[นิยายแปล] I’m the Evil Lord of an Intergalactic Empire! - ตอนที่ 10
บทที่ 10 ผู้สำเร็จวิชาควบผู้ก่อตั้งแห่งสำนักดาบประกายแสง
“ชั้นนี่มันไร้เทียมทานสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงกัน”
ภายในห้องควบคุมของเอวิด
ชั้นที่กุมคันบังคับหุ่นอยู่นั้นหยุดหัวเราะกับภาพตรงหน้าไม่ได้เลย
นี่แหละ–ภาพแบบที่ชั้นเฝ้าหา
บดขยี้ศัตรูด้วยพลังอันเหนือชั้น
ยิ่งกว่านั้นศัตรูยังเป็นแค่พวกสลัดอวกาศ
ถึงจะเริ่มรู้สึกอินกับการได้ฆ่าไอ้พวกแบบเดียวกับคนทวงหนี้ที่ย่ำยี่ชั้นในชาติก่อน ไปหน่อยก็เถอะ
ชั้นกลายเป็นฝ่ายช่วงชิงไม่ใช่ฝ่ายที่ถูกย่ำยี
ภาพแบบนี้แหละที่มันเห็นแล้วชื่นใจสุดๆ
ศัตรุเริ่มพุ่งเป้ามาที่เอวิดที่มีขนาดใหญ่กว่าไนท์ทั่วๆไป แล้วก็ดาหน้ากันเข้ามาแต่ก็โดนทำลายกันไปตามๆกัน
“เกะกะ!”
สิ้นเสียงตะโกนของชั้น วงเวทย์มากมายพลันปรากฏขึ้นรอบตัวเอวิด
อาวุธที่ชั้นเก็บไว้ด้วยเวทย์ห้วงมิติก่อนหน้าก็ค่อยๆโผล่ออกมา
มิซไซล์นำวิถีถูกปล่อยออกมาจู่โจมใส่ไนท์ของพวกโจรสลัด พวกที่เห็นก็ต่างพากันถอยหนี แต่ก็ไม่พ้นโดนยิงจนระเบิดกันไปตามๆกัน
แต่แล้วก็มีไนท์จำนวนหนึ่งโผล่ออกมาจากควันระเบิดนั้น
การเคลื่อนไหวแตกต่างจากพวกก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด
“พวกอัศวินโจรสลัดอะไรนั่นเรอะ”
พวกที่เคยเป็นอัศวินมาก่อนด้วยเหตุผลร้อยแปดแล้วหันไปสู่เส้นทางโจรสลัดแล้วก่ออาชญากรรมซะเองจะถูกเรียกว่า อัศวินโจรสลัด
ส่วนมากพวกนี้จะรับงานเป็นบอดี้การ์ด ไม่ก็ขึ้นไปเป็นหัวหน้าหน่วยของพวกโจรสลัด ยังไงก็ตามเรียกได้ว่าพวกนี้นับเป็นกำลังสำคัญของพวกโจรสลัดเลยทีเดียว
โล่ที่ติดอยู่บนไหล่ของเอวิดได้ทำการปัดป้องพวกบีม เลเซอร์ที่ฝั่งศัตรูยิงเข้ามา
เจ้าโล่นี่นะจะทำการกางฟิลด์พลังงานที่ครอบคุมทั้งตัวเครื่องทำให้การโจมตีด้วยบีมนะไม่สะเทือนชั้นหรอก
และถึงแม้จะเปลี่ยนมาใช้อาวุธกายภาพระยะไกลเกราะของเอวิดก็หนาเกินที่ของพวกนั้นจะยิงเข้าอยู่ดี
“หึ โกงสุดๆขอบอก … โอ๊ะ”
แต่พวกอาวุธระยะประชิดนั้นมันคนละเรื่องกัน…ชั้นเริ่มทำการหลบหลีกการโจมตีของพวกอัศวินโจรสลัดที่พากันสลับไปใช้ดาบกัน อย่างต่อเนื่อง
ถึงเอวิดจะสุดยอดขนาดไหนแต่ก็ต้องมีรอยกันบ้างถ้าต้องมารับแรงเหวี่ยงของไนท์
ชั้นก็เลยเลือกที่จะหลบ เพราะถ้าโดนก็เหมือนกับไปทำรถป้ายแดงมีรอยนั้นแหละ
แล้วไอ้ชั้นก็ไม่ค่อยชอบเห็นรถป้ายแดงมีรอยซะด้วย
ระหว่างที่ชั้นหลบการโจมตีพวกนั้น ชั้นก็โยนปืนบาซูก้าทิ้งแล้วเปลี่ยนมาใช้ปืนไรเฟิลแทน
“ถึงจะมีฝีมือกว่าพวกโจรสลัดธรรมดาก็เถอะแต่ว่า—ยังอ่อนหัด!”
พลันเอวิดพุ่งผ่านตัวไนท์ของโจรสลัดที่พุ่งเข้ามานั้นก็ขาดออกเป็นสองท่อน
“ตอบสนองได้ดีจริงๆ”
ไนท์ที่เข้าประชิดนั้นโดนฟันขาดเป็นสองท่อนในทันที
ฟันเสย ฟันแสกหน้า ฟันเฉียง ปัดดาบ* เพียงแค่สะบัดดาบเล็กน้อยศัตรูก็โดนฟันจนระเบิดไปตามๆกัน
(切り上げ、唐竹、逆袈裟、払い) *อับจนคำแปลจริงๆเลยแปลตามภาพคลิปที่หาๆมาได้ขออภัยยิ่ง*
แล้วหนึ่งในนั้นดูเหมือนจะรับการโจมตีของชั้นได้
แล้วแทนที่จะผละออกเขาก็ดันเหมือนจะท้าแข่งพลังกับเอวิด
แล้วเสียงจากอีกฝั่งที่เหมือนจะใช้ช่องสื่อสารจากการที่ตัวหุ่นประชิดกันก็ดังขึ้น
[แก นั่นมันวิชาบ้าอะไรกัน ไปเรียนมาจากสำนักไหนกันแน่?!]
อัศวินนั้นมักจะมีสำนักสังกัดอยู่
การที่จะเป็นอัศวินได้นั้นหนึ่งในข้อจำเป็นคือต้องมีการเรียนศิลปะการต่อสู้
เพราะมันจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการเป็นอัศวินนั่นเอง
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายแลจะไม่รู้จักกับวิชาดาบของชั้นเลย
ในหมู่อัศวินโจรสลัดแล้วเขานั้นเป็นคนที่เคลื่อนไหวดีสุดสุดซะด้วย
ชั้นที่เริ่มสนใจขึ้นมานิดหน่อยก็ลองตอบกลับไป
“สำนักดาบประกายแสงของประมาจาร์ยยาสุชิยังไงละ ไม่รู้จักงั้นเรอะ?”
[จะไปรู้จักเรอะไอ้สำนักพรรคนั้น ก็แค่สำนักปลายแถวอย่ามาทำเป็นอวดดีไปหน่อยเลย แม้แต่ชื่อคนสอนยังไม่เคยจะได้ยินอีก]
ชั้นที่เริ่มฉุนขึ้นมาก็เลยทิ้งปืนไรเฟิลไปแล้วสัดไนท์ตรงหน้าจนกระเด็นออกไป
“ปลายแถวงั้นเหรอ ได้งั้นชั้นจะขยี้แกทิ้งแล้วจะทำให้ชื่อของสักนักดาบประกายแสงกระช่อนไปทั่วเอง”
หลังจากทำลายไนท์ที่โดนสัดกระเด็นไปด้วยแขนข้างเดียวชั้นก็มุ่งไปยังยานโจรสลัดที่อยู่ใกล้ๆ
พอเร่งบูสเตอร์จนไฟพุ่ง ยานนั่นก็ยิงลำแสงตอบโต้กลับมาใส่เอวิดที่พุ่งตรงไปหา
ชั้นพุ่งฝ่าห่าฝนเลเซอร์ที่ยิงใส่ประชิด มุ่งเข้าหายานโจรสลัดแล้วก็พุ่งทะลุเกราะเข้าไปในยานทางตัวเรือของยานลำนั้น
แล้วชั้นก็เริ่มโจมตีจนยานมันระเบิดไปทั้งอย่างนั้น
***
โกอาซนั้นเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ภาพที่ไนท์สีดำเครื่องนั้นโผล่ออกมาแบบไร้รอยขีดข่วนจากแรงระเบิดของยานที่เกิดขึ้น
“นะ ไอ้หุ่นนั่นมันบ้าอะไรกันว่ะ!? ใครเป็นคนขับมันกัน?!”
เขามั่นใจว่าคนขับต้องเป็นอัศวินที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างแน่นอน
ถึงตอนแรกเขาจะคิดว่ามันเป็นแค่ไนท์ตกรุ่น ที่ใหญ่เทอะทะ แต่เขาก็ต้องคิดใหม่เมื่อกลุ่มอัศวินโจรสลัดของเขาถูกฟันทิ้งโดยไม่แม้แต่จะแตะต้องไนท์สีดำนั่นได้เลย
โกอาซเริ่มร้อนรนทั้งยังเหงื่อตกอย่างหวาดกลัว
“ทำไมไอ้ชื่อนี่ถึงมาอยู่แนวหน้าได้กัน—”
รองหัวหน้าที่ตกใจกับรายงานจากลูกน้องเขาก็ได้รายงานไปยังตัวโกอาซอย่างตื่นตระหนก
“ลูกพี่ ไอ้ที่อยู่ข้างในคือตัวเจ้าบ้านตระกูลบัลนฟิลด์ ไอ้หนูเลียม เซร่าบลันฟิลด์ตัวจริง ตัวเป็นๆเลย!”
“อะไรน่ะ!?”
โกอาซสั่นไปด้วยความโกรธหลังจากที่ได้ยิน
“บ้าน่า! มันจะเป็นไปได้ยังไงที่บอดี้การ์ดระดับสูงที่ชั้นจ้างมามันจะไปแพ้กับอีแค่เด็กคนเดียวเนี้ย!? ไอ้หุ่นที่ให้พวกมันขับก็ไม่ใช่ถูกๆด้วยนะเว้ย!”
อัศวินโจรสลัดระดับสูงนั้นเรียกค่าตัวแพงตามค่าฝีมือของพวกเขา
ทั้งไนท์ที่พวกนั้นขับยังเป็นของที่โขมยมาจากจักรวรรดิแล้วเอามาปล่อยขายในตลาดมืดอีกด้วย
ถึงรูปลักษณ์จะถูกปรับแต่งเล็กน้อยแต่ก็นับได้ว่าเป็นของที่ดีกว่าพวกโจรสลัดธรรมดาๆใช้กันอยู่มาก ทำให้เป็นเรื่องที่เชื่อได้ยากมากว่าทั้งหมดนี่จะถูกรับมือด้วยไนท์เพียงแค่เครื่องเดียว
“…ไม่สินี่มันเป็นโอกาศต่างหาก แม่ทัพฝั่งศัตรูออกมาสู้แนวหน้าเองแบบนี้ มีแต่พวกโง่เท่านั้นที่จะนำทัพมาบุกดงศัตรูด้วยตัวเองแบบนี้! ล้อมมันไว้แล้วขยี้มันให้เละไปเลย!”
โกอาซนั่นทำท่าทีแข็งกร้าวเหมือนปรกติต่อหน้าพวกลูกน้องที่หันมามองเขา
พวกโจรสลัดนั่นชื่อถือไม่ได้ ยิ่งในหมู่โจรสลัดด้วยกันเองยิ่งแล้วใหญ่
นับรวมด้วยว่าพวกเขาอยู่ในสงครามที่ใกล้แพ้และจำนวนก็ยังลดลงไปมากด้วย
ยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาศที่พวกลูกน้องเขาจะหันมาทรยศต่อโกอาซก็จะมีมากขึ้น เขาจึงต้องรีบจบเรื่องตรงหน้าโดยเร็วที่สุด
มองภาพผ่านหน้าจอตรงหน้าโกอาซก็สั่งให้หน่วยจู่โจมที่มีจำนวนนับพันเข้าล้อมจู่โจมหมายจะทำลายไนท์เพียงแค่เครื่องเดียว
เพียงแต่-
“ไม่มีทาง!”
ฝูงโจรสลัดที่มุ่งเป้าไปที่เลียมนั้นโดนฟันเป็นสองท่อนในทันที
เรียกได้ว่าแค่หมายมุ่งเข้าใกล้เลียมพวกนั้นก็ต่างระเบิดกันไปตามๆกันเสียแล้ว
แม้แต่ยานรบก็ไม่เว้นที่โดนแยกเป็นสองส่วนเช่นเดียวกันราวกับเป็นภาพที่เห็นได้แต่ในฝันร้ายเลยทีเดียว
(นี่มันบ้าไปแล้ว! ทำไมไนท์แค่เครื่องเดียวมันถึงได้เก่งเป็นบ้าเป็นหลังแบบนั้น!? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ !? ไม่สิไอ้เด็กนั่นมันเป็นตัวบ้าอะไรกันแน่ !?)
เขาไม่อาจเชื่อสายตาตัวเองได้
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ต่อไปละก็ ไมช้าเลียมก็จะเข้าประชิดยานของเขาเป็นแน่
ขณะที่ไนท์สีดำเครื่องนั้นมุ่งหน้าเข้ามาเรื่อยๆ พลางทำลายยานที่ขวางทางไป ยานรบฝั่งโจรสลัดก็ต่างตื่นตระหนกแล้วยิงใส่กันมั่วซั่วจนพลาดโดนกันเอง
“ไอ้พวกโง่! หยุดยิง! แล้วปล่อยให้พวกไนท์ออกไปรับมือสิว่ะ!”
พวกโจรสลัดต่างพากันหวาดกลัวเลียม
แต่ศัตรูของพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่ไนท์ของเลียมเพียงเครื่องเดียว
รองหัวหน้าตะโกนขึ้นมา
“ลูกพี่! ทัพศัตรูประชั้นชิดเข้ามาแล้ว!”
ทัพศัตรูที่พยายามตามการบุกนำของเลียมอย่างสุดกำลังนั้นอยู่ในขบวนทัพแบบรูปกลวย
ฝ่ากองทัพของโจรสลัดที่เริ่มตื่นตระหนกมาได้อย่างง่ายดาย
พวกโจรสลัดต่างพากันตะลึงกับกองทัพที่มีฝีมือสูงจนน่าทึ่งทั้งยังไม่มีความลังเลอีกต่างหาก
โกอาซเอามือทุบกับที่วางแขนของเขา
“มีแต่พวกไร้ประโยชน์ทั้งนั้น!”
ถึงโกอาซจะมีโจรสลัดมากมายใต้บัญชาของเขาแต่ทั้งหมดก็มีแต่พวกนักเลงที่ขาดการฝึกฝน
ถ้าสถานการณ์แย่ขึ้นมานิดหน่อยรูปขบวนก็แตกออกโดยง่าย
โกอาซในตอนนี้นั้นได้เข้นสมองเพื่อหาทางออกจากสถานการ์ตรงหน้า
(ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปได้แพ้แน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่มีทางอื่นนอกจากทิ้งพวกมันแล้วหนีเอาตัวรอดแล้ว ไม่คิดเลยว่าไอ้ดาวสุดขอบจักรวาลแบบนี้มันจะเก่งได้ขนาดนี้)
ถึงการมีกองเรือโจรสล้ดใต้บัญชามากมายจะมีข้อดีอยู่เยอะแต่ในทางตรงกันข้ามก็มีแต่เรื่องเช่นกันถ้ามีแต่พวกนังเลงหัวไม้ไม่ก็พวกอาชญากรติดตามเขา
โกอาซเรียกตัวรองหัวหน้าเขา เข้ามาใกล้ๆแล้วเริ่มกระซิบ
“พวกเราจะหนีแล้ว ให้เอามาแต่พวกที่ไว้ใจได้เท่านั้นนะพวกที่เหลือก็ตัดทิ้งไปให้หมด”
รองหัวหน้าถึงจะมีท่าทีตกใจในตอนแรกแต่ต่อมาก็ดูจะเข้าใจสถานการณ์
“รับทราบ”
เรือธงของโกอาซจึงเริ่มทำการล่าถอย เรือคุ้มกันก็ค่อยๆพากันจัดรูปขบวนใหม่
(ถ้าหนีไปได้ละก็ล้างคอรอนักฆ่าได้เลยไอ้เด็กเปรต ข้ายังชนะได้ โอกาศยังมีอีกถมเถ)
รองหัวหน้าก็เริ่มออกคำสั่งขณะที่โกอาซเอามือกุมกล่องแปรธาตุเอาไว้
“มัวชักช้าอะไรอยู่! ชั้นสั่งให้ถอยทัพไม่ใช่รึไง!”
โจรสลัดที่ทำหน้าที่ขุมบังเหียนก็ร้องถามกลับ
“แล้วพรรคพวกเราละครับ?!”
รองหัวหน้าก็ตะโกนกลับ
“อีกเดี๋ยวพวกมันก็ตายกันหมดอยู๋แล้วอยากจะตายตามพวกมันรึไง รีบถอยกันได้แล้วศัตรูมันใกล้เข้ามาแล้วว้อย!”
พวกเขาต่างพากันหนีหัวซุกหัวซุน
โดยปรติพวกเขาไม่เคยเลือกทางหนีเอาตัวรอดกันมาก่อนเลย
แล้วทำไมคราวนี้ถึงต่างออกไปล่ะ
–คำตอบง่ายๆก็คือพวกเขาต่างกลัวเลียมกันนั่นเอง เลียมที่กระชั้นชิดเข้ามาหาเรื่อยๆด้วยความเร็วสูง
แค่เห็นภาพของเลียมที่ไม่อาจถูกหยุดไว้ได้แม้จะเอากองทัพไปรุมล้อม ก็ต่างพากันทำให้พวกเขาขนหัวลุกกันหมด
จนกระทั่ง
[จับได้แล้ว]
–เรือธงที่พวกเขาอยู่สั่นอย่างรุนแรง
เพราะเอวิดของเลียมนั้นยืนอยู่บนตัวเรือของพวกเขานั่นเอง
***
ชั้นตามเรือธงศัตรูที่พยายามหนีจนทัน
หลังจากลงจอดบนตัวเรือชั้นก็ทำลายป้อมปืนที่หันมใส่เอวิดทั้งหมด
“ถึงจะเป็นพวกโจรสลัดแต่ก็ไม่กล้าหันปืนใส่เรือธงของหัวหน้าตัวเองสินะ”
พวกโจรสลัดแลจะลังเลและเหมือนจะไม่กล้าที่จะยิงเข้าใส่ชั้นที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยบนเรือธงของศัตรู
“หืม?มีพวกที่คิดจะหนีอยู่งั้นเหรอ”
ชั้นก็ทำการสอยยานที่คิดหนีจนจมลงเพื่อเป็นการปิดทางหนีของพวกโจรสลัด
“เหอะ คิดจะหนีตอนนี้ก็ช้าไปแล้ว ชั้นจะเก็บค่าหัวพวกแกแทุกคนรวมไปถึงสมบัติทั้งหมดของพวกแกด้วย!”
พอชั้นปิดหนทางหนี พวกโจรสลัดก็ต่างพากันกระจัดกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง
พอกำลังเสริมของฝ่ายชั้นมาถึงพวกเขาก็เปิดช่องการสื่อสารโดยไม่สนแม้กระทั่งคลื่นรบกวน
[ท่านเคานต์ ปลอยภัยรึเปล่าครับ]
“ไม่ต้องสนชั้น เหลือยานไว้ป้องกันพันลำแล้วให้ที่เหลือไปล่าพวกโจรสลัดที่หนีไปทั้งหมด อย่าให้หลุดรอดไปได้แม้แต่คนเดียว ไม่ต้องไปสนว่าพวกมันจะร้องขอชีวิตหรือยอมแพ้ด้วยจัดการให้เหี้ยน”
[รับทราบ!!]
เท่านี้กองทัพของชั้นก็จะไปล่าพวกโจรสลัดที่พยายามหนี
ถึงจะพยายามหนีออกจากน่านอวกาศนี้แต่ถ้าส่งไปล่าอย่างรวดเร็วก็น่าจะเก็บพวกมันส่วนมากได้
พอยานของชั้นลำนึงเข้ามาใกล้ก็เห็นได้ว่าพวกเขาเตรียมทหารจะบุกเข้าเรือธงของศัตรูแล้ว
ชั้นก็ทำการแงะที่เก็บไนท์ของพวกโจรสลัดแล้วก็เข้าไปในตัวยานจากทางนั้น
ไนท์อีกฝั่งก็เตรียมการต้อนรับชั้นด้วยการยิงจรวดใส่ทันที แต่ก็ไม่ได้สะเทือนชั้นหรอก
ของระดับแค่นั้นไม่มีทางจะทำลายเอวิดได้หรอก
“เห้อ เดี๋ยวสีก็ถลอกกันพอดี”
พอควันจางลงพวกโจรสลัดรอบๆต่างพากันตัวสั่นเมื่อเห็นว่าเอวิดโผล่ออกมาแบบแถบไร้รอยขีดข่วน
แล้วพวกโจรสลัดพวกนั้นที่ใส่ชุดอวกาศอยู่ก็ยกปืนไรเฟิลแล้วกระหนำยิงใส่ชั้น
“เกะกะน่า”
ส่วนหนึ่งของเกราะของเอวิดก็เปิดช่องออกแล้วก็ทำการยิงเลเซอร์ใส่พวกโจรสลัดที่ยิงใส่ชั้นจนระเหยกันไปตามๆกัน
พอจัดการไนท์ตัวสุดท้ายเสร็จชั้นก็ถอนหายใจออกมาแล้วก็เอาหมวกอวกาศมาใส่
ชุดอวกาศนั้นทำหน้าที่เป็นชุดพาวเวอร์สูทด้วยไปในตัว
แล้วชั้นก็เอาคาตานะมาติดเอวพร้อมกับหยิบปืนไรเฟิลที่เอาเข้ามาเก็ฐไว้ในเอวิดอยู่ก่อนออกมา
“เอาละ เริ่มการล่าสมบัติกันดีกว่า”
พอพูดจบยานขนาดเล็กหลายลำของฝั่งชั้นก็บินเข้ามาทางที่ชั้นเปิดไว้
พอลงจอดกันเสร็๗พวกทหารก็มายืนใกล้ตัวชั้น
ทหารที่ลงมานั้นต่างใส่พาวเวอร์สูทที่เน้นการบุกตะลุยที่ดูสุงแล้วก็น่าเกรงขามกว่าชั้นเยอะ
เห็นพวกที่แต่งเต็มยศแบบนั้นทำท่าทีเคารพชั้นแบบนี้รู้สึกดีไม่หยอกเลย
“ท่านเลียมครับพวกเรามารับแล้วครับ”
ดูเหมือนจะมาพาตัวชั้นกลับไปสินะ
“ไม่จำเป็น ชั้นก็จะบุกยานด้วย”
“มันอันตรายเกินไปนะครับ! ถึงเราจะต้อนศัตรูมาขนาดนี้แล้วถ้าเกิดฝั่งนั้นมีพวกระเบิดพลีชีพละก็มันจะ–”
“แล้วไอ้พวกที่จะหนีหางจุกตูดมันจะไประเบิดพลีชีพตัวเองเพื่อ ชั้นจะบุกเข้าไปแล้วจะตามมารึไม่ก็แล้วแต่”
พอปฏิเสธเสร็จชั้นก็เดินเข้าไปในตัวเรือ
หน่วยทหารที่แต่งเพาว์เวอร์สูทเต็มที่ก็ต่างรีบตามมาจัดรูปขบวนรอบตัวชั้นในทันที
พอเดินเข้ามาชั้นกูดูตกใจอยู่ไม่น้อยที่ยานพวกโจรสลัดนั้นตกแต่งภายในสวยเกิดคาด
และด้วยการที่ระบบคุมแรงโน้มถ่วงถูกปิดไว้ทำให้เราต้องเดินกันในสภาพไร้น้ำหนักแต่โชคดีหน่อยทีร่ชั้นมีรองเท้าชนิดพิเศษที่ทำให้เดินได้ปรกติในสภาพไร้น้ำหนักแบบนี้
“สวยกว่าที่คิดนะเนี้ย”
“ท่านเลียมครับ ได้โปรดอย่าเดินนำไปคนเดียวแบบนั้นสิครับ”
พอเดินกันมาได้สักพักชั้นก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารข้างหน้าได้ชั้นเลยส่งสัญญาณให้ทหารทุกนายที่ตามมานั้นหยุด
“ซ่อนอยู่ที่ไหนกันบ้างละทีนี้…เจอแล้ว”
ที่หัวมุมตรงทางด้านหน้า
ชั้นสัมผัสได้ว่ามีคนดักซุ่มอยู่ตรงนั้น
รวมไปถึงมีพวกซ่อนอยู่บนเพดานด้วย
พอรู้ดังนั้นชั้นเลยสั่งให้ทหารของชั้นยิงไรเฟิลขึ้นไปเดินบนจนเกิดรูมากมาย
และจากรูพวกนั้นก็มีเลือดไหลกระจายลงมา ไหลมาขนดานี้ก็น่าจะตายกันหมดละนะ
พวกทหารก็ต่างพากันตกใจ
“ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะมีอุปกรณ์ราคาสูงแบบนี้ได้ ถึงขนาดที่เซ็นเซอร์ของทางเราตรวจจับไม่ได้แบบนี้”
ดูเหมือนของที่พวกโจรสลัดใส่จะมีราคาแพงไม่เบา
หรือก็คือพวกมันมีเงินเยอะสินะ
“ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ จะได้ทำให้การล่าสมบัติครั้งนี้มันน่าตื่นเต้นขึ้นไปอีก รีบไปต่อกันเลย!”
แล้วพวกโจรสลัดที่หลบอยู่ตรงหัวมุมก็พุ่งออกมากะจะเล็งตอนที่ไม่ทันตั้งตัวละสินะ
ชั้นก็เลยเดินนำหน้าออกไปตอนรับพวกมัน
ดูเหมือนจะเป็นพวกอัศวินโจรสลัดหลายคนที่สวมชุดพาวเวอร์สูทด้วย
“ประมาทเกินไปแล้วไอ้หนู”
พวกนั้นพุ่งเข้ามาหาชั้น
“ปกป้องท่านเลียมไว้!”
ชั้นพลักพวกทหารออกให้พ้นทาง
“ไม่จำเป็น”
แล้วชั้นก็มุ่งหน้าเดินต่อโดยที่ไม่สนร่างของพวกอัศวินโจรสลัดที่พุ่งเข้ามา
พวกทหารก็ต่างพากันยืนงง ชั้นก็เลยหันกลับไปถามพวกนั้น
“หยุดทำไม รีบเดินต่อสิ”
“ดะ เดี๋ยวครับ มันอันตรา-”
แต่พวกอัศวินโจรสลัดที่พุ่งเข้ามาก็ต่างพากันกลายเป็นศพลอยติดกำแพงบ้างเพดานบ้างกันหมด
“ท่านเลียม..เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น”
ชั้นก็ตอบกลับคำถามนั้นเหมือนเป็นเรื่องปรกติ
“ชั้นก็ฟันพวกมันไง”
ถึงจะไม่อาจเทียบเท่ากับวิชาที่อาจาร์ยของชั้นทำได้ก็เถอะ
ถ้าเป็นปรมาจาร์ยดาบระดับเขาละก็ไม่มีทางเห็นแม้แต่ช่วงที่เขาชักดาบออกจากฝักเลยแม้แต่น้อย วิชาของชั้นมันช่างห่างไกลจากจุดสูงสุดที่เขาไปถึงมาก
ชั้นยังจำได้เลยวันที่เขาแสดงวิชาดาบของเขาให้เห็น ไอ้วิชาดาบของชั้นมันก็แค่เด็กเล่นเท่านั้นแหละ
พวกทหารด้านหลังชั้นก็ต่างพากันเงียบกริบต่อคำตอบของชั้นหันหมด
ใช่แบบนั้นแหละดี
เกรงกลัวชั้น แล้วก็บูชาชั้นเข้าไป!
***
เหล่าทหารต่างพากันจ้องมองแผ่นหลังของเลียมขณะที่เดินตามนายพวกเขา
ถึงจะเป็นเด็กแต่ถ้าสวมพาวเวอร์สูทละก็แน่นอนว่าแผ่นหลังก็จะดูใหญ่ขึ้นกว่าปรกติ
แต่แผ่นหลังของเลียมที่พวกเขาเห็นนั้นมันช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก
“แล้วพวกเราจะไปคุ้มกันอัศวินระดับนี้ยังไงละเนี้ย”
โดยปรกติ ถ้าพวกทหารธรรมดาต้องมาเผชิญหน้ากับอัศวินละก็พวกเขาก็ได้แต่โทษโชคอันเลวร้ายที่ทำให้ต้องไปเจอเข้าเท่านั้น
และในทางตรงข้าม ถ้าได้อัศวินที่มากฝีมือเป็นพวกก็นับว่าโชคดีล้นหลาม
ทหารนายนึงก็พึมพำขึ้น
“นี้ขนาดเขายังเป็นเด็กอยู่เลยนะ…ไม่ใช่ว่าท่านเคานต์จะสุดยอดสุดๆไปเลยไม่ใช่รึไงกัน”
พวกเขาต่างรู้ว่าเลียมนั้นเก่งกาจมากในด้านการปกครองและการบริหารประเทศ
แต่พวกเขาไม่มีทางรับรู้เลยว่าเขาทุ่มฝึกฝนด้านศิลปะการต่อสู้มากมายขนาดไหน
เพราะโดยทั่วไปเขาจะรอจนโตเป็นผู้ใหญ่กันก่อนถึงจะเริ่มเรียนศิลปะป้องกันตัว
เหล่าทหารจึงคาดไม่ถึงเลยว่าเลียมจะเก่งกาจได้ขนาดนี้
“ใช่เลยละ ช่างเป็นคนที่สุดยอดอะไรขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเราโชคดีสุดๆที่ได้รับใช้คนระดับนี้เลยรึไงกัน”
ทหารของตระกูลบลันฟิลด์นั้นไม่เคยออกไปเจอกับทหารจากดาวอื่น
พวกเขาจึงไม่อาจรู้เลยว่าเลียมนั้นแข่งเกร่งเพียงใดเมื่อเทียบกับที่อื่น
แต่แค่ภาพที่เลียมนั้นเดินนำทัพพวกเขาเผชิญอันตรายก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันตราตรึงใจกับทหารทุกนายว่าผู้นำของเขาสุดยอดขนาดไหน
ทหารทุกนายต่างพากันชื่นชมภาพตรงหน้าของพวกเขา