จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 249
บทที่ 249. นักเรียนแลกเปลี่ยน
“หม มีใครบางคนปกป้องเธออยู่งั้นเหรอ?” โม่ฝานได้ยินเช่นนั้นกล่าวออกมาอย่างใจลอยราวกับถูกน้ําเย็นจัดท่วมหัวใจ
“ฉันอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ บางทีพวกนั้นอาจจะแค่ชื่นชมเธออยู่ภายในสถาบัน อีกทั้งวิธีการของเขายังไม่เป็นอันตรายกับเธออีกด้วย ไม่มีแม้แต่เจตนาร้ายอะไรเลย อีกทั้งฉันสามารถยืนยันได้ว่าเขาคนนั้นไม่ใช่สมาชิกของกลุ่มวาติกัน ฉันบังเอิญไปรู้เข้าอย่างไม่ตั้งใจน่ะนะ” หลิงหลิงรายงานอย่างละเอียด
“เธอจะต้องสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนมากกว่านี้!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างจริงจังเมื่อมันเกี่ยวข้องกับซินเซีย
“อ่า ฉันไม่สามารถหาข้อมูลที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ได้น่ะ”
โม่ฝานยังคงถามออกไปอีกหลายคําถาม แต่ทว่าหลิงหลิงกลับไม่สามารถตอบอะไรมากกว่านี้ได้ เธอเพียงแค่รู้สึกถึงสิ่งนี้เท่านั้น
โม่ฝานหันไปถามซินเซียอย่างเร่งด่วน เธอกล่าวว่าไม่รู้สึกเลยว่ามีใครอยู่รอบตัวเธอเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สําหรับโม่ฝานเมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเขายิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
“การปกป้องซินเซียมันเป็นหน้าที่ของฉัน ไอ้เวรนั่นมันเป็นใครถึงกล้าเข้ามายุ่งกับกงการของคนอื่น? แกควรจะรีบวิ่งหนีไปให้ไกลและพ้นจากสายตาของฉันซะ มิฉะนั้นบิดาของแกที่ชื่อโม่ฝานจะจับแกตอนให้เป็ดมันกิน!”
“ถ้าแกหลบมุมอยู่ในเงามืด เช่นนี้มันไม่เรียกว่าปกป้องหรอก อย่างแกมันเป็นได้แค่พวกโรคจิตสะกดรอยตามคนอื่นเท่านั้น!
–
“อาจจะเป็นแม่ของเธอก็ได้นะ แม่ของเธอน่ะจากเธอไปตั้งนานแล้ว ด้วยความรู้สึกผิดอาจจะไม่กล้าพบหน้าเธอก็ได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทําให้เธอต้องคอยแอบดูซินเซียอย่างลับๆล่อๆ โม่ฝาน แกจะไปกังวลอะไรกับคนแบบนั้นล่ะ” เมื่อโม่เซี่ยจิงได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ สิ่งแรกที่เขานึกถึงก่อนก็คือแม่ของซินเซีย
เมื่อโม่ฝานถามไถ่ถึงสถานการณ์ของแม่ซินเซีย โม่เซี่ยจิงถอนหายใจยาวพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยเหตุและผล
เขาเล่าให้โม่ฝานฟังว่าในกาลก่อนเขากับแม่ของซินเซียนั้นตกลงปลงใจว่าจะตั้งครอบครัวอยู่ด้วยกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นไม่นานนักเธอก็ได้หายตัวไป ทิ้งซินเซียไว้ข้างหลังอย่างปริศนา
ด้วยความใจดีของโม่เซี่ยจิง แม้ว่าเขาจะโดนเธอหลอกเสียแล้ว แต่ความอ่อนโยนของเขายังคงล้นเปี่ยมในจิตใจ เขาไม่ต้องการให้ซินเซียกลายเป็นเด็กกําพร้า เช่นนี้โม่เซี่ยจิงจึงเป็นทั้งแม่และพ่อของเธอไปโดยปริยาย
หลังจากที่ไม่ผ่านได้รู้ความจริง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
พ่อของเขาจะต้องผ่านเรื่องราวมามากมายแน่นอน ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้พบกับใครสักคนที่จะพักหัวใจไว้หลังจากที่เผชิญกับความลําบากมาตลอดชั่วชีวิต แต่หญิงสาวที่ได้ทิ้งพ่อของเขาไปนั้นดู เหมือนว่าจะมีแต่ความใจร้ายและไม่ใยดีอะไรเลย ความตั้งใจของเธอมีเพียงแค่การทิ้งลูกสาวไว้เบี้องหลังเท่านั้น เธอใช้ความใจดีของพ่อเขาเป็นเครื่องมือ
หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หลิงหลิงพูด อาจสันนิษฐานได้ว่าบุคคลที่คอยสะกดรอยตามซินเซียอาจจะเป็นแม่ของเธอก็ย่อมได้ เธออาจจะกลัวความผิดจนไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวออกมา แต่ก็ยังเป็นห่วงจึงจําเป็นจะต้องหลบอยู่ในมุมมืดเช่นนี้
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ผ่านไม่ได้เล่าให้ซินเซียฟัง เช่นนี้หัวใจของเธอก็จะไม่เจ็บปวด
โม่ฝานพักอยู่ที่หางโจวสักพักใหญ่ เนื่องจากว่าเขาได้เห็นผลกระทบแล้วว่าฉือจ้าวติงและลูลู่ที่ต่างโดดเดี่ยวนั้นได้เผชิญหน้ากับจุดจบเช่นไร นั่นยิ่งทําให้ซินเซียกลายเป็นสมบัติล้ําค่าของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เช่นนี้เขายิ่งจะต้องระมัดระวังหายนะที่พร้อมจะเกิดได้ทุกเมื่อด้วยเช่นกัน
ตอนนี้หลิงหลิงนั้นสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นในซีหูเช่นกัน เธอเริ่มคิดที่จะดําเนินการตรวจสอบสิ่งอย่างๆอย่างใคร่รู้
เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก แม้ว่าเธอจะมีทักษะในการค้นหาเป็นเลิศ แต่เธอกลับไม่สามารถช่วยค้นหาสิ่งที่ไม่ผ่านต้องการในตอนนี้ได้เลย เช่นนี้ความหดหูจึงนําพาให้เธอกลับมาที่เซี่ยงไฮ้ก่อน เธอต้องการให้โม่ฝานใช้เวลาอยู่กับซินเซียไปสักพักหนึ่ง
–
–
“โม่ฝาน เฮ้ รีบกลับมาด่วนเลย อธิการบดีเซี่ยวได้ขายนายไปแล้ว! เขาต้องการให้นายไปที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิเพื่อกลายเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน!” จ้าวหม่าหยันกล่าวกับโม่ฝานผ่านโทรศัพท์
“อะไรนะ? นักเรียนแลกเปลี่ยนเหรอ?” โม่ฝานตอบกลับอย่างงุนงง
“เฮ้อ ถ้าหากว่านายมองโลกในแง่ดีมันคือนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่ถ้าหากนายมองโลกในแง่ร้าย มันคือการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างสถาบัน พวกเขามักจะทําเช่นนี้ในทุกๆปีอยู่แล้ว!” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมาอย่างโจ่งแจ้ง
“แล้วทําไมต้องเป็นเราสองคนที่ต้องเข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิด้วยล่ะ?” โม่ฝานถามอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องราวมันไร้สาระกว่าที่นายคิดเยอะ ถ้าหากว่านายมองภาพรวมในประเทศนี้นายจะรู้ดีว่ามีไม่กี่สถาบันเท่านั้นที่จะสามารถสู้กับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิได้ ซึ่งการต่อสู้ในปีนี้ตกอยู่กับสถาบันของเรา ซึ่งแต่ละสถาบันจะคัดเลือกนักเรียนที่มีความโดดเด่นที่สุดเพื่อไปอยู่ในสถานที่นั้นๆเป็นเวลาสามเดือน มหาวิทยาลัยจักรพรรดินั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดและนักเวทผู้ชั่วช้าพร้อมทําเรื่องเลวทรามตลอดเวลา พวกมันยืนอยู่ในทุกหนแห่ง แม้แต่พนักงานในมหาวิทยาลัยของพวกมันยังสามารถเปรียบเทียบกับอเล็กซานเดอร์ไม่ยากและเพื่อไม่ให้สถาบันเสียหน้ากับการต่อสู้ในครั้งนี้ อธิการบดีเซียวจึงจําเป็นต้องบังคับให้นายไปน่ะนะ” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมา
โม่ฝานไม่ได้ถามอะไรต่อนัก ในตอนนี้เขาจะต้องรีบกลับไปที่สถาบันโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่โม่ฝานได้พบกับอธิการบดีเซี่ยวและคณบดีโจวเจียงฮวาแล้ว เขากล่าวออกมาทันทีด้วยความไม่พอใจ “เฮ้ พวกคุณจะไม่ถามความเห็นของผมก่อนสักหน่อยเหรอก่อนที่จะใส่ชื่อผมลงไป! ผมไม่เคยบอกเลยว่าผมต้องการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน อีกทั้งผมไม่ต้องการที่จะไปยังมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ เพื่อให้ใครมาดูถูกเหยียดหยามด้วย!”
“โม่ฝาน อย่าถ่อมตัวไปเลย ด้วยความแข็งแกร่งของเธอน่ะไม่จําเป็นต้องเกรงกลัวผู้คนในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิแม้แต่น้อย ผู้คนที่ได้เข้าสู่วิทยาเขตหลักนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรมากเท่าไหร่นัก ถ้าหากว่าเธอไม่ไปแล้วใครจะไปล่ะ?” โจวเจียงฮวากล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“อธิการบดีเซียวครับ คุณรู้ดีว่าผมน่ะถ่อมตัวมากแค่ไหน เรื่องการแข่งขันระหว่างสถาบันอะไรแบบนี้ผมไม่ต้องการ อ้อ หรือถ้าคุณต้องการจะบอกว่าให้ผมสู้เพื่อเกียรติยศของสถาบันล่ะก็หยุดเลยนะครับ ผมว่าคุณไปหาคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่าผมจะดีกว่า!” โม่ฝานแสดงเจตนาชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการไป
ในตอนนี้ชีวิตของเขาในนครเซี่ยงไฮ้ยอดเยี่ยมอย่างมาก ในช่วงกลางวันเขาสามารถได้รับเงินจากภารกิจต่างๆ เขาออกไปจัดการกับอสูรเวทมากมายและจัดการกับพวกมันได้อย่างคล่องแคล่วมากขึ้นเพื่อเพิ่มทักษะต่างๆให้แข็งแกร่ง แล้วทําไมเขาจะต้องละทิ้งชีวิตที่แสนจะสุขสบายเช่นนี้ เพื่อไปพบเจอกับความลําบากด้วยล่ะ? ถ้าหากว่าจะวิธีการใดที่เขาจะใช้โต้ตอบกับพวกที่ขยันเหยียดหยามผู้อื่นน่ะเหรอ? แน่นอนว่าจะต้องมีนักเรียนในมหาวิทยาลัยจักรพรรดิตายตกไปวันละหนี้งหรือสองคนอย่างแน่นอน!
“โม่ฝานได้โปรดอย่าปฏิเสธเรื่องนี้เลย ทางเราก็ถูกกดดันอย่างหนักหน่วงเพื่อให้ส่งนักเรียนแลกเปลี่ยนไปยังมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ ฉันเข้าใจดีว่าความคับข้องใจอะไรบ้างที่นักเรียนของเราจะต้องพบเจอ ตอนนี้ฉันเตรียมสมบัติบางอย่างเอาไว้เพื่อเป็นการตอบแทนแล้ว ฉันมีอุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นหนึ่งซึ่งมันสามารถช่วยให้ร่ายเวทมนตร์ได้ในขณะที่จิตใจไม่ค่อยมั่นคงนัก รับประกันได้เลย ไม่ว่าเธอจะถูกก่อกวนมากขนาดไหนเธอก็จะสามารถร่ายเวทมนตร์ได้อย่างไม่มีสะดุด อีกทั้งมันสามารถป้องกันการโจมตีทางวิญญาณได้ด้วย…” อธิการบดีเซี่ยวนั้นถือได้ว่าเป็นอาวุโสที่พบ เจอโลกมาเนิ่นนาน เขารู้ว่าโม่ฝานเป็นคนแบบไหนเขาจะไม่พูดอ้อมค้อมอีกต่อไป ผลประโยชน์เท่านั้นที่จะสามารถทําให้โม่ฝานยอมผ่อนปรนและลองฟังคําขอของเขา!
“มันสามารถป้องกันการโจมตีวิญญาณได้ด้วยเหรอ?” โม่ฝานกระพริบตาไปมา เขานึกถึงไอ้โรคจิตเฉาเห่อเมื่อครั้งที่มันได้ต่อสู้กับถังเหย่วคราวนั้นทันที
เวทมนตร์คําสาปของเขามาพร้อมกับการโจมตีวิญญาณร่วมด้วย ทําให้อีกฝ่ายไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ของตนเองออกมาได้เนื่องจากสภาพจิตใจกําลังไขว้เขว
ในตอนนี้โม่ฝานไม่กลัวการโจมตีที่สามารถมองเห็นได้เท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตามเขากลัวเหล่า คนที่มีความสามารถแปลกประหลาดนั้นมากกว่า กับดักวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่อาจประมาทได้เลยแม้แต่น้อย ถ้าหากนักเวทไม่สามารถร่ายเวทมนตร์ออกมาได้ นั่นหมายความว่าพวกเขามีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่เบื้องหน้า ถ้าหากไม่ฝานได้ครอบครองอุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นนี้ล่ะก็เรียกได้ว่า เขาจะได้รับการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่งไปโดยปริยาย!
“ตกลง!” โม่ฝานตอบตกลงพร้อมกับรับอุปกรณ์เวทมนตร์มาอย่างมั่นเหมาะ
มันคือสร้อยคอศูนย์รวม แม้ว่าในตอนนี้โม่ฝานจะสวมใส่จี้ทมิฬอยู่แล้วด้านในของเสื้อ แต่เมื่อเขาสวมสร้อยศูนย์รวมนี้ไว้ด้านนอกของเสื้อก็ไม่ได้ทําให้มันดูแย่ลงแต่อย่างใด
ตอนนี้โม่ฝานนกําลังคิดถึงหยู่อั้นที่รู้ว่าเขาเก็บซ่อนน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินไว้ที่สร้อยคอ การมีสร้อยมาเพิ่มเช่นนี้จะทําให้เกิดความสับสนได้!
“อ่า ในตอนนี้เธอได้รับของที่ยอดเยี่ยมไปเรียบร้อยแล้ว มั่นใจได้เลยว่าเธอจะไม่ถูกเหยียดหยามอย่างแน่นอนเมื่อไปถึงมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ!” โจวเจียงฮวากล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว
นักเรียนมากมายต้องการที่จะเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน เขาไม่เคยพบเจอกับนักเรียนคนไหนที่จะปฏิเสธข้อเสนอของอาจารย์ดั่งเช่นโม่ฝานมาก่อน! อีกทั้งสร้อยคอศูนย์รวมนี้ไม่ใช่สิ่งของราคาถูก! ทําไมเราจะต้องแจกจ่ายมันให้กับนักเรียนเหล่านี้อย่างง่ายดายด้วยล่ะ?!
“ไม่ต้องห่วงหรอก ผมจะจัดการนักเรียนในวิทยาลัยจักรพรรดิให้ราบคาบ!” หลังจากที่โม่ฝานได้รับของที่เขาต้องการแล้ว แน่นอนว่าเขาจะทําทุกอย่างให้เต็มที่สมกับราคา
อธิการบดีเซี่ยวมองโม่ฝานพร้อมกล่าวว่า “ไม่ต้องสร้างปัญหามากก็ได้”
“เหอๆ ผมจะ… จะไม่” โม่ฝานพูดออกมาอย่างเชื่องช้า
จากนั้นอธิการบดีเซี่ยวกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม “แต่ในขณะเดียวกันไม่จําเป็นจะต้องสุภาพมากจนเกินไป ถ้าหากว่ามันไม่ยุติธรรมกับเธอ แน่นอนว่าฉันจะช่วยเธออย่างเต็ม
โม่ฝานมองไปที่อธิการบดีเซี่ยวผู้จริงจังตรงหน้าพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแห้งๆออกมา
ความหมายของอธิการบดีเซี่ยวก็คือ “ถ้าหากว่าคุณถูกข่มเหงโดยใครสักคน ไม่จําเป็นจะต้องเกรงกลัวมันเลยแม้แต่น้อย จงใช้ความสามารถของคุณจัดการกับพวกมันให้เสร็จสิ้นซะ ฉันจะสนับสนุนคุณอย่างเต็มที่!”