ถ้าผมเกิดใหม่ใน RPG? (So What if it’s an RPG World !?) - ตอนที่ 23
ตอนที่ 23 เพื่อเครื่องมือ ผมสามารถละทิ้งความสันติได้
“เครื่องมือ…”
ดาร์คโคลด์พินิจมองเสื้อผ้าบนตัวผม แล้วพูด
“ที่จริง เครื่องมือของเจ้าดูไม่ต่างอะไรจากเสื้อผ้าธรรมดาเลยนะ”
มันไม่ใช่ความผิดของผม การสวมชุดเกราะมันไม่เหมาะกับนักเวทอย่างผมอยู่แล้ว ยิ่งกว่านั้นที่สถาบันก็ไม่มีเกราะเบาหรือเกราะผ้าระดับสูงอยู่เลย เพราะยังไงซะที่สถาบันก็มีแต่นักเรียนดีเด่นที่ไม่ออกไปไหนเลย กับชนชั้นสูงที่ที่บ้านส่งเครื่องมือคุณภาพดีมาให้นับไม่ถ้วน จะมีคนที่ทะลุมิติอย่างผมที่ไหนล่ะ
หรือก็แปลว่า แม้ผมจะมีเสื้อผ้าและชุดเกราะต่างๆ นานาติดตัว แต่มันต่างก็เป็นของระดับต่ำที่สุด และเป็นสิ่งของที่ทำได้เพียงแสดงตัวตนเท่านั้น
ทำไมไม่ใช้ของระดับสูงน่ะเหรอ คุณคิดว่าผมมีเงินเยอะถึงขนาดใช้ของระดับสูงหรือไง
“ก็งั้นแหละ แต่จะว่าไป ในเมื่อคุณอยากหาผู้ช่วย แล้วทำไมไม่ไปหาคนเผ่าพันธุ์เดียวกับผมพวกนั้นล่ะ หรือคุณมีแผนการพิเศษบางอย่าง”
ฟังผมพูดแบบนี้ อีกฝ่ายก็ฉีกยิ้มอย่างดีใจ
“ถ้าเผ่าพันธุ์เจ้าพูดดีๆ เหมือนเจ้า ข้าคงไปหาพวกเขานานแล้ว”
“ผมสงสัยจัง ว่าพวกเขาเป็นคนยังไงกันแน่”
ผมถามต่อ
จากคำวิจารณ์ที่ทุกคนมีต่อเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย ทำไมผมถึงรู้สึกว่าพวกเขาดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่เก็บตัวและอวดดีในสายตาของคนอื่นล่ะ
“ พูดง่ายๆ ก็คือพวกเขาไม่ไว้ใจคนอื่นเลย นอกจากการเชื่อฟังคำสั่งของราชาปีศาจ คนอื่นก็ยากจะได้ติดต่อกับพวกเขา”
“สาเหตุล่ะ จะเกิดเรื่องแบบนี้ได้ก็ต้องมีเหตุผลสิ”
“อย่างแรกคือ เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายอย่างพวกเจ้าถูกเรียกว่าเงาแห่งสนามรบและ นั่นก็มีสาเหตุ ในกองทัพของเผ่าปีศาจ เทวดาแห่งความเสื่อมและเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายเป็นคนเดียวที่สามารถรวมความสามารถของพลังพาลาดินกับพลังอันเดดและความมืดไว้ด้วยกันได้ พลังจึงมีมากที่สุดเป็นธรรมดา เพราะงั้นถ้าเกิดสงครามขึ้น พวกเจ้ากับเทวดาแห่งความเสื่อมเป็นเผ่าพันธุ์ที่ถูกกำจัดเร็วที่สุด ยิ่งกว่านั้นในขณะเดียวกัน เผ่าปีศาจจำนวนมากก็กำลังจับจ้องไปที่ใจกลางของพวกเจ้าอยู่ เทวดาแห่งความเสื่อมก็ต้องการกวาดล้างเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายเช่นกัน พวกเจ้าเลยถูกทิ้งให้โดดเดี่ยว ถ้าเป็นคนอื่นก็คงเลือกที่จะหลบซ่อนเหมือนพวกเขา ในตอนนี้แหละ”
“หลบซ่อนเหรอ”
“อืม ตอนนี้พวกเขาต่างก็อาศัยอยู่ในปราสาทที่ราชาปีศาจจัดให้พวกเขา ถึงจะประกาศกฏคุ้มครองสิ่งมีชีวิตแล้ว แต่เจ้าก็รู้ ว่าขอเพียงมีผลประโยชน์ เผ่าปีศาจมากมายก็จะตามล่าเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายอยู่ดี”
“ก็เข้าใจได้”
การลอบล่าก็เป็นเรื่องปกตินี่ เมื่อก่อนที่ทวีปอเมริกาก็มีนักล่าที่ล่าเผ่าอินเดียนแดงเพื่อหาเงิน
“งั้นดูแล้วเวทมนตร์ที่คุณจะให้ผมใช้คงร้ายกาจยิ่งกว่าการคืนชีพอีกสิ ไม่งั้นทำไมคุณถึงปล่อยใจกลางของผมไป แล้วให้ผมช่วยคุณใช้เวทมนตร์ล่ะ”
“ รู้สึกเหมือนเจ้าดูถูกความตายจัง สถานการณ์แบบนี้เจ้าควรห่วงชีวิตตัวเองมากกว่าไม่ใช่หรือ”
“ถึงห่วงจะมีประโยชน์อะไร ผมรู้ความต่างระหว่างพลังของคุณกับผมดี ว่ายังไงดีล่ะ…คุณจะฆ่าผมตั้งแต่ตอนอยู่ชั้นล่างเพื่อเอาใจกลางไปก็ได้แล้ว คนชั้นล่างต่างก็เป็นคนของคุณ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแพร่งพรายนี้”
“แหม…ตอนแรกก็อยากฆ่าหรอก”
“เอ๋”
ยัยนี่เป็นคนที่ดูถูกชีวิตต่างหาก คุณเก็บคำพูดแบบนี้ไว้ในส่วนลึกของสมองคุณไม่ได้เหรอ อย่างน้อยก็ไม่ต้องพูดต่อหน้าผมก็ได้!
“แล้วข้าก็พบว่าเจ้าคุยง่ายจริงๆ เพราะงั้นเลยรู้สึกว่าถ้าเผ่าพันธุ์หายากอย่างเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายตายไป คงน่าเสียดายแย่!”
พูดจบยัยนี่ก็กำหมัด! คุณเป็นปีศาจไม่ใช่เหรอ จะทำเลือดร้อนไปทำไม!
ยิ่งกว่านั้นยังปล่อยฉันไปเพราะเหตุผลประหลาดนี้งั้นเหรอ ไม่ว่ามองมุมไหนก็รู้สึกเหมือนฉันพ่ายแพ้เลย
เอาเถอะ มันถือว่าทำเควสต์สำเร็จไหม
ดูท่าจะไม่ ไม่มีแจ้งเตือนว่าเควสต์สำเร็จเลย
ก็แปลว่าตอนนี้ผมยังไม่ปลอดภัยสินะ
“เอาละ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเราก็มาต่อกันเถอะ เวทมนตร์ที่คุณให้ผมเรียนรู้คืออะไรกันแน่”
“อืม ตรงไปตรงมาดีนี่ มีนิสัยดีจนหายากจริงด้วย งั้นพวกเรารีบไปกันเถอะ”
“ไปไหน”
“ที่ปราสาทของข้าไง”
“เอ๋ บอส ท่านลักพาก็อบลินกลับมาอีกแล้วหรือ”
แค่เข้าปราสาท สฟิงซ์สวมชุดเกราะหนักที่เดินออกมาพอดีก็พูดกับพวกเราแบบนี้
“อีกแล้วอะไรล่ะ! อะไรคือลักพาตัวเข้าสะสมผู้มีความสามารถตามปกติต่างหาก!”
“ผมขอพูดสักหน่อย ผมไม่ใช่ก็อบลิน”
สฟิงซ์ตนนั้นจ้องผมด้วยดวงตาเบิกโพลง ผ่านไปสักพักจึงพูดต่อ
“ก็ได้ เขาเป็นคนที่บอสสนิทหรือ ช่างหายากจริงๆ…แต่เจ้าดูไม่เหมือนกับเอลฟ์อันเดดข้างๆเลย เจ้าคือเผ่าพันธุ์อะไรหรือ”
“เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย”
“ฮะ”
อีกฝ่ายอ้าปากกว้าง
“เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายหรือ บอสไปหาเผ่าพันธุ์นี้มาจากไหนกัน”
“ตามข้างทางน่ะ”
“เฮ้ๆๆ อย่าพูดเหมือนผมเป็นลูกหมาที่เก็บได้ตามข้างทางสิ”
“ก็ได้ๆ พวกเจ้าสองคนค่อยๆ เดินดูเถอะ ข้ายังมีธุระต้องออกไปทำ เจ้าหนู ระวังโคริน่าให้ดียัยนั่นชอบแกล้งคนอื่น ใช่แล้ว ข้าชื่อเคอร์เชอร์ ไว้เจอกัน”
พูดจบ หมอนี่ก็เดินตรงออกจากปราสาท
เคอร์เซอร์ เพศชาย
เผ่าสฟิงซ์ เบอร์เซอร์เกอร์ เลเวล 43
เป็นกลาง ปาเถื่อน นักทำลายกระดูก ครึ่งสัตว์ เผ่าปีศาจ นักล่าแห่งสนามรบ แนวหน้า
“ลูกน้องคุณมีแต่คนแบบนี้เหรอ”
ผมมองดาร์คโคลด์พลางถาม
“แหม อย่าสนใจเลย ถ้าทุกคนตึงเครียดก็ใช้ชีวิตแต่ละวันไม่ได้สิ”
“สงบสุขดีจังนะ….”
“หวังว่านะ”
เอาเถอะ ดูท่านิสัยของเทพีปีศาจคนนี้จะค่อนข้างสบายๆ ซึ่งสำหรับผมแล้วก็นับว่าเป็นข่าวดีละมั้ง
“เอาละ ไปที่ห้องรับแขกกันเถอะ หวังว่าโคริน่าจะไม่อยู่…นะ”
ยังพูดไม่ทันจบ เสียงของดาร์คโคลด์ก็สั่นเครือ เมื่อหันหลังมองไป ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังมองพวกเราอยู่ที่ทางเข้าตรงสุดทางเดิน
ผมคิดว่าจะเป็นคนที่ดูน่ากลัวซะอีก นึกไม่ถึงว่าเธอจะสวมชุดดำยาว ดูจากการแต่งตัว เธอน่าจะเป็นนักบวชงั้นเหรอ
เฮ้ๆๆ ในขุมนรกมีนักบวชด้วยเหรอ คุณล้อผมเล่นหรือไง
แต่ว่า วินาทีถัดไป ผมก็เหมือนจะเข้าใจสาเหตุ เพราะข้างหลังของหญิงสาวมีปีกคู่หนึ่งเหมือนกับผม แต่ว่าอีกฝ่ายกลับมีปีกสีดำ!
เทวดาแห่งความเสื่อมสินะ….นึกไม่ถึงว่าคนที่ถูกพูดถึงเมื่อกี้จะมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
โคริน่า เพศหญิง
เทวดาแห่งความเสื่อม นักบวชมีด เลเวล 38
เป็นกลาง รอบคอบ เทวดาแห่งความเสื่อม เทวดาเปื้อนมลทิน เผ่าปีศาจ หมออันเดด นักร้อง แห่งความตาย
“เมื่อกี้พวกเจ้าพูดว่าอะไร ข้าไม่อยู่ก็คงดีงั้นหรือ”
“เปล่าๆ ข้าแค่แนะนำเจ้าให้เด็กใหม่รู้จักเอง”
“งั้นเหรอ”
อีกฝายยกคิ้ว แล้วเดินมาตรงหน้าผม
“เด็กใหม่ เอลฟ์อันเดด ส่วนอีกคน.เป็นผีดิบหรือ ข้าว่า เจ้าวางแผนจะสะสมทุกเผ่าพันธุ์ไว้งั้นหรือ”
“จริงๆ เลย มีเรื่องแบบนั้นที่ไหน ยิ่งกว่านั้นเขาก็ไม่ใช่ผิดิบด้วย แต่เป็นเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย”
“เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายหรือ มีเทวดาแบบนั้นด้วยหรือ ข้าไม่เคยรู้เลย”
“โคริน่า เทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถใช้เวทอันเดดและเวทสายแสงพร้อมกันได้ เจ้าลืมได้อย่างไร”
“อ้อ อย่างนั้นหรือ งั้นก็ถือว่ามีประโยชน์ทีเดียว มา! พวกเรามาสู้กันสักตั้งเถอะ”
“เอ๋”
ดูท่าสมองของยัยนี่จะกลวงมาก ทำไมพูดถึงการสะสมแล้วจู่ๆ ก็มาที่การต่อสู้ได้ล่ะ เมื่อกี้ยังแนะนำตัวกันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
“แบบนั้นไม่ดีหรอก รบราฆ่าฟันจะไม่ปรองดองกันนะ”
“แหม ฟิลเจ้าก็สู้กับนางหน่อยสิ โคริน่าก็นิสัยแบบนี้แหละ หากไม่พอใจนางจะวุ่นวายเอานะสู้เลยๆ สู้เสร็จข้าจะให้เครื่องมืออันใหม่กับเจ้า ข้าสะสมเครื่องมือของเทวดาศักดิ์สิทธิ์แห่งความตายเอาไว้ด้วยนะ”
“ก็ได้! ผมจะสู้!”
ผมพูดอย่างเด็ดเดี่ยวทันที
ถ้ามีเครื่องมือมาให้ ทำไมจะไม่สู้ล่ะ!