เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 733
ตอนที่ 733 ชายหนุ่มและชายชรา(ตอนต้น)
เช้าตรู่ หลินหยางสลึมสลือตื่นขึ้นมาเป็นรายแรกเมื่อมันได้ยินเสียงสนทนาแว่วมารําไรจากภายนอก
มันสอดส่องดวงตามองภายในห้องที่ยังไม่คุ้นชินนี้ก่อนจะพบร่างของเด็กสาวนอนคดตัวกอดหมอนหนุนกําลังหลับลึกฝันหวานโดยมีคราบน้ําลายย้อยตรงมุมปาก เห็นภาพสาวน้อยอันน่าเอ็นดูเช่นนี้ในยามตื่นนอนมันช่างเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดียิ่ง
ก่อนที่จะสํารวจร่างกายของตนตรวจหาความผิดปกติและการเปลี่ยนแปลงของการรักษานั่นก็ทําให้ชายหนุ่มมีเรื่องประหลาดใจตั้งแต่เช้าเลยทีเดียวร่างกายของตนฟื้นฟูได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนักเมื่อลองขยับตัวเขาก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่หน่อยๆแต่มันก็บรรเทาลงไปเยอะแล้วหละน่ะหากเทียบกับเมื่อวาน
แต่มีความสุขอยู่ได้ไม่นานนัก ชายหนุ่มก็ต้องกุมขมับปวดเศียร มิใช่เพราะพิษบาดแผลแต่เพราะมันกําลังใช้สมองครุ่นคิดแก้ปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนั่นก็เพราะว่าตอนนี้มันกําลังปวดปัสสาวะอยากชิ้งฉ่อง….
เสียงดังรบกวนจากด้านนอกแว่วมาเป็นครั้งคราวและเป็นการพันคราวเคาะห์ของหลินหยางอีกด้วยเมื่อสาวน้อยผิงอันตื่นจากฝันหวานขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกัน
สาวน้อยนําเอาเอาอุปกรณ์สําหรับขับถ่ายเป็นกระโกนใบนึงมาให้มันโดยเธออาสาทําหน้าที่ต่อจากนี้และแน่นอนว่าหลินหยางยืนยันเสียงแข็งแม้ว่าตนจะเคลื่อนไหวลําบากก็ตามแม้จะทะลักทุเลลําบากไปสักหน่อยแต่สุดท้ายมันก็สามารถปัสสาวะสําเร็จ
ในตอนนั้นบุคคลผู้หายหน้าหายตาไปนานนมก็ปรากฏตัวขึ้นมานั่นก็คือชายชราผู้มีฉายาว่าเทพโอสถนั่นเองชายชราในยามนี้สีหน้าท่าทางดูอิดโรยอ่อนล้าอย่างยิ่งนั่นเพราะตั้งแต่เมื่อคืนวานมันยังมิได้พักผ่อนเลยนั่นเอง
เห็นปู่ที่เคารพ เด็กสาวดีใจจนออกนอกหน้าร่าเริงขึ้นในฉับพลัน
เมื่อชายชราเข้ามาภายในห้อง สิ่งแรกที่หลินหยางทําคือการใช้ทักษะดวงตาเหยี่ยวตรวจสอบชายผู้นี้ทันทีทันใด
ปีศาจระดับ 1
พลังโจมตี 1
ป้องกัน 1
ความเร็ว 1
วิญญาณ 1
คําอธิบาย : ปีศาจเพศชาย
คําเตือน : เชี่ยวชาญการต่อสู้
ข้อมูลที่ถูกล้วงออกมาด้วยทักษะดวงตาเหยี่ยวนี้เป็นที่น่าผิดหวังสําหรับหลินหยาง ข้อมูลของชายชราแทบไม่ต่างจากสาวน้อยผิงอันเลยนอกจากเรื่องคําอธิบายที่เปลี่ยนจากเพศหญิงเป็นชายและคําเตือนที่ต่างกันเล็กน้อย
นี่เจ้าเปลี่ยนผ้าพันแผลให้มันงั้นรึ หึมใส่ยาสมานแผลไปด้วยงั้นหรือ? ดียิ่งมันจะช่วยปิดบาดแผลภายนอกให้สามารถฟื้นตัวได้ไวยิ่งขึ้น ขณะที่หลินหยางกําลังครุ่นคิด เฒ่าชราและเด็กสาวสนทนากันอย่างออกรสชาติ
เมื่อชายชราย่างเข้ามาใกล้ประชิดขอบเตียงแม้หลินหยางจะมิอาละวาดอย่างบ้าคลั่งเหมือนเมื่อวานแต่มันก็ แสดงออกถึงความระวังตัวเป็นพิเศษจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวอย่างหวาดระแวง
ฟวับ
เฒ่าชราล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อควักเอามีดแหลมคมขนาดเล็กเล่มหนึ่งออกมาควงหมุนอย่างชํานาญชี้ไปยังผู้ป่วย
พริบตาที่หลินหยางเห็นเช่นนั้นด้วยความหวาดระแวงเป็นทุนเดิมมันย่อมไม่ไว้วางใจชายชราผู้นี้ มันขยับถอยเข้าชิดผนังห้องหนึ่งจังหวะดวงตามันหรี่เล็กขมวดคิ้ว
“อะแฮ่ม พี่หลินหยางไม่ต้องกลัวท่านนี้คือปู่ของหนูเองและท่านก็เป็น…แพทย์มือหนึ่งในเมืองของพวกเราด้วยล่ะ”
“ฉะนั้นพี่ไม่ต้องกลัว ท่านปู่มิได้มีเจตนาจะ…ทําร้ายท่านแต่อย่างใดส่วนมีดนี่ท่านปู่ตั้งใจจะใช้มันตัดผ้าพันแผลตรงขาของพี่น่ะท่านเพียงต้องการ….ตรวจสภาพร่างกายของพี่เท่านั้นแหละ” ตอนนั้นเองสาวน้อยผิงอันกล่าวกับชายหนุ่มแนะนําชายชราให้มันได้รู้จักรายระเอียดด้วยภาษาจีนภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของหลินหยางภายในประโยคที่เปร่งออกมาจากริมฝีปากของนาง มีบางจุดยังเว้นช่วงเงียบไปเป็นพักๆเนื่องจากเธอกําลังนึกศัพท์ต่างภาษาอยู่นั่นเอง
“อืม…” หลินหยางผงกหัวอย่างช้าๆ มันพอจะคาดเดาความสัมพันธ์ของเด็กสาวและชายชราแล้วมันก็ทราบด้วยว่าชายชราคือหมอคนหนึ่งจากการรักษาบาดแผลให้มันเมื่อวานนี้ ถึงงั้นก็เถิดร่างกายของมันก็ตอบสนองไปเองโดยธรรมชาติเมื่อมีชายแปลกหน้ามาถือของมีคมอยู่ใกล้ตัวเช่นนี้มันยังมิลืมว่าตนอยู่ในที่ราบทุ่งหญ้าโลกที่บิดเบี้ยวไร้กฎเกณฑ์ที่มีอันตรายอยู่ทุกที่หลังจากอยู่อาศัยมาร่วมปีสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมันก็ได้รับการขัดเกลาจนหวาดระแวงระวังตัวไปซะทุกอย่าง…
“อันเอ๋อร์ นี่เจ้าเข้าใจภาษาของมันรี!?” เทพโอสถมองหน้าหลานสาวของตนด้วยความแปลกใจภายในวันเดียววันเดียวเท่านั้นสามารถเรียนรู้ได้ถึงขนาดนี้มันช่างเหนือจินตนาการและน่ากลัวในเวลาเดียวกันหากผู้ที่ได้ครอบครองจิตวิญญาณแห่งปัญญาของเทพอสูรมิใช่ผิงอันหลานสาวของมันแต่เป็นสัตว์อสูรสักตนหนึ่งละก็…มันไม่อยากจะคิดเลย
“ฮี” สาวน้อยยึดอกยิ้มอย่างภาคภูมิใจพร้อมลงมือช่วยเป็นสื่อกลางให้แก่สองฝ่ายเธอเอื้อมมือไปแกะผ้าพันแผลบนลําตัวของหลินหยาง
ชายชราต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อมันเห็นสภาพบาดแผล
มันตรวจด้วยสายตาสําหรับบาดแผลภายนอกและใช้พลังภายในแสนพิศดารเพื่อตรวจอาการภายในที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าทั้งอวัยวะเส้นเลือดเส้นเอ็นทั้งหลายจากนั้นก็ตรวจสภาพของกระดูกบริเวณแขนและขายิ่งทําให้มันแปลกใจเข้าไปใหญ่เพราะกระดูกบางจุดเริ่มเชื่อมเข้าหากันบางจุดกระทั่งต่อกันเรียบเนียนเหมือนเดิมเสียด้วยซ้ําโดยเฉพาะกระดกชิ้นเล็กชิ้นน้อยข้อต่อกระดูกอ่อนซีโครง
ตั้งแต่มันสละราชบัลลังก์ให้บุตรชายของตนและหันมาให้ความสนใจทางการแพทย์เต็มตัวซึ่งก็ผ่านมาเกือบครึ่งศตวรรษ คนไข้ที่ผ่านมือมันก็มีไม่ต่ํากว่าหมื่นคน มันยังไม่เคยเจอใครที่ฟื้นตัวได้รวดเร็วขนาดนี้มาก่อน
แต่เดิมมันคิดเอาไว้ว่าอย่างน้อยไม่ต่ํากว่าอาทิตย์มากสุดนับเดือน กว่าร่างกายของคนไข้รายนี้จะฟื้นฟูกลับมาจนสามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตนเอง ซึ่งความหมายของมันก็คือสามารถลุกเดินเหินนั่งนอนกินข้าวทํากิจวัตร ประจําวันด้วยตัวเองได้
แต่ดูจากอัตราการฟื้นฟูร่างกายของคนไข้รายนี้แล้ว ดูท่าคงจะใช้เวลาอีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ก็คงสามารถขึ้นมาลุกวิ่งกระโดดโหยงเหยงออกกําลังกายหนักได้อย่างสบายหายห่วง
ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็มาจากวิชาแพทย์อันน่าอัศจรรย์ของตนเอง แต่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะมันก็มิได้ทําอะไรมากนักเพียงแค่เย็บบาดแผลที่ฉีกขาดรักษาอวัยวะภายในที่ชำรุดต่อกระดูกกลับเข้าที่และใช้พลังภายในของตนส่งไปยังจุดต่างๆของร่างกายพยุงอาการของมัน
ชายหนุ่มผู้นี้มีเรื่องน่าประหลาดใจทุกครั้งที่พบมันเลยเชียว ตามจริงในคราแรกมันยังยากจะเชื่อว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้ยังมีชีวิตรอดจากบาดแผลทั่วทั้งตัว
“หนูขอแนะนําให้รู้จักอีกครั้ง นี่คือท่านปู่ฉินเหยา แต่คนอื่นเรียกท่านด้วยสมญานามเทพโอสถท่านปู่เป็นหมออันดับหนึ่งของเมืองหลวงปีศาจเก่งกาจที่สุดในเผ่าพันธุ์ของเราเลยล่ะ” ขณะที่ชายชรากําลังตรวจอาการบุรุษทั้งสองเงียบกริบไม่ส่งเสียงใดๆทําให้บรรยากาศน่าอึดอัดอยู่ไม่น้อยเด็กสาวผิงอันจึงกล่าวขจัดความอึมครึมทิ้งเปิดหัวข้อสนทนาด้วยภาษาของชายหนุ่ม
“เทพโอสถ?” ความหวังดีของสาวน้อยเห็นผลในทันที หลินหยางเลิกสายตาจากมือของเฒ่าชราที่ป้วนเปี้ยนอยู่บนลําตัวหันไปมองหน้ากับคู่สนทนานั่นก็คือผิงอัน
“ท่านปู่ พี่ชายคนนี้เขามีนามว่าหลินหยาง” แนะนําปู่ของตนให้ชายหนุ่มรู้จัก นางก็หันมาแนะนําคนไข่ให้แก่หมอของมันบ้าง
“หลินหยาง? หลินหยางเจ้าไปได้รับบาดแผลพวกนี้มาได้ยังไง?”เทพโอสถหาได้สนทนาชื่อเสียงเรียงนามของชายหนุ่มผู้นี้ไม่สิ่งที่มันสนใจคือบาดแผลทั้งหลายที่อยู่บนตัวผู้ป่วยของมันต่างหาก