จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 211
บทที่ 211: ผิดคน!
ขณะที่โม่ฝานเปิดการทํางานของบูทโลหิต พลังมากมายหลั่งไหลมารวมกันอยู่ที่ขาทั้งสองข้างของเขาอย่างเร็ว
ขาทั้งสองข้างของโม่ฝานเต็มไปด้วยพละกําลังมหาศาลที่ไม่ใช่กําลังของมนุษย์อีกต่อไป ในตอนนี้เขากําลังกุมพลังแห่งอสูรอาชาโลหิตเอาไว้ในกํามือ!
โม่ฝานเหวี่ยงขาของตนเองไปที่เนินเขาด้านหน้าอย่างไม่ลังเล เมื่อมันปะทะกับพลังมหาศาลที่ขาของเขาแล้ว ทั้งหมดระเบิดออกเสียงดังสนั่นพร้อมแหลกสลายเป็นผุยผง เหลือไว้เพียงฝุ่นละอองปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ
เมื่อพลังที่เกรี้ยวกราดได้ทําลายเนินเขานี้ลงอย่างไร้ความปราณี นักเวทธาตุลมที่หลบซ่อนอยู่ ด้านหลังเป็นเขาแห่งนี้เกือบจะตายตกตามแรงกระแทกเมื่อครูอย่างหวุดหวิต กระดูกของเขาบางส่วนแตกหักส่งเสียงดังท่ามกลางเนินเขาที่แตกสลายด้วยเช่นกัน
โม่ฝานเดินเข้าไปในกองเศษซากของภูเขาตรงหน้า เขาเห็นมนุษย์คนหนึ่งติดอยู่ใต้หล่มเขาแห่งนี้ บุคคลนั้นถูกตรึงไว้โดยสมบูรณ์อย่างไร้ทางออก เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วเขาจึงหันหลังกลับมา พร้อมกับมองไปที่อีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
ผู้ลอบโจมตีทั้งสองดูเหมือนว่ากําลังตกอยู่ในสภาวะโง่งมโดยสมบูรณ์เมื่อได้เห็นเป็น เขาที่พวกเขาหลบซ่อนถูกพังทลายลงไปอย่างง่ายดาย
เด็กคนนี้โหดร้ายเกินไปแล้ว!
เขาสามารถเตะเนินเขาสูงห้าเมตรจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้ นี่มันสัตว์ประหลาดชนิดไหนกัน?
ทั้งสามคนนี้เพียงแค่ถูกว่าจ้างจากเจียเหวินฉิง หลังจากที่ได้ยินว่ามีใครบางคนเข้าไปยุ่งย่าม กับมู่หนิวเจียวนางในดวงใจของเขา ทั้งสามคนถูกสั่งให้มาที่นี่เพื่อสั่งสอนบทเรียนให้กับเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนั้น!
เดิมที่พวกเขาเพียงแค่ต้องการระบายความโกรธเท่านั้นก่อนที่จะหลบหนีในภายหลัง แต่ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าผู้นําทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ นักเวทระดับมัชฌิมธาตุลม ฟูเตียนหมิง! กําลังประสบกับชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย สถานการณ์ในตอนนี้ของเขานั้นย่ําแย่เรียกได้ว่าเป็นกับตายเท่ากัน
“พวกแกเป็นใคร?” โม่ฝานรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนนั้นโง่เขลาและไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก เขารู้สึกมึนงงทันที ดูเหมือนว่าทั้งสามคนนี้จะไม่ได้มาจากกลุ่มศาสตร์มืด
ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่กลุ่มศาสตร์มีดได้เคลื่อนไหว พวกมันหมายจะเอาชีวิตของศัตรูอย่างแน่นอน พวกมันกล้าหาญและไม่สนใจชีวิตของตนเองด้วยซ้ํา
บุคคลเหล่านี้เพียงแค่ใช้บอลเพลิงทมิฬในการตรวจสอบเขาก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นเมื่อรู้ ว่าเวทมนตร์ระดับปฐมภูมิไม่อาจใช้ต่อกรกับเขาได้ พวกเขาจึงเปลี่ยนแผนไปใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมแทน
“ พะ-พวกเรา เป็นนักเรียนจากสถาบันเมิงจู่ เอิ่ม…เรามาที่นี่เพียงแค่อยากจะฝึกฝน เล็กน้อยและตั้งใจจะมองหานักเรียนที่พอจะมีฝีมือเท่านั้น แต่…แต่พวกฉันไม่คิดว่าจะได้เจอกับพี่ ชายผู้แข็งแกร่งที่นี่…ได้โปรด…โปรดเมตตาพวกเราด้วย” สมาชิกของทีมคนหนึ่งซึ่งเป็นนักเวทธาตุไฟกล่าวออกมาอย่างเร่งด่วน
“ใช่ ใช่แล้ว พวกเราไม่มีความคู่ควรใดๆที่จะต่อสู้กับพี่ชายแม้แต่น้อย!”
“ใครเป็นคนส่งให้พวกแกมา?” โม่ฝานถามออกไปอย่างเด็ดขาดด้วยน้ําเสียงเย็นเยือก
“เจียเหวินฉิง ปะ-เป็นเขา!” ทั้งสองไม่กล้าที่จะไม่ตอบคําถามนี้ พวกเขาโพลงออกมาอย่างรวดเร็ว
โม่ฝานรู้สึกละอายทันทีที่ทํารุนแรงลงไป
พวกเขาเหล่านี้ไม่ได้ถูกกลุ่มศาสตร์มีดส่งมา อีกทั้งพวกเขายังน่าสงสารมากอีกด้วยถ้าหากว่า ทั้งหมดไม่เปิดเผยตัวตนออกมา โม่ผ่านคงจะเปิดใช้งานหมัดเพลิง ซึ่งถ้าหากว่าเขาใช้มันออกไปแล้ว ทั้งสองหรือสามคนนี้จะกลายเป็นเพียงเถ้าถ่านในทันที
แน่นอนว่าถ้าหากเป็นการต่อสู้กับกลุ่มศาสตร์มีด โม่ฝานจะไม่ยอมออมมือให้แม้แต่น้อย ทั้งบ้านเกิดและเพื่อนพ้องร่วมเมืองของเขาตายตกไปในเหตุการณ์นี้มากล้น ทั้งหมดถูกกลุ่ม ศาสตร์มีดจัดการอย่างโหดเหี้ยม นอกเหนือจากความหวาดกลัวที่ชาวเมืองมีต่อพวกมันแล้ว ยังหลงเหลือความโกรธและเกลียตเอาไว้ในใจอย่างล้นหลาม
“เร็วเข้าสิ! รีบพาเขาไปโรงพยาบาลซะ ถ้าชักช้าฉันคิดว่าเขาคงจะตายน่ะนะ” โม่ผ่านออกคําสั่งกับอีกสองคนที่ยืนอยู่
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองคนจะกล้าพูดอะไรได้อีกงั้นเหรอ? พวกเขาวิ่งไปที่หัวหน้าทีมอย่างเร็วและขุดเอาร่างของฟูเตียนหมิงออกมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อขุดร่างของเขาขึ้นมาได้แล้ว ทั้งสองคนตื่นตระหนกทันทีเมื่อพบว่ากระดูกทั้งหมดของเขา แทบจะแหลกสลาย เหมือนกับว่าในตอนนี้ร่างกายของเขามีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่เพียงน้อยน้อยเท่านั้น
เรื่องนี้มัน มันไม่ใช่แค่โหดร้ายธรรมดาเสียแล้ว!
ทั้งซวางปิงและลี่หวางนั้นถือได้ว่าเป็นนักเรียนที่ยอดเยี่ยมด้วยเช่นกัน ผู้ที่นอนคอตกอยู่ใน มือของเขานี้ล้วนแต่เป็นศิษย์พี่ที่มีฝีมือร้ายกาจ ในคราวแรกแผนของพวกเขาทั้งหมดคือเพียงแค่ เอาชนะโม่ฝานเล็กน้อยก็เพียงพอให้พอสนุกสนานเท่านั้น อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่เคยคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นจริงเป็นจังถึงกับลงมือให้ศิษย์พี่ของตนเองมีสภาพครึ่งเป็นและตายเช่นนี้มาก่อน!
แม้ว่าสิ่งที่พวกเขาทําอยู่นั้นผิดมหันต์ แต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดได้พบกับบทลงโทษโดยการถูกสั่งให้มาพบเจอกับปีศาจซะแล้ว
ทั้งซวางปิงและหวางไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป พวกเขาเกรงกลัวว่าถ้าหากปีศาจตนนี้อารมณ์ไม่ดีแล้วเกิดอยากจะอัดพวกเขาอีกรอบจะทําเช่นไรกันล่ะ? ดีไม่ดีพวกเขาจะได้เจอกับปัญหาที่ยากยิ่งจะจัดการแน่นอน!
หลังจากเหตุการณ์ความวุ่นวายได้ผ่านพ้นไป โม่ผ่านกลับไปยังที่พักของตนเอง
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้สินะ แม้ว่าความแข็งแกร่งของกลุ่ม ศาสตร์มีดจะล้นเหลือ แต่ทว่าพวกมันก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาซุ่มโจมตีฉันภายในสถาบันเมิงจู่หรอก เอิ่ม…” โม่ผ่านกล่าวพิมพาพร้อมกับลูบศีรษะตนเองอย่างไตร่ตรอง
แต่อย่างไรก็ตามโม่ฝานไม่สามารถสงบจิตใจลงได้เลย หลังจากที่เขาได้รู้ว่ากลุ่ม ศาสตร์มีตต้องการที่จะเคลื่อนไหวอีกครั้งกับเขาแล้ว โม่ฝานรู้สึกกังวลและไม่สามารถสงบจิตใจได้โดยง่าย!
ในแผนการการทําลายล้างเมืองบ่อ ชาวเมืองมากมายตายตกในเหตุการณ์ครั้งนั้น ซึ่งหลาย คนเป็นบุคคลที่ไม่ฝานรู้จักเป็นการส่วนตัวอีกด้วย ฉากความตายที่น่าสยดสยองของเหย่วหยู่ยังคง ติดตรึงใจของเขาไม่เสื่อมคลาย เขาจะไม่มีวันลืมภาพจํานั้นอย่างแน่นอน นอกจากนี้สามีของป้า เขาก็เสียชีวิตในเหตุการณ์นั้นด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีกัปตันทีมหน่วยล่าล้างเมืองฉือต้าฮวงที่ตายตกไป เฟยถือก็ไม่รอดเช่นกัน อีกทั้งยังมีนักเวทธาตุแสงที่เคยช่วยเหลือโม่ฝานเอาไว้ก็คือเสี่ยวปิงที่ไม่ รอดในเหตุการณ์นั้นตวยเช่นกัน โม่ฝานเห็นซากศพของพวกเขาทั้งหมดในขณะที่เขาเดินทางมาถึง พื้นที่ปลอดภัย
เขาพยายามที่จะไม่หวนรําลึกถึงภาพที่โหดร้ายเหล่านั้นนัก โม่ฝานทิ้งทุกอย่างไว้ที่เมืองบ่อ และพยายามเริ่มทุกสิ่งอย่างภายในสถานที่แห่งใหม่นี้ เหตุการณ์นองเลือดค่อยๆถูกลบเลือนหาย ไปและมันจะถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังที่เขามีต่อกลุ่มศาสตร์มีดเท่านั้น มันจะไม่มีวันลดลง!
ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ แน่นอนว่าโม่ฝานปลดปล่อยพลังของเขาออกมาอย่างเต็มที่ เช่นนี้ มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมไม่ฝานจึงไม่หนี้และไม่ปล่อยพวกมันไปโดยง่าย
แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อเหตุการณ์จบลง มันกลายเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
เป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมากที่ชายคนนั้นยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ว่าสิ่งที่เขา ทําลงไปคือการปกป้องตนเองก็จริง แต่ถ้าหากพลั้งมือเผลอไผลลงมือสังหารไปแล้วล่ะก็ สมาพันธ์นิติบัญญัติจะต้องเชิญเขาเพื่อไปดื่มชาสักแก้วที่ศาลแน่นอน!
เมื่อเริ่มต้นภาคเรียนใหม่ มีข่าวใหญ่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน
ซึ่งก็คือปีศาจโม่ฝานเกือบที่จะสังหารนักเวทธาตุลมก่อนที่จะเปิดภาคเรียนครั้งนี้
เรื่องราวเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็วราวกับไวรัส ซึ่งเหตุเช่นนี้ทําให้ชื่อเสียงของโม่ฝานที่เดิมไม่ค่อยดีนัก กลายเป็นย่ําแย่มากขึ้นอย่างเท่าทวีคูณ
แน่นอนว่าด้วยเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ฝานถูกโรงเรียนเชิญให้ไปดื่มชา นั่นเป็นเพราะนักเรียน คนนั้นกว่าที่จะฟื้นฟูสภาพร่างกายได้จําเป็นจะต้องใช้เวลามากถึงสองเดือนในการรักษา นอกจากนี้เขาจะกลับมาเป็นปกติได้มากน้อยเพียงใดไม่มีใครรู้เลย
ในภาคเรียนที่สองนี้ทุกคนล้วนแต่ต้องเตรียมตัวอย่างมากเพื่อจะก้าวเข้าสู่วิทยาเขตหลักให้ได้ ซึ่งการนอนเป็นผักสองเดือนไม่อาจทําให้นักเรียนคนนั้นสามารถฝึกฝนได้ทันเวลาแน่นอน โอกาสของเขาได้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเกี่ยวข้องกับชีวิตของนักเรียนและชะตากรรมของผู้นั้น อธิการบดีเขียวจึงจํา เป็นที่จะต้องลงมาจัดการเรื่องเหล่านี้ด้วยตนเอง
“โม่ฝาน… ทําไมเธอถึงได้ลงไม้ลงมือนักล่ะ?” อธิการบดีเชียวถามออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นอย่างเคร่งขรึม
มันไม่ใช่ว่าสถาบันไม่อนุญาตให้มีการประลองแต่อย่างใด แต่วิธีการที่ไม่ผ่านใช้นั้นเกือบจะ พรากชีวิตของนักเรียนคนหนึ่งไปโดยสมบูรณ์ เช่นนี้โรงเรียนจะต้องสอบถามถึงเรื่องราวว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โม่ฝานไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังยืนยันว่าสิ่งที่เขาทํา คือการปกป้องตนเองเท่านั้น เขาพูดในสิ่งที่จําเป็นต้องพูดและไม่ได้คิดว่าเรื่องราวจะยืดเยื้อมาก เพียงนี้
“เธอกําลังเผชิญกับปัญหาอะไรอยู่รึเปล่า?” อธิการบดีเชียวถามออกมา
โม่ผ่านไม่ได้ตอบกลับใดๆ
เรื่องราวของกลุ่มศาสตร์มืดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ผ่านคิดมันขึ้นมาด้วยตนเอง มันเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น ซึ่งการบอกกล่าวกับอธิการบดีเชียวนั้นเป็นเรื่องไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว จากนี้จงระวังตัวให้ดี ก่อนที่จะเริ่มการสอบเข้าวิทยาเขตหลัก อย่าได้กระทําเรื่องราวเช่นนี้อีกจะเป็นการดีมาก” อธิการบดีเซียวไม่ต้องการที่จะคาดคั้นใดๆจากโม่ผ่านอีกต่อไป เขาจึงอนุญาตให้เด็กชายกลับไปพักได้
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องของอธิการ โม่ฝานเดินตรงดิ่งตามเส้นทางหลักของสถาบัน แต่ทว่ากลับดูเหมือนมีเมฆดําลอยรอบตัวของเขาอย่างน่าสงสัย
โม่ฝานไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้หมายถึงอะไร แต่ทว่าหัวใจของเขากลับรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยอย่างมาก
มันเป็นเพราะฉันกําลังกลัวกลุ่มศาสตร์มีตรึเปล่านะ?
หรือว่าเพราะฉันกังวลเกี่ยวกับกลุ่มศาสตร์มีดมากไปว่าเขามีแผนอะไรที่จะจัดการกับฉันในอนาคตงั้นเหรอ?
แต่อย่างไรก็ตามความเกรงกลัวนี้ดูไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ฉันอยู่ในระดับปฐมภูมิ ฉันไม่คิดกลัวพวกมันแม้แต่น้อย แต่ทว่าในตอนนี้ฉันอยู่ในระดับมัชฌิมแล้ว ทําไมจะต้องเกรงกลัวพวกมันจนหัวใจสั่นเช่นนี้กันนะ
ใช่แล้ว ไม่ฝานไม่ได้กลัวกลุ่มศาสตร์มีดแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขากลัวก็คือการที่พวกมันจะเอาชีวิตของคนรอบตัวของเขามาต่อรองกับเขาซะมากกว่า!