ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย [ 农女致富记 ] - บทที่ 1305 ชาหลันเสวี่ย
บทที่ 1305 ชาหลันเสวี่ย
บทที่ 1305 ชาหลันเสวี่ย
อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังคำพูดของฉินเย่จือ ป้าจางก็ล้มเลิกความคิดนี้ ใช่ นี่คือความปรารถนาของเสี่ยวหวาน นางจะหักล้างความปรารถนาของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร
สิ่งนี้ถูกจัดส่งอย่างรวดเร็ว กู้เสี่ยวหวานได้สั่งซื้อเครื่องเรือนหลายชิ้นก่อนที่จะมีการตกลงเรื่องวันแต่งงานกับครอบครัวฟ่าน เครื่องเรือนทั้งหมดทำจากไม้คุณภาพดี นางต้องการให้ฉือโถวมีงานแต่งงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของป้าจางก็ชื้นขึ้นเล็กน้อย นางใช้แขนเสื้อซับไปที่ดวงตาและมองไปที่ฉินเย่จือด้วยรอยยิ้ม “ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าดูแลเสี่ยวหวานให้ดี เมื่อนางตื่นขึ้น ข้าจะนำโจ๊กรังนกมาให้นาง”
“รบกวนท่านป้าด้วย” เมื่อเห็นว่าป้าจางเข้าใจแล้ว ฉินเย่จือจึงไม่พูดอะไรมากแล้วปิดประตูกลับเข้าไปในห้อง
แน่นอนว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงนอนหลับสนิท การดื่มหนัก ๆ เมื่อคืนนี้ทำให้นางนอนหลับสนิทตลอดคืนจนล่วงเลยมาถึงตอนเช้า
ภายในห้องนี้ดูเหมือนว่าจะตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นของเหล้าอวี้จุ้ย
ฉินเย่จือนอนอยู่บนเตียงนุ่มข้าง ๆ นาง เป็นเตียงนอนที่ทั้งนุ่มและแน่น เขานอนอ่านหนังสือในมือสลับกับมองดูใบหน้าที่กำลังหลับใหลของนาง ใบหน้าที่ขาวราวกับหยก แต่เพราะว่าครั้งนี้นางเมา ใบหน้าของนางจึงแดงเล็กน้อย ขนตายาวและหนา เสียงหายใจสม่ำเสมอของนางที่นอนอยู่เตียงโดยมีผ้าห่มผืนบางคลุมบนร่างกายของนาง
ฉินเย่จือรู้สึกเหมือนมีอารมณ์บางอย่างที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง เขารีบกลืนน้ำลายลงคอและไม่กล้าที่จะมองไปที่นางชั่วขณะหนึ่ง เขาล้มตัวลงนอนอย่างรวดเร็วเพื่ออ่านหนังสือในมือของเขา แต่ในใจก็ยังกระวนกระวาย ถึงแม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือ ทว่าก็อ่านไม่รู้เรื่องสักตัวอักษร แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกางหนังสือออกอย่างหดหู่เพื่อปิดใบหน้า แสร้งทำเป็นพักผ่อนและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้อารมณ์ของเขาสงบลง
อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินเสียงหายใจสม่ำเสมอของลูกแมวที่อยู่ข้าง ๆ ซึ่งกำลังนอนหลับสนิท ฉินเย่จือไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ เขาลุกขึ้นนั่งอีกครั้งพร้อมกับนั่งกอดเข่าของตัวเอง มองดูหญิงสาวผู้หลับใหลด้วยดวงตาคมและอ่อนโยนของเขา
ทั้งห้องเงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงเคลื่อนไหวจากภายนอก สำหรับฉินเย่จือ ในสายตาของเขามีเพียงคนผู้นี้ที่อยู่ต่อหน้าของเขาทั้งนั้น เขามองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงอะไร ทำเพียงจ้องมองแค่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
เสียงภายนอกที่มีการเคลื่อนไหวจากการขนย้ายของ เขาบอกคนเหล่านั้นว่ายังมีคนที่ยังพักผ่อนอยู่ด้านใน พวกเขาจึงพยายามขยับอย่างแผ่วเบา และไม่ส่งเสียงดัง
ป้าจางและกู้ฟางสี่ยืนอยู่สองคน คนหนึ่งอยู่ด้านนอก อีกคนอยู่ภายในห้อง เพื่อสั่งให้คนเหล่านั้นย้ายสิ่งของ วางสิ่งนี้ไว้ที่ไหน และวางสิ่งนั้นไว้ที่ไหน
ของชิ้นใหญ่ได้เอามาลงหมดแล้ว ส่วนของเล็ก ๆ ก็วางไว้แบบนี้ก่อน แล้วเมื่อฉือโถวกลับมาค่อยคุยกันอีกทีว่าของชิ้นไหนจะวางไว้ตรงไหน
แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนอกบ้าน และมันก็ยังก่อให้เกิดเสียงดัง ทำให้กู้เสี่ยหวานที่นอนยาวมาตลอดทั้งคืนจนถึงครึ่งวันเช้าพลันตื่นขึ้น
เมื่อนางลืมตาขึ้น นางก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่เหนือคิ้วของนาง หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับว่านางมีบางอย่างที่พูดไม่ออก
เมื่อนางลืมตาตื่นขึ้น ฉินเย่จือก็รีบปรับสีหน้าอย่างว่องไว ซึ่งทำให้กู้เสี่ยวหวานคิดว่าเขาคงดื่มเหล้ามากเกินไปและนอนมากเกินไป
“ตื่นแล้วหรือ” ฉินเย่จือเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบา ๆ พร้อมยื่นแขนออกไปโอบรอบเอวของกู้เสี่ยวหวาน แล้วประคองนางให้นั่งพิงหัวเตียง
“เจ้ายังรู้สึกเวียนหัวอยู่หรือไม่” ฉินเย่จือนำน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ให้กู้เสี่ยวหวานและค่อย ๆ จ่อไปที่ริมฝีปากของนาง
กู้เสี่ยวหวานจะเอื้อมมือไปจับเอง แต่ฉินเย่จือที่ยื่นมาป้อนนางไม่ยอมปล่อย กู้เสี่ยวหวานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มศีรษะและดื่มน้ำเหมือนคนที่ไม่มีมือมีเท้า
ขณะที่นางกำลังดื่มน้ำ นางก็คิดถึงเรื่องที่นางเปรียบเทียบกับตัวเอง นางก็หัวเราะอย่างขบขันและพ่นน้ำที่เพิ่งดื่มออกจากปาก นั่งหัวเราะอยู่ตรงหน้าเขาและตัวสั่นอย่างบ้าคลั่ง
ฉินเย่จือยกมุมปากขึ้น เช็ดคราบน้ำจากมุมปากของกู้เสี่ยวหวานด้วยผ้าเช็ดหน้าและถามอย่างสงสัย “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ ถึงได้หัวเราะอย่างมีความสุขเช่นนี้”
กู้เสี่ยวหวานพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เย่จือ ท่านดูสิ ตอนนี้ข้าเหมือนคนพิการหรือไม่ ที่ต้องรอให้ท่านคอยมาป้อนน้ำให้ข้าเช่นนี้ ถ้าในอนาคตข้าขี้เกียจขึ้นมาจริง ๆ ท่านจะตำหนิข้าหรือไม่”
นางเคยได้ยินจากอดีตเพื่อนร่วมงานและเพื่อนร่วมชั้นว่า ผู้ชายน่ะ ตอนแต่งงานก็ปรนนิบัติให้ฝ่ายหญิงทุกอย่างจนฝ่ายหญิงแทบจะเป็นง่อย แต่หลังจากแต่งงานแล้วจะต่างออกไป โดยให้ฝ่ายหญิงทำให้ทุกอย่าง
พ่อแม่ของนางก็เคยพูดถึงเรื่องนี้ แต่งงานไปผู้ชายน่ะเอาแต่นั่งไขว่ห้าง เล่นเครื่องเล่น สูบบุหรี่ และอ้าปากเมื่อต้องการกินข้าวเท่านั้น
เขาดูเหมือนเทพเจ้าที่ไม่สนสิ่งใด แต่แท้จริงแล้วเขาคือคนสกปรกที่ถอดเสื้อทิ้งไปทั่ว
ฉินเย่จือได้ยินสิ่งนี้และเลิกคิ้วหนาขึ้น “จะตำหนิเจ้าเรื่องอะไร”
“ข้าทำงานบ้านไม่เป็น ดูสิ แม้จะเคยรู้จักการขนน้ำ ขนฟืน ซักผ้า ทำอาหาร แต่ไม่กี่ปีมานี้ ท่านป้ากับท่านอาเลี้ยงดูข้าอย่างดี อย่างแรก ข้าซักผ้าและทำอาหารไม่เก่ง อย่างที่สอง ข้าไม่รู้วิธีวางน้ำชาและรินน้ำ ข้าไม่รู้วิธีจัดเตียงและการเก็บที่นอน ในอนาคตท่านจะตำหนิข้าว่าขี้เกียจและไม่เอาการเอางานหรือไม่”
กู้เสี่ยวหวานพึมพำ ริมฝีปากแดงสดที่สวยงามของนางเม้มเข้าเล็กน้อย ท่าทางน่ารักและบอบบางของนางดูเหมือนจะรอให้ใครสักคนมาจุมพิต
“ไม่หรอก” ฉินเย่จือตอบว่า “เรื่องนี้น่ะให้เด็กรับใช้เป็นคนทำก็ได้ เจ้าน่ะเรียนรู้เพียงเรื่องเดียวก็พอ”
กู้เสี่ยวหวานเลิกคิ้วขึ้น “เรื่องใดหรือ”
“เรื่องนี้” ฉินเย่จือตอบ
“เรื่องไหน..” ขณะที่กู้เสี่ยวหวานกำลังจะถามว่าเรื่องอะไร นางก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ จากนั้นขณะที่นางอ้าปากเพื่อจะถาม ลิ้นร้อนอ่อนนุ่มของเขาก็สอดเข้ามาในปาก กลิ่นของชาหลันเสวี่ยคละคลุ้งอยู่ในปาก
ฉินเย่จือชอบดื่มชา หลังจากสภาพความเป็นอยู่ที่บ้านดีขึ้น ฉินเย่จือก็มักจะนำใบชากลับมาจากข้างนอกอยู่เสมอ กู้เสี่ยวหวานเพิ่งรู้ว่าฉินเย่จือนั้นชอบดื่มชาเป็นอย่างมาก