ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 321 มุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่เจียงเฉิง
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 321 มุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่เจียงเฉิง
ตอนที่ 321 :มุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่เจียงเฉิง
วันถัดไป
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นแต่เช้าตรู่ เพราะเขาตั้งใจว่าจะไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า
ขณะที่เขาเดินจากห้องไปที่สนามหญ้า เขาได้ยินเสียงวุ่นวายดังมาจากห้องครัว เขาจึงหันไปมองและสังเกตเห็นว่าไฟในห้องครัวยังคงเปิดอยู่
เมื่อเข้าไปในครัว เขาเห็นแม่ของเขากำลังทำอาหารอยู่ ในหม้อใบเล็กนั้นดูเหมือนว่าแม่กำลังทำขาหมูตุ๋นอยู่ กลิ่นหอมชวนกินลอยอบอวลไปในอากาศ
เห็นได้ชัดว่ามันเคี่ยวมานานแล้ว
“แม่ครับ ทำไมถึงตุ๋นเนื้อตั้งแต่เช้าล่ะครับ ? ”
หวังซิ่วจวี๋หันไปมองแล้วพูดว่า “นี่สำหรับน้องสาวของลูก เสี่ยงชิงจะเดินทางไกลแต่เช้า แม่จึงตื่นมาตุ๋นขาหมูให้ เฮ้อ… ต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีกว่าที่น้องสาวของลูกจะได้กลับมาชิมอาหารที่แม่ทำ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็เป็นเช่นนี้
ไม่ต้องพูดถึงเจียงเสี่ยวชิงที่จะไปเรียนต่อที่เจียงเฉิงอันห่างไกลเลย ขนาดเจียงชานที่อยู่แค่เจี้ยนหยางแค่ไม่กี่วัน ยังทำให้เขาคิดถึงเธออย่างสุดหัวใจขนาดนี้
หลังออกจากในครัวมา เจียงเสี่ยวไป๋ก็ออกไปวิ่งตอนเช้า
เขาวิ่งไปตามถนนซิกแซกมุ่งหน้าสู่ถนนสายหลัก โขดหินและต้นไม้อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำมีหมอกจาง ๆ ปกคลุม สายลมเย็นของแม่น้ำพัดพาในตอนเช้าตรู่ ช่างเป็นบรรยากาศที่น่ารื่นรมย์ยากจะพรรณนา
หลังจากใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงวิ่งกลับไปกลับมามากกว่าสิบรอบ เจียงเสี่ยวไป๋ถึงได้กลับบ้าน
ในเวลานี้ เจียงเสี่ยวชิงก็เพิ่งตื่นเช่นกัน
เธอออกมาจากห้องและพบกับเจียงเสี่ยวไป๋ที่เต็มไปด้วยเหงื่อ
“พี่รอง พี่ออกไปทำอะไรมาแต่เช้า ? เหงื่อท่วมตัวเลย ! ”
“พี่ไปวิ่งตอนเช้ามา ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างมีความสุข
วิ่งตอนเช้า ?
เจียงเสี่ยวชิงจำได้ว่าตอนที่เธออยู่มัธยมปลาย เธอเองก็วิ่งออกกำลังกายตอนเช้าเช่นกัน ในเวลานั้น เธอรู้สึกว่าแทนที่จะวิ่งสิบนาที ไม่สู้นอนหลับสบายอยู่บนเตียงดีกว่า
เธอแปลกใจ เพราะการออกกำลังกายในตอนเช้าเป็นสิ่งที่ลำบากไม่น้อย ทำไมพี่ชายของเธอถึงชอบวิ่งล่ะ ?
“พี่รอง ทำไมพี่ถึงคิดจะไปวิ่งออกกำลังกายตอนเช้าล่ะ ? ” เจียงเสี่ยวชิงอดไม่ได้ที่จะถาม
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เพื่อสุขภาพที่ดี การวิ่งในตอนเช้าเป็นเรื่องดี ต่อไปนี้ตอนเธอไปเรียนที่มหาวิทยาลัยควรตื่นเช้ากว่าคนอื่นสักครึ่งชั่วโมง และออกไปวิ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเธอมาก”
“ห๊ะ ? ” เจียงเสี่ยวชิงอ้าปากค้าง เธอแค่ถามพี่ชายของเธอว่าทำไมเขาถึงอยากวิ่งในตอนเช้า ใครจะรู้ว่าพี่ชายของเธอจะบอกให้เธอวิ่งในตอนเช้าทุกวันด้วย
“ทำไมล่ะ ไม่อยากทำหรือ ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถาม
“ทำค่ะ ! ” เจียงเสี่ยวชิงตอบอย่างไม่เต็มใจ “พี่รองบอกให้ทำ ต่อไปนี้ฉันจะวิ่งทุกเช้าวันละครึ่งชั่วโมง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “เสี่ยวชิง จำไว้ว่าการมีสุขภาพดีสำคัญกว่าความสำเร็จทางวิชาการ ถ้าร่างกายแข็งแรง เธอจะสามารถเพลิดเพลินไปกับความงดงามของชีวิตในอนาคตได้”
“เข้าใจแล้ว ! ” เจียงเสี่ยวชิงรับคำ และเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ
เจียงเสี่ยวไป๋กลับไปที่ห้องของเขาเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสะอาด
ในเวลานี้ หวังซิ่วจวี๋เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว
มีอาหารอยู่เต็มโต๊ะ ซึ่งหลายจานเป็นอาหารที่เจียงเสี่ยวชิงชอบกิน สิ่งนี้ทำให้เธอมีความสุขมากและเธอก็ได้กินอาหารมื้อนี้อย่างเอร็ดอร่อย
เพราะเธอรู้ว่าหลังจากไปเจียงเฉิงครั้งนี้ อีกนานกว่าเธอจะได้กลับมาเพลิดเพลินกับอาหารฝีมือของแม่อีกครั้ง
หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว หวังซิ่วจวี๋และเจียงไห่หยางกำชับหลายสิ่งให้เจียงเสี่ยวชิง สองสามีภรรยามองตามหลังรถของลูกชายด้วยความอาลัยอาวรณ์ ในขณะที่เจียงเสี่ยวไป๋ขับรถพาเจียงเสี่ยวชิงออกจากเจียงวานและมุ่งหน้าไปยังเจียงเฉิง
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับเจียงเสี่ยวชิงว่า “เสี่ยวชิง เธอรู้ไหมว่าแม่ตื่นตอนตีสี่เพื่อมาตุ๋นขาหมูให้เธอ ! ”
เจียงเสี่ยวชิงพยักหน้า “ฉันรู้ ! ”
เธอเห็นหม้อขาหมูตุ๋นในตอนที่กินมื้อเช้า เธอก็รู้แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หลังจากที่เธอเริ่มเปิดเทอมแล้ว อย่าลืมเขียนจดหมายถึงพ่อและแม่เป็นประจำ เพื่อที่พวกท่านจะได้ไม่ต้องกังวล”
“อืม ฉันจะเขียนจดหมายส่งกลับบ้านทุกเดือน”
เจียงเสี่ยวไป๋หันหน้าไปมองน้องสาวของเขาแล้วพูดว่า “เมื่อไปถึงเจียงเฉิง พี่จะซื้อกล้องให้เธอ เมื่อเธอส่งจดหมายก็ถ่ายรูปของตัวเองส่งไปพร้อมจดหมายด้วย พ่อกับแม่จะได้มีความสุขที่เห็นมัน”
เจียงเสี่ยวชิงตกใจ “พี่รอง พี่จะซื้อกล้องให้ฉันหรือ ? แต่ฉันใช้ไม่เป็นนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ไม่เป็นก็เรียนรู้ได้ พอถ่ายเป็นแล้วก็ถ่ายรูปบ่อย ๆ ภาพถ่ายไม่เพียงแต่จะคลายความกังวลของแม่และพ่อเท่านั้น แต่เธอยังสามารถบันทึกภาพความทรงจำในชีวิตมหาวิทยาลัยของเธอไว้ได้อีกด้วย”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย พี่ชายของเธอมีเงินแล้ว”
เจียงเสี่ยวชิงพยักหน้าอย่างมีความสุข “ขอบคุณพี่รอง ! ”
อันที่จริง เมื่อคืนหวังซิ่วจวี๋ได้ให้เงินเธอมาแล้ว 500 หยวน โดยบอกว่าเป็นค่าครองชีพของเธอในภาคเรียนนี้
ตอนที่เธอเรียนอยู่มัธยมปลาย ค่าครองชีพต่อเดือนของเธอยังไม่ถึง 5 หยวนเลยด้วยซ้ำ
แต่คราวนี้แม่ของเธอให้เงินเธอมาตั้ง 500 หยวน !
แม้ว่าจะเป็นค่าครองชีพตลอดภาคเรียน แต่เมื่อลองแบ่งเงินดูแล้ว เธอก็ยังได้ค่าครองชีพตกเดือนละประมาณ 100 หยวนอยู่ดี
เธอไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นของเธอได้ค่าครองชีพเดือนละเท่าไร แต่เธอมั่นใจว่าไม่ถึง 100 หยวนแน่นอน
“แม้แม่จะให้เงินฉันมาก แต่ฉันจะไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ! ”
เจียงเสี่ยวชิงเตือนตัวเองอย่างเงียบ ๆ
จากชิงโจวถึงเจียงเฉิงเป็นระยะทางกว่า 600 กิโลเมตร แม้จะอยู่บนทางหลวงแผ่นดิน แต่ระยะทาง 300 กิโลเมตรแรกก่อนออกจากหวงโจวเป็นเส้นทางบนภูเขา แม้จะใช้รถจี๊ปก็ไม่สามารถขับเร็วเกินไปได้ เมื่อถึงเวลาเที่ยง พวกเขาเดินทางได้เพียง 100 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น
พวกเขามาถึงเมืองเล็ก ๆ ชื่อเย่ซานเหอ และเจียงเสี่ยวไป๋ก็หยุดรถเพื่อพักผ่อน
เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ติดกับทางหลวง จึงมีร้านอาหารหลายแห่งในเมืองที่จัดไว้สำหรับผู้ขับขี่ที่สัญจรไปมา เพื่อรับประทานอาหารและเติมน้ำ
แต่สองพี่น้องไม่ได้ไปกินอาหารที่ร้านอาหาร เพราะหวังซิ่วจวี๋ได้ห่อไข่ต้มและซาลาเปานึ่งให้พวกเขาแล้ว พวกเขากินเสร็จก็ดื่มน้ำเย็นที่พกมาด้วยแล้วออกเดินทางต่อ
“พี่รอง ภูเขาที่นี่กว้างใหญ่มาก ใหญ่กว่าบ้านเกิดของเราอีกนะ”
ระหว่างทาง เจียงเสี่ยวชิงอุทานขณะที่เธอมองดูภูเขาและหน้าผานอกหน้าต่างรถ
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นักกวีผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยราชวงศ์ถังอย่างหลี่ไป๋ได้นิพนธ์กวีชื่อว่า ‘เส้นทางของแคว้นซู่นั้นยากลำบาก’ แม้ว่านี่ไม่ใช่ถนนสู่แค้วนซู่ แต่ที่จริงแล้วยากกว่าถนนที่เข้าสู่แคว้นซู่มาก เมื่อเธอออกจากหวงโจว เธอจะเห็นที่ราบอันไม่มีที่สิ้นสุดของจีนตอนกลาง และนั่นคือฉากที่แตกต่างออกไป”
เจียงเสี่ยวชิงมองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจและพูดว่า “พี่รอง ทำไมพี่ถึงรู้ทุกอย่างราวกับว่าเคยมาที่นี่มาก่อนล่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า “หนังสือหลายเล่มอธิบายเรื่องนี้ เธอแค่อ่านหนังสือไม่มากพอ เมื่อเธออยู่ในวิทยาลัย ควรใช้เวลาในห้องสมุดให้มากขึ้นเพื่ออ่านหนังสือต่าง ๆ ไม่ใช่แค่หนังสือที่เกี่ยวข้องกับวิชาเอกของเธอเท่านั้น”
“ได้ ฉันจะจำไว้ ! ” เจียงเสี่ยวชิงพยักหน้ารับสองครั้ง แต่เมื่อเธอคิดย้อนกลับไป เธอไม่เห็นจะจำได้ว่าพี่ชายของเธอเคยอ่านหนังสือ
พวกเขาเดินทางต่อไปตามถนนบนภูเขาที่คดเคี้ยว ขับไปทางทิศตะวันออก เมื่อถึงเวลาเย็น ท้องฟ้าก็ค่อย ๆ มืดลง และหมอกก็เริ่มลอยขึ้นบนภูเขาที่มีป่าปกคลุม ทำให้รถต้องวิ่งช้าลง
กว่าจะถึงหวงโจวก็เลยเวลา 21.00 น. ไปแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการขับรถข้ามคืน เขาจึงหาโรงแรมและจองห้องพักสองห้องสำหรับคืนนี้ พวกเขาจะเดินทางต่อในเช้าวันรุ่งขึ้น
“เป็นที่ราบจริง ๆ ไม่มีเนินเขาเลย ! ” เจียงเสี่ยวชิงอุทานอย่างตื่นเต้นเมื่อเธอเห็นภูมิประเทศที่ราบเรียบเป็นครั้งแรก
หลังจากประสบการณ์เมื่อวานนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการลดความกระตือรือร้นของน้องสาวของเขา เขาแสร้งทำเป็นตื่นเต้นไม่แพ้กัน โดยพูดคุยกับเธอถึงความแตกต่างระหว่างที่ราบและบริเวณภูเขา
“โลกภายนอกแตกต่างออกไปอย่างแท้จริง และมันกว้างใหญ่มาก ! ”
เจียงเสี่ยวชิงมีอารมณ์ไม่รู้จบหลั่งไหลอยู่ภายในตัวเธอ ขณะที่เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง ในใจของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับชีวิตในมหาวิทยาลัยของเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋แนะนำ “เสี่ยวชิง จำไว้ว่าโลกภายนอกนั้นน่าหลงใหล แต่ก็อันตรายเช่นกัน เมื่อเธอออกจากภูเขาและมาอยู่ในโลกภายนอกที่ใหญ่ขนาดนี้ เธอจะต้องตั้งใจเรียนและระวังตัวให้มาก”
“พี่รอง ฉันจะตั้งใจเรียน ! ”
“หลังจากที่ฉันเรียนจบ ฉันจะตั้งตัวเองข้างนอก ฉันจะพาพี่และพ่อแม่ออกมาอยู่ด้วย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวชิงซึ่งยังไม่เคยสัมผัสกับโลกภายนอกจะมีความคิดที่จะตั้งหลักอยู่นอกบ้านเกิดเมืองนอนเสียแล้ว
เมื่อนึกถึงว่าในชีวิตก่อนหน้านี้ เจียงเสี่ยวชิงเริ่มต้นครอบครัวนอกชิงโจวหลังจากสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาจึงถามเธอว่า “เสี่ยวชิง เธอไม่อยากกลับไปที่ชิงโจวหลังเรียนจบหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวชิงไม่ได้ใส่ใจกับการแสดงออกของเจียงเสี่ยวไป๋เลย เธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่รอง ชิงโจวนั้นเล็กเกินไปและยากจนมาก ถ้าเป็นไปได้ ในอนาคตฉันอยากออกมาทำงานนอกชิงโจว”