ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 293 ผักดองนี้ไม่เลว
ตอนที่ 293 :ผักดองนี้ไม่เลว
สาเหตุที่เจียงเสี่ยวไป๋กำหนดไว้ 10 วัน ก็เพราะทหารผ่านศึกอีกกลุ่มหนึ่งจะมาถึงหลังจาก 10 วันนี้
อีกทั้งตอนนี้รถบรรทุกก็ยังมาไม่ถึง
หลังจากรู้สถานการณ์แล้ว จู้ตงเฟิงดูจะผิดหวังเล็กน้อยแล้วถามว่า “ผู้ช่วยเจียง แล้วเราจะเริ่มงานได้ตอนไหน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “พรุ่งนี้พวกคุณทุกคนจะเริ่มงานตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 17.00 น. แล้วฉันจะเตรียมคนมาฝึกให้”
ก่อนหน้าที่รถบรรทุกจะมาถึง เขาควรใช้เวลานี้ในการฝึกอบรมพนักงานขับทุกคนให้มีความรู้ทางการเงิน ความรู้ในการจัดซื้อและทักษะการขาย
พอถึงตอนนั้นค่อยดูว่าพนักงานสามารถเรียนรู้ได้กี่คน แล้วเขาจะได้จัดเตรียมขั้นตอนต่อไปของงานได้
หลังจากประชุมเสร็จ เจียงเสี่ยวไป๋ให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปก่อน เขาคิดว่าตอนนี้พ่อครัวหลิวน่าจะซื้อวัตถุดิบกลับมาแล้ว เขาจึงไปที่โรงอาหารพนักงาน
“เถ้าแก่เจียง ผมซื้อปลากลับมาแล้ว แล้วจะทำข้าวต้มปลาเสฉวนอย่างไร ? ”
ทันทีที่เห็นเจียงเสี่ยวไป๋ พ่อครัวหลิวก็แทบรอไม่ไหวที่จะถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เดี๋ยวฉันจะสอน ถ้าคุณทำอร่อย ฉันจะเปิดร้านให้คุณ แล้วให้คุณเป็นเถ้าแก่สร้างรายได้จากร้านนั้น”
พ่อครัวหลิวได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจมาก เขาจึงพูดอย่างตื่นเต้น “เถ้าแก่เจียง คุณพูดจริงหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างหมดคำจะพูด ทุกครั้งที่เขาพูดอะไรบางอย่างออกมา ก็มักจะมีคนถามเสมอว่าจริงหรือไม่ ซึ่งมันทำให้เขาดูเหมือนคนชอบพูดเรื่องไร้สาระหรือไม่ได้หมายความตามที่เขาพูด
เขาส่ายหัวอย่างไร้คำพูด และพูดว่า “ฉันไม่โกหกหรอก แต่ก่อนอื่นคุณต้องทำให้อร่อยก่อน”
พ่อครัวหลิวรีบตื่นเต้นมาก เขาพูดพลางเดินตามเจียงเสี่ยวไป๋ไปด้วย “เถ้าแก่เจียง คุณไม่โกหกผมแน่นอน เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีวันที่ตัวเองได้เปิดร้านอาหารกับเขาด้วย นั่นมันความฝันของผมเลยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจเช่นกัน เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่ ที่มีคนมาพูดคุยเรื่องความใฝ่ฝันของตนเองกับเขา
ไม่สิ นี่น่าจะเป็นครั้งที่สองต่างหาก
เพราะคนแรกคือเจียงเสี่ยวเหลย
ทว่าความใฝ่ฝันของเจียงเสี่ยวเหลยยังคงเป็นเพียงภาพเพ้อฝัน ไม่เหมือนความฝันของพ่อครัวหลิวที่เป็นความจริงกว่า
เขาพยักหน้าแล้วพูดว่า “คนเราควรมีความฝัน เพราะไม่ฉะนั้นเราคงไม่ต่างจากปลาตากแห้ง ? ”
พ่อครัวหลิวระเบิดเสียงหัวเราะทันที และพูดว่า “เถ้าแก่เจียง คุณตลกจริง ๆ เราจะเอาคนไปเปรียบเทียบกับปลาตากแห้งได้อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มองพ่อครัวหลิวอย่างหมดคำจะพูด เรื่องเล่าตลกสุดคลาสสิกจากรุ่นหลัง แต่เขากลับไม่เข้าใจเลยหรือ ?
แต่อาจเป็นเพราะความแตกต่างด้านวัฒนธรรมและความรู้ความเข้าใจในยุคสมัยนั้น ๆ ล่ะมั้ง
เขาคร้านจะอธิบายแล้ว จึงบอกให้พ่อครัวหลิวไปทำปลา จากนั้นก็สอนเขาทำข้าวต้มหัวปลา
ข้าวต้มหัวปลาย่อมใช่แค่หัวปลาอยู่แล้ว ส่วนตัวปลาถูกนำไปวางข้าง ๆ แทน
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบไปเห็นผักดองที่พ่อครัวหลิวซื้อกลับมา จึงพูดว่า “พ่อครัวหลิว ผักดองที่คุณซื้อมาไม่เลวเลย ! ”
พ่อครัวหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผักดองนี้ไม่ได้ซื้อมา ผมเอามาจากที่บ้านของตัวเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มไม่พอใจและพูดว่า “พ่อครัวหลิว ใช่ว่าฉันจะไม่ให้เงินคุณไปซื้อเสียหน่อย แล้วทำไมถึงต้องไปเอามาจากที่บ้านของตัวเองด้วย ? ”
พ่อครัวหลิวยักไหล่ “ก็คุณบอกให้ทำผัดผักดองใส่ปลา แต่ผมไปดูที่ตลาดมาแล้ว ไม่มีร้านไหนขายผักดองเลย ผมเลยต้องกลับไปเอาที่บ้านมา”
“ถึงอย่างไรผักดองก็ไม่ได้มีราคาแพงอะไร เถ้าแก่เจียง คุณอย่าได้ถือสาเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “งั้นผมจะคิดเงินให้ ดูสิว่าเหมาะสมไหม ? ”
พ่อครัวหลิวรีบโบกมือปฏิเสธทันที “ไม่ ไม่ ! ”
แต่เจียงเสี่ยวไป๋จะเอาเปรียบเขาได้อย่างไร “งั้นให้คุณ 5 เหมาแล้วกัน คุณหักออกไปจากเงินค่าวัตถุดิบได้เลย หรือไม่ตอนจ่ายเงินเดือน ให้จ่ายเพิ่มให้คุณไป 5 เหมาก็ได้”
พ่อครัวหลิวไม่คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะจริงจังขนาดนี้ เขาจึงต้องพูดอย่างขมขื่น “งั้นผมหักจากเงินค่าวัตถุดิบไป 5 เหมาแล้วกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ถ้าผักดองมีมูลค่าขนาดนั้น ผมก็คงไปทำผักดองขายแล้วล่ะ บางทีผมอาจกลายเป็นเศรษฐีที่มีรายได้หมื่นหยวนไปแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กลับพูดว่า “ผักดองที่คุณทำไม่เลวเลย ฉันว่าคุณทำได้”
“ได้จริงหรือ ? ”
พ่อครัวหลิวก็เริ่มเกิดความสนใจและถามอย่างจริงจัง
เขารู้ดีว่าธุรกิจของเจียงเสี่ยวไป๋กำลังไปได้ดี ถ้าหากมันเป็นธุรกิจที่เถ้าแก่เจียงยังยอมรับ เช่นนั้นมันก็ต้องทำเงินได้อย่างแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดว่า “ตราบใดที่ผักดองของคุณมีหน้าตาแบบนี้ มันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนเรื่องรสชาติ ต้องลองชิมก่อนถึงจะรู้”
พ่อครัวหลิวพูดอย่างมีความสุขว่า “ไม่มีปัญหา งั้นอีกเดี๋ยวผมจะไปลองผัดผักดองมาจานนึง เถ้าแก่เจียงลองชิมดูแล้วกัน”
“ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ
อืม ภรรยาและเฝิงเยี่ยนหงต่างก็กำลังตั้งครรภ์ทั้งคู่ พวกเธอน่าจะชอบกินอาหารรสเปรี้ยวด้วย !
ผัดผักดองสักจานก็ไม่เลวเหมือนกัน
ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หลังจากคิดดูแล้ว เขาก็พูดว่า “เฮ้ ฉันไม่ได้บอกว่าจะเปิดร้านข้าวต้มหัวปลาให้คุณหรือ ? แถมคุณยังบอกอีกว่ามันคือความฝันของคุณ แล้วนี่อะไร ความฝันของคุณเปลี่ยนเป็นขายผักดองแล้วหรือ ? ”
พ่อครัวหลิวกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าพูดถึงเรื่องทำผักดอง หลานสาวของผมทำได้ดีกว่า ขนาดผมยังสู้เธอไม่ได้เลย ผักดองนี้เป็นผักดองที่เธอช่วยผมทำเมื่อคราวก่อน”
“อืม เถ้าแก่เจียง ถ้าคุณเปิดร้านอาหารให้ผมจริง ๆ ผมก็จะให้หลานสาวมาทำผักดอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “คุณนี่มันโลภจริง ๆ จะเอาทั้งปลาทั้งอุ้งมือหมี”
พ่อครัวหลิวระเบิดหัวเราะ “ผมแค่ต้องการหัวปลากับผักดอง ไม่ได้ต้องการอุ้งมือหมีเสียหน่อย ของพรรคนั้นเป็นของหายาก ผมคงไม่มีโอกาสได้มันมาหรอก”
ประโยคนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเช่นกัน
ระหว่างที่พูด พ่อครัวหลิวทำปลาและสับหัวปลาเสร็จแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋เองก็สอนพ่อครัวหลิวทำเมนูข้าวต้มหัวปลาอย่างไม่ปิดบัง
เดิมทีพ่อครัวหลิวมีฝีมือการทำอาหารอยู่แล้ว พอเขาได้เรียนรู้เทคนิคจากเจียงเสี่ยวไป๋ มันจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา
เจียงเสี่ยวไป๋สอนเสร็จก็กลับไป
ส่วนพ่อครัวหลิวยังคงทำอาหารต่ออย่างมีความสุข
เมื่อกลับมาที่ห้องทำงาน หลินเจียอินกล่าวว่า “พ่อฉันโทรมาหาคุณ คุณโทรกลับหาเขาด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋สงสัยในใจว่าพ่อตามีธุระอะไรกับเขา ?
เขาจึงเดินไปที่โต๊ะทำงาน แล้วยกหูโทรศัพท์กดโทรออก
มีเสียงชายหนุ่มรับสาย “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครโทรมาครับ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นตัวขึ้นมา โชคดีที่เมื่อครู่นี้เขาไม่ได้โพล่งทักออกไปว่า ‘พ่อ’ ไม่อย่างนั้นคงขายหน้าแย่
“เลขาหลี่ใช่ไหม ? ฉันเจียงเสี่ยวไป๋ ! ”
“อ้อ ๆ พี่เจียงนี่เอง พี่โทรหานายอำเภอหลินใช่ไหม ? ”
“อืม ก่อนหน้านี้เขาโทรมาหาฉัน แต่ฉันไม่อยู่ เพิ่งกลับมา รบกวนต่อสายเขาให้ฉันหน่อย”
“พี่เจียง นายอำเภอหลินไปประชุม เดี๋ยวผมจะบอกให้เขาโทรหาหลังออกจากห้องประชุม”
“ตกลง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางสายและเริ่มบ่นในใจ ยุคนี้มีแต่โทรศัพท์บ้าน การจะโทรหาใครสักคนไม่ค่อยสะดวกเลย เว้นแต่คนที่เราจะโทรหานั่งเฝ้าอยู่หน้าโทรศัพท์ทั้งวัน
แต่ใครจะมีเวลามานั่งเฝ้าหน้าโทรศัพท์ทั้งวันล่ะ ?
“เฮ้อ คิดถึงจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกทอดถอนใจ เขาคิดถึงโทรศัพท์มือถือและวีแชทแล้วสิ ตราบใดที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณก็สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา
“คิดถึงอะไร ? ”
ทันใดนั้นเอง หลินเจียอินก็มองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋สะดุ้ง เขารีบปฏิเสธว่า “ไม่มีอะไรจ๊ะเมียจ๋า ไม่มีอะไร ผมแค่คิดถึงตอนได้นั่งดื่มกับพ่อของคุณเฉย ๆ ”
“ชิ ! ”
หลินเจียอินมองเขาอย่างเคลือบแคลงใจ เธอไม่เชื่อหรอก !
แต่โชคดีที่เธอไม่ถามต่อ ไม่อย่างนั้นเจียงเสี่ยวไป๋คงต้องปั้นเรื่องมาแถอีกแน่ ๆ
เขาแอบพูดกับตัวเองอยู่ในใจว่าจะไม่ยอมบอกความลับเรื่องการกลับมาเกิดใหม่เด็ดขาด และเขาต้องระวังตัวเองให้ดี จะได้ไม่เผลอเปิดเผยเรื่องนี้เข้า
เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของภรรยา เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างเกินจริงว่า “ที่รัก เที่ยงวันนี้คุณจะได้กินข้าวต้มหัวปลาอีกแล้วนะ”
พอได้ยินว่าจะได้กินข้าวต้มหัวปลาอีก หลินเจียอินไม่ได้พูดอะไร แต่เฝิงเยี่ยนหงกลับพูดอย่างดีใจว่า “ยอดไปเลย ในที่สุดฉันก็จะได้กินข้าวต้มหัวปลาแล้ว”