ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 258 เล่นผิดคนแล้ว
ตอนที่ 258 :เล่นผิดคนแล้ว
คุณชายจ้าวผู้ที่ไม่เคยยอมเสียหน้าให้ใครจะทนต่อการยั่วยุของเจียงเสี่ยวไป๋ได้อย่างไร ?
“คนสวย ช่วยฉันเลือกกระเป๋ามา 20 ใบ ขอใบที่แพงที่สุด ! ”
ลูกชายเศรษฐีอย่างจ้าวซื่อเจ๋ออารมณ์เสียมากจนแม้แต่แผงประตูก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ เขาตะโกนออกมาด้วยความเย่อหยิ่ง
20 ใบราคาเพียง 200-300 หยวนเท่านั้น
เขามีธนบัตรสิบหยวนในมืออย่างน้อย 50-60 ใบ
แต่คราวนี้เขาได้เรียนรู้ทักษะในการจีบสาวงาม โดยเลียนแบบเจียงเสี่ยวไป๋และเรียกตู้ซาซาว่า ‘คนสวย’ บ้าง
กระเป๋าที่แพงที่สุด 20 ใบ ตู้ซาซาที่ได้ยินแบบนั้นมีความสุขมาก
“ได้ค่ะ ฉันจะไปเอามาให้คุณทันที ! ”
ตู้ซาซายิ้มอย่างมีความสุข รีบย้ายกล่องกระเป๋าใบสีแดงนับ 20 ใบมากองไว้ตรงหน้าจ้าวซื่อเจ๋อ
“ทั้งหมดนี้ราคา 320 หยวนค่ะ ! ”
ตู้ซาซากล่าวด้วยรอยยิ้ม
จ้าวซื่อเจ๋อก็ยิ้มรับเช่นกัน การเรียกผู้หญิงว่าคนสวยนั้นได้ผลจริง ๆ ดูสิว่าพนักงานขายที่สวยหยาดเยิ้มคนนี้กำลังส่งยิ้มหวานให้เขาด้วย !
เขานับธนบัตรสิบหยวนได้ 32 ใบอย่างมีความสุข จากนั้นมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “คุณชายจ้าวมีความสามารถเหมือนกันนะ ! ”
เมื่อจ้าวซื่อเจ๋อได้ยินแบบนี้ เขาก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ในใจ อะไรคือการบอกว่าเขามีความสามารถเหมือนกัน ? เห็นได้ชัดว่าฉันมีความสามารถมาก
เขาพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋อย่างเหยียดหยาม “คุณคงไม่ได้หมายความว่าคุณสามารถซื้อได้มากกว่าฉันใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ดูเหมือนจะโมโหเพราะจ้าวซื่อเจ๋อ เขาพูดกับตู้ซาซาอย่างไม่ยอมว่า “คนสวย ช่วยหากระเป๋าผู้หญิงที่ถูกที่สุดให้ฉันใบหนึ่งสิ”
ตู้ซาซานำกระเป๋าหนังสีดำให้เขา แล้วพูดว่า “ราคาใบละ 10 หยวนค่ะ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋มองดูแล้ว เขาก็พยักหน้าและพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะมีคุณภาพดีและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป”
จ้าวซื่อเจ๋อเห็นแบบนั้นก็ประชดไปว่า “ไม่มีเงินแต่แสร้งเป็นคนรวย ก็เลยซื้อกระเป๋าผู้หญิงใบที่ถูกที่สุดสินะ”
เขามองไปที่หลินเจียอิน ในใจพลางคิดว่าดอกฟ้าคนนี้ช่างไม่คู่ควรกับหมาวัดอย่างหมอนี่เลยจริง ๆ
หากผู้หญิงคนนี้ติดตามเขา เขาจะซื้อกระเป๋าใบที่แพงที่สุดให้เธออย่างแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วพูดกับตู้ซาซาว่า “เอากระเป๋าถือผู้ชายแบบก่อนหน้านี้ให้ฉันอีก 3 ใบและกระเป๋าผู้หญิงแบบนี้อีก 12 ใบ”
เขาซื้อเพิ่มอีก 15 ใบในคราวเดียว
หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงต่างทำหน้าเสียดาย แม้จะรู้ว่านี่คือการแข่งขันของชายหนุ่มทั้งสอง แต่พวกเธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่คุ้มที่จะซื้อกระเป๋าหลายใบพร้อมกัน เพราะของเหล่านี้มันกินไม่ได้
แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่จังหวะที่จะหยุดพวกเขาได้ในเวลานี้
ทั้งสองไม่มีทางเลือก นอกจากรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋จ่ายเงินแล้ว เขาก็ยิ้มและพูดกับจ้าวซื่อเจ๋อว่า “ดูสิ ฉันยังซื้อมากกว่าคุณอีก”
จ้าวซื่อเจ๋อมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธ: กระเป๋าผู้ชายที่คุณซื้อ 15 ใบ ราคาใบละ 6 หยวน บวกกับกระเป๋าผู้หญิง 12 ใบ ใบละ 10 หยวน รวมกันก็แค่ 210 หยวนเท่านั้น แต่ฉันใช้เงินซื้อกระเป๋าไป 21 ใบ ราคารวมตั้ง 336 หยวนเชียวนะ
ทำไมคุณเปรียบเทียบแค่ปริมาณ ไม่ใช่จำนวนเงิน ?
อย่างไรก็ตาม คุณจ้าวผู้ทั้งอายุน้อยและร่ำรวยจะเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาในทุกด้านอย่างแน่นอน
ฮึ !
ถ้าคุณเปรียบเทียบปริมาณกับฉัน ฉันก็จะเปรียบเทียบปริมาณกับคุณ
เขานับเงินที่เหลืออยู่ในมือและพบว่ามีธนบัตรสิบหยวนทั้งหมด 29 ใบ เขาโยนมันไปให้ ตู้ซาซา โดยไม่ลังเล และพูดอย่างกล้าหาญว่า “คนสวย เงินทั้งหมดนี้ใช้ซื้อกระเป๋า ! ”
ตู้ซาซาดีใจมาก เธอรับเงิน 290 หยวนมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้ชาย คุณใจดีมาก ! ”
จากนั้น เธอก็พูดเสริม “งั้นฉันจะนำกระเป๋าใบละ 10 หยวนมาให้นะคะ แบบนี้คุณจะได้ซื้อได้หลายใบ จะได้มีจำนวนมากกว่าเขา ! ”
จ้าวซื่อเจ๋อพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกว่าเสน่ห์ของเงินได้แพร่กระจายไปแล้ว ขนาดพนักงานขายคนสวยยังยืนข้างเขา
“คุณจัดการได้เลย เงินแค่เล็กน้อยเท่านั้น”
จ้าวซื่อเจ๋อตื่นเต้นและแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
ตู้ซาซาชมเขาอีกครั้ง และไปเอากระเป๋ามาให้จ้าวซื่อเจ๋อด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ลูกค้าสองคนแข่งกันอวดรวด คนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดก็คือฉันที่เป็นพนักงานขาย
ในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอได้ขายกระเป๋าไป 70-80 ใบ ซึ่งเกือบจะเป็นยอดขายกระเป๋าในหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ
เดือนนี้ ฉันจะต้องถูกจัดอันดับพนักงานดีเด่นและได้รับโบนัสพิเศษอย่างแน่นอน
พนักงานต่างมีกำลังใจสูงเมื่อสำเร็จตามเป้าหมายในการทำงาน หลังจากนั้นไม่นาน ตู้ซาซาก็นำกระเป๋า 29 ใบมากองไว้บนพื้นต่อหน้าจ้าวซื่อเจ๋อ
รวมก่อนหน้านี้ ทำให้ตรงหน้าเขามีกระเป๋าทั้งหมด 50 ใบ ซึ่งถือเป็นกองที่ค่อนข้างใหญ่
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยมองดูกระเป๋ามากมาย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น กระเป๋าเหล่านี้เป็นของเธอทั้งหมดแล้ว
จ้าวซื่อเจ๋อไม่ได้สนใจไป๋เสี่ยวเจี๋ย เขาหันไปพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “มาดูกันว่าคุณจะเอาอะไรมาเทียบกับฉัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มบางแล้วพูดกับหลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงว่า “เมียจ๋า คุณและเยี่ยนหงเลือกกระเป๋าเพิ่มอีก 2-3 ใบสิ”
“อื้ม ! ”
“ได้เลยพี่เสี่ยวไป๋ ! ”
ผู้หญิงทั้งสองขานรับและไปเลือกกระเป๋าที่ตัวเองชอบ
จากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋หันไปพูดกับตู้ซาซาอีกครั้ง “คนสวย ช่วยฉันเลือกกระเป๋าเดินทางที่ดีที่สุดสองใบหน่อย”
“ค่ะ ! ”
ตู้ซาซารับคำและเลือกกระเป๋าเดินทางที่มีล้อลากสองใบอย่างรวดเร็ว มันดูเหมือนพกพาไม่สะดวก แต่ปัจจุบันวัสดุเป็นหนังเทียมสังเคราะห์ที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งมันมีน้ำหนักค่อนข้างเบา
ในยุคนี้ คนส่วนใหญ่ยังคงใช้กล่องไม้แบบพกพา กระเป๋าผ้าใบหรือกระเป๋าผ้าน้ำมันเมื่อออกไปข้างนอก กระเป๋าเดินทางที่เป็นล้อลากถือเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยอย่างแน่นอน
กระเป๋าเดินทางแบบนี้ราคาใบละ 20 หยวน แพงกว่ากระเป๋าที่หลินเจียอินซื้อเสียอีก
เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อมันโดยไม่ลังเล
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยพูดอย่างเหน็บแนม “คิดว่าซื้อกระเป๋าใบใหญ่แล้วจะดีเด่นกว่าคนอื่นหรือไง กระเป๋าแบบนี้จะไปมีประโยชน์อะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เมินเฉย เขาฉีกฟิล์มพลาสติกบนกระเป๋าออก จากนั้นเปิดกระเป๋าใบใหญ่แล้วใส่กระเป๋าถือผู้ชาย 15 ใบและกระเป๋าถือผู้หญิง 12 ใบที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้ลงในกระเป๋าเดินทางสองใบนั้น
แน่นอนว่าหนังสือพิมพ์ทั้งหมดที่ยัดไว้ดันทรงกระเป๋าถูกนำออกมาหมดแล้ว
ไม่อย่างนั้นคงใส่ไม่พอ
หลังจากที่เขาทำสิ่งนี้เสร็จแล้ว หลินเจียอินและเฝิงเยี่ยนหงก็เลือกกระเป๋าของพวกเธอได้แล้ว
เฝิงเยี่ยนหงเลือกมา 7 ใบ และหลินเจียอินเลือกอีก 6 ใบ เมื่อรวมกับกระเป๋าสีฟ้าอ่อนใบก่อนหน้านี้ ตอนนี้หลินเจียอินมีกระเป๋ารวมเป็น 7 ใบพอดี
พวกเธอทั้งสองคนจำสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูดเรื่องเปลี่ยนกระเป๋าใช้ทุกวันจันทร์ถึงอาทิตย์ได้ขึ้นใจ
ทั้ง13 ใบนี้ราคา 195 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋ชำระเงินอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เขาจ่ายเงินเสร็จ เขาก็พูดกับจ้าวซื่อเจ๋อว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเงินซื้อกระเป๋าดี ๆ สักใบ ถ้าฉันซื้ออีก คุณยังจะซื้อมันอีกไหมล่ะ ? ”
จู่ ๆ ใบหน้าของจ้าวซื่อเจ๋อก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เงินทั้งหมดที่เขานำติดตัวมาในวันนี้หมดไปแล้ว เขาจะซื้อเพิ่มอีกได้อย่างไร ?
“ซื้อ ! ” ไป๋เสี่ยวเจี๋ยไม่รู้อะไรเลย เธอจับมือของจ้าวซื่อเจ๋อแล้วพูดว่า “คุณจ้าว ถ้าเราซื้อต่อ เราก็สามารถเปรียบเทียบกับพวกเขาได้”
ใบหน้าของจ้าวซื่อเจ๋อแดงหนักขึ้น
เขาเองก็อยากซื้อเพิ่มเหมือนกัน แต่ไม่มีเงินแล้ว เขาจะซื้อมันได้อย่างไร ?
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นความลำบากใจของจ้าวซื่อเจ๋อ จึงยิ้มและกล่าวว่า “คุณจ้าวไม่ได้รวยมากหรอกหรือ ? ”
“ทำไมล่ะ ? ”
“คุณไม่มีเงินเหลือแล้วหรือ ! ”
จ้าวซื่อเจ๋อพูดด้วยความโกรธว่า “ไม่ใช่ว่าฉันไม่มีเงิน แค่เงินที่พกติดตัวมาด้วยหมดแล้ว”
ปกติแล้วใครจะพกเงินติดตัวไปด้วยมากมาย ถ้าไม่มีความจำเป็น ?
ปัจจุบันสกุลเงินสูงสุดอยู่ที่ 10 หยวนเท่านั้น จ้าวซื่อเจ๋อสามารถพกเงินติดตัวได้มากกว่า 600 หยวนก็ถือว่ารวยมากแล้ว
แต่หลินเจียอินนั้นแตกต่างออกไป เธอบริหารร้านแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเจียง 15 แห่ง ร้านแต่ละสาขามีรายได้และรายจ่ายทุกวัน รายจ่ายต่าง ๆ ก็มีไม่น้อย เธอมักจะพกธนบัตรสิบหยวนมัดใหญ่หลายมัดไว้ในกระเป๋า ซึ่งมันก็สะดวกสำหรับเธอ
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ และดึงธนบัตรสิบหยวนออกมาหลายปึก
“คุณไม่ได้พกมันมา แต่บังเอิญว่าฉันพกมา”
ธนาบัตรปึกละ 100 ใบ ซึ่งมีมูลค่าปึกละหนึ่งพันหยวน
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบธนบัตรสิบหยวนออกมา 6 ปึก ซึ่งมูลค่ารวมกว่าหกพันหยวน
แม้แต่จ้าวซื่อเจ๋อก็ใช้จ่ายเพียงประมาณเดือนละ 2,000 หยวนเท่านั้น
ในตอนนี้เองที่เขาเขาตัวรู้ว่าเขาเล่นผิดคนแล้ว
แท้จริงแล้วคนยากจนไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋ แต่เป็นตัวเขาเองต่างหาก
ไป๋เสี่ยวเจี๋ยก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอคิดว่าจ้าวซื่อเจ๋อรวยมาก แต่แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงเพราะ เจียงเสี่ยวไป๋มีเงินมากกว่าคุณชายจ้าวเสียอีก