ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 274 มาดูว่าใครจะร้อนใจกว่ากัน
- Home
- All Mangas
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 274 มาดูว่าใครจะร้อนใจกว่ากัน
ตอนที่ 274 :มาดูว่าใครจะร้อนใจกว่ากัน
รถโดยสารเข้ามาจอดในสถานีขนส่งแล้ว
ติงจวิ้นเจี๋ยและเจียงเสี่ยวไป๋รีบเดินไปรอที่ปากทางเข้าสถานีขนส่งผู้โดยสาร
หลังจากผู้โดยสารบางคนทยอยลงจากรถทีละคน ไม่นาน พวกเขาก็เห็นรองนายกเทศมนตรีจางค่อย ๆ ลงจากรถ
“รองนายกจาง ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยทักทายพลางรับสัมภาระในมือของรองนายกเทศมนตรีจางมาถือไว้
“สวัสดีครับรองนายกจาง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนเขาจะนอนหลับมาในรถแล้ว รองนายกเทศมนตรีจางดูไม่เหนื่อยมากนัก เมื่อเห็นเจียงเซียวไป๋ เขาก็แปลกใจเล็กน้อยจึงถามว่า “คุณมาที่นี่ทำไม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมเปิดร้านขายเมล็ดแตงโม 5 รส ร้านอยู่นอกสถานี เพิ่งเปิดขายวันนี้วันแรก ผมเห็นเลขาติงอยู่ที่นี่และรู้ว่าคุณกำลังกลับมาจากเจียงเฉิง ดังนั้นผมเลยมารอคุณกับเขา”
ติงจวิ้นเจี๋ยเตือนเขามาก่อนแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงเป็นฝ่ายเล่าเรื่องนี้ก่อน
เป็นฝ่ายเล่าให้ฟังเองกับต้องเล่าเพราะถูกถามจี้ มันคนละสถานการณ์เลย
เชื่อเถอะว่าสามีภรรยาที่ชอบโกหกกันมีประสบการณ์ในเรื่องนี้ดี
รองนายกเทศมนตรีจางมองเจียงเสี่ยวไป๋ เขาไม่คิดว่าเมล็ดแตงโม 5 รสจะเริ่มขายเร็วขนาดนี้
โรงงานเมล็ดแตงโมได้ผลกำไรเร็วกว่าโรงงานผลิตและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอีก
เมื่อคิดว่าโครงการนี้หลุดลอยไปจากมือแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจอยู่พักหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกสบายใจขึ้นมากเมื่อคิดว่าผลกำไรของโรงงานฟิล์มพลาสติกนั้นมากกว่าผลกำไรของโรงงานเมล็ดแตงโม เขายิ้มแล้วพูดว่า “โอ้ ตอนนั่งอยู่ในรถ ฉันเห็นคนเข้าคิวยาวเหยียดเลย ตอนแรกก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ก็ฝีมือนายนี่เอง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “มีผู้นำระดับคุณกลับมาจากเมืองหลวงของมณฑล คิดเสียว่าคนเหล่านั้นกำลังตั้งแถวรอต้อนรับคุณแล้วกัน ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางได้ฟังก็รู้สึกขบขัน ไม่ว่าจะคำพูดอะไร พอเจ้าเด็กคนนี้เป็นคนพูดก็ล้วนฟังรื่นหูทั้งนั้น
ทว่าเขาจะไม่รู้เป้าหมายที่เจียงเสี่ยวไป๋มารอเขาได้อย่างไร
เขาจงใจพูดกับติงจวิ้นเจี๋ยว่า “เอาล่ะ นั่งรถระยะยาวมาตั้ง 20 กว่าชั่วโมง ฉันเหนื่อยมาก เรากลับกันก่อนเถอะ”
“ครับ รองนายกจาง ! ”
ติงจวิ้นเจี๋ยขานรับอย่างเคารพ
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยิน เขาก็รู้ได้ทันทีว่ารองนายกเทศมนตรีจางจงใจ
จากเจียงเฉิงมายังชิงโจวต้องใช้ถนนทางหลวงแผ่นดินที่พาดผ่านภูเขา อีกทั้งรถโดยสารในสมัยนี้ทำความเร็วไม่ได้มากนัก ความเร็วเฉลี่ยอยู่ที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไหนจะแวะกินข้าวระหว่างทาง เติมน้ำ เติมน้ำมันเป็นต้น ปกติใช้เวลาวิ่งเที่ยวละ 20 กว่าชั่วโมง
อีกทั้งในปี 1983 ยังไม่มีรถนอน รถนอนเพิ่งเริ่มให้บริการในประเทศเมื่อปี 1989
การนั่งรถบัสจากเจียงเฉิงไปยังชิงโจวเป็นเวลา 20 ชั่วโมงนั้นเหนื่อยมาก
แต่ใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมจะเห็นว่ารองนายกเทศมนตรีจางดูสดชื่นมาก
เหนื่อยอะไรกัน มันก็แค่เรื่องแก้ตัวทั้งนั้น
เจียงเสี่ยวไป๋รีบตามไปและพูดว่า “ท่านผู้นำ คุณเดินทางมาเหนื่อย ๆ ให้ผมรับรองคุณเถอะ”
รองนายกเทศมนตรีจางโบกมือปัด “ไม่ต้องหรอก”
ขณะที่พูด เขาก็เดินไปที่ด้านข้างรถประจำตำแหน่งของเขา ติงจวิ้นเจี๋ยเปิดประตูรถ รองนายกเทศมนตรีจางเข้าไปนั่งในรถแล้วปิดประตู
ติงจวิ้นเจี๋ยหันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างจนใจ เขาเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ แล้วขึ้นรถไปเช่นกัน
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋หงุดหงิดมาก
ยังไม่ทันได้ถามอะไร รองนายกเทศมนตรีจางก็คิดจะหลบเขาแล้ว แบบนี้เขาก็รอเสียเปล่าน่ะสิ ?
ก่อนที่คนขับจะสตาร์ทรถ เขาก็รีบตบกระจกรถอย่างรวดเร็ว
รองนายกเทศมนตรีจางค่อย ๆ ลดกระจกลง แล้วเงยหน้าขึ้นถาม “คุณยังมีธุระอะไรหรือเปล่า ? ”
ต้องมีอยู่แล้วสิ นี่มันถามทั้งที่รู้อยู่เต็มอกใช่ไหม ?
เจียงเสี่ยวไป๋มั่นใจว่ารองนายกเทศมนตรีจางจงใจถามเขาแบบนี้
แต่ยิ่งเป็นแบบนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งร้อนใจน้อยลงเท่านั้น
ดูจากที่รองนายกเทศมนตรีจางให้ความสำคัญกับโรงงานฟิล์มพลาสติกเป็นอย่างมากนั้น ถ้าทำได้ไม่ดี เขาจะมุ่งความสนใจไปที่งานและหารือแนวทางแก้ไขกับตัวเองอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้เขาไม่พูดอะไรสักคำ ซึ่งอาจหมายความได้ว่าเรื่องนั้นไปได้ราบรื่นดี
หลังจากมองออกถึงจุดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็แสดงสีหน้าสิ้นหวังและถอนหายใจ “โอ้ ! ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ผมแค่เสียใจนิดหน่อย”
รองนายกเทศมนตรีจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยความสงสัย “มีเรื่องอะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เดิมที่ผมตั้งใจจะเลี้ยงรับรองคุณ อุตส่าห์เตรียมหัวปลาไว้ตั้งหลายเมนู กะว่าจะโชว์ฝีมือทำต้มปลาเสฉวนให้คุณกินเสียหน่อย แต่คุณไม่ไปกิน งั้นผมคงต้องนัดให้ผู้อำนวยการหวังและประธานฟู่มากินด้วยกันแทนแล้ว”
ต้มปลาเสฉวน ?
รองนายกเทศมนตรีจางไม่เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาก่อน แต่แค่ได้ยินชื่อก็ดูเหมือนจะอร่อยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือของเจียงเสี่ยวไป๋ดีขนาดนั้น ของที่อยู่ในมือของเขาล้วนสามารถปรุงเป็นอาหารอร่อยได้
หลายวันมานี้เขาเดินทางไปที่เจียงเฉิงเพื่อทำธุระ ตอนเช้าได้กินแค่บะหมี่แห้งใส่น้ำร้อน ส่วนตอนกลางวันและตอนบ่ายก็ได้กินแต่เมนูรสชาติจืดชืด สำหรับรองนายกเทศมนตรีจางผู้ชื่นชอบอาหารรสจัดแล้ว เมนูพวกนั้นไม่ต่างอะไรจากเคี้ยวขี้ผึ้งเลย
อีกทั้งเขาก็นั่งรถโดยสารมาตั้งแต่ช่วง 5 โมงเย็นของเมื่อวาน จนตอนนี้ใกล้จะ 4 โมงเย็นของอีกวันแล้ว ตอนอยู่บนรถก็กินได้แค่ไม่เท่าไร พอได้ยินว่ามีของกิน ท้องของเขาก็ดัง “โครกคราก~” ขึ้นมา
“ต้มปลาเสฉวนอะไร ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางกลืนน้ำลายพลางถามออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ว่ารองนายกเทศมนตรีจางชอบอาหารรสจัด จึงจงใจพูดขึ้นว่า “เมนูนี้ไม่ได้ทำง่าย ๆ เลย ต้องใช้เครื่องเทศถึง 10 กว่าชนิดร่วมกับพริกอีก 5 ชนิดถึงจะทำเมนูนี้ออกมาได้”
ที่จริงมันไม่ได้เวอร์วังขนาดนี้เลย
แต่พอรองนายกเทศมนตรีจางได้ยินแล้ว แค่มีคำว่า “เผ็ด” ก็สามารถกระตุ้นต่อมรับรสของเขาได้แล้ว
“ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ มีเมนูใหม่ทั้งที ถึงอย่างไรฉันก็ต้องไปลอง ! ”
รองนายกเทศมนตรีจางพูดด้วยรอยยิ้มแล้วเป็นฝ่ายเปิดประตูรถเรียกเจียงเสี่ยวไป๋ให้ขึ้นรถไปด้วยกัน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมมีรถ เดี๋ยวคุณไปที่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วกัน”
รองนายกเทศมนตรีจางชะงักไปเล็กน้อย
เขาไม่ได้อยากถามเรื่องอนุมัติรถบรรทุก 40 คันนั้นหรอกหรือ ?
ก่อนหน้านี้ยังดูร้อนใจจนแทบจะอดทนไม่ไหว แต่ทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ถึงดูไม่ร้อนใจหรือไม่กังวลอะไรเลยล่ะ ?
เฮอะ อยากรู้นักว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะทนไปได้นานแค่ไหน ?
เขาเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาเรียบเฉยแล้วกล่าวว่า “ได้ งั้นคุณกลับไปทำอาหารรอที่ร้านก่อน ฉันจะกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดแล้วมาใหม่”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
รถของรองนายกเทศมนตรีจางขับออกไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้รีบร้อนไปทำอาหารที่ร้าน แต่เขาไปที่ห้องทำงานของโรงงานผลิตเครื่องปรุงรสก่อน
“คุณบอกจะไปพบรองนายกเทศมนตรีจางในตอนบ่ายไม่ใช่หรือ ? ”
“ทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้ล่ะ ? ”
หลินเจียอินถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสามีกลับมา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตอนบ่ายผมจะเลี้ยงข้าวเขา ตั้งใจจะทำต้มปลาเสฉวน ในเมื่อมีของดีให้กิน ผมก็ต้องมาชวนคุณไปกินด้วยกันอยู่แล้ว”
หลินเจียอินกล่าวว่า “คุณเลี้ยงข้าวรองนายกเทศมนตรีจาง แต่เรียกฉันไปกินด้วยมันจะเหมาะสมหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “คุณเป็นภรรยาของผม สามีของคุณเลี้ยงข้าวคนอื่น แต่ภรรยากลับไม่สามารถไปนั่งกินด้วยได้ แบบนี้มันจะมีประโยชน์อะไร ! ”
หลินเจียอินยังคงคิดว่าไม่เหมาะสมอยู่ดี เธอจึงพูดว่า “ช่างมันเถอะ ฉันไปกินที่บ้านของเยี่ยนหงแล้วกัน”
“ไม่ต้อง ! ไม่ต้อง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปัด “คุณไม่เพียงแต่เป็นภรรยาของผมเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้แทนทางกฎหมายของธุรกิจทุกอย่างอีกด้วย ท่านประธาน ตอนนี้คุณยิ่งมีคุณสมบัติไปนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับรองนายกเทศมนตรีจางแล้ว”
“ก็ได้ ! ”
หลินเจียอินคิดทบทวนดูแล้วจึงตอบตกลงเขาไป
เจียงเสี่ยวไป๋จึงหันไปพูดกับเฝิงเยี่ยนหง “เยี่ยนหง วันนี้คงไม่ได้เรียกเธอไปกินข้าวด้วยกันแล้วนะ”
เฝิงเยี่ยนหงรีบโบกมือให้ว่าไม่เป็นไร “พวกพี่ไปกินข้าวคุยธุระกัน ไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดขึ้นว่า “วันหลังฉันจะให้พ่อครัวหลิวไปซื้อปลา แล้วฉันจะทำต้มปลาเสฉวนให้เธอกินโดยเฉพาะ”
เฝิงเยี่ยนหงได้ยินแบบนั้นก็ดีใจมาก เพราะเธอเคยได้ยินหลินเจียอินบอกว่าต้มปลาเสฉวนอร่อยมาก
ดังนั้นเธอจึงตั้งตารอทันที