เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 734
ตอนที่ 734 ชายหนุ่มและชายชรา(ตอนปลาย)
“ผมได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่าคงเป็นเพราะอุบัติเหตุจากถ้ําถล่ม” หลินหยางตอบกลับ แน่นอนว่าเป็นสาวน้อยผิงอันที่เป็นล่ามแปลภาษาให้พวกมันทั้งสองสามารถสื่อสารกันได้อย่างคล่องแคล่วละนะ ที่จริงหลินหยางก็พอจะฟังคํากล่าวของเทพโอสถรายนี้ออกเป็นบางคํา แต่ส่วนใหญ่มันยากจะจับใจความเพราะชายชรารายนี้มันพูดเร็วเกินไปนั่นเอง
“อืม…การต่อสู้คงหมายถึงปะทะกับสัตว์อสูรมาสินะ ส่วนถ้ําถล่มนี่อะไร ในป่าอสูรไม่มีถ้ําอะไรนั่นสักหน่อย?” ชายชราคิดในใจชําเลืองตามองหลินหยางคล้ายกําลังจับพิรุธ
“แล้วเจ้ามาจากที่ไหน? พรรคพวกของเจ้าอยู่ไหนหมดเหตุใดพวกเราจึงพบเจ้าแค่เพียงลําพัง? แล้วมาอยู่ที่นี้ได้ยังไง?” ชายชรายิงคําถามอย่างต่อเนื่องกล่าวถามความเป็นมาของชายหนุ่มที่เป็นปริศนาน่าสงสัยอย่างยิ่ง หากเป็นไปตามปกติแล้วบุคคลไม่ทราบหัวนอนปลายเท้าเช่นนี้คงไม่จําเป็นต้องถึงมือของเทพโอสถมหา แพทย์อันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจต้องลดตัวมารักษามันด้วยตนเอง
แต่ชายผู้นี้มันน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะความลึกลับน่าค้นหา อย่างชีพจรที่เต้นผิดปกติแปรปรวนระบุไม่แน่ชัดว่าเป็นมนุษย์ อสูรหรือเผ่าปีศาจกันแน่ ซึ่งเรื่องนี้มันได้ตรวจซ้ําหลายรอบเลยทีเดียวและเมื่อคนไข้ลึกลับรายนี้ตื่นขึ้นยิ่งมีเรื่องน่าประหลาดใจเพิ่มอีก เมื่อภาษาที่มันใช้นั้นแปลกประหลาดยิ่ง ซึ่งปกติแล้วภาษาปีศาจล้วนใกล้เคียงสามารถฟังออกอย่างเช่นเผ่าปีศาจที่อาศัยอยู่ทางเหนือและทางใต้ที่มีศัพท์เฉพาะของตนเอง แต่กระนั้นก็ยังพอฟังออกแปลหรือจับใจความได้บ้างเป็นบางคํา แต่ภาษาที่มันใช้ไม่มีความคล้ายคลึงของกันเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าฟังไม่ออกแม้แต่คําเดียว
“มาจากไหนที่…ประเทศจีน” หลินหยางตอบกลับโดยใช้เวลาครุ่นคิดครู่นึ่ง ในความคิดของมันตอนนี้ยังคงปักใจเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมว่าตนยังอยู่ในทุ่งหญ้ากว้างไกลพื้นที่ราบเขียวชอุ่มในสถานที่ที่เรียกว่าสวรรค์ แต่มันก็มิทราบจะบอกเช่นไรว่าตนเองนั้นอยู่ตรงส่วนไหนในสวรรค์แห่งนี้
“ประเทศจีน?” สาวน้อยผิงอันทวนคํากล่าวของหลินหยางด้วยใบหน้ามึนงงนี่เป็นศัพท์ใหม่ที่เธอมิเคยได้ยิน และไม่ทราบคําแปลอีกด้วย
“อืม สาธารณรัฐประชาชนจีน” ชายหนุ่มกล่าวยืนยัน
สาวน้อยผิงอันหน้ามุ่ยใช้สมองครุ่นคิดหาคําแปลที่ตรงกับภาษาปีศาจของตนมาเปรียบเทียบ
“จงกั่ว…ใช่แล้วต้องเป็นแถบพื้นที่ทางตะวันออกแน่เลยท่านปู่” สาวน้อยครุ่นคิดภายในใจในที่สุดก็เจอคําศัพท์ที่ใกล้เคียงและไม่รอช้ทําหน้าที่ล่ามแปลภาษาบอกต่อให้แก่ชายชรา
“พี่หลินหยางเขาบอกว่า เขาได้นํานักรบกลุ่มหนึ่งไปสู้กับอสูรภายในถ้ําน่ะ” สาวน้อย
“โช่ นี่เจ้าเองก็เป็นนักรบงั้นรี” เฒ่าโอสถ
“หม…พี่หลินหยางเขาบอกว่า….”
ระหว่างการรักษาชายชราปล่อยคําถามยิงความสงสัยไปอย่างต่อเนื่องและสาวน้อยก็ทําหน้าที่แปลบทสนทนาอย่างไม่ลดละ แต่ด้วยคําภาษาที่ต่างกันและเธอยังมิได้เรียนรู้ศัพท์ยากคําแปลก ทําให้ข้อความของหลินหยางได้ผิดเพี้ยนไปบ้างเล็กน้อ-ไม่สิมากเลยล่ะ….
ชายชราคอยสืบเรียบเคียงถามข้อมูลไปเรื่อยๆ โดยที่หลินหยางก็ตอบไปตามจริงไม่ปิดบัง ใช้เวลาร่วมสามสิบนาที ในที่สุดการตรวจสภาพร่างกายโดยศาสตร์การแพทย์พื้นบ้านที่ไม่มีเครื่องมือทันสมัยก็เสร็จสิ้น โดยที่หลินหยางได้เปลี่ยนผ้าพันแผลชุดใหม่และแขนขาได้รับผ้าพันแผลชนิดแข็งมาห่อหุ้มป้องกันการกระทบกระแทกทําหน้าที่ไม่ต่างจากเผือก
“เอาล่ะ ข้าคิดว่าอีกสองถึงสามวันเจ้าก็คงลุกจากเตียงได้แล้วล่ะ แต่ช่วงนี้เจ้าอย่าพึ่งขยับตัวมากนัก ส่วนอันเอ๋อร์เจ้าเอาสูตรยานี้ไปให้เหล่าหู ต้มให้ชายคนนี้ดื่มทุกๆสามชั่วโมง” ชายชรากล่าว
“ท่านปู่จะไปแล้วหรือ? ถ้าอย่างงั้นพาข้าไปด้วยสิ” สาวน้อยกล่าวด้วยน้ําเสียงออดอ้อน
“อย่าซุกซนนักสิ เจ้าก็รู้สถานการณ์ภายนอกมันอันตรายแค่ไหน ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเท่าที่นี่อีกแล้ว เจ้าก็อยู่ศึกษาตําราแพทย์ที่นี่นั่นแหละ”
ทําหน้าที่เสร็จสรรพเทพโอสถก็จากลา แน่นอนว่าในสถานการณ์วุ่นวายเช่นนี้มันย่อมไม่อยู่นิ่งเฉยไปทํา หน้าที่ของอดีตจักรพรรดิและหน้าที่ของแพทย์อันดับหนึ่ง ซึ่งก็ตั้งแต่เมื่อคืนวานมาแล้วที่มันมิได้หลับนอนหลังจากรักษาหลินหยางเสร็จสรรพ เช้ามาก็ได้รับข่าวใหญ่สะเทือนโลกตั้งแต่นั้นมามันก็วิ่งวุ่นไปนั้นมานี่ สั่งการหน่วยแพทย์ เข้าร่วมประชุมระดับผู้นําไม่มีเวลาให้หยุดพักเลยทีเดียว
มิใช่มันเท่านั้นที่อดหลับอดนอน เชื่อว่าหลากหลายชีวิตหลักสิบล้านที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงปีศาจก็มิได้นอนหลับฝันดีเช่นกัน
หน้าเมืองหลวงปีศาจ
กลุ่มนักรบพฤกษาตอนนี้มีจํานวนทั้งหมดกว่าสองล้านนายจากกําลังรบหลักที่นํามาโดยผู้นําแห่งเมืองเซียนลุ่ยบิดาของอี้เหมย คําสั่งที่ได้รับมอบหมายหน้าที่จากแม่ทัพใหญ่จ่อหมิงตอนนี้ นักรบพฤกษามีหน้าที่รักษาความปลอดภัยรับผิดชอบในการป้องกันการโจมตีของศัตรู
ซึ่งอี้เหมยก็กําลังทําหน้าที่นั้นอยู่ นักรบพฤกษาทั้งหมดประทับฝ่ามือลงบนพื้นถ่ายทอดพลังพฤกษาสู่ธรณีมองไปยังป่าอสูรเห็นการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวานอย่างมาก ต้นไม่ใบหญ้าเขียวเข้มชุกชุมเถาวัลย์พิษที่มีหนามเลื้อยเกาะเป็นกาฝากจนแทบไม่มีถนนหนทางเดิน
กําแพงเมือง
ปราการด่านสุดภายของเผ่าพันธุ์
เหนือประตูเมืองเป็นจุดรวมพลของเหล่าผู้มีสิทธิ์สั่งการกองทัพมารวมกันอยู่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือจื่อหมิงอ่อง และผู้ปกครองเมืองทั้งหลายคอยออกคําสั่งจัดการขบวนทัพ
ตรงตําแหน่งนี้เป็นสถานที่ที่สูงที่สุดในเมืองหลวงปีศาจสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบได้กว้างไกล มองเห็นกองทัพเผ่าปีศาจนับสิบล้านที่ตั้งขบวนสร้างฐานทัพมาไกลสุดลูกหูลูกตาและมองเห็นป่าอสูรอยู่ลางๆ
และการที่เหล่าทหารได้มองเห็นผู้บังคับบัญชาของตนในสายเช่นนี้ย่อมมีขวัญกําลังใจเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย
การจัดตําแหน่งทัพนับเป็นเรื่องสําคัญอย่างสิ่งทว่าการจะจัดการความเป็นระเบียบของกําลังพลขนาดใหญ่นับร้อยทัพนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะสามารถสําเร็จได้ในเวลาอันสั้น นี่ยังไม่รวมถึงเหล่านักรบที่ยังไม่ได้ตบเท้าออกมาร่วมขบวนด้วยอีกกว่าห้าถึงหกร้อยทัพซึ่งนั่นก็คือจํานวนอีกห้าสิบหกสิบล้านนายละนะ
หลังจากการประชุมมาครึ่งค่อนคืน พวกมันก็ได้บทสรุปสําหรับแผนการที่จัดเตรียมเอาไว้ทั้งแผนหลัก แผนสํารองและแผนรับมือสําหรับสถานการณ์ฉุกเฉินรวมทั้งหมดกว่ายี่สิบแบบแผน ให้สามารถเลือกใช้ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ แต่เกือบทุกแผนของพวกมันใช้สําหรับเพื่อเป็นฝ่ายตั้งรับเท่านั้น
เรียกได้ว่าพวกมันแทบไม่มีแผนการสําหรับการรุกเป็นฝ่ายบุกเลย มิใช่เพราะพวกมันโง่งมคิดไม่ออก แต่เป็นเพราะพวกมันเลือกที่จะไม่คิดและไม่ใช้กลยุทธ์ที่ทําให้ตนเองตกเป็นรองต่างหาก มิลืมว่าเผ่าปีศาจนั้นมีทั้งสายพันธ์ที่บินเคลื่อนที่บนอากาศได้และส่วนใหญ่แล้วก็มีพวกที่ไม่มีร่างกายพิเศษไม่มีปีกงอกไม่มีพลังพิศดารที่ช่วยให้ตนเคลื่อนไหวบนท้องนภาได้อยู่
หากพวกมันเป็นฝ่ายรุกแน่นอนว่าต้องฝ่าเข้าไปในป่าอสูรป่าปีศาจที่มีแต่ป่าไม่รกทึบเถาวัลย์สิ่งกีดขวาง ทําให้การเคลื่อนทัพเป็นไปอย่างยากลําบาก แต่กลับกันหากศัตรูเป็นฝ่ายบุกเข้ามาพวกมันก็ต้องตกอยู่ในความลําบากเช่นกัน
หรือถ้าหากพวกมันหัวหมอใช้วิธีการทําลายป่าล้มต้นไม้เพื่อสร้างถนนหนทางหรือมีสัตว์อสูรที่ครอบครองพลังที่มีคุณสมบัติการโจมตีเป็นวงกว้างสามารถทําลายป่าอสูรลงได้ แน่นอนพวกมันย่อมเสียกําลังไปเพื่อการนั้น ไม่น้อยและถ้ามันทําจริงฝ่ายตนก็มีแผนไว้รอรับมือเป็นที่เรียบร้อยโดยใช้นักรบจากเมืองเซียนลุ่ยใช้พลังควบคุมพฤกษาให้เจริญเติบโต เพื่อเพิ่มอุปสรรคให้แก่พวกมันไปเรื่อยๆลดทอนกําลังที่ละนิดทีละน้อย กว่าพวกมันจะมาถึงชายแดนฝั่งปีศาจก็คงหอบแฮ่กสิ้นเรี่ยวแรงเกือบทั้งหมด