จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 218
บทที่ 218 : ข้ายอมตามใจเพียงนางเท่านั้น (2)
มู่ชิงเกอกัดฟันพร้อมกับยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตากู่ฉิน (พิณจีนโบราณชนิดหนึ่ง มี 7 สาย) พลันปรากฏขึ้นในมือของนาง
จากนั้นเสียงกู่ฉินอันไพเราะเพราะพริ้งก็ดังขึ้นจากปลายนิ้วของนางครั้นเสียงดนตรีบรรเลง ต้นไม้พลันเหี่ยวเฉา ใบไม้ก็เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
”ฉิน?” ครั้นไป๋หยานเห็นมู่ชิงเกอนำกู่ฉินออกมา ใบหน้าของนางก็ปรากฏรอยยิ้มเป็นประกาย “น่าเสียดายจริง ๆ พ่อบุญธรรมของเฉินเอ๋อเล่นเก่งทั้งฉินทั้งขลุ่ย ข้าเองก็ได้เรียนรู้มาจากเขาบ้าง แม้ว่าข้าจะไม่เชี่ยวชาญนัก ทว่าก็พอจะทำให้เจ้าเข้าใจได้ว่าเพลงพิณที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร !”
เดิมทีครั้นเห็นว่าเสียงพิณไม่สามารถทำอะไรไป๋หยานได้ มู่ชิงเกอก็ทำได้เพียงยืนเซ่อ นางทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว แล้วจู่ ๆ กู่ฉินที่อยู่เบื้องหน้านางก็ถูกมือข้างหนึ่งของไป๋หยานคว้าไปวางลงบนตักของตนเอง
”เจ้า… ” ใบหน้าของมู่ชิงเกอเปลี่ยนไปอย่างมาก นางอยากแย่งกู่ฉินของนางกลับคืน
ทันใดนั้นเองเสียงดนตรีก็ดังขึ้นจากปลายนิ้วของหญิงสาว บทเพลงช่างอ่อนโยน อีกทั้งยังเข้าถึงจิตใจ แม้แต่มู่ชิงเกอก็ลืมสิ่งที่คิดจะตอบโต้ นางจ้องมองสตรีในอาภรณ์สีแดงจนแทบจะลืมหายใจ
หญิงผู้นี้มิใช่มีเพียงความงดงาม? ข้าเกรงว่า คนเช่นนางจะมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก !
ยามนี้เสียงพิณแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายราวกับมีดาบยาวนับพันเล่มที่มองไม่เห็น เจาะทะลุร่างของมู่ชิงเกออย่างรวดเร็ว
ภายใต้การโจมตีของเพลงพิณมู่ชิงเกอถึงกับกระอักเลือด นางผงะถอยหลังกลับไปสองสามก้าว ก่อนที่จะหยุด ใบหน้าของนางซีดขาว
”เจ้า… เป็นไปได้อย่างไร เจ้าอยู่ขั้นจุนเจี่ย (ขั้นจอมราชัน) ได้อย่างไร ?”
หากเทียบกันแล้วในอาณาจักรนี้ ฮ่องเต้คือผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสามารถปกครองประเทศทั้งประเทศ ทว่าระดับจุนเจี่ยยิ่งใหญ่กว่านั้น ระดับนี้ถือว่าอยู่เหนือกว่าฮ่องเต้ทุกอาณาจักร
หากสำนักใดมีผู้อยู่ในระดับจุนเจี่ยสำนักนั้นก็จะสามารถเลื่อนขั้นขึ้นเป็นสำนักระดับกลางได้ โดยจะเป็นรองก็เพียงดินแดนเกาะศักดิ์สิทธิที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น
แน่นอนว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนักระดับกลางมิได้มีเพียงระดับจุนเจี่ยเป็นแน่ ทว่าระดับจุนเจี่ยก็ถูกจัดให้เป็นมาตรฐานสำหรับสำนักระดับกลาง !
เจ้านายของฮัวหลัวอยู่ระดับนี้เช่นนั้นหอบุปผาย่อมต้องถูกปรับระดับขึ้นสู่สำนักระดับกลางแล้ว !
มู่ชิงเกอหัวเราะเบาๆ นางยิ้มเยาะให้กับตนเอง “ข้าคิดว่า ฮัวหลัวยอมรับเจ้าเพียงเพราะเจ้าเป็นหมอปรุงยา หากแต่ข้าไม่คาดคิดว่า ฮัวหลัวจะยอมรับเจ้าเพราะความแข็งแกร่งของเจ้า ! นอกจากนี้ หากเจ้าไม่แข็งแกร่งมากพอ เจ้าจะใช้นางทำงานให้เจ้าได้เช่นไร ? ”
ไป๋หยานกวาดสายตามองอย่างเงียบๆ ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ครั้งที่ฮัวหลัวยอมรับนับถือข้านั่น พลังของข้ายังไม่ถึงหวังเจี่ย (ระดับราชา) ด้วยซ้ำ”
เหนือจากระดับหวังเจี่ย(ระดับราชา) ! ก็คือระดับจุนเจี่ย (จอมราชัน) ! และการจะเป็นผู้นำของหอบุปผาได้นั้นขั้นต่ำควรต้องอยู่ในระดับหวังเจี่ย !
หากแต่ไป๋หยานกลับบอกว่านางยังไม่ถึงระดับหวังเจี่ยเมื่อเป็นเช่นนั้นเหตุใดฮัวหลัวจึงยอมมอบความภักดีต่อนาง ?
มู่ชิงเกอเงยหน้าขึ้นมองด้วยทีท่าตกตะลึง”ฮัวหลัวเข้าถึงระดับหวังเจี่ย (ระดับราชา) ได้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน หากแต่เจ้ากลับมาเป็นเจ้านายของนาง เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นางยอมศิโรราบให้เจ้าได้อย่างไร ? หรือเพียงเพราะเจ้าเป็นหมอปรุงยา ?”
”เจ้าเดาผิดอีกครั้งแล้วเมื่อครั้งที่ฮัวหลัวยอมรับข้านั้น นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าสามารถปรุงยาได้” ไป๋หยานมองแววตาที่งุนงง พร้อมกับริมฝีปากที่เม้มแน่นของมู่ชิงเกอ
”เช่นนั้นเป็นเพราะเหตุใด?”
หากมิใช่เพราะการปรุงยามิใช่เพราะความแข็งแกร่ง เช่นนั้นฮัวหลัวยอมรับนับถือนางได้เช่นไร ?
ไป๋หยานยิ้ม”นั่นเป็นเพราะข้าช่วยชีวิตของฮัวหลัวไว้ไง”
เหตุผลง่ายมากนางช่วยชีวิตฮัวหลัว ฮัวหลัวก็มอบชีวิตให้นาง
”ไม่มีทางฮัวหลัวเป็นเพียงผู้หญิงที่มีราคีนางย่อมเห็นแก่ผลประโยชน์เหนือกว่าสิ่งอื่นใด … ” มู่ชิงเกอลุกขึ้นจากพื้นอย่างช้า ๆ พร้อมกับส่ายศีรษะ สีหน้าของนางยังแลดูเหมือนไม่เชื่อ
”แม้ว่าหอบุปผาจะเป็นสถานรื่นรมย์? ทว่าฮัวหลัวก็ไม่เคยรับแขกเอง อีกทั้งหอบุปผาก็ไม่เคยบังคับฝืนใจผู้ใด” รอยยิ้มของไป๋หยานเย็นชาลงเรื่อย ๆ “แล้วที่เจ้าพร่ำพูดว่าพวกพ้องของตนเป็นนางฟ้าอยุู่ในหุบเขาเพลงพิณ ไม่ทราบว่าพวกเจ้าทำการค้าใดกันกระนั้นหรือ ?”
***จบบท ข้ายอมตามใจเพียงนางเท่านั้น (2) ***