ยมทูตพาร์ตไทม์แห่งร้านหนังสือยามวิกาล - ตอนที่ 152 อวดเก่ง!
ตอนที่ 152 อวดเก่ง!
ผู้ชายร่างสูงรู้สึกถึงความหนาวสะท้านที่แผ่มาจากฝ่ามือของตัวเอง เขาอยากปล่อยมือทันทีที่รู้ตัว เพราะความเย็นยะเยือกนี้ดูเหมือนจะมีผลกระตุ้นทะลุผ่านกายเนื้อเข้าสู่จิตวิญญาณของเขา ทำให้เขาใจสั่นด้วยความหวาดกลัว ทว่ามือของเขาชักกลับมาไม่ได้
ก่อนหน้านั้นเขาใช้มือบีบคอของโจวเจ๋อ แต่ตอนนี้เป็นโจวเจ๋อที่ตั้งใจกดคางของตัวเองให้ต่ำลง เพื่อให้ฝ่ามือของอีกฝ่ายติดแหงกอยู่ที่ต้นคอของตัวเอง
ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระยืนตัวตรง มองโจวเจ๋อ เธอมีความฉลาดและมีสติดีมาก ตอนที่ไอพิฆาตลอยขึ้นมาจากตัวของโจวเจ๋อโดยที่คาดไม่ถึงนั้น เธอเริ่มคิดวางแผนบางอย่างแล้ว
เธอจึงหัวเราะแล้วพูดขึ้นทันที “นี่ ถ้าคุณเป็นผู้จับกุมหรือผู้ตรวจสอบ คุณก็เปิดเผยตัวตนออกมาเลย อันไหนพวกเราควรชดใช้ก็จะชดใช้ ควรขอโทษก็จะขอโทษ ถือเสียว่าเรื่องในวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
คนที่ตายไปแล้วหนึ่งครั้ง มักฉลาดกว่าคนที่ยังมีชีวิตเสมอ และยิ่งรู้จักกาลเทศะ
เหมือนตอนแรกที่สาวน้อยโลลิบาดเจ็บหนักกลับมาก็ได้ยอมศิโรราบต่อหน้าโจวเจ๋อ นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเคยตายมาแล้ว ถึงเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงโอกาสอันมีค่าที่สามารถเอาตัวรอดไปวันๆ ได้
นรก เป็นสถานที่ที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ถ้าหากเป็นโจวเจ๋อก่อนหน้านี้ ไม่แน่เขาอาจจะเดินลงมาตามทางที่อีกฝ่ายปูไว้จริงๆ แต่เสียดายมากที่โจวเจ๋อในตอนนี้ได้สูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว
แสงสีทองแดงเริ่มลอยขึ้นมาจากผิวหนังของเขาอย่างช้าๆ กลมกลืนเข้ากับผิวไปทั่วตัวของเขา
เขี้ยวที่ยื่นออกมาจากปากค่อยๆ ยาวออกมา แสดงให้เห็นถึงความแวววาวจนแสบตา ใบหน้าสีเขียวกับนัยน์ตาที่เงียบงัน มาพร้อมกับความเย็นเยียบตามธรรมชาติ
‘ฉึก…’
“โอ๊ย!” ผู้ชายร่างสูงร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เขี้ยวทั้งสองข้างของโจวเจ๋อทิ่มเข้าไปที่หลังมือของเขา ภายในชั่วพริบตาเขาเริ่มกระตุกไปทั้งตัว การกัดครั้งนี้ดูเหมือนจะทำให้กายเนื้อถูกทำลายไปกว่าครึ่ง
ผู้ชายร่างสูงกระโดดเข้าไปอยากจะเตะโจวเจ๋อ อย่างน้อยก็ทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกไปจากตรงหน้าโจวเจ๋อ ทว่าเท้าของเขากลับถูกมืออีกข้างของโจวเจ๋อจับไว้
เขาอยากจะถีบ เขาอยากจะใช้แรง แต่เท้าของเขายังคงกระดิกไม่ได้
ก่อนหน้านั้นตัวเองยังตบหน้าโจวเจ๋อแล้วพูดว่าพ่อหนุ่มวัยละอ่อนหน้าตาหล่อเหลาดีจริงๆ ทว่าภายในร่างกายของอีกฝ่ายกลับมีพลังอันน่าพรั่นพรึงแฝงอยู่ สามารถฆ่าเขาได้อยู่หมัด
โจวเจ๋อเงยหน้าพร้อมกับเสียงดัง ‘พรวด’ เขี้ยวได้ฉีกชิ้นเนื้อขนาดใหญ่มาจากหลังมือของผู้ชายร่างสูง
ขณะเดียวกันเล็บของโจวเจ๋อมีสีแดงเข้มขึ้นมา นิ้วทั้งห้าที่จับรองเท้าของอีกฝ่ายเริ่มออกแรง
เสียงดัง ‘ปัง!’ เหมือนเด็กที่จุดประทัดในวันตรุษจีน ระเบิดออกมาโดยตรง
รองเท้าของผู้ชายร่างสูงแยกออก แม้แต่เท้าของเขาก็ระเบิดเป็นจุณเช่นกัน
ผู้ชายร่างสูงถอยหลังไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาล้มตัวลงไปนอนกับพื้น
โจวเจ๋อก้มหน้าเล็กน้อย พลางเอียงตัวมองเขาด้วยสายตาที่นิ่งสงบ
สักพักหนึ่งโจวเจอจึงยกมือขึ้นมา มองฝ่ามือของตัวเองอย่างรังเกียจเล็กน้อย เขานั่งลงยองๆ แล้วเอามือเช็ดที่ตัวของอีกฝ่าย
ถ้าหากเป็นโรคน้ำกัดเท้าขึ้นมาจะทำอย่างไร สงสัยความเคยชินบางอย่างไม่สามารถเปลี่ยนได้จริงๆ ยกตัวอย่างเช่นเป็นคนอนามัย ผู้ชายร่างสูงนอนหงายอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าขยับ และตำแหน่งก่อนหน้านั้น ได้ถูกพลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง
“สหาย มีอะไรก็พูดกันดีๆ คุณก็รู้ ต่อให้เป็นยมทูต การเลือกร่างมีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น” ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระพูดกับโจวเจ๋อ
โจวเจ๋อไม่ขานตอบ ราวกับว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีตัวตนด้วยซ้ำ
มือของเขาวางที่หน้าอกของผู้ชายอย่างช้าๆ ปลายนิ้วเลื่อนจากคอไปข้างล่างเบาๆ
เล็บของเขาเหมือนมีดผ่าตัดที่แหลมคมที่สุด เสียงกรีดหนังขาดดังชัดเจน หน้าอกของผู้ชายร่างสูงถูกผ่าออกอย่างสิ้นเชิง แต่เขาไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด เพราะเล็บนี้มันคมมากจริงๆ!
ผู้ชายร่างสูงมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือ
ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระนิ่งดูดายต่อไปไม่ไหว เธอแบฝ่ามือออก แล้วอากาศโดยรอบก็แข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง แรงกดดันที่ทรงอานุภาพเริ่มกดทับไปที่โจวเจ๋อ
“ฮ้า!” โจวเจ๋อแผดเสียงคำรามออกมาจากลำคอ หมอกสีดำลอยตัวขึ้นมาบนร่างกายภายในชั่วพริบตา แม้แต่อากาศก็หมือนจะร้อนแผดเผาทรมานคน
ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระตัวเซเล็กน้อย ซึ่งมาพร้อมกับความตกใจกลัวที่ออกมาจากใจ
ให้ตายเถอะ นี่ยังเป็นยมทูตอยู่ไหม! แบบนี้จะเป็นยมทูตได้อย่างไร! ในใจของผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระตอนนี้รู้สึกเหมือนมีคนทรยศอยู่ในหมู่ของพวกเรา
เมื่อก่อนคนเรามักจะชอบพูดว่าในฝูงหมาป่ามีสุนัขไซบีเรียนฮัสกี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าหมาป่าแท้ๆ ตัวหนึ่งเข้าไปอยู่ในฝูงไซบีเรียนฮัสกี โจวเจ๋อนั่งยองๆ อยู่ข้างผู้ชายร่างสูง แล้วควันสีดำก็พุ่งออกมาไม่หยุด หากมองอย่างละเอียด จะสามารถดูออกว่าผิวของผู้ชายร่างสูงถูกควันสีดำรัดตัวเอาไว้ ไม่สามารถขยับได้อย่างสิ้นเชิง
โจวเจ๋อเป็นหมอ ดังนั้นตอนที่ผ่าตัดจึงมีประสบการณ์เยอะมาก
เขาช่วยผู้ชายร่างสูงตรวจสุขภาพโดยรวมอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตับ ปอด ลำไส้ ถูกหยิบออกมาทีละอัน แล้วส่ายไปมาต่อหน้าผู้ชายร่างสูง จากนั้นก็โยนทิ้งไปอีกด้าน
เวลานี้ถ้าหากมีหมออีกสองสามคนอยู่ข้างๆ จะดียิ่งกว่า เพราะสามารถช่วยรับผิดชอบถ่ายรูปและจดบันทึกได้ ทั้งยัง ‘ประจบเอาใจ’ อาจารย์ได้ด้วย
สวรรค์เห็นแล้วยังสงสาร ผู้ชายร่างสูงงงมาก แต่เขาไม่เป็นลม กระทั่งชาจนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยสักนิด นี่ถึงจะเป็นการทรมานที่เจ็บปวดที่สุด ให้คุณลืมตาดูอย่างเดียว!
โจวเจ๋อทำตามใจตัวเองโดยไม่สนใจคนอื่น เหมือนเด็กหนุ่มที่ค้นพบของเล่นมหัศจรรย์ชิ้นใหม่
เขาไม่ได้เล่นเกมศึกษาร่างกายคนแบบนี้มานานแล้ว รู้สึกคิดถึงเล็กน้อย อืม เป็นความรู้สึกแบบนี้แหละ ร่างกายมนุษย์ เป็นชีวิตที่สวยงามมากที่สุดในโลกอย่างแท้จริง
โครงสร้างหลอดเลือดแต่ละเส้นของเขา ประณีตงดงามเหนือธรรรมชาติ รวมตัวกันออกมาเป็นโครงสร้างของชีวิต บรรทุกน้ำหนักแห่งจิตวิญญาณเอาไว้
“เขาเป็นยมทูต คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ หรือว่าคุณไม่กลัวการลงโทษจากนรก!” ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระทรุดนั่งอยู่บนพื้นและแหกปากตะโกน
เธอแทบจะเป็นบ้า แทบจะเป็นบ้าจริงๆ ภาพที่อยู่ตรงหน้า บรรยากาศที่อยู่ตรงหน้า ถึงขั้นที่รุนแรงมากกว่าแดนอสุรกายภูมิที่อยู่ในนรก!
“พวกเราไม่คิดจะฆ่าเธอ พวกเราพูดแล้ว พวกเราไม่อยากฆ่าเธอ ถึงพวกเราจะผิด แต่โทษก็ไม่ถึงตาย! พวกเราไม่อยากมีความแค้นกับคุณ จริงๆ นะ! พวกเราไม่คิดฆ่าคน และไม่คิดฆ่าคุณ แต่คุณที่ล้ำเส้นเข้ามาแล้วไม่ทักทาย คุณก็มีความผิดเหมือนกัน!” ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระตะโกนพูดต่อไป
โจวเจ๋อฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา แล้วทำธุระของตัวเองต่อไป ไม่นานนัก เขาก็ตบมือ การตรวจสอบสิ้นสุดแล้ว
ต่อจากนั้นเขาจึงก้มหน้า อ้าปาก แล้วเริ่มสูดอากาศดัง ‘ซู้ด…’ เหมือนกระทะทอดที่เดือดปุดๆ ถูกสาดด้วยน้ำหนึ่งถ้วย เกิดเสียงระเบิดออกมาในชั่วพริบตา
ดวงวิญญาณสีดำของผู้ชายร่างสูงถูกดูดออกมา ก่อนจะเข้าไปในปากของโจวเจ๋อ ศพของเขาเริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว กลายเป็นน้ำหนอง
โจวเจ๋อเงยหน้าแล้วหลับตา รสชาติของดวงวิญญาณมันอร่อยจริงๆ จากนั้นโจวเจ๋อค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระ
ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระคลานถอยหลังตามสัญชาตญาณ เธอกลัวแล้ว เธอกลัวจริงๆ ถึงแม้จะอยู่ตรงหน้าผู้ตรวจสอบ เธอก็ไม่เคยรู้สึกถึงความหวาดกลัวที่ชัดเจนแบบนี้มาก่อน!
โจวเจ๋อหันหน้าเดินไปข้างหน้าช้าๆ แต่เร็วกว่าเธอที่คลานอยู่เล็กน้อย โจวเจ๋อค่อยๆ ไล่ตามเธอไป และเดินมาอยู่ข้างตัวเธออย่างช้าๆ เขายกเท้าขึ้นมาแล้วค่อยๆ วางเท้าลงไปเหยียบที่ท้องของอีกฝ่าย
ทั้งหมดเกิดขึ้นช้ามาก เหมือนเพลงบรรเลงเปียโนที่แสนไพเราะเสนาะหูที่มาพร้อมกับท่วงทำนองเฉพาะตัวของมัน
‘พลั่ก!’ เขากระทืบเท้าลงไปเหมือนตอกตะปูอันหนึ่งยึดผู้หญิงคนนั้นไว้โดยตรง
ผู้หญิงมีเลือดไหลออกมาจากปากไม่หยุด ร่างกายก็เริ่มบิดเบี้ยวและสั่นไปมา
ฉันพูดมาขนาดนี้ วิเคราะห์ให้คุณก็เยอะ อธิบายเหตุผลกับคุณก็แยะ พูดถึงความร้ายแรงก็แล้ว คุณก็ยังคิดจะฆ่าฉันอยู่ดีใช่ไหม แต่เป็นไปได้ไหมที่คุณจะไม่พูดตั้งแต่ต้นจนจบ
ผู้หญิงหน้าเป็นฝ้ากระรู้สึกอึดอัดและเสียใจที่สุดในตอนนี้ ดูเหมือนทั้งสองคนในสายตาของอีกฝ่าย เป็นแค่มดที่ไม่มีสิทธิ์พูดกับเขาโดยสิ้นเชิง
โจวเจ๋อกระทืบเท้าลงไปหนึ่งครั้ง จากนั้นเขาก็เรอออกมา ดูท่าทางแล้วเหมือนจะจนปัญญาอยู่บ้าง เมื่อกินข้าวอิ่มแล้วและมาเจออาหารอร่อยอีก มันทำให้คนสับสนได้จริงๆ จากนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นมาอีกครั้ง ยกขึ้นมาช้าๆ เหมือนเดิมและวางลงช้าๆ เช่นเดิม ‘โพละ!’ กะโหลกแยกออก เขาช่วยผู้หญิงคนนี้แก้ปัญหาน่ารำคาญที่มีกระบนใบหน้าเรียบร้อย
แม้แต่ดวงวิญญาณของผู้หญิงคนนี้ก็ยังถูกบีบด้วยหมอกสีดำที่อยู่โดยรอบจนแตกสลาย ศพก็เริ่มเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว หลอมรวมเป็นหนึ่งกับพื้นดินที่อยู่แถวนี้
จากนั้นโจวเจ๋อดูเหมือนคนที่สับสน เขายืนอยู่กับที่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ และเนื่องจากเขาได้กลืนวิญญาณของยมทูตมาแล้วครั้งหนึ่ง และได้กลืนเข้าไปอีกครั้ง ดังนั้นเวลาที่มีอยู่ของเขา เหมือนจะยาวนานกว่าสองครั้งแรกก่อนหน้านี้ แต่เมื่อมีเวลานาน ก็สามารถเกิดความรำคาญได้ง่าย อย่างเช่น ฉันเป็นใคร ฉันอยู่ที่ไหน ฉันจะไปไหน
เขากำลังขบคิดปัญหาเหล่านี้อยู่จริงๆ แต่เมื่อคิดไปคิดมาแล้ว เขาก็หันหน้าไปเห็นหมอหลินที่นั่งอยู่ในรถ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ก้มหน้าแล้วใช้เขี้ยวของตัวเองถูไปมาบนใบหน้าที่นุ่มเด้งของหมอหลิน น้ำลายหยดออกมาจากในปาก ตกลงบนหน้าผากของหมอหลิน จากหน้าผากไหลลงไปทั่วใบหน้า ทำให้ใบหน้าของหมอหลินดูเลือนราง
ดูเหมือนเขาจะเพลิดเพลินกับความรู้สึกแบบนี้ หลงใหลไปกับความรู้สึกนี้เป็นอย่างมาก
จากนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังสมุดที่วางอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ซึ่งก่อนที่จะเกิดเรื่องเจ้าแม่ชิงอีไม่ได้หยิบไป
เขายื่นมือหยิบสมุดขึ้นมา ตอนที่สมุดเข้าใกล้หมอหลิน มันสั่นอย่างรุนแรง ซึ่งหมายความว่าอีกไม่นานเธอจะตายแล้ว
นี่เป็นคำเตือนของสมุดหยินหยาง ได้ยินว่าท่านพญายมราชมีสมุดบัญชีอยู่ในมือเป็นบัญชีมรณะ คอยบันทึกเวลาเกิดและเวลาตายของทุกคน ซึ่งมีกฎเกณฑ์เยอะมาก
สมุดหยินหยางเกิดมาจากบัญชีมรณะ และมีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน
สมุดสั่นรุนแรงไม่หยุดคอยเตือนเจ้านายของตัวเองว่า ผู้หญิงคนนี้กำลังจะตายแล้ว!
โจวเจ๋อมองสมุดเล่มนี้อย่างสับสน เหมือนกำลังมองของเล่นชิ้นใหม่ แต่เห็นได้ชัดว่าของเล่นชิ้นนี้ไม่สนุกเลยความรู้สึกของการสั่นไหวยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด
“โว้ย!” โจวเจ๋อวางสมุดเล่มนี้ไว้ตรงหน้าตัวเองแล้วคำรามออกมา
จากนั้น
จากนั้น
จากนั้น
มันก็เงียบลงจริงๆ ไม่สั่นแล้ว…
…………………………………………………………………………