ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 316 ไม่ใช่อย่างที่ต้องการ
ตอนที่ 316 :ไม่ใช่อย่างที่ต้องการ
เนื่องจากพ่อครัวที่ร้านอาหารกุ้งอบชิงเจียงทำปากปลาหม้อไฟได้ไม่เป็น ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงลงมือเข้าครัวปรุงหม้อไฟด้วยตัวเอง
“ปากปลาหม้อไฟน่ากินมาก ! ”
“ผู้ช่วยเจียงลงมือทำเองเชียวนะ เรื่องความอร่อยไว้ใจได้แน่นอน ! ”
“ใช่แล้ว ทักษะการทำอาหารของผู้ช่วยเจียงไม่มีใครเทียบได้”
“……”
ในห้องครัว พ่อครัวทั้ง 3 คนต่างมีสีหน้าประหลาดใจและกระซิบกันเสียงเบา
“ผู้ช่วยเจียง คุณวางแผนที่จะนำปากปลาหม้อไฟนี้เป็นเมนูใหม่ของร้านเราหรือเปล่า ? ”
พ่อครัวจ้านซิงเต๋อถามอย่างสงสัย
“เมนูนี้ผมทำไว้เลี้ยงแขกคนสำคัญ ตั้งใจจะให้เขาลองชิมเมนูใหม่ ไม่ได้นำมาขายในร้าน” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
หร่านจื้อหย่ง พ่อครัวอีกคนกล่าวว่า “ผู้ช่วยเจียง ปากปลาหม้อไฟนี้ดูน่าอร่อยไม่น้อย น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากุ้งอบน้ำมันของเรา ทำไมไม่เพิ่มลงในเมนูใหม่ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ร้านกุ้งอบน้ำมันของเราควรขายเฉพาะกุ้งเครย์ฟิชเท่านั้น การทำเช่นนี้อาจดูเหมือนเป็นการจำกัดตัวเลือกของลูกค้า แต่ที่จริงแล้วเป็นการช่วยเพิ่มความประทับใจให้พวกเขาได้ การมีเมนูเยอะเกินไปทำให้ไม่มีจุดขาย ได้ไม่คุ้มเสีย”
หร่านจื้อหย่งไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่เขาพูด แต่เขาแค่ถอนหายใจ “น่าเสียดาย อาหารที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่กลับไม่สามารถนำมาเสิร์ฟในร้านได้”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “ไม่เป็นไร เร็ว ๆ นี้ ผมจะเปิดร้านเมนูปลา”
ทั้งจ้างซิงเต๋อและหร่านจื้อหย่งต่างแสดงความยินดีกับเจียงเสี่ยวไป๋ที่จะเปิดร้านใหม่
พ่อครัวอีกคนชื่อฉู่หมิงเลี่ยง เขารวบรวมความกล้าแล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเจียง ถ้าคุณมีเวลาว่าง รบกวนช่วยสอนวิธีทำปากปลาหม้อไฟให้ผมได้ไหม”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ในอนาคตถ้าคุณอยากเป็นพ่อครัวที่ร้านหม้อไฟปลา ผมจะสอนคุณ”
ฉู่หมิงเลี่ยงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “งั้นไม่เป็นไรครับ ผมมีความสุขที่ได้ทำงานเป็นพ่อครัวในร้านกุ้งอบน้ำมัน”
ร้านอาหารกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงนั้นดีมาก พ่อครัวสามารถสร้างรายได้เกือบ 120 หยวนต่อเดือน เขาไม่คิดว่าร้านหม้อไฟปลาจะดีกว่าของกุ้งอบน้ำมัน
มีคำพูดที่ว่า “คุ้นเคยดีกว่าไม่คุ้นเคย” และเขาไม่เต็มใจที่จะลาออกจากงานที่ร้านกุ้งอบน้ำมัน
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากเตรียมปากปลาหม้อไฟแล้ว เขาก็นำมันไปที่ห้องส่วนตัวและนั่งรอรองนายกเทศมนตรีจาง
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึง 11.30 น. รองนายกเทศมนตรีจางและติงจวิ้นเจี๋ยก็มาถึงตรงเวลา
“โอ้ นี่คือปากปลาหม้อไฟที่คุณพูดถึงสินะ ! ”
ทันทีที่รองนายกเทศมนตรีจางเข้าไปในห้องส่วนตัว เขาก็ถูกดึงดูดโดยปากปลาหม้อไฟ ริมฝีปากของปลาตัวน้อยเปิดขึ้นในน้ำซุปที่ร้อนระอุ น้ำซุปกำลังเดือดเบา ๆ ในปากปลามีลักษณะคล้ายฟองสบู่ ดูน่ากินอย่างไม่น่าเชื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “วันนี้ผมเชิญท่านผู้นำมาเพื่อลิ้มรสเมนูนี้โดยเฉพาะ ถ้าคุณคิดว่ามันอร่อย ผมจะเปิดร้านหม้อไฟปลาขึ้น เป็นร้านเช่นเดียวกับกุ้งอบน้ำมันที่ขายแฟรนไชส์ด้วย”
“โอเค โอเค กินข้าวกันเถอะ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะลิ้มรสเมนูใหม่นี้
พวกเขาทั้งสามนั่งลงแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็นำขวดเหล้าเหมาไถออกมา รองนายกเทศมนตรีจางหยุดเขาแล้วพูดว่า “เรามีประชุมตอนบ่าย ดังนั้นขอไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดในใจว่า: หากไม่ดื่มแล้วจะคุยเรื่องนั้นได้อย่างไร ?
เขายิ้มแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่ได้ดื่มในมื้อดี ๆ แบบนี้ แต่คุณมีประชุมตอนบ่าย เรายังมีเวลาอีก 2-3 ชั่วโมง ดื่มสักหน่อยคงไม่ส่งผลกระทบอะไรหรอกครับ”
ยุคนี้ไม่มีกฎหมายห้ามขับรถขณะมึนเมา ไม่ต้องพูดถึงการไม่ดื่มเหล้าตอนเที่ยงในที่ทำงาน
รองนายกเทศมนตรีจางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็ยอมรับแก้วมา
เมื่อพวกเขาเริ่มดื่มแล้วคงไม่ใช่แค่แก้วสองแก้วแน่นอน ทั้งสามชนแก้วกันอยู่หลายรอบ เพียงไม่นาน พวกเขาก็ดื่มเหล้าไปพอประมาณแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังจะรินเหล้าอีก แต่รองนายกเทศมนตรีจางหยุดเขา “อย่าเอาแต่ดื่มเลย ไหนคุณบอกว่ามีเรื่องจะรายงานฉัน ? รีบพูดเรื่องนั้นเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางแก้วลงแล้วพูดว่า “ผมมีเรื่องที่จะรายงาน มีทั้งเรื่องดีและเรื่องที่ยังคงเป็นกังวล”
มุมปากของรองนายกเทศมนตรีจางกระตุกอย่างแรง “ประเด็นหลักของคุณคือการรายงานเรื่องที่เป็นกังวลอยู่ใช่ไหม ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ฟังเรื่องดีแล้ว พูดมาตามตรงเถอะ มีเรื่องอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เพราะรองนายกเทศมนตรีจางไม่ได้เล่นตามสคริปต์ปกติ !
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเช่นกัน
เขากล่าวว่า “รองนายกเทศมนตรี ความกังวลของผมแตกต่างออกไป หากไม่มีเรื่องดีก็จะไม่มีความกังวลตามมา ดังนั้นผมขออธิบายตั้งแต่ต้นก่อน”
รองนายกเทศมนตรีจางไม่ได้ปฏิเสธและไม่ได้ตอบรับ เจียงเสี่ยวไป๋จึงรายงานเรื่องที่โรงงานฟิล์มพลาสติกมียอดคำสั่งซื้อเข้ามากว่าสี่ล้าน
ยอดขายสี่ล้านต่อเดือนถือเป็นข่าวดีจริง ๆ
รายได้นี้เพียงพอที่จะช่วยผลักดันให้โรงงานฟิล์มพลาสติกให้ติดอันดับหนึ่งในสามอุตสาหกรรมชั้นนำในชิงโจวได้
เมื่อสองเดือนที่แล้ว โรงงานฟิล์มพลาสติกแห่งนี้ยังคงเป็นกิจการที่จวนจะล้มละลาย
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างพินิจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงเสี่ยวไป๋ถึงมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งที่ยอดขายเยอะขนาดนี้ เขาจะกังวลไปทำไม ?
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ท่านผู้นำ จากสถานการณ์นี้ ยอดขายประจำปีของโรงงานฟิล์มพลาสติกจะทะลุยี่สิบล้านหยวนในปีนี้แน่นอน”
แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนเสียงไป เขาพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะเซ็นสัญญารับผลิตจากหลายแห่ง แต่เราก็ยังขายสินค้าได้มากขนาดนั้นไม่ได้ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางเลิกคิ้ว “กำลังการผลิตของโรงงานไม่เพียงพอหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้า “อย่าว่าแต่ 20 ล้านเลยครับ ต่อให้มียอดสั่งเข้ามา 200 ล้าน โรงงานของเราก็สามารถผลิตได้”
รองนายกเทศมนตรีจางถามอย่างสงสัย “แล้วทำไมจะขายไม่ได้ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยท่าทางสิ้นหวัง “เราไม่สามารถขนส่งมันออกไปได้ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางขมวดคิ้วและพูดว่า “ฉันให้รถบรรทุกคันใหญ่คุณไปตั้ง 60 คัน แต่คุณก็ยังไม่สามารถขนส่งสินค้าทั้งหมดนั้นออกไปได้งั้นหรือ ? ” ความไม่เชื่อและความสงสัยปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา หรือเจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำธุรกิจอย่างอื่นอยู่
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง คุณอนุมัติรถบรรทุกให้ผม แต่พนักงานขับรถของผมไม่เพียงพอ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึง เขาไม่เคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อน
มีรถแต่ไม่มีคนขับก็ไม่ต่างจากการไม่มีรถ
“ฉันเห็นคุณโฆษณารับสมัครพนักงานขับรถในหนังสือพิมพ์ทุกวัน ฉันคิดว่าคุณมีพนักงานขับรถเพียงพอแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เชื่อหรือไม่ ไม่มีใครมาสมัครเลย”
รองนายกเทศมนตรีจางดูประหลาดใจ “หาพนักงานขับรถยากขนาดนั้นเลยหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดว่า “ผมก็ไม่คิดว่าการหาพนักงานขับรถจะยากขนาดนี้” เขาส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังและถอนหายใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กล่าวต่ออีกว่า “นี่แค่โรงงานฟิล์มพลาสติกแห่งเดียวนะครับ ในเดือนกันยายน โรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองก็ต้องจัดส่งสินค้าด้วย ผมประเมินว่าหลายโรงงานรวมกันจะมียอดขายเดือนละเกินสิบล้าน ดังนั้นขณะนี้ผมกำลังพยายามรับสมัครงานพนักงานขับรถ แต่เนื่องจากการขาดแคลนพนักงานขับรถ เราจึงอาจสูญเสียโอกาสทำเงิน เดือนละประมาณ 7-8 ล้านหยวน”
“นายกเทศมนตรีจาง บอกผมหน่อยว่าผมกำลังสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีเกินไปและบริษัทที่ใหญ่เกินไปหรือเปล่า ? ”
“หรือผมควรจะชะลอความเร็วลง และค่อย ๆ ก้าวต่อไปอย่างช้า ๆ ”
รองนายกเทศมนตรีจางชักสีหน้า “คุณกำลังพูดถึงอะไร ? คุณทำได้เพียงก้าวให้ใหญ่และไกลกว่าเดิม ไม่มีเหตุผลที่จะต้องชะลอตัวลง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกโล่งใจ นี่คือสิ่งที่เขารอคอยที่จะได้ยิน
อย่างไรก็ตาม เขายังคงตีหน้าเศร้าเล่าว่า “แต่แม้ว่าผมจะทำให้บริษัทดีขึ้นและมีกำลังผลิตได้มากขึ้น มันก็ไม่มีประโยชน์ถ้าเราส่งผลิตภัณฑ์ออกไปไม่ได้ ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางขมวดคิ้ว ปัญหาที่เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวถึงไม่ใช่ปัญหาการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัทอีกต่อไป แต่เป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองชิงโจว
เขาอดไม่ได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
หลังจากการไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง รองนายกเทศมนตรีจางก็กล่าวว่า “สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือฉันจะเรียกประชุมแผนกต่าง ๆ และดึงพนักงานขับรถ 1 คนจากแต่ละแผนกมาช่วยเหลือคุณเป็นการชั่วคราว เพราะเราไม่สามารถให้รถบรรทุกจอดนิ่ง ๆ ได้ ! ”
อ่า ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง เขาไม่คาดหวังว่ารองนายกเทศมนตรีจางจะเกิดความคิดเช่นนี้
เมืองชิงโจวมีหน่วยงานหลายร้อยหน่วยในระดับต่าง ๆ และหากดึงพนักงานขับรถจากหน่วยงานต่าง ๆ นั่นก็เท่ากับเป็นร้อยคนอย่างแน่นอน
ต้องบอกว่านี่เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการแก้ปัญหาการไม่มีพนักงานขับรถ
แต่นี่แตกต่างจากสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋คิด !
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ !