ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 253 เจี่ยงชิงชิง
ตอนที่ 253 :เจี่ยงชิงชิง
แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะสงสัยว่าทำไมน้องสาวภรรยาของจูกั๋วฟู่ถึงยืนกรานที่จะพบเขาให้ได้ ทว่าเขาไม่สนใจที่จะพบน้องสาวภรรยาของจูกั๋วฟู่เลย
“วันอื่นเถอะครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ปฏิเสธอย่างสุภาพ เพราะเขายังอยากรีบกลับไปหาภรรยาของเขาโดยเร็ว
จูกั๋วฟู่ได้ยินแบบนั้นก็ร้อนใจแล้ว แค่พบกันเท่านั้น ทำไมถึงต้องเป็นวันอื่นด้วยล่ะ ?
“น้องชาย ช่วยฉันหน่อยเถอะ ไปพบน้องสาวภรรยากับฉันตอนนี้เลย มันต้องเป็นเรื่องดีแน่นอน ฉันไม่ทำร้ายคุณหรอก ! ”
จูกั๋วฟู่พูดแล้วก็จับมือของเจียงเสี่ยวไป๋เพื่อจะพาไปพบน้องสาวของภรรยาเขา
ราวกับกลัวว่าเขาจะหนีไป
เจียงเสี่ยวไป๋หมดคำจะพูด นี่เขาเหมือนถูกลักพาตัวเลย !
เขาไม่เชื่อว่าการได้พบกับน้องสาวภรรยาของจูกั๋วฟู่จะเป็นสิ่งที่ดี !
“น้องสาวภรรยาของคุณคือใคร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถามอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากที่จู่กั๋วฟู่ดึงเขาเข้าไปในรถ
การจะไปพบใครสักคนก็ต้องรู้เหตุผลด้วย
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋อยู่ในรถแล้ว จูกั๋วฟู่จึงไม่กังวลว่าเขาจะหนีอีก ดูเหมือนเขาจะผ่อนคลายมากขึ้น เขายิ้มขณะขับรถไปแล้วพูดว่า “น้องสาวภรรยาของฉันชื่อเจี่ยงชิงชิง เธอเป็นสาวงามคนหนึ่งเลย”
ใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋เริ่มดำคล้ำขึ้น
“เฮ้ เฮ้……ผมมีภรรยาแล้ว ! ”
จูกั๋วฟู่ชะงักไปครู่หนึ่ง และดูเหมือนเขาจะตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติกับวิธีการแนะนำของเขา เขาจึงรีบพูดออกมาทันทีว่า “น้องเจียง อย่าเข้าใจฉันผิด น้องสาวภรรยาของฉันเพิ่งถูกย้ายไปที่ธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีนในฐานะประธาน เมื่อรู้ว่าฉันรู้จักกับคุณ เธอจึงบังคับให้ฉันแนะนำเธอให้กับคุณ”
หลังจากนั้น เขาก็อธิบายว่า “ภรรยาของฉันรักน้องสาวคนนี้มาก ฉันจนใจเพราะถูกบังคับให้พาคุณไปพบกับเธอ อีกอย่างไม่ง่ายเลยกว่าจะเจอคุณ ฉันก็ทำได้เพียง……”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่เขา
เธอเป็นประธานธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีน แทนที่จะบอกมาตามตรง ทำไมถึงต้องเอาแต่พูดว่าจะพาฉันไปพบน้องสาวภรรยาของคุณให้ได้ ฟังแบบนี้แล้ว มีใครบ้างจะไม่เข้าใจผิดน่ะ ?
“ตกลง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตัดบทคำอธิบายของจูกั๋วฟู่ และพูดว่า “หรือว่าเธอเองก็อยากปล่อยสินเชื่อให้ผมเหมือนกัน ? ”
จูกั๋วฟู่ยิ้มกว้าง
ไม่ต้องบอกก็สื่อความหมายชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขมาก การได้พบกับน้องสาวภรรยาของจูกั๋วฟู่ถือเป็นเรื่องดีจริง ๆ
เขาพูดหยอกล้อว่า “ประธานจู คุณนี่ไม่ยอมให้เงินทองและความมั่งคั่งรั่วไหลออกไปภายนอกจริง ๆ ”
จูกั๋วฟู่ถอนหายใจ “น้องสาวภรรยาของฉันเพิ่งมาที่เมืองชิงโจว เธอย้ายมาจากเมืองหลวงของมณฑล มีจิตใจเข้มแข็งและกระตือรือร้นที่จะทำทุกอย่างให้บรรลุผล ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในบ้านของฉัน ทุกครั้งที่ฉันกลับบ้าน เธอก็มักจะถามเสมอว่าได้แนะนำเธอให้คุณรู้จักหรือยัง อีกอย่างพี่สาวของเธอก็มักจะมากดดันฉันเสมอ ฉันเลยต้านทานไม่ไหว”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือและไม่สนใจเรื่องนี้
ในไม่ช้า ทั้งสองก็มาถึงธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีน สาขาชิงโจว
ธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีน สาขาชิงโจว ตั้งอยู่บนถนนชิงซาน ทางตอนใต้ของเมือง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงงานผลิตเครื่องปรุงรส
เจียงเสี่ยวไป๋คิดว่าเปิดบัญชีกับธนาคารเพื่อการก่อสร้างแห่งประเทศจีน สาขาชิงโจวไว้สักบัญชีก็คงจะดีเหมือนกัน ภรรยาของเขาจะได้ดูแลเรื่องเงินได้สะดวกกว่าในการทำธุรกิจในอนาคต เขาจะได้ไม่ต้องเทียวไปที่ธนาคารเพื่อการเกษตรแห่งประเทศจีนบนถนนชิงโจว
“ไม่รู้ว่าธนาคารเพื่อการก่อสร้างสามารถให้ฉันกู้เงินได้เท่าไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เดินตามจูกั๋วฟู่ไปยังห้องทำงานของเจี่ยงชิงชิงด้วยความคาดหวังเล็ก ๆ
“พี่เขย นี่คงเป็นเถ้าแก่เจียงใช่ไหม ! ”
เมื่อเข้าไปในห้องทำงาน เจี่ยงชิงชิงพูดด้วยรอยยิ้มโดยไม่ต้องให้จูกั๋วฟู่แนะนำ
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเจี่ยงชิงชิง ชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงแบบสาวออฟฟิศทำให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบของเธอ เธอมีใบหน้ารูปไข่ที่ละเอียดอ่อน คิ้วดำขลับโค้งเหมือนก้านหลิว ดวงตาคู่สวยเป็นประกายสดใส จมูกโด่ง ผมยาวสลวยเหมือนม่านน้ำตก
อย่างที่จูกั๋วฟู่พูดไว้ก่อนหน้านี้ น้องสาวภรรยาของเขาถือเป็นหญิงงามสะพรั่งคนหนึ่ง
และความงามแบบนี้แตกต่างจากความอนุรักษ์นิยมของผู้หญิงส่วนใหญ่ในปัจจุบัน เจี่ยงชิงชิงเธอเป็นคนที่มีเสน่ห์อันทันสมัย
“สวัสดีเถ้าแก่เจียง ฉันเจี่ยงชิงชิง ! ”
เมื่อเห็นจูกั๋วฟู่พยักหน้า เจี่ยงชิงชิงก็ยิ้มและยื่นมือออกมาเพื่อทักทาย
“สวัสดีประธานเจี่ยง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ทักทายแล้วเอื้อมมือไปแตะปลายนิ้วทั้งสี่ของเจี่ยงชิงชิงเบา ๆ แล้วผละมือออก
การจับมือทักทายกับผู้หญิงแตกต่างจากการจับมือทักทายกับผู้ชาย
จนกระทั่งถึงตรงนี้
เจี่ยงชิงชิงทักทายพวกเขาทั้งสองอย่างเป็นกันเอง จากนั้นก็นั่งลงและต้มชาให้พวกเขาแต่ละคนเป็นการส่วนตัว
ที่เธอใช้คือแก้วกระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง
เจียงเสี่ยวไป๋อดยิ้มไม่ได้ ดูเหมือนว่าธุรกิจของเซี่ยงเฉียนจิ้นกำลังไปได้ดี ตอนนี้เขาสามารถเห็นถ้วยและแก้วกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งได้ทุกที่ที่เขาไป
อย่างไรก็ตาม โรงงานฟิล์มพลาสติกของเขาเองก็สามารถผลิตถ้วยพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ต้นทุนควรจะต่ำกว่าถ้วยกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งด้วย
กล่าวได้ว่าโรงงานฟิล์มพลาสติกจะต้องแข่งขันกับโรงพิมพ์ของสำนักข่าวเข้าแล้ว
ขณะที่เขากำลังเหม่ออยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงอันอ่อนโยนของเจี่ยงชิงชิง “เถ้าแก่เจียง ฉันมักจะได้ยินพี่เขยของฉันพูดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่ได้พบคุณ แต่ฉันก็เลื่อมใสศรัทธาในชื่อเสียงของคุณมาเป็นเวลานานแล้ว”
ห๊ะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้พูดได้ดีมาก
“เลื่อมใสศรัทธาในชื่อเสียง” เธอสามารถรู้จักเขาทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน
เขายิ้มและพูดติดตลกว่า “เป็นเกียรติของผมจริง ๆ ที่สาวสวยอย่างประธานเจี่ยงนึกถึงผมอยู่ตลอดเวลาขนาดนี้ ! ”
นี่ก็พูดอย่างชาญฉลาดเช่นกัน
ใช้คำว่า ‘นึกถึงอยู่ตลอดเวลา’ มาบ่งบอกว่าเขารู้เจตนาของเธอ
เจี่ยงชิงชิงหัวเราะเบา ๆ “เถ้าแก่เจียง คุณเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากที่มองความคิดเล็ก ๆ ของฉันออก ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นตัวของตนเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณจริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินก็ผงะจนเกือบจะทิ้งแก้วชาในมือลงพื้น
ผู้หญิงคนนี้กล้าพูดมาก
เขาเริ่มรับไม่ไหวแล้ว !
เขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองจูกั๋วฟู่ ไม่แปลกใจเลยที่เขาถูกบังคับให้ทำแบบนี้
เมื่อเห็นความลำบากใจของเจียงเสี่ยวไป๋ เจี่ยงชิงชิงก็เม้มริมฝีปากยิ้ม “เถ้าแก่เจียง ฉันยังไม่คุ้นชินกับเมืองชิงโจว ดังนั้นโปรดดูแลฉันด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “ประธานเจี่ยงต่างหากที่ควรดูแลผม ! ”
เจี่ยงชิงชิงยิ้ม “ในเมื่อเถ้าแก่เจียงรู้แล้วว่าฉันมีจุดประสงค์อะไรที่อยากพบคุณ งั้นฉันจะไม่พูดอ้อมค้อมแล้วนะคะ คุณมีอุตสาหกรรมมากมาย และอุตสาหกรรมทั้งหมดของคุณยังอยู่ในช่วงก่อสร้าง ดังนั้นคุณคงกำลังต้องการเงินทุนเป็นจำนวนมากแน่นอน”
เขาเหลือบมองจูกั๋วฟู่แล้วพูดต่อ “ฉันรู้ว่าพี่เขยของฉันปล่อยสินเชื่อให้คุณ 7 ล้านหยวน แล้วถ้าฉันให้คุณกู้อีกสัก 3 ล้านหยวนล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าเจี่ยงชิงชิงจะพูดตรงขนาดนี้
ซึ่งแตกต่างไปจากสไตล์การทำงานของคนในยุคปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง มันเหมือนกับสไตล์ของผู้จัดการมืออาชีพรุ่นหลังที่ตรงไปตรงมาและเด็ดขาดมากกว่า
เมื่อมองดูประธานคนสวย เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกยิ้ม เขาไม่ตอบ แต่ถามย้อนเธอไปว่า “ประธานเจี่ยง งานสินเชื่อของธนาคารเพื่อการก่อสร้างของคุณในปีนี้มีงบแค่เพียง 3 ล้านเท่านั้นหรือ ? ”
เจี่ยงชิงชิงชะงักอยู่ครู่หนึ่ง เธอสับสนเล็กน้อย แต่ยังคงพูดตามความเป็นจริงว่า “งานสินเชื่อของธนาคารเพื่อการก่อสร้างในปีนี้มีงบปล่อยสินเชื่อ 8 ล้าน ! ”
8 ล้าน !
หัวใจของเจียงเสี่ยวไป๋สั่นไหว เขาถามเธอด้วยรอยยิ้มว่า: “แล้วไม่ทราบว่าจะปล่อยให้กู้ได้เท่าไหร่”
ใบหน้าสวยของเจี่ยงชิงชิงดูเก้อเขินเล็กน้อย ตอนนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อออกไปยากมาก เป้าหมายการปล่อยสินเชื่อของปีนี้อยู่ที่ 8 ล้านหยวน แต่จนถึงตอนนี้เพิ่งปล่อยสินเชื่อไปได้แค่สองแสนกว่าหยวนเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่บังคับจูกั๋วฟู่ให้แนะนำเธอให้เจียงเสี่ยวไป๋รู้จักหรอก
“พูดตามตรง ฉันยังไม่ได้ปล่อยสินเชื่อให้กู้ยืมได้มากนัก”
เจี่ยงชิงชิงลูบผมข้างหูของเธอให้เรียบ มองดูเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยดวงตาที่สวยงามของเธอ แสดงท่าทางขอความช่วยเหลืออย่างอ่อนโยนและพูดเบา ๆ ว่า “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันขอความช่วยเหลือจากพี่เขยของฉัน เพื่อขอความสนับสนุนจากจากเถ้าแก่เจียงค่ะ”
ในขณะเดียวกัน เธอมีความสามารถพอ ๆ กับผู้จัดการมืออาชีพ และอีกในด้านหนึ่งเธอก็น่าสงสารและทำอะไรไม่ถูกเหมือนผู้หญิงที่อ่อนแอคนหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกเป็นไปตามธรรมชาติและไม่มีร่องรอยของการเสแสร้ง
ใครก็ตามที่เห็นเธอเป็นเช่นนี้ก็ย่อมสงสาร
มุมปากของเจียงเสี่ยวไป๋กระตุก น่าเสียดายเหลือเกินที่สาวงามคนนี้ดันมาเป็นประธานธนาคาร หากเธอได้เป็นนักแสดง เธอคงจะได้รับรางวัลม้าทองคำ และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
อืม ที่จริงหากให้เธอเป็นนักประชาสัมพันธ์ก็ไม่เลว
เพราะเธอคงทำอาชีพนี้ได้ดี จนได้รับการเลื่อนขั้นไประดับสูงสุดแน่นอน
“อะแฮ่ม ! ”
หลังจากปรับสีหน้าให้นิ่งขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็กระแอมไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ประธานเจี่ยง ถ้าคุณให้สินเชื่อผม 3 ล้าน งั้นก็ลืมมันซะเถอะ ! ”
เจี่ยงชิงชิงรู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที นี่เขาปฏิเสธจริงหรือ ?
ฉันพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ฉันก็ยังถูกปฏิเสธ
เฮ้อ !
ทำไมการหาลูกค้ามากู้สินเชื่อถึงได้ยากเย็นนักนะ ?