทรงพลังอย่างที่มันควรจะเป็น
แม้แต่หน่วยรบพิเศษหกคนก็ไม่ใช่คู่มือของเขา
และนี่คือเหตุผลว่าทําไมเขานั้นถึงสามารถสร้างรอยฝ่ามือบนม้านั่งนี้ได้ นั่นก็เพราะตัวเขานั้นมีกําลังภายในอยู่จริงๆ
และนี่คือผลจากการที่เขานั้นเฝ้าฝึกฝนและบ่มเพาะมานานแรมปี
แต่ในวันนี้กลับมีใครคนหนึ่งมาบอกกับเขาว่าการฝึกยุทธไม่ใช่เรื่องยาก
เป็นธรรมดาที่เขาต้องตกตะลึง
ชายแก่ได้มองเจียงฮ่าวประดุจดั่งได้เห็นสัตว์ประหลาด
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ ชายแก่เองก็ได้เริ่มคิดถึงสิ่งหนึ่งจนต้องยกนิ้วขึ้น
-เป็นไปได้ไหมว่าเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่โชคชะตาเปลี่ยนแปลงไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน
ความคิดนี้ได้ผุดขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะจ้องมองเจียงฮ่าวด้วยความรู้สึกที่แรงกล้า
-การที่เจ้าหนูนี่ทรงพลังขึ้นได้นั้น เขาเองก็คงจะเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อนเป็นแน่
-และเป็นไปได้ว่าตัวเขานั้นยังไม่รู้ตัว
-หากว่าฉันได้เขามาเป็นศิษย์และทําการฝึกฝนบ่มเพาะวิชายุทธของฉัน นี่จะยิ่งไม่ทําให้เขานั้นน่ากลัวกว่าเดิมเหรอ
อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวก็รู้สึกกลัวขึ้นมาในทันทีเมื่อโดนชายแก่ตรงหน้าจ้องมองด้วยสีหน้าร้อนแรง
“เอื้อกกกก… ไม่ใช่ว่าเขาจะมีงานอดิเรกแปลกๆหรอกนะ
เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ขึ้นมา เจียงฮวเองอดที่จะขนลุกไม่ได้ เขาตัดสินใจเลิกแกล้งชายแก่คนนี้อีกต่อไป เขามองไปยังชายแก่ด้วยท่าทางหวาดกลัวอยู่บ้าง
“เอ่อออ ปู่ ผมขอบอกก่อนนะว่าผมไม่ได้ชอบแนวนั้นอ่ะ”