จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 10
ติดตามผู้แปลได้ที่ Lazy Meow นิยายแปล
ตอนเล่นเกมแล้วต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มันทำให้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียจริงๆ
วิ่งเข้าใส่บอสโดยไม่มีพลังชีวิต ไม่มีค่าสเตมินา ไม่มีมานา
ไม่มีอะไรเจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีกแล้ว ฉินเทียนกำลังรู้สึกแย่ อยู่ๆบอสก็ปรากฏตัวออกมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นบอสร่างมนุษย์ นี่จะให้เขาทำอย่างไร!
เผชิญหน้ากับฉินเซี่ยงเทียนที่มีรัศมีสีทองอันเจิดจ้าอยู่รอบกายแล้ว ฉินเทียนยิ่งรู้สึกหดหู่ นี่ราวกับกำลังเผชิญหน้ากับน้องสาวคนงามที่กำลังถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นเพื่อยั่วยวนเขา
แม้จะรู้สึกว่าน่าตื่นเต้นอย่างมาก แต่ความยากของการเผชิญหน้าก็เป็นของจริง
ไม่มีค่าพลังปราณก็ไม่อาจใช้เคล็ดมังกรฟ้าได้ หรือต่อให้ฝืนใช้ไปก็ยังไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย หลังจากใช้ท่าใหญ่ไป ร่างกายของเขาก็แทบจะขยับไม่ไหว พลังปราณและโลหิตภายในกายถูกเผาผลาญไป ค่าพลังชีวิตของเขาก็เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
ผู้คนต่างไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่เขาขณะกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูยอดฝีมือแล้วยังหัวเราะได้อยู่
เป็นไปได้หรือไม่ว่าพลังปราณจากมือยักษ์เมื่อครู่จะทำให้มันบาดเจ็บจนเสียสติไป?
ฉินเซี่ยงเทียนไม่ได้ใส่ใจมากนัก จากที่ก้าวเท้าอย่างปลอดโปร่งพลันเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เหลือบมองบุตรชายของมันที่สลบไสลอยู่บนพื้นแล้ว ความโกรธของมันพลันปะทุขึ้นอีกครา มันต้องการจะทุบตีฉินเทียนให้กลายเป็นศพไป
ฉินเทียนมองฉินเซี่ยงเทียนที่กำลังเดินตรงเข้ามาหาเขาโดยปราศจากท่าทีกลัวเกรงแล้ว เขาต้องอุทานขึ้นในใจ “สมกับเป็นบอสจริงๆ เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนด้วย”
“รอก่อนเถอะ ดูว่าบิดาผู้นี้จะระเบิดเจ้าเป็นชิ้นๆได้หรือไม่”
“ค่าประสบการณ์ที่ได้จากบอสจะต้องมากมายมหาศาล….”
“บางทีอาจจะเป็นหลายเท่าเลย….โอ้..”
ฉินเทียนเสียสติไปแล้วหรือ?
ทุกคนที่อยู่ภายในลานฝึกยกเว้นเมิ่งเล่ยต่างคิดว่าฉินเทียนเสียสติไปแล้วจริงๆ
หากยังไม่หลบหนีอีก เขาจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของฉินเซี่ยงเทียน
“นายน้อย…….” เมิ่งเล่ยค่อนข้างกังวลขณะฝืนบังคับร่างกายมุ่งไปหาฉินเทียน ทว่าความเร็วของมันจะเทียบกับความเร็วของผู้ที่อยู่ในระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณได้อย่างไร?
แต่แน่นอนว่าความเร็วของผู้ที่อยู่ในระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณหรือจะเทียบได้กับความเร็วของผู้ที่อยู่ในชั้นจิตพิสุทธิ์
ท่ามกลางฝูงชนพลันมีเงาร่างพุ่งออกมา ทิ้งไว้เพียงภาพติดตาไว้ที่ด้านหลัง
“หยุดมือ!”
ตัวคนยังมาไม่ถึง ทว่าเสียงกลับมาถึงก่อนแล้ว
บุรุษผู้สวมชุดยาวสีดำ คิ้วทั้งสองคมเข้มเป็นเส้นตรง ร่างกายเปล่งรัศมีจางๆออกมา ร่างนั้นร่อนลงมาบนพื้นก่อให้เกิดคลื่นพลังปราณแผ่ออกเป็นชั้นๆ คลื่นพลังปราณที่ปล่อยออกมาเมื่อเข้าปะทะกับพลังปราณของฉินเซี่ยงเทียน พลังปราณของฉินเซี่ยงเทียนก็พลันสลายไป
ฉินเซี่ยงเทียนยืนเชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนงอยู่ที่เบื้องหน้าฉินเทียนที่กำลังกำมือด้านหลังเอาไว้แนบแน่น
ประมุขตระกูลฉิน ฉินซานเทียนมาถึงแล้ว
“ขอบเขตชั้นจิตพิสุทธิ์ช่างทรงพลังอย่างแท้จริง ช่องว่างของระดับก็กว้างนัก จำต้องมีทั้งความพยายามและพรสวรรค์อันยอดเยี่ยม”
ฉินซานเทียนให้ความรู้สึกที่ไม่อาจหยั่งถึงออกมา แสงที่ปลดปล่อยออกจากร่างของมันสามารถสลายพลังปราณอันรุนแรงของฉินเซี่ยงเทียนได้ในชั่วลมหายใจ นี่แน่นอนว่าผู้คนทั่วไปย่อมไม่อาจกระทำได้
ยอดฝีมือลำดับหนึ่งของตระกูลฉินช่างแข็งแกร่งจนผิดสามัญสำนึก
ฉินเซี่ยงเทียนพลันรู้สึกหวั่งเกรงในใจ “มันทะลวงผ่านไปชั้นจิตพิสุทธิ์ได้แล้ว!”
มันตกตะลึงอย่างหนักขณะมองดูแสงที่เปล่งออกมาจากร่างของฉินซานเทียน นี่คือสัญลักษณ์ของชั้นจิตพิสุทธิ์ อัจฉริยะในรอบร้อยปีของตระกูลฉิน ใครจะคิดเล่าว่าชายผู้ยังมีอายุไม่ถึงสี่สิบปีผู้นี้จะสามารถบรรลุชั้นจิตพิสุทธิ์ได้แล้ว เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง
“คารวะท่านประมุข”
ศิษย์หลายร้อยคนภายในลานฝึกฝีมือต่างโค้งตัวคำนับและตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง สำหรับพวกมันแล้ว ประมุขตระกูลผู้นี้มีฐานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้า มันสามารถสลายพลังปราณของระดับสุดยอดชั้นจิตวิญญาณได้เพียงใช้ความคิด ความแข็งแกร่งที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ย่อมควรค่าต่อการเคารพเทิดทูน
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
ฉินซานเทียนหัวเราะน้อยๆอย่างเป็นกันเองและเหลือบมองไปที่ฉินคุนซึ่งนอนอยู่บนพื้น มันเดินตรงเข้าหาก่อนจะประคองร่างของฉินคุนขึ้นมา พลังปราณอันอ่อนโยนถูกถ่ายทอดไปยังแผ่นหลังของฉินคุนอย่างช้าๆ กระแสพลังปราณค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในร่างของฉินคุน ใบหน้าที่เดิมทีซีดเผือดเริ่มค่อยๆมีสีเลือดดวงตาของฉินคุนค่อยๆเปิดขึ้น
“หึหึ ตอนนี้ก็เรียบร้อยแล้ว” ฉินซานเทียนประคองฉินคุนลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มันหยิบขวดยาออกมาเทเม็ดยาและยื่นให้ฉินเซี่ยงเทียน “นี่เป็นยาฟื้นฟูสามเม็ด เอาให้มันกิน ร่างกายของมันสมควรดีขึ้น”
ฉินเซี่ยงเทียนก้มศีรษะลงเล็กน้อย มันลอบชำเลืองฉินเทียนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลและกำหมัดแนบแน่น
“เม็ดยาหยางเฉิง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเม็ดยาหยางเฉิง!”
“นั่นเป็นเม็ดยาอมตะระดับสามเลยนะ”
“ท่านประมุขตระกูลช่างจิตใจกว้างขวางนัก”
ฉินคุนดีขึ้นบ้างแล้ว แต่จิตวิญญาณของมันยังไม่ค่อยดีขึ้นนัก กระนั้นใบหน้าของมันก็เปี่ยมไปด้วยโทสะขณะจ้องมองไปที่ฉินเทียน มันกล่าวออกมาอย่างดุร้าย “บิดาผู้นี้จะไม่ให้อภัยเจ้า”
“อวดดีจริงๆ” ฉินเทียนสวนกลับ
ประมุขตระกูลที่อยู่ใกล้ๆยังเกือบจะควบคุมตนเองไว้ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าฉินคุนโง่เขลาเกินไปหรือเคยชินกับความเอาแต่ใจเกินไปกันแน่
ฉินซานเทียนรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้ทำอย่างไรเพียงขมวดคิ้ว
การแสดงออกเล็กน้อยนี้ย่อมไม่รอดพ้นสายตาของฉินเซี่ยงเทียน มันรีบกล่าวขออภัยออกมา “บุตรชายของข้าไร้มารยาท ขอท่านประมุขโปรดให้อภัย”
ฉินซานเทียนโบกมือน้อยๆ กล่าวแผ่วเบา “พามันกลับไปฟื้นฟูเถอะ ข้าหวังว่ามันจะยังสามารถเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์ได้”
“ขอรับ”
แม้ฉินคุนจะยังโมโหแต่มันก็ไม่กล้าลงมือ มันเพียงแค่จ้องฉินเทียนอย่างอาฆาตแค้น เมื่อคิดว่าสวะผู้นี้ทำให้มันต้องขายหน้าต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว ความเกลียดชังของมันยิ่งฝังลึกเข้ากระดูกดำ
ฉินซานเทียนกวาดสายตามองดูฉินเทียนครู่หนึ่ง ฉินเทียนลอบคิดขึ้นในใจ อิทธิพลของฉินเซี่ยงเทียนภายในตระกูลฉินมีไม่น้อยเลยจริงๆ ดูเหมือนว่ามันเพียงเกรงใจประมุขตระกูลส่วนหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นถึงฐานะของมันภายในตระกูล
แม้ว่าในใจของฉินซานเทียนจะไม่เข้าใจว่าฉินเทียนทำได้อย่างไร หากแต่ตอนนี้มันก็ไม่กล่าวอะไร ฉินเทียนเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนขั้นที่หก ‘กุ้งฝอย’ ตัวนี้สามารถปกป้องตัวเองได้ก็นับว่าโชคดีอย่างยิ่งแล้ว
หากเมื่อครู่ฉินซานเทียนไม่ปรากฏตัวออกมาล่ะก็ แน่นอนว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คงต้องจบชีวิตลง
ในเรื่องความหยิ่งยโส ฉินเทียนยังไม่อาจเทียบได้กับฉินเซี่ยงเทียน
ฉินเซี่ยงเทียนพยุงฉินคุนจากไปไกลแล้ว ฉินซานเทียนยิ้มเล็กน้อย มันเดินเข้าไปหาฉินเทียนจากนั้นจึงหยิบขวดยาหยางเฉิงออกมาและกล่าวว่า “มีเม็ดยาหยางเฉิงอยู่สิบเม็ด เก็บมันไว้ให้ดี ใช้มันเพื่อฟื้นฟูร่างกายให้พร้อมเข้าร่วมเทศกาลล่าสัตว์”
ฉินเทียนประหลาดใจ “เม็ดยาหยางเฉิงสิบเม็ด กระทั่งศิษย์สายในปีหนึ่งยังได้รับไม่ถึงสิบเม็ด ผู้นำตระกูลช่างใจกว้างจริงๆ”
โดยไม่คิดมาก เขารับขวดยาหยางเฉิงและเก็บเข้าไปในอกเสื้อ
ของฟรีทั้งที จะไม่รับไว้ก็กระไรอยู่
นอกจากนี้เขายังต้องใช้ยาเพื่อเติมค่าพลังปราณของเขา เมื่อได้อ่านคุณสมบัติของเม็ดยาหยางเฉิง เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย
——————————————
เม็ดยาหยางเฉิง
ระดับ: ระดับสาม
ผล: ชำระล้างจิตใจ ฟื้นฟูพละกำลัง รักษาอาการบาดเจ็บ
ค่าพลังชีวิต: 500 จุด
พลังปราณ: 300 จุด
ค่าการรอดชีวิต: 50 จุด
——————————————
เมื่อเทียบคุณสมบัติกับเม็ดยามังกรพยัคฆ์แล้ว เม็ดยาหยางเฉิงยังแย่กว่า ฉินเทียนคิดว่าเม็ดยามังกรพยัคฆ์ของสำนักเทียนจี๋ควรเก็บเอาไว้ก่อน ผลของมันรุนแรงเกินไปสำหรับเขา
ฉินเทียนรู้ยินดีที่ยังไม่ต้องใช้เม็ดยามังกรพยัคฆ์
เพียงแต่เขายังไม่เข้าใจความสำคัญของเม็ดยาบ่มเพาะ เม็ดยาระดับต่ำมักจะให้ผลที่ต่ำ เม็ดยาระดับสูงนั้นเป็นของหายาก เม็ดยาหยางเฉิงที่ฉินเทียนได้มาหากว่าต้องการซื้อหาแล้วก็ต้องจ่ายอย่างต่ำ 1,000 เหรียญเงิน นอกจากนี้มันยังหาซื้อได้ยาก
มีผู้ฝึกตนอยู่นับไม่ถ้วนภายในทวีปเทียนหยวน ผู้ฝึกตนอัจฉริยะนั้นมีมากมาย ทว่านักปรุงยานั้นหาได้ยาก
เพียงเป็นนักปรุงยาระดับต่ำก็จะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลแล้ว ซึ่งหากว่าเป็นนักปรุงยาระดับสูง ตระกูลใหญ่ต่างๆก็จะยื้อแย่งตัว ได้รับทั้งชื่อเสียงและความเคารพจากผู้คน
ตระกูลฉินเพียงมีนักปรุงยาระดับต่ำ ฉินซานเทียนได้กลายเป็นผู้นำตระกูลตั้งแต่ยังหนุ่มก็เพราะน้องสาวของมันฉินเพ่ยซึ่งเป็นนักปรุงยาของตระกูล
“ขอบคุณท่านประมุข” ฉินเทียนกล่าวขอบคุณพร้อมโค้งตัวคำนับ
ฉินซานเทียนยิ้มแล้วกล่าวว่า “วันพรุ่งนี้ก็ย้ายกลับมาที่ตระกูลเถอะ มันจะสะดวกกว่าในการฝึกฝน”
ฉินเทียนทราบอยู่แล้วว่าฉินซานเทียนจะต้องมาไม้นี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่สุนัขของตระกูลฉิน ที่จะไล่ก็ไป เรียกหาก็มา
เพียงยาหยางเฉิงสิบเม็ดนี้ก็คิดซื้อตัวเขาแล้ว?
ราคาที่เสนอมามันต่ำไป!
ฉินเทียนไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรกับตระกูลฉิน รวมทั้งผู้นำตระกูลอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อตอนที่จุดตันเถียนของเขาเสียหาย ความเป็นอยู่และการปฏิบัติที่ได้รับในตอนนั้นไม่ต่างไปจากนักโทษ ทุกคนต่างหลบลี้หนีห่างราวกับเขาเป็นตัวแพร่เชื้อโรค ไม่เว้นแม้แต่พวกบ่าวรับใช้ ตอนนั้นฉินซานเทียนเคยกล่าวช่วยเหลือเขาสักครึ่งประโยคหรือ? ก็ไม่
ในเวลานั้นเขาต้องถูกเจตนาชั่วร้ายของฉินเซี่ยงเทียนจัดการด้วยกระดาษเพียงแผ่นเดียว กระดาษคำสั่งที่ขับไล่เขาออกจากตระกูลฉิน เขาต้องกลายเป็นเด็กรับใช้อันต่ำต้อยของเหลาอาหารฟุหลง กระทั่งอาหารยังไม่ครบสามมื้อ เสื้อผ้าก็เก่าขาด ห้องนอนที่แทบไม่ต่างไปจากเล้าหมู ในตอนนั้นฉินซานเทียนเคยขัดขวางหรือประณามผู้ใดหรือ?
ฉินเทียนไม่ใช่คนโง่ ไม่ใช่เพียงเพราะได้รับความโปรดปรานเล็กน้อยก็จะหลั่งน้ำตาด้วยความกตัญญู ต้องอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกับบอสที่หาโอกาศจะฆ่าเขาอยู่ทุกเมื่อเช่นนั้น เขายังจะมีความปลอดภัยอีกหรือ?
เหตุผลที่เขาเปิดเผยความแข็งแกร่งก็เพื่อหาที่พักพิงเพื่อให้เขามีเวลาฝึกฝนให้แข็งแกร่งเพียงพอ
แต่เขาไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉิน
อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เขาก็ไม่ต้องการกลับตระกูลฉิน ขอเวลาอีกสามปี เหยียบย่างเข้าสู่ตระกูลโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาลูกไม้ใดๆ ถึงตอนนั้นมันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งทันที
อีกสามปีฉินเทียนก็จะมีอายุ 18 ปี ถึงเกณฑ์ประเมินครั้งสุดท้ายของตระกูลฉิน…
YOU MAY ALSO LIKE
Tips: Lorem ipsum dolor sit amet, consectetur adipisicing elit, sed do eiusmod tempor incididunt ut labore et dolore magna aliqua. Ut enim ad minim veniam, quis nostrud exercitation ullamco laboris nisi ut aliquip ex ea commodo consequat. Duis aulores eos qui ratione voluptatem sequi nesciunt. Neque porro quisquam est, qui dolorem ipsum quia dolor sit ame