เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 732
ตอนที่ 732 กระต่ายนักติดตาม
เมื่อได้ฟังคําบอกเล่าทําให้หลินหยางผิดหวังอยู่ไม่น้อย ทั้งตัวเขาตอนที่ถูกพบมีเพียงแค่เครื่องสวมใส่ อาวุธอย่างมีดสั้นคู่กายไปด้วยกันทุกสมรภูมิถึงแม้จะหักครึ่งไปตอนเผชิญหน้ากับเจ้าแวมไพร์ปีศาจก็ตาม แต่ตอนนี้มันได้หายไปเสียแล้ว มิเพียงเท่านั้นในตัวของเขายังมีเหรียญเงินสีดําอยู่หลายสิบเหรียญเลยทีเดียวจากการปราบค้างคาวปีกเหล็กที่เจอในถ้ํา ถึงจะไม่ทราบว่ามีเท่าไหร่เพราะมิได้นับจํานวนก็เถอะแต่มันก็มีไม่ใช่น้อยๆ
ขณะที่สนทนา สาวน้อยก็ไม่ปล่อยเวลาให้เลยเปล่า ทายาสมุนไพรลงบนผ้าที่ตัดได้ขนาดพอดีกับบาดแผลตามความกว้างและยาว วางโปะลงบนร่างของมันแต่ละจุดจนเสร็จสรรพจึงเก็บข้าวของออกไปจากห้องและกลับเข้ามาในเวลาไม่นาน พร้อมกับนําชุดมาให้ตามคําขอของหลินหยาง มันเป็นชุดคลุมตัวสําหรับผู้ป่วยที่มีอยู่ในหอโอสถอยู่แล้ว
กระนั้นชายหนุ่มที่แขนและขายังถูกผ้าพันแผลพันไว้หลายตลบเป็นท่อนเดียวยากจะงอตามใจนึกจึงมิอาจสวมใส่ได้เพียงลําพัง ฉะนั้นหน้าที่ก็ตกเป็นของผิงอันที่ต้องช่วยใส่ ด้วยความกระอักกระอ่วนของชายหนุ่ม
จากนั้นหนุ่มสาวก็ใช้เวลาอยู่ด้วยกันต่อไปร่วมศึกษาเรียนรู้ภาษา จนล่วงเลยเข้าถึงช่วงดึกซึ่งหากนับเวล ตามโลกเดิมอยู่ในช่วงราวสองถึงสามทุ่มและนั่นก็เป็นเวลาเหมาะสําหรับการนอนหลับพักผ่อนอย่างยิ่ง หลินหยางที่อ่อนเพลียมาทั้งวัน ในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งการพักผ่อนของจริงเสียที มิใช่เพียงแค่การงีบระหว่างวันเพียงชั่วครู่
แต่ก่อนที่หลินหยางจะได้ฝันหวาน เสียงหายใจของเด็กสาวที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการใช้พลังงานเกินตัวมาทั้งวัน ก็บ่งบอกว่าตอนนี้เธอก็ได้นอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อยอยู่ข้างเตียงของหลินหยางนั่นแล สาวน้อยเก็บกวาดห้องจนสะอาดเอี่ยมใช้ฟูกหนามาปูบนพื้นห้องพร้อมกับหมอนและผ้าห่มนอนมันตรงนั้นเลย…
แม้หอโอสถจะใหญ่โตสูงหลายชั้นมีหลายห้องก็ตาม แต่ดูเหมือนสาวน้อยรายนี้จะไม่สนใจห้องว่างเหล่านั้น
ชายหนุ่มนอนมองเพดานภายในห้องที่มีไฟสลัวครุ่นคิดเรื่องราวพรรณนาหัวนคิดถึงเรื่องในอดีต นึกใบหน้าผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก่อนที่ความง่วงจะมาเยือนกล่อมให้มันหลับฝันดีในที่สุด
หลังจากหนุ่มสาวคู่นี้ได้หลับลึกไปเป็นที่เรียบร้อย พวกมันทั้งคู่มิได้รู้ตัวเลยว่าหน้าประตูห้องมีดวงตาคู่หนึ่งกําลังจับจองพวกมันอยู่ในความมืด
ภายในหอโอสถที่มีผู้อยู่อาศัยเพียงสองคนนั่นคือหลินหยางและสาวน้อยผิงอัน กลับมีบุคคลปริศนาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย มันมิใช่ปู่ใหญ่หรือปูรองของเด็กสาวที่สามารถเข้าออกได้ตามต้องการทั้งยังมิใช่ เหล่าข้าบริวารที่ปักหลักอยู่ข้างนอกหอโอสถด้วย เพราะพวกมันมิได้รับอนุญาตให้ย่างกราย
ทว่า…พริบตาที่แสงไฟภายในห้องไหววูบอาบร่างของมันเผยโฉมต่อธารกํานัล…แท้จริงแล้วมันมิใช่คน!!
มิใช่มนุษย์ดั่งหลินหยางหรือเผ่าปีศาจดั่งสาวน้อยผิงอัน สิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีส่วนสูงเพียงฟุตเศษ หากหลินหยางตื่นขึ้นมาเห็นตอนนี้คงจะต้องเปร่งวาจาเรียกมันว่า…กระต่าย!
กระต่ายสีขาวพร้อมขนปุกปุยอ่อนนุ่มปลิวไสวปกคลุมทั่วร่าง หูยาวสองข้าง ข้างหนึ่งชี้เด่ขึ้นบนฟ้าอีกข้างงอต่ําปกข้างศรีษะ
นั่นสําหรับหลินหยางล่ะนะ หากผู้ที่ตื่นขึ้นมาเห็นเจ้ากระต่ายแสนน่ารักน่าชังตัวนี้คือสาวน้อยผิงอัน เธอคงไม่เอ่ยเอื้อนวาจาใดแต่จะเป็นเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูที่ดังไปสามบ้านเจ็ดบ้านเลยทีเดียว เพราะเธอเคยเจอเจ้าตัวนี้มาแล้วคราหนึ่งและเคยถูกหลอกด้วยรูปลักษณ์ภายนอก มันมิใช่กระต่ายธรรมดาแต่เป็นสัตว์อสูรู!!
ชื่อเต็มของมันคืออสูรกระต่ายจันทราที่เผ่าปีศาจตั้งขึ้นเพื่อใช้เรียกกระต่ายสายพันธุ์นี้
ทว่ามิใช่เพียงเด็กสาวเท่านั้นที่เคยเจอกับกระต่ายตัวนี้ อันที่จริงหลินหยางเองก็เคยเจอมันก่อน…ไม่สิ หากจะเรียกให้ถูกคือ เจ้ากระต่ายตัวนี้เจอหลินหยางมาก่อน และบางทีหลินหยางอาจจะต้องกล่าวขอบคุณมันเสียด้วย เนื่องก็เป็นเพราะมันนี่แหละที่ทําให้ผู้มีพระคุณอย่างสาวน้อยผิงอันและพรรคพวกที่ช่วยชีวิตมันออกมาจากป่าอสูร หากพวกเธอไม่แอบย่องตามเจ้ากระต่ายไป เกรงว่าคงยากที่จะพบกับร่างของหลินหยางที่นอนเป็นผักกลมกลืนไปกับพื้นดิน
ซึ่งในตอนนั้นเจ้ากระต่ายตัวนี้ก็ได้ปะทะกับนักรบปีศาจหลายสิบคน และสามารถหนีรอดมาได้อย่างลวยนวล ไร้รอยขีดข่วน
หลังจากกลุ่มของผิงอันเก็บกู้ร่างของหลินหยางออกมาจากป่าอสูรมุ่งหน้ากลับเมืองหลวงปีศาจ อสูรกระต่ายก็ละทิ้งบ้านเกิดที่อยู่อาศัยจากล่าป่าอสูรแสนคุ้นเคย แอบสะกดรอยตามมาจนถึงเมืองหลวงปีศาจ
ซึ่งนั่นมันก็คือเมื่อวานนี้ หนึ่งวันเต็มๆที่เจ้ากระต่ายหายหน้าไปตอนนี้มันมาโผล่อยู่หน้าประตูห่างจากหลินหยางและสาวน้อยห่างไม่ถึงหนึ่งเมตร
ตอนนั้นเองมีแมลงตัวหนึ่งที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกับเมล็ดถั่วเขียวบินมาเกาะอยู่บริเวณคอที่เปลือยเปล่าของหลินหยาง แมลงที่มีขนาดใหญ่กว่าแมลงวันตัวนี้ใช้ปากแหลมของมันแทงเข้าไปในผิวหนังดูดกินเลือดของชายหนุ่มอย่างเอร็ดอร่อยเลยทีเดียว หากเทียบกับสัตว์ภายในโลกของหลินหยางมันคงจะเป็นยุงละมั้ง ยุงยักษ์สายพันธุ์ใหม่…
ฟวับ
พริบตานั้นเอง ดวงตาของกระต่ายน้อยฉายแววตาปล่อยจิตสังหาร มือซ้ายจับหมับเข้าที่แขนขวาดึงเอาขนปุกปุยออกมาหนึ่งกระจุกราวห้าถึงสิบเส้นพร้อมกับตวัดแขนซ้ายมนๆของมันหนึ่งคราปล่อยอาวุธลับนั่นคือขนของตนเองออกไปพุ่งตรงราวกับกระสุนปืนทะลวงร่างของยุงยักษ์ที่กําลังเพลิดเพลินกับอาหารค่ําแสนอร่อยเป็นรูโหว่ การโจมตีของเจ้ากระต่ายเข้าเป้าเกือบทั้งหมด สังหารปลิดชีพในฉับพลัน!!
ฟุด
เจ้ากระต่ายพ่นลมออกจมูกเมื่อสามารถกําจัดสิ่งมีชีวิตตัวน้อยไปได้ แววตาของมันกลับมาใสแป๋วแอบมองหนุ่มสาวอยู่ห่างๆ ไม่เข้าใกล้
ในระยะกระชั้นชิดแบบนี้แน่นอนว่าหากเจ้ากระต่ายมีจิตมุ่งร้ายหมายโจมตีปลิดสองชีวิตเบื้องหน้า มันย่อมง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ ขนาดนักรบปีศาจผู้มีประสบการณ์และฝีมือโชกโชนที่นําทีมโดยจอหมิงแม่ทัพใหญ่ ยังมbสามารถกeหราบล้อมจับกระต่ายขาวตัวนี้ได้ นับประสาอะไรกับชายหนุ่มและสาวน้อย
ทว่าดูเหมือนมันมิได้มีเจตนาจะมาเพื่อการนั้น สายตาที่มันมองเข้าไปภายในห้องแวววับ ราวกับเห็นเพชรพลอยของมีค่าเฝ้าหวงแหน คอยปกป้องไม่ให้แมลงไต่ไรตอม ราวกับเป็นผู้พิทักษ์ส่วนตัวยังไงยังงั้น
โดยเฉพาะหลินหยาง ยามสายตาของกระต่ายน้อยเวลามองหลินหยางนั้นอ่อนโยนแวววับส่องประกายเหนืออื่นใด
งุมมมม
ตอนนั้นเองสาวน้อยผิงอันดิ้นขยับตัวเปลี่ยนท่านอนตะแคง
กระต่ายน้อยสะดุ้งลุกลี้ลุกลนหันซ้ายขวาทําตัวไม่ถูก กระโดดโหยงไปแอบอยู่ข้างประตูฝั่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด มันแอบอยู่อย่างนั้นหลายสิบวินาทีก่อนจะค่อยๆแง้มหัวออกมาชะเง้อมองภายในห้องอย่างโล่งอก
มันสูดหายใจฟุดฟิดดมกลิ่นภายในห้องที่มีกลิ่นยาสมุนไพร กลิ่นหอมของดอกไม้และสุดท้ายกลิ่นคาวเลือดที่ตกค้างบนร่างของหลินหยางด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มมีความสุข
ในคืนนั้น ทั้งสามอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่มีสิ่งใดรบกวนพวกมันได้ในหอโอสถแห่งนี้
จนกระทั่งรุ่งเช้าด้านนอกเริ่มมีเสียงสนทนาทักทายอรุณสวัสดิ์กันยามเช้าของผู้คนรอบข้างบ้างแล้ว หากมองไปบนท้องฟ้าตอนนี้ตะวันเริ่มทะยานขึ้นสู่ขอบฟ้าสร้างแสงสว่างให้ผืนแผ่นดิน
เจ้ากระต่ายขาวตัวน้อยที่ลอบแอบมองมาทั้งคืน มันจึงตัดสินใจจากลาด้วยดวงตาอาวรณ์เศร้าหมองเดิน ตัวมเตี้ยมหูตกจากไปในที่สุด แต่เส้นทางที่มันเดินไปนั้นคือบรรใดสู่ชั้นบนของหอโอสถ…แท้จริงแล้วมันมิได้ จากไปไหนไกลนักหรอก ตั้งแต่แอบตามหลินหยางและสาวน้อยผิงอันเข้ามาในเมืองหลวงปีศาจที่กบดานขอ งมันก็อยู่ในหอโอสถแห่งนี้ตั้งแต่ต้น
ทักษะการพลางตัวของมันมิต่ําทรามเลย แม้กระทั่งเทพโอสถหรือหัวหน้าราชองครักษ์หลวงอย่างปูjรองจื่อเจียงก็ยังไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าพวกมันได้อยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเผ่าอสูรศัตรูคู่แค้น!