จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 8
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ผู้ที่มีความทะเยอทะยานจะกลายเป็นผู้ที่น่าหวาดหวั่น ไม่อาจคาดเดาพฤติกรรม
ฉินเทียนเองก็มีความทะเยอทะยาน ทั้งยังทะเยอทะยานสูงยิ่ง
เมื่อต้องถูกหยามเหยียดนับครั้งไม่ถ้วน เยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจึงถูกสลักลึกไว้ในจิตใจของเขา ตราบเมื่อเขาคว้าโอกาสไว้ได้ เขาจะสนองคืนทุกสิ่งทุกอย่างให้สาสม
พวกมันจะไม่อาจลุกขึ้นยืนได้อีก เขาเชื่อว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว…..
ที่ลานฝึกฝีมือของตระกูลฉิน
ตั้งแต่เช้าตรู่ สถานที่แห่งนี้ก็คับคั่งไปด้วยฝูงชนนับพันของตระกูลฉิน ทั้งศิษย์สายนอกและสายใน ชนรุ่นเยาว์ทั้งหมดต่างเฝ้ารอคอยให้วันนี้มาถึง
วันนี้นับเป็นวันสำคัญของตระกูลฉิน ทั้งยังเป็นวันสำคัญของเมืองชิงเหอด้วยเช่นกัน นอกจากจะเป็นที่สนใจของผู้คนในตระกูลฉินทั้งหมดแล้ว ตระกูลอื่นๆเองก็จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เหล่าผู้เยาว์ของตระกูลฉินเหล่านี้ ในภายภาคหน้าอาจจะกลายเป็นเสาหลักของตระกูลฉิน ดังนั้นเหล่าตระกูลใหญ่ทั้งหลายจึงไม่อาจพลาดโอกาสอันสำคัญนี้ไป นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษาทำความเข้าใจทางฝั่งศัตรูเอาไว้ให้มาก
สี่ตระกูลใหญ่ของเมืองชิงเหอไม่ได้ต่อสู้ช่วงชิงเพียงระยะสั้น ทั้งสี่ตระกูลต่างไม่มีใครยอมใคร ตระกูลฉินได้ควบคุมทางเข้าของเทือกเขาคุนหลุน ซึ่งเรื่องนี้สร้างความอิจฉาตาร้อนแก่ตระกูลอื่นๆยิ่ง ทุกคนย่อมต้องการจะแบ่งชิ้นปลามันชิ้นนี้…..
ภายในลานฝึกฝีมืออันกว้างขวางของตระกูลฉินเต็มไปด้วยผู้เยาว์จากทั่วทุกสารทิศของตระกูล ทั้งหมดต่างถกเถียงกันว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะคนสุดท้ายในเทศกาลล่าสัตว์ครั้งนี้
ในเวลานี้เอง ร่างสองร่างได้ก้าวเข้ามาภายในลานฝึกฝีมือ
หนึ่งอ้วนหนึ่งผอมต่างเดินสอดรับกัน ไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป พวกเขาเดินผ่านฝูงชนเข้าไปที่แถวหน้าโดยไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใด
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างจ้องมองไปที่พวกเขาด้วยความประหลาดใจ มุมปากของฉินเทียนยกยิ้มเย็น
เย้ยหยันให้กับทุกผู้ เหยียดหยามให้กับทุกสิ่ง หยิ่งยโสและเด็ดเดี่ยว โอหังเทียมฟ้า ราวกับว่าขณะนี้ตัวเขาคือผู้ปกครองโลกใบนี้ ชีวิตทั้งสรรพสิ่งล้วนอยู่ในกำมือของเขา
ท่าทีอันหยิ่งทะนงของเขาทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบหัวเราะเยาะเย้ยและตะโกนด่าทอ
“โอ ท่านยอดฝีมือสวะมาทำอะไรหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าท่านประมุขขับไล่มันออกไปแล้วหรือ มันยังจะบากหน้ามาทำอะไรอีก?”
“เป็นเพียงเด็กรับใช้ที่เหลาฟุหลงอันต่ำต้อย เป็นสวะชั้นต่ำ มันมีคุณสมบัติเพียงพอเหยียบย่างเข้าลานฝึกฝีมือของตระกูลฉินหรือ?”
“ไสหัวออกไปไอ้สวะ ที่นี่ไม่ใช่บ่ออุจจาระที่เอ็งชอบนอน”
…………………………………
ใบหน้าของฉินเทียนยังคงสงบนิ่งเมื่อได้รับการดูถูกถากถางจากผู้คนโดยรอบ รอยยิ้มของเขายิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความรังเกียจ
เมิ่งเล่ยติดตามอยู่ด้านหลังฉินเทียนราวกับองค์รักษ์วังหลวงติดตามฮ่องเต้ ยืนหยัดกายอย่างสง่าผ่าเผย ทุกย่างก้าวหนักแน่นดุจคชสาร……
เดินทางตั้งแต่ยามเช้า ฉินทียนไม่ได้ทำกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำอย่างการกวาดพื้น เขามอบมันให้เมิ่งเล่ยทำ เพราะวันนี้เป็นวันอันสำคัญของเขา
เมิ่งเล่ยเพียงคิดอย่างเรียบง่าย วันนี้เป็นวันเทศกาลล่าสัตว์อของตระกูลฉิน ทั้งยังเป็นวันที่ฉินเทียนจะทำให้ผู้คนทั้งหมดต้องตกตะลึง
โดยไม่กลัวว่าจางต้าฟู่จะติดตามมาด่าทอถึงในลานฝึกฝีมือของตระกูลฉิน
เมิ่งเล่ยเชื่อฉินเทียนอย่างหมดหัวใจ มันกระทั่งมากขึ้นเมื่อหลิงเทียนฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ
มันสนับสนุนการกระทำทุกอย่างของฉินเทียนโดยไม่แม้แต่จะไต่ถาม
มันเชื่อว่าวันนี้จะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
ฉินเทียนก้าวเข้าหาโต๊ะลงทะเบียนและกล่าวขึ้นเบาๆ “ข้าต้องการลงทะเบียนเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์”
ผู้ที่ดูแลการลงทะเบียนนี้ผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ที่ไม่ได้มีอำนาจแท้จริงใดๆ มันเจนจัดกับงานที่น่าเบื่ออยู่แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวออกไปอย่างเรียบเฉย “เจ้าซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขั้นแรกไม่อาจเข้าร่วมเพื่อความสนุกสนานได้ การเข้าร่วมรังแต่จะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ กลับไปเสีย”
ก่อนที่ฉินเทียนจะทันได้กล่าวอะไร ท่ามกลางฝูงชนก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา อันธพาลใหญ่ของตระกูลฉิน ฉินคุนหัวเราะเยาะขึ้นมา ด้านหลังของมันติดตามด้วยเหล่าสมุนซึ่งเป็นผู้ฝึกตนขั้นที่ห้าขึ้นไป
“ไง เจ้าสวะต่ำต้อยที่เป็นเพียงเด็กรับใช้เหลาฟุหลงก็ต้องการเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ด้วยงั้นหรือ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!……”
ฉินคุนเดินมาหยุดด้านข้างฉินเทียน เดินวนสำรวจฉินเทียนรอบหนึ่ง จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “สวะเช่นเจ้ายังต้องการจะเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ด้วยหรือ นี่นับว่ารนหาที่ตายจริงๆ”
วาจาของมันได้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนโดยรอบ เสียงหัวเราะยิ่งมายิ่งดังกระหึ่ม
ทุกคนต่างทราบกันดีว่าจุดตันเถียนของฉินเทียนได้รับความเสียหาย ไม่อาจรั้งรวมพลังปราณได้อีก ไม่ต้องกล่าวถึงการทะลวงระดับจนถึงขั้นที่ห้า เพียงร่างกายอมโรคที่ทั้งผอมแห้งและแรงน้อยนี้ การเตร็ดเตร่อยู่ในเทือกเขาคุนหลุนก็ไม่ต่างไปจากการฆ่าตัวตาย
ถ้อยคำของฉินคุนไม่ได้ทำให้ฉินเทียนมีโทสะแต่อย่างใด ทว่านั่นไม่ใช่กับเมิ่งเล่ยผู้ซื่อสัตย์
มันพลันเตรียมตัวระเบิดพลังปราณเข้าทุบตีเจ้าสารเลวนี่โดยไม่สนว่าลานฝึกฝีมือแห่งนี้จะมีกฏห้ามต่อสู้กัน เมิ่งเล่ยระเบิดพลังหมัดออกไป…..
แม้ว่าฉินเทียนต้องการจะห้ามปราม มันก็สายเกินการณ์เสียแล้ว….
เมื่อฉินคุนเห็นดังนั้น มันก็พลันมีโทสะขึ้นมา “หาที่ตาย!”
มันพลันผลักฝ่ามือพุ่งเข้าหาช่วงท้องของเมิ่งเล่ย ความรวดเร็วในการลงมือนี้ยังเหนือกว่าเมิ่งเล่ยอยู่มาก
ปังงงงง!
เมิ่งเล่ยที่หนัก 200 จิน(100 กิโลกรัม)พลันลอยคว้างในหนึ่งฝ่ามือจากฉินคุน ร่างของมันร่วงลงกระแทกพื้นเสียงดังสนั่น
เมิ่งเล่ยแสดงสีหน้าที่ดูเจ็บปวดออกมา ทว่ามันกลับไม่ยอมแพ้ ทะยานขึ้นจากพื้นต่อยหมัดลวงตาออกไปด้วยคลื่นพลังปราณที่ราวกับรุนแรงราวกับพายุ…….
“ช่างไม่ประมาณตน!”
ฉินคุนแค่นเสียงเย้ยหยัน ฝุ่นผงพัดปลิวขึ้นจากฝ่าเท้าจากการระเบิดพลังปราณออกมา สภาวะของเมันเต็มไปด้วยความลำพอง ราวกับกำลังเหยียบศีรษะของผู้คนนับหมื่นเอาไว้
ฉินเทียนเกิดความวิตกขึ้นมา “นี่ไม่ดีแน่”
เมิ่งเล่ยเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นที่สาม แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่คู่มือของฉินคุน ความแข็งแกร่งของฉินคุนตอนนี้รั้งอยู่ที่ระดับสูงสุดของผู้ฝึกตนขั้นที่เจ็ด การรีดพลังปราณออกมาเล็กน้อยก็เพียงพอจะฆ่าเมิ่งเล่ยทิ้งได้สบาย
ภายในลานฝึกฝีมือแห่งนี้ ผู้ที่เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนนับเป็นฝ่ายผิด ต่อให้ตกตายขึ้นมาก็เป็นเรื่องชอบด้วยเหตุผล
ทันใดนั้นขาข้างหนึ่งของฉินเทียนก็พลันระเบิดพลังปราณออกมา มันสง่างามราวกับมังกรบินฝ่าชั้นฟ้าปรากฏขึ้นวูบหนึ่งก่อนหายไป เพียงพริบตาร่างของเมิ่งเล่ยก็ถูกเขาคว้าเอาไว้ได้
“เจ้าอ้วนสงบสติอารมณ์ลงก่อน”
“นายน้อย ข้ายืนไม่ไหว”
“เดี๋ยวข้าช่วยพยุง”
เมื่อเห็นฉินเทียนกำลังพยุงร่างของเมิ่งเล่ยเอาไว้ โทสะของฉินคุนพลันปะทุขึ้น พร้อมกับการแสดงสีหน้าอันเกรี้ยวกราด มันพลันพุ่งเข้าจู่โจมใส่ฉินเทียนจากทางด้านหลัง
ในเวลานั้นเอง ฉินเทียนหันกลับมาประจัญหน้ากับฉินคุนเมื่อรับรู้ถึงลมสายหนึ่งที่แผ่พุ่งมาจากทางด้านหลัง เขาหัวเราะขึ้นในใจอย่างชั่วร้าย “ข้ากำลังรอเวลานี้เอง”
การสังหารผู้ที่โจมตีเข้ามาก่อนย่อมไม่เป็นปัญหา กระทั่งตัวผู้นำตระกูลก็ไม่อาจกล่าวตำหนิอะไรเขาได้
เมื่อเริ่มใช้เคล็ดวิชาจากคัมภีร์มังกรฟ้าออกมา เสียงที่ราวกับหมื่นคชสารเหยียบย่ำพลันดังขึ้นภายในร่างกายของเขา แขนทั้งสองข้างของเขาต่างเต็มไปด้วยพลังอันกล้าแข็ง ฉินเทียนค่อยๆหันกลับไป ความพึงพอใจพลันปรากฏออกมาขณะที่จ้องมองฉินคุน มุมปากเผยให้เห็นรอยยิ้มมัจจุราช…..
ฉินคุนพลันรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมา แววตาของฉินเทียนทำให้มันสั่นสะท้านด้วยความกลัว แต่นั่นยิ่งทำให้มันโกรธแค้นยิ่งขึ้น
“พยัคฆ์ทะยาน”
เสียงคำรามที่หิวกระหายของพยัคฆ์พลันดังออกมาจากร่างของมัน
ผู้คนครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นตกตะลึง มองดูร่างที่นิ่งติงไม่ขยับเคลื่อนไหวของฉินเทียน พวกมันจึงกล่าวเยาะเย้ย “สวะก็ยังคงเป็นได้แค่สวะ หวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ฮ่าฮ่า”
“ครั้งนี้ร่างของมันต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆ”
ความรวดเร็วนี้ มนุษย์ย่อมมองไม่ทันด้วยตาเปล่า……
ทุกคนต่างคิดว่าฉินเทียนกลัวจนไม่กล้าขยับเคลื่อนไหว หากแต่ในความจริง เขาเคลื่อนไหวไปแล้ว ทว่ามันรวดเร็วเกินกว่าสายตาของมนุษย์ทั่วไปจะจับจ้องมองทัน
หลังจากฝึกคัมภีร์มังกรฟ้ามาตลอดสองเดือน ความเร็วของฉินเทียนกลายเป็นเหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวสามเท่า นี่คือความเร็วของเขาในสภาวะปัจจุบัน
ความรวดเร็วของเขาในปัจจุบันเรียกได้ว่าน่าพรั่นพรึงแล้ว และหากว่าเขาฝึกฝนมันได้จนสมบูรณ์ นั่นจะน่ากลัวถึงเพียงไหน?
ตู้มมมมมมมมมม!
ฝุ่นผงกระจายคละคลุ้ง ฝูงชนเริ่มสับสนเมื่อไม่อาจมองเห็นได้ชัดตา ทว่าพวกมันทั้งหมดย่อมคิดว่าฉินเทียนคงร่างแหลกเป็นจุลไปแล้ว
ผู้ฝึกตนขั้นแรกยังจะเป็นคู่มือของผู้ฝึกตนขั้นที่เจ็ดได้หรือ?
นั่นมันเป็นไปไม่ได้
ฉินเทียนเรียกเก็บพลังกลับไปในขณะที่เศษฝุ่นผงเริ่มจางลง ฉินคุนกระอักโลหิตออกมา ดวงตาของมันเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง ที่ช่องท้องของมันมีหลุมเลือดอยู่หลุมหนึ่ง แสดงให้เห็นว่ามันได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงเข้าไป
ตุบ!
ฉินคุนรู้สึกแข้งขาอ่อน คุกเข่าลงเบื้องหน้าฉินเทียนด้วยสายตาว่างเปล่า…..
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame