[นิยายแปล]ติดร่างแหไปต่างโลก แต่ต่างโลกดันสงบสุขซะงั้น - ตอนที่ 4
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ พวกเราก็ย้ายมายังอีกห้องนึงที่เล็กกว่าห้องเมื่อกี้ คิดว่าน่าจะเป็นห้องรับแขก? และลิเลียซังก็เริ่มการอธิบายต่อ
「ถ้างั้น อยากจะขอเล่าข้อมูลเกี่ยวกับโลกแห่งนี้ก่อน เพื่อที่จะให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น เพราะงั้นจะเล่าเรื่องของผู้กล้ารุ่นแรกไปพร้อมกันเลยนะคะ」
หลังจากที่ลิเลียซังพูดเสร็จ ลูน่ามาเรียซังก็เอาของที่คล้ายกับแผนที่มากางไว้บนโต๊ะ
ความรู้สึกที่ได้เห็นแผนนี้เป็นครั้งแรกมันเหมือนกับทวีปยุโรปที่เอาขยายขนาดขึ้น และตรงมุมซ้ายล่าง――ถ้าเป็นที่โลกเดิมก็อยู่แถว ประเทศสเปนมันจะมีสัญลักษณ์สีขาวกับดำติดอยู่ และห่างออกไปตรงกลางทวีปก็จะมีจุดสีแดงล้อมรอบอยู่
「ตรงจุดที่มีสีแดงล้อมอยู่ก็คือราชอาณาจักรซิมโฟเนียที่พวกเราอยู่กันตอนนี้ และทางทิศเหนือนั้นก็จะเป็น 『จักรวรรดิอัลเกรเชีย』 และทางทิศใต้ที่อยู่ตรงข้ามกับทะเลก็จะเป็น『ราชอาณาจักรไฮโดร่า』คะ ทั้ง3ประเทศนั้นเป็นเคยประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ที่สุด ที่พวกเรารู้……『จนกระทั่งเมื่อ1000ปีก่อน』」
「……งั้นตอนนี้ก็ไม่ใช่แบบนั้นแล้วสินะคะ?」
「ใช่แล้วคะ อย่างที่อาโอยซังสงสัย แผนที่โลกอันนี้จะชี้แค่『โลกมนุษย์』ที่มีความหมายที่ว่าเป็นทวีปที่มี『เผ่ามนุษย์』อาศัยอยู่ เช่น มนุษย์ เอลฟ์ และ ดวาร์ฟ อยู่เป็นหลัก ส่วน 『เผ่ามาร』จะอาศัยอยู่ที่『โลกมาร』 และ 『เผ่าเทพ』จะอาศัยอยู่ที่『โลกเทพ』คะ」
หลังจากที่เธอพูดเสร็จก็เอาแผนที่ออกมากางไว้บนโต๊ะอีก2อัน 1อันจะเป็นแผนที่ทวีปที่มีความใหญ่กว่าอันแรกประมาณเท่าตัวมีรูปร่างคล้ายกับทวีปออสเตรเลีย แค่ดูจากแผนที่ก็รู้ว่าเป็นทวีปที่มีความกว้างใหญ่มาก ส่วนอีกอันจะบอกว่าคล้ายกับรูปทรงโดนัทก็คงได้ เป็นทวีปนี้มีขนาดเล็ก มีรูปทรง เป็นวงแหวน
「แผนที่ทวีปที่มีขนาดใหญ่นี้คือโลกมาร ส่วนแผนที่ทวีปอันเล็กนี้คือโลกเทพคะ โลกเทพ โลกมนุษย์ โลกมาร ทั้ง3โลกนั้นอยู่เคียงข้างกันแต่มีกำแพงมิติที่มองไม่เห็นกั้นเอาไว้อยู่ ซึ่งโลกเหล่านี้จะถูกเรียกรวมๆกันว่า 『ทรีเนีย』คะ」
「……ว่าไงดี มันดูเป็นเรื่องที่สุดยอดไปเลยยังไงไม่รู้」
「fufufu ใช่แล้วคะ สำหรับคนที่มาจากต่างโลกแล้วอาจจะรู้สึกว่ามีต่างโลกตั้ง3แห่ง แต่สำหรับพวกเราแล้วมันมีประตูที่สามารถทำให้ไปมากับทั้ง3โลกนี้ได้แบบอิสระ เพราะงั้นก็เลยจะรู้สึกแตกต่างกับโลกเดิมของทั้ง3ท่านที่นอกจากเวทมนย์อัญเชิญแล้วจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้นะคะ」
「อย่างงี้นี่เอง」
เหมือนกับสำนวนว่า ถ้าเปลี่ยนที่อยู่ความคิดก็จะเปลี่ยนไปสินะ สำหรับพวกเราแล้วคำว่ากำแพงมิติมันมีความหมายอื่นอยู่ แต่สำหรับคนบนโลกนี้คงให้ความรู้สึกเหมือนกับทะเล ไม่ก็ภูเขาละมั้ง
ก็คงใช่แหละ ก็หลังจากที่ฟังมามันก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆนั้นแหละ
「สำหรับกฏหมายประจำโลกมนุษย์แล้ว จากที่ท่านผู้กล้าในอดีตเคยเล่าให้ฟังดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกับโลกเดิมที่ทุกคนอยู่นะคะ…… พอจะนึกภาพออกไหมคะ?」
「……อื~ม มีพระราชาอยู่แล้วก็ขุนนางแต่ละคนก็จะมีพื้นที่ที่ตัวเองต้องดูแลอยู่ประมาณนั้นไหมคะ?」
「คะ จะคิดแบบนั้นก็คงไม่ผิด」
ยูซึกิซังตอบคำถามของลิเลียซังไปแบบไม่ค่อยมั่นใจ ส่วนตัวเองก็คิดไว้แบบนั้นเหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ผิด แต่ก็มีจุดที่น่าสงสัยอยู่ตรงที่ ลิเลียซังใช้คำว่า 『กฏหมายสำหรับโลกมนุษย์』ก็หมายความว่าที่โลกเทพ กับ โลกมารนั้นมีไม่เหมือนกันสินะ
หลังจากที่เธอตอบกลับไปเธอก็หันมามองทางนี้ เพราะงั้นก็เลยพยักหน้าให้เพื่อยืนยันว่าคิดคล้ายๆกับยูซึกิซัง
「ถ้างั้น ก่อนอื่นจะขอเล่าถึงความเป็นมาของความสัมพันธ์อันดีของทั้ง3โลกก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องอื่นทีหลัง……ก่อนอื่นขออธิบายถึงโลกเทพและโลกมารก่อนนะคะ โลกเทพนั้นจะมี『เทพผู้สร้าง』เป็นผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุด……ถ้าจะให้พูดก็คือโลกทั้งใบนั้นคือประเทศๆนึง อีกทั้งเผ่าเทพทุกท่านนั้นจะทำตามความต้องการของเทพผู้สร้างอย่างเด็ดขาดคะ」
「อีกทั้งเทพผู้สร้างนอกจากงานเทศกาลผู้กล้าที่จะจัดขึ้นทุกๆ10ปีแล้ว โดยปกติจะไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นคะ เพราะงั้นการจะพบเจอนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เอาจริงๆเทพผู้สร้างนั้นจะไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบนโลกสักเท่าไร จะทำแค่เฝ้ามองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ในบันทึก ดูเหมือนว่านอกจากมหาสงครามกับโลกมารในอดีตแล้วท่านไม่เคยใช้พลังอันเด็ดขาดของท่านอีกเลยคะ」
หลังจากที่ลิเลียซังได้อธิบายลูน่ามาเรียซังก็ช่วยพูดเสริมให้
ถ้าอธิบายง่ายๆก็คือโลกเทพเป็นสังคมแนวดิ่งแบบสุดคั่วสินะ ถ้าตามอิมเมจก็……ผู้ที่อยู่จุดสูงสุดก็คือเทพผู้สร้างเป็นผู้ที่คอยเฝ้ามองเพื่อที่ไม่ให้ลากฐานพังทลาย……คิดว่าจะใช้แบบนั้นนะ
「ต่อไปก็โลกมารนะคะ เป็นโลกที่มีขนาดกว้างใหญ่ที่สุดในทั้ง3โลก และก็เป็นโลกที่มีเผ่าพันธ์มากมายอาศัยอยู่ แต่จะเรียกโดยรวมทั้งหมดนั้นว่าเป็นเผ่ามารคะ เพราะถ้าจะให้แยกตามรูปลักษณ์แล้วละก็มันจะนับได้ไม่จบไม่สิ้นคะ ถึงแม้ว่าจะมีผู้กล้าหลายๆท่านที่คิดว่ามอนสเตอร์เองก็เป็นเผ่ามารเหมือนกันอยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าเอาตามแนวคิดของโลกมารแล้วละก็พวกเขาจะเรียกสิ่งที่ไม่มีปัญญาว่ามอนสเตอร์คะ」
อื~มเอาจริงๆเราเองก็มีอิมเมจว่ามอนสเตอร์กับเผ่ามารนั้นเป็นพวกเดียวกัน แต่ดูเหมือนว่าสำหรับพวกเขาแล้วจะมีข้อกำหนดที่ชัดเจนอยู่สินะ? เอาจริงๆถ้าไม่เห็นตัวจริงมันก็พูดอะไรมากไม่ได้นั้นแหละ……
「อีกทั้งถ้าจะให้อธิบายถึงโลกมารแบบง่ายๆละก็ ความแข็งแกร่งคือความถูกต้องคะ ประมาณว่าผู้ที่แข็งแกล่งจะอยู่ด้านบน แต่ว่าจะขอพูดเอาไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เข้าใจผิดนะคะ ถึงแม้ว่าจะพูดว่าความแข็งแกร่งคือความถูกต้องก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเผ่ามารทั้งหมดจะเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงนะคะ จะให้พูดก็คือเผ่ามารส่วนใหญ่นั้นไม่ได้เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงแบบไร้สมอง หรือมองคนที่อ่อนแอต่ำกว่าอะไรแบบนั้นนะคะ ที่โลกมารจะให้ความสำคัญกับความแข็งแกร่งส่วนบุคคลมากกว่าแบบเผ่าคะ」
「ถ้าจะให้พูดแล้ว บางทีอาจจะรักสงบยิ่งกว่าเผ่ามนุษย์ซะด้วยซ้ำคะ แม้แต่ตัวดิฉันเองหรือคุณหนูก็เคยไปเที่ยวที่โลกมารอยู่บ่อย แถมยังได้รับการต้อนรับแบบเป็นกันเองด้วยคะ」
「นั้นสินะคะ ถ้ามีเวลาก็อยากจะไปอีกครั้งเหมือนกัน แล้วก็โลกมารนั้นไม่ได้จะไม่ได้แยกกันเป็นประเทศ แต่จะแยกกันเป็นเขต6เขตคะ ซึ่งผู้ที่ปกครองอยู่บนจุดสูงสุดนั้นคือ มาร6ตน โดยพวกเขาจะถูกเรียกว่า 『6ราชัน』คะ 『ราชันยมโลก』『ราชันสงคราม』『ราชันมรณะ』『ราชันพฤกษา』『ราชันมังกร』『ราชันไร้ลักษณ์』……ว่ากันว่าแต่ละตนนั้นมีชีวิตอยู่มายาวนานกว่า1000ปี แถมยังมีอำนาจพอที่สามารถทำลายโลกได้เลยคะ」
สุดยอดไปเลยนะ6ราชันนี่……แต่พอได้ยินชื่อแบบนั้นแล้ว ทำให้นึกถึงความทรงจำที่น่าอายในอดีตขึ้นมาเลยแหะ และดูเหมือนว่าที่โลกนี้จะเป็นเหมือนตัวตนที่ห้ามไปต่อต้านสินะ
แต่ว่า จากที่ฟังคำอธิบายเมื่อกี้แล้วมีอยู่จุดนึงที่สงสัยอยู่แหะ ถึงลิเลียซังกับลูน่ามาเรียซังจะบอกว่าโดยพื้นฐานแล้วเผ่ามารมีนิสัยที่รักสงบก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าในอดีตจะเคยทำสงครามกับเผ่ามนุษย์ไม่ใช่หรอ?
「เอ่อ ขอถามอะไรเพิ่มหน่อยได้ไหมครับ?」
「คะ เชิญค่ะ」
「……ที่เล่ามาเมื่อกี้บอกว่าเผ่ามารเป็นพวกรักสงบสินะครับ แต่เมื่อ1000ปีก่อน ในเหล่า6ราชัน?นั้นจะมีจอมมารอยู่ แล้วก็ทำการบุกโจมตีโลกมนุษย์ใช่ไหมครับ」
「เอ่~อ จะว่ายังไงดี……จอมมารที่เคยออกมาอาละวาดในอดีตนั้น ที่จริงสำหรับโลกมารแล้วพวกเขาคิดว่าพวกนี้เป็นแค่นักเลงธรรมดาทั่วไปเองนะคะ」
「เอ๊ะ?」
ลิเลียซังตอบกลับมาด้วยสีหน้าลำบากใจพร้อมกับยิ้มเจื๋อนๆ จนถึงตอนนี้อิมเมจที่เคยมีมานั้นปลิวหายไปเรียบร้อย ไม่นึกเลยว่าตำแหน่งจอมมารจะกระจอกเพียงนี้……ชักอยากรู้เพิ่มแล้วแหะ
「อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า โดยพื้นฐานของเผ่ามารแล้วแต่ละคนนั้นส่วนใหญ่เป็นพวกรักสงบ อีกทั้งการที่โลกมารนั้นมีขนาดกว้างขวางและยังมีอาหารอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งเหล่า6ราชันเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ถึงแม้ว่าภายในโลกมารจะมีการชุลมุนเล็กๆอยู่บ้างก็ตาม แต่เรื่องประกาศสงครามกับโลกอื่นนี้เคยได้ยินมาว่าเคยทำสงครามกับโลกเทพอยู่ครั้งนึงเมื่อในอดีตเมื่อนานมาแล้วนะคะ แถมกว่าที่จอมมารกับท่านผู้กล้ารุ่นแรกจะปรากฏตัวมา เผ่ามนุษย์ของพวกเรานั้นยังไม่รู้ถึงตัวตนของเผ่ามารมาก่อนเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นก็เลยคิดว่าไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่จะทำให้เกิดการสู้รบกันขึ้นมานะคะ」
「แต่ก็อย่างว่า ไม่ว่าจะโลกไหนมันก็ยังมีคนที่มีความทะเยอทะยานไม่ชอบความสงบอยู่บ้างแหละคะ」
แม้ว่าจะผ่านมาแล้ว1000ปีถ้าเทียบกับคนจำนวนคนที่สรรเสริญผู้กล้าแล้ว เผ่ามารที่ยังติดตามจอมมารอยู่นั้นเหลืออยู่แค่นิดเดียวแล้ว ลูน่ามาเรียซังนั้นพูดเสริมพร้อมกับถอนหายใจ
「นั้นสินะคะ ถ้าจะให้พูดละก็จอมมารก็คือคนที่รวบรวมเหล่าเผ่ามารที่เลือดร้อนทั้งหลายเอาไว้ เพื่อที่จะโค่นเหล่า6ราชันแล้วขึ้นเป็นใหญ่แทนนะคะ ถ้ามองจากมุมโลกมนุษย์ละก็คงคล้ายๆกับโจรภู……ผิดๆ คล้ายๆกับกองกำลังกบฏนะคะ เพียงแต่ว่าถ้ารวบรวมจำนวนเผ่ามารทั้งหมดเอาไว้ได้ละก็จะมีจำนวนที่เยอะอยู่ แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าจะรวบรวมกำลังพลมาได้ประมาณ1ล้านตน แต่ถึงอย่างงั้นถ้ามองจากขนาดของโลกมารแล้วจำนวนแค่นั้นถือว่าน้อยนิดเดียวคะ……」
เอาจริงๆถึงจะพูดว่า1ล้านตนก็เหอะแต่ก็นึกภาพไม่ค่อยออกเหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าจอมมารจะเกิดมาเพราะแบบนี้สินะ ถ้างั้นทำไมจอมมารถึงไม่ไปหาเรื่องกับเหล่า6ราชันแทนที่จะมาบุกโลกมนุษย์นะ
「……ด้วยเหตุนี้ทำให้กองทัพจอมมารไปหาเรื่องกับ ราชันยมโลกเพื่อที่จะเอาสิทธิ์ในการปกครองโลกมารมานะคะ」
「อ่อ ทำสงครามที่โลกมารก่อนสินะครับ」
「……แล้วผลเป็นยังไงบ้างละคะ?」
หลังจากนั้นก็ค่อยมาบุกโลกมนุษย์สินะ งั้นก็หมายความว่าราชันยมโลกแพ้หรอ ดูเหมือนว่าผมกับยูซึกิซังจะสนใจเป็นพิเศษเพราะงั้นก็เลยอยากเล่าต่อเร็วๆ
「1ต่อ1ล้าน ดูเหมือนว่าเมโอจะเป็นฝ่ายตบยับภายในไม่กี่นาทีนะคะ」
「……เอ่อ……」
「อืมจะว่าไงดีละ……」
「……เป็นผลลัพท์ที่ทำให้รู้สึกสงสารขึ้นมาแทนเลยนะคะ」
คุสึโนะกิซังเองก็รู้สึกเห็นใจจอมมารเหมือนกันสินะหลังจากที่ได้ฟังความจริงนี้ จะบอกว่าทัพจอมมารนั้นอ่อนดี หรือจะบอกว่าเมโอนั้นแข็งแกร่งเกินไปดี……อย่างที่คุสึโนะกิซังพูด เริ่มรู้สึกสงสารจอมมารขึ้นมาเลยแหะ แถมไอ้ที่บอกว่าจบสงครามภายในไม่กี่นาทีนี่ แสดงว่าตบที2ทีทัพก็แตกพ่ายไปเลยไม่ใช่หรอ……
「เพียงแต่ว่าราชันยมโลกนั้นมีนิสัยที่อ่อนโยนสุดๆ เพราะงั้นก็เลยไม่ได้ฆ่าใครสักคน แถมยังเตือนทัพจอมมารกลับไปอีกด้วยว่า『มันก็ดีอยู่หรอกที่ร่าเริงกันแบบนั้น แต่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนรอบข้างแบบนั้นไม่ได้นะ』เพราะงั้นทัพจอมมารก็เลยแยกย้ายกันกลับนะคะ」
ขนาดออมมือให้แล้วนะนั้น ปฏิบัติตัวยังกับเด็กเวรข้างบ้านเลย!?ได้โปรดหยุดทีเถอะ!ภาพลักษณ์ของจอมมารในหัวมันพังทลายไม่เหลือสากแล้วนะ!?
「ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้จอมมารรู้ซึ้งเลยว่าไม่มีทางชนะ6ราชันได้……ก็เลยหันมาบุกโลกมนุษย์ซึ่งในสมัยนั้น6ราชันได้กำหนดไว้ว่าจะไม่ไปยุ่งแทนนะคะ」
「「「……」」」
หนีซะงั้นนนน!? จอมมาร หนีออกจากโลกมารเฉยเลย!? ว่าไงดี รู้สึกเหมือนกับเด็กที่โดนดุแล้วหนีออกจากบ้านยังไงยังงั้นเลย……
อืม แล้วทีนี้……จะแสดงรีแอคชั่นแบบไหนดีละ?
ถึง คุณพ่อ คุณแม่ที่รัก――เผ่ามารดูเหมือนจะเป็นพวกรักสงบ จอมมารก็――เป็นได้แค่กีกี้ซะงั้น