ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1334 แผนร้ายของจ้าวจื่อเจี๋ย
บทที่ 1334 แผนร้ายของจ้าวจื่อเจี๋ย
บทที่ 1334 แผนร้ายของจ้าวจื่อเจี๋ย
กู้เสี่ยวหวานไม่มีทักษะวิชาการต่อสู้ และด้วยทักษะนี้ทำให้รถม้าวิ่งทะเล่อทะล่า
“รีบถอยไปก่อน ม้าตกใจแล้ว ม้าตกใจแล้ว” ลุงหนิวตะโกนดังลั่นด้วยเสียงที่เกรี้ยวกราด ฝูงชนก็รีบกระจัดกระจายไปทั่วสี่ทิศเพราะเห็นม้าร้องส่งเสียงยาวเหยียด พลางยกกีบเท้าแล้ววิ่งเข้าไปในที่ที่คนพลุกพล่าน
ถึงแม้ว่าลุงหนิวจะมีประสบการณ์ในการขับรถม้า แต่ก็ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ม้าตกใจจนกลัวและคลุ้มคลั่งจนเขาก็ควบคุมไม่ได้
“หลบไป หลบไป รีบหลบไป” ลุงหนิวดึงบังเหียนม้าด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่มันก็ไม่ได้ผล
เมื่อนึกถึงคนในรถม้า หน้าผากของลุงหนิวก็มีเหงื่อเย็นผุดซึม “เถ้าแก่ ม้าตกใจแล้ว ม้าตกใจแล้ว ข้าดึงมันไม่ไว้ ไม่ไหวอีกแล้ว”
รถม้าวิ่งผ่านไปบนถนนที่แออัดและเด้งกระดอนไปตลอดทาง ฝูงชนที่อยู่ตรงนั้นก็วุ่นวายและเบียดเสียดกันเหมือนโจ๊กในหม้อ
“เถ้าแก่ ม้าตกใจแล้ว ม้าตกใจแล้ว คุมไม่อยู่ คุมมันไม่อยู่แล้ว”
รถม้ายิ่งโคลงเคลงมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจั่วรีบโอบหัวกู้เสี่ยวหวานไว้ในอ้อมแขนของตนเองอย่างแน่นหนา ขนมและน้ำชาที่วางอยู่ก็กระจัดกระจายไปทั่วรถม้า
อาจั่วกระวนกระวายเหมือนมดบนกระทะร้อน ม้าข้างนอกเกิดอาการคลุ้มคลั่งและวิ่งเพ่นพ่านทุกที่ แม้แต่คนขับรถม้าก็ไม่สามารถปราบมันได้จริง ๆ
ดีที่ตนเองมีทักษะการต่อสู้ และมันก็มากพอที่พอจะปราบม้าตัวนี้ได้ แต่หากตนออกไป ม้าตัวนี้ก็จะกระวนกระวาย ถ้าไม่ระวังไปโดนแม่นางทั้งหลาย และทำให้พวกนางได้รับบาดเจ็บ แบบนั้นคนก็คงลำบากมากจริง ๆ
“อาจั่ว” รถม้าวิ่งเร็วเกินไป มีม้าอีกตัวที่ตื่นกลัว กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เจ้าปราบม้าตัวนี้ได้ไหม”
“ได้เจ้าค่ะ” อาจั่วพยักหน้ารับปาก แต่สายตากลับซ่อนความกังวลไว้
“เจ้ารีบไปช่วยลุงหนิวเร็วเข้า” กู้เสี่ยวหวานจับโครงรถม้าไว้แล้วผลักอาจั่วออกไป
“แต่ว่าคุณหนู รถม้าวิ่งเร็วแบบนี้ ถ้าข้าไปแล้วคุณหนูจะทำอย่างไร” อาจั่วเต็มไปด้วยความกังวล โอบหัวกู้เสี่ยวหวานไว้ไม่วางใจที่จะปล่อยได้
“ไม่เป็นไร เจ้ารีบไปเถอะ ข้าทนได้ รีบไปเร็ว” กู้เสี่ยวหวานอดทนไม่ให้อาเจียนออกมาแล้วใช้แรงที่มีผลักอาจั่วออกไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ อาจั่วทำได้เพียงออกไปอย่างเร็วเพื่อปราบม้าที่พยศ
ทันใดนั้นก็มีสียงประทัดดังขึ้นที่ข้างเท้าของม้ามาอีกครั้ง แล้วม้าที่ไหนจะทนความตกใจนี้ได้ ในตอนนี้มันยิ่งบ้าคลั่งจนวิ่งวุ่นวายไปทั่วถนนแล้ว
ฝูงชนที่วิ่งก็วิ่ง ที่เหยียบก็เหยียบ วุ่นวายกันไปหมด
อาจั่วไม่มีเวลาหันกลับไปมอง นางเกาะขอบประตูแน่น และกำลังจะโดดไปหาม้าพยศที่ตกใจกลัว
ในตอนนี้ม้าคลุ้มคลั่งไปแล้ว เสียงประทัดดังติดต่อกันสองครั้งทำให้มันตกใจกลัว จู่ ๆ ม้าตัวสูงใหญ่ก็ยกกีบเท้าขึ้นอีกครั้งและร้องขู่ ลุงหนิวจับสายบังเหียนไม่ได้จนถูกเหวี่ยงลงจากหลังม้าและกลิ้งไปกับพื้นหลายครั้งก่อนที่จะหยุดลง
ม้าไม่มีบังเหียนบังคับ ในตอนนี้จึงเหมือนม้าที่บ้าคลั่ง วิ่งไปชนรอบ ๆ รถม้าเดิมทีก็ไม่แข็งแรง ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปละก็… ไม่ช้าก็คงแหลกเป็นชิ้นแน่ ๆ
ถ้าข้ายังอยู่บนรถม้า อาจจะเป็นการทำร้ายตนเอง อาจจะถูกสิ่งของกรีดข่วนทำให้เสื้อผ้าขาดได้ และต่อหน้าผู้คนมันจะดูไม่เรียบร้อย
กู้เสี่ยวหวานใช้แรงที่มีทั้งหมดจับคานรถม้าไว้อย่างแน่นหนา
บนรถม้า อาจั่วเห็นลุงหนิวถูกเหวี่ยงลงจากรถม้าด้วยตาตนเอง เดิมทีนางจะจับบังเหียนไว้ แต่แรงของม้านั้นเยอะมาก นางเพิ่งเข้าใกล้นิดเดียวก็ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไป ม้าตัวนี้พยศจนควบคุมไม่ได้ แม้แต่ชายร่างใหญ่ยังปราบไม่ได้ นับประสาอะไรกับผู้หญิงอย่างนาง
อย่างไรก็ตาม คุณหนูยังอยู่บนรถม้า ถ้าหากไม่รีบปราบมันล่ะก็…
ทันใดนั้นก็เกิดแสงสว่างขึ้นในตาอาจั่ว จู่ ๆ มันก็ลอยขึ้นมาอย่างรวดเร็วและหยุดลงตรงข้างหน้าม้า
และตอนนั้นเองที่มีเสียงตะโกนขึ้น “ข้างในรถม้าคือเสี้ยนจู่ รีบไปช่วยเสี้ยนจู่เร็วเข้า”
อาจั่วขึ้นไปบนหลังม้า ม้าตัวนี้อารมณ์ฉุนเฉียวและไม่สามารถปราบพยศได้ในช่วงเวลาอันสั้น จึงทำได้เพียงบดขยี้มันอย่างช้า ๆ
ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมา “เสี้ยนจู่ ข้ามาช่วยท่านแล้ว”
รถม้าโยกไปมาเพราะม้าที่วิ่งอย่างบ้าคลั่ง มันแทบจะทำให้กู้เสี่ยวหวานอาเจียนออกมา ขณะที่นางอยู่บนรถม้าก็ถูกกระแทกจนแทบจะไร้เรี่ยวแรง อีกทั้งเสียงตะโกนเมื่อครู่ ชัดเจนว่าเป็นเสียงผู้ชาย แต่ว่าเป็นเสียงที่นางไม่คุ้นเคย
ถ้าหากเขามาช่วยนางจริง ๆ ถ้าเวลานั้น ‘ไม่ระวัง’ ทำเสื้อผ้าของนางขาด เขาก็ต้องเห็นเนื้อหนังของนางเป็นแน่
คนผู้นี้ที่ไม่กลัวม้าบ้าคลั่ง เขายังยืนกรานที่จะมาช่วยนางให้ได้ ตกลงแล้วเป็นคนมีจิตใจแบบไหนกันแน่
ทันใดนั้น ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานก็หมองลง มือที่จับคานรถม้าไว้ก็เริ่มขาวซีด
ตอนนี้อาจั่วนั่งอยู่บนหลังม้า พยายามอย่างเต็มที่เพื่อปราบม้าที่พยศ แต่ไม่ได้ยินใครพูดเลยว่าจะขึ้นมาช่วยกู้เสี่ยวหวาน
ดวงตาของกู้เสี่ยวหวานเป็นประกาย ทันใดนั้น ม้าก็ยกกีบเท้าขึ้นแล้วส่งเสียงร้อง ตามการเคลื่อนไหวของม้า รถม้าถูกยกขึ้นอีกครั้ง แต่ในตอนนี้คนที่บอกว่าจะมาช่วยนางก็ได้เข้ามาในรถม้าแล้ว
เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นคนที่มา สายตานางก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา
คนที่มาคือ จ้าวจื่อเจี๋ย
ในตอนนี้จ้าวจื่อเจี๋ยมีสีหน้าที่กล้าหาญและไม่หวั่นเกรงสิ่งใด หลังจากที่เขาเปิดม่านแล้วก็เห็นสายตาของกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าที่กังวลและเที่ยงธรรมในเมื่อครู่ ชั่วแวบเดียวก็มีรอยยิ้มที่มีเลศนัยเหมือนได้วางแผนไว้นานแล้วปรากฏขึ้น
จิตใจของกู้เสี่ยวหวานนั้นรู้ชัดเจน และตอนนี้นางก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
ใครจะมีเวลาว่างมาจุดประทัดบนถนนในตอนกลางวันแสก ๆ อีกทั้งยังเลือกสถานที่ที่มีผู้คนมากมาย เห็นได้ชัดว่ามีม้า แต่ยังจุดประทัดแล้วโยนลงข้างเท้าม้า ชัดเจนว่าจะทำให้ม้าตกใจและยังแสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้รู้มานานแล้วว่ารถม้าคันนี้เป็นของใคร และผู้ใดนั่งอยู่ข้างในรถม้า
ถึงแม้ว่าจ้าวจื่อเจี๋ยเป็นคุณชายที่ไม่มีความรู้ความสามารถ แต่เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นมากกว่าผู้หญิง เขาจับคานรถม้าไว้ เปิดม่านแล้วเดินเข้ามา
เดินเข้ามาหากู้เสี่ยวหวานทีละก้าว ๆ
ตอนนี้ม้าเริ่มสงบลงเล็กน้อยแล้ว ภายในรถก็ไม่โคลงเคลงอีกต่อไป สภาพภายในรถม้าตอนนี้ยุ่งเหยิง บนร่างกายของกู้เสี่ยวหวานเต็มไปด้วยคราบน้ำ ครั้งนี้มันน่าอายมากจริง ๆ
ยิ่งกว่านั้น ขณะที่ตนเองนอนอยู่บนรถม้า จ้าวจื่อเจี๋ยก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ สายตาคู่นั้น… เป็นสายตาที่มุ่งร้าย ตั้งแต่ต้นจนจบ กู้เสี่ยวหวานรู้ได้อย่างชัดเจน
………………………………………………….