ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 224 แผนการในใจอันแยบยล
ตอนที่ 224 :แผนการในใจอันแยบยล
“แขกทั้งหลาย เชิญไปนั่งทานข้าวกันก่อน ! ”
เจียงไห่เทียนเดินเข้าไปในห้องที่รองนายกเทศมนตรีจางและคนอื่น ๆ อยู่ และพูดอย่างสุภาพ
เขาจองโต๊ะไว้สามโต๊ะเพื่อต้อนรับรองนายกเทศมนตรีจาง หลินต้าเหว่ยและคนอื่น
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “ขอบคุณมาก ! ”
หลังจากกล่าวขอบคุณตามมารยาทแล้ว เขาก็พาคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงไปยังโต๊ะ
เจียงเสี่ยวไป๋เดินตามไปเป็นคนสุดท้าย เจียงไห่เทียนเห็นแบบนั้นจึงถามไปว่า “จะเปลี่ยนเหล้าไหม ? ”
เหล้าที่ใช้เลี้ยงแขกวันนี้คือเหล้าข้าวโพดเปี้ยนชานและบุหรี่จงฮั๋วตามคำสั่งของเจียงไห่หยาง แต่เจียงไห่เทียนรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีเหมาไถมากมาย เขารู้สึกว่าการใช้เหล้าข้าวโพดมาสร้างความบันเทิงให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างรองนายกเทศมนตรี นายอำเภอ และผู้นำเหล่านี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ช่างเถอะครับ เลี้ยงเหมือนแขกคนอื่นไปเลย”
ไม่ใช่ว่าเขารู้สึกว่าไม่เหมาะสมที่จะปฏิบัติต่อพวกเขาแตกต่างจากแขกคนอื่น ๆ แต่เขารู้สึกว่าคนเหล่านี้จะดื่มได้น้อยลงหากกินเหล้ายี่ห้อนี้
หวังเต๋อคุนและคนอื่นเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลงโทษเขาโดยการให้ดื่มเหล้าโทษฐานที่ไม่เชิญ
แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการดื่ม แต่เสือก็ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับฝูงหมาป่าได้
เป็นการดีกว่าที่จะระมัดระวัง
เขาประเมินว่ารองนายกเทศมนตรีจางและหวังเต๋อคุนเคยชินกับการดื่มเหมาไถ แต่พวกเขาคงไม่คุ้นชินกับเหล้ายี่ห้อถูก ๆ อย่างแน่นอน ซึ่งมันอาจทำให้พวกเขาดื่มน้อยลง
“อาหารจัดให้พอสำหรับแขกด้วยนะครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวเสริม
ปกติงานเลี้ยงที่จัดขึ้นในพื้นที่ชนบทมักจะไม่มีการเติมอาหารเพิ่มเติม แต่ละจานจะเสิร์ฟเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเพียงพอหรือไม่ก็ตาม
ซึ่งหากแขกยังกินไม่หนำใจ งานหน้าค่อยมากินใหม่ทีหลัง
“เอาล่ะ ฉันจะจัดการให้ทันที ! ”
เจียงไห่เทียนพยักหน้าตอบรับ และรีบตรงไปที่ห้องครัวเพื่อบอกหลิวอี้โชว
หลัก ๆ เวลาจัดงานเลี้ยงจะคำนวณจากต้นทุนที่ได้มา หากซื้อของมาเท่านี้ ควรเชิญแขกมาเท่าไหร่ จะเสิร์ฟได้กี่จาน แล้วค่อยดูว่าจะเสิร์ฟครั้งละเท่าไหร่
โดยพื้นฐานแล้วอาหารทุกจานจะจัดอยู่ในอัตราส่วนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ให้เสิร์ฟอาหารเพิ่มเติม
แต่เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าให้เตรียมอาหารให้พอสำหรับแขก ไม่ใช่ว่าจะต้องเพิ่มทุกเมนู เพราะอาจจะทำให้อาหารที่เตรียมไว้ไม่พอต่อแขกที่จะมาเพิ่ม เจียงไห่เทียนจึงต้องไปบอกพ่อครัวว่าเมื่อแขกเหล่านั้นกินเสร็จแล้ว หากต้องการซื้ออะไรเพิ่มก็ให้ซื้อ หากต้องทำอะไรเสริมก็ต้องทำ อย่าให้แขกที่มาทีหลังไม่มีอาหารกิน
เมื่อเจียงไห่เทียนไปจัดการงาน เจียงเสี่ยวไป๋ รองนายกเทศมนตรีจางและคนอื่นก็มาถึงโต๊ะที่เตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งในไม่ช้า พวกเราก็แบ่งกลุ่มนั่งเป็นสามโต๊ะ
โต๊ะของเจียงเสี่ยวไป๋เชิญรองนายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิงมานั่งด้วย
ฟู่เต๋อเจิงปฏิเสธว่า “เชิญเลย รองนายกเทศมนตรีจางและนายอำเภอหลินควรนั่งโต๊ะร่วมกับคุณ ฉันจะไปนั่งกับพวกเขา”
ทว่าหลินต้าเหว่ยไม่ได้คัดค้านความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋แต่อย่างใด เขาพูดกับฟู่เต๋อเจิงว่า “ฉันเป็นพ่อตาของเสี่ยวเจียง และเป็นครอบครัวเดียวกับเขา คุณไปนั่งกับเขาเถอะ”
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “คุณที่เป็นพ่อตาไม่ได้นั่งร่วมกับเสี่ยวไป๋ ผมที่เป็นคนนอกจะไปนั่งได้อย่างไร”
ขณะที่พูด เขาก็ลากหลินต้าเหว่ยไปนั่งข้างรองนายกเทศมนตรีจาง
ในท้ายที่สุด รองนายกเทศมนตรีจางและหลินต้าเหว่ยก็นั่งโต๊ะเดียวกัน ฟู่เต๋อเจิงและหวังเต๋อคุนนั่งทางซ้าย เฉียนฟางอี้และจูกั๋วฟู่นั่งทางด้านขวา เจียงเสี่ยวไป๋และติงจวิ้นเจี๋ยนั่งตรงกันข้าม
จูกั๋วฟู่เอามือไปบีบแขนของเฉียนฟางอี้ และพูดเบา ๆ ว่า “เดี๋ยวก่อน ไหนเราบอกว่าจะดื่มไง ? ”
เดิมที พวกเขาวางแผนที่จะลงโทษเจียงเสี่ยวไป๋ และถึงกับบอกว่าพวกเขาจะมอมเหล้าพ่อตาของเจียงเสี่ยวไป๋ด้วย
แต่ใครจะไปรู้ว่าชายชราคนนั้นคือหลินต้าเหว่ย
เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะมอมเหล้านายอำเภอ
ยิ่งไปกว่านั้น รองนายกเทศมนตรีจางก็อยู่ที่นี่ด้วย
เฉียนฟางอี้ส่ายหัว เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เขาเงยหน้าขึ้นมองฟู่เต๋อเจิงที่อยู่ตรงข้ามและขยิบตาให้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าให้เขาเป็นคนตัดสินใจ
ฟู่เต๋อเจิงมองไปที่เหล้าข้าวโพดเปี้ยนชานสองขวดบนโต๊ะแล้วเม้มริมฝีปาก เขารู้ว่าแท้จริงแล้วเจียงเสี่ยวไป๋มีเหมาไถอยู่หลายขวดในบ้าน
ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติ เขาคงขอให้เจียงเสี่ยวไป๋เปลี่ยนเหล้า
แต่ตอนนี้มันเป็นงานเลี้ยงฉลองของคนอื่น ซึ่งแต่ละโต๊ะก็ได้เหล้ายี่ห้อเดียวกัน หากเจียงเสี่ยวไป๋เอาเหล้ายี่ห้อดี ๆ มาเลี้ยงพวกเขา มันก็ดูจะไม่สมเหตุสมผล
และไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่เคยดื่มเปี้ยนชานมาก่อน
ฟู่เต๋อเจิงพึมพำบางอย่างในใจ และเริ่มหยิบเหล้าขึ้นมา คลายเกลียวฝาพลาสติกออกแล้วพูดกับรองนายกเทศมนตรีจางว่า “รองนายกเทศมนตรีจาง คุณยังจำรสชาติของเปี้ยนชานได้อยู่ไหม ! ”
ปากของเจียงเสี่ยวไป๋กระตุกเล็กน้อย ฟู่เต๋อเจิงคนนี้ใจกล้าจริง ๆ
แต่ทว่าเขานั้นหน้าหนากว่า แม้แต่ฟู่เต๋อเจิงสิบคนรวมกันยังหน้าด้านไม่เท่าเขา เขาลุกขึ้นยืน แสร้งทำเป็นไม่สนใจ คว้าขวดเหล้ามาแล้วพูดว่า “วันนี้คุณเป็นแขก คุณจะรินเหล้าให้แขกด้วยกันได้อย่างไร มา เดี๋ยวผมรินให้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปข้าง ๆ รองนายกเทศมนตรีจาง เทเหล้าลงในแก้วตาวัวที่อยู่ตรงหน้าเขา แล้วพูดว่า “ท่านรอง วันนี้เราไม่มีเหล้าแพง ๆ เลี้ยงท่าน เรามีแต่เปี้ยนชานขวดนี้เท่านั้น ต้องขออภัยด้วย”
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวด้วยท่าทีใจเย็นว่า “ยินดีเสมอ”
เขาไม่รู้ว่าหวังเต๋อคุนและคนอื่นวางแผนที่จะมอมเหล้าเจียงเสี่ยวไป๋ และเขาก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นความเจ้าเล่ห์ของเจียงเสี่ยวไป๋ เนื่องจากวันนี้เป็นงานเลี้ยง มีอาหารและสุรามากมายตรงหน้า จึงคิดว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยดื่มเปี้ยนชานมาก่อน
เมื่อเห็นว่ารองนายกเทศมนตรีจางไม่สนใจ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ้ม เพราะตราบใดที่รองนายกเทศมนตรีจางดื่มเสร็จ หวังเต๋อคุนและคนอื่นก็ต้องดื่มตามไปด้วย
ในเวลาเดียวกัน เขาก็แอบวางแผนในใจว่าตราบใดที่ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นเทเหล้าให้เขา เขาก็จะไปกอดต้นขาของรองนายกเทศมนตรีจาง
ต้นขานี้หนาพอที่จะสามารถใช้เป็นเกราะป้องกันได้อย่างแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋ยังคงรินเหล้าให้กับหลินต้าเหว่ยและคนอื่น จากนั้นจึงกลับมาที่ที่นั่งเพื่อเติมให้ติงจวิ้นเจี๋ยและตัวเขาเอง
โดยปกติแล้วคนที่มางานเลี้ยงฉลองแบบนี้จะต้องพูดคุยและเฮฮา
แต่สถานการณ์ในวันนี้มันแตกต่างออกไป เจียงเสี่ยวไป๋จึงเป็นคนเริ่มพูดก่อน
เขายืนขึ้นแล้วพูดว่า “เอาล่ะ มาดื่มอวยพรให้กับท่านรองนายกเทศมนตรีจางก่อนเลย ! ”
หวังเต๋อคุนมองดูเจียงเสี่ยวไป๋และเบะปาก เขาไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรต้อนรับรองนายกเทศมนตรีจางเพียงคนเดียว เขาจะต้องดื่มอวยพรให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยเพื่อแสดงการต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านหรือเปล่า ?
ประเด็นคือการดึงพวกเขาทุกคนให้ดื่มตั้งแต่แรกเริ่ม ? นั่นหมายความว่าอย่างไร ?
นอกจากนี้เนื่องจาก เจียงเสี่ยวไปได้กล่าวอวยพรรองนายกเทศมนตรีจาง และคำพูดดังกล่าวได้ถูกพูดออกไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรได้อีก และไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำตามนั้น
เฉียนฟางอี้และคนอื่นมีความคิดเช่นเดียวกับหวังเต๋อคุน แต่มันก็ยากที่จะพูด พวกเขาแอบคิดในใจว่า: คุณควรที่จะดื่มแก้วที่สองเพียงลำพังถึงจะถูกใช่ไหม ?
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋ดื่มแก้วแรกจนหมดด้วยความเคารพ เขาก็วางแก้วลงทันทีและยื่นจานให้รองนายกเทศมนตรีจาง
“รองนายกเทศมนตรีจาง พ่อครัวของเราที่นี่ชื่อหลิวอี้โชว เขามักจะซ่อนกลเม็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ในทุกเมนูที่เขาทำ อย่างไรก็ตามคราวนี้เมื่อพูดถึงเหล้านี้ ผมก็ขอให้เขาทำกับแกล้มให้ คุณลองทานเกาลัดที่เขาทำดูสิ อร่อยมากจริง ๆ ”
รองนายกเทศมนตรีจางลองชิมแล้วพบว่ามันค่อนข้างดีจริง ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ยกจานอาหารมาให้หลินต้าเหว่ย ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นได้ลองชิมเหมือนกัน
หลังจากให้พวกเขาชิมเกาลัดแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกแก้วขึ้นเป็นครั้งที่สอง
“รองนายกเทศมนตรีจาง ประธานฟู่ ผู้อำนวยการหวัง…”
“ผมขอขอบคุณทุกท่านมากที่มาร่วมฉลองกับพวกเราในวันนี้”
จากนั้น เขาก็เปลี่ยนคำพูด “แต่เราทุกคนเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ดังนั้นเราต้องดื่มด้วยกัน”
หวังเต๋อคุนและคนอื่นแอบสาปแช่งเขาในใจ เรารู้จักกันมานานขนาดไหนเชียว ?
ถึงบอกว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กัน ?
เรากินข้าวด้วยกันบ่อยแค่ไหน ?
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สนใจว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร เขาเลือกคำพูดที่ดีและพูดต่อไปว่า “มีเพียงพ่อตาของผมนายอำเภอหลินเท่านั้นที่มาในพื้นที่ชนบทของเมืองชิงโจวของเราเป็นครั้งแรก ในฐานะที่เราเป็นคนเมืองชิงโจวและเป็นเจ้าบ้าน เราต้องดื่มให้กับนายอำเภอหลินด้วยกันนะครับ”
พูดเสร็จ ก็ยกแก้วขึ้นเพื่อเชิญชวนทุกคน
เขาไม่ได้บอกว่าเขาดื่มให้พ่อตาของเขา แต่เขาดื่มให้ในฐานะนายอำเภอของเจี้ยนหยาง ซึ่งทุกคนที่ร่วมโต๊ะต่างก็เป็นคนในเมืองชิงโจว ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่าเป็นเจ้าภาพ
รองนายกเทศมนตรีจางก็กล่าวว่า “พวกเราทุกคนในชิงโจวยินดีต้อนรับนายอำเภอหลิน”
เมื่อรองนายกเทศมนตรีจางพูดเช่นนี้ ฟู่เต๋อเจิงและคนอื่นจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องกล่าวต้อนรับตามไปด้วย
การดื่มรอบที่สอง ทุกคนก็ยังได้ดื่มด้วยกัน
หวังเต๋อคุนมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และแอบคิดในใจว่าถ้าเป็นแก้วที่สาม คุณควรต้องดื่มในฐานะเจ้าภาพงานเพียงลำพังแล้วไหม ?