เทพอสูรสยบโลกา - ตอนที่ 715
ตอนที่ 715 สนทนาต่างภาษา
“อื้อออะ” ชายหนุ่มส่งเสียงร้องในลําคอเนื่องด้วยปากของมันถูกผ้าพันไว้หลายชั้นหลายตลบกลบเสียงของตนจนมิด
แกศึกษ
พริบตาที่มันลุกพรวดพราดขึ้นครึ่งตัว ร่างกายแทบทุกส่วนส่งเสียงเป็นผสานอย่างไพเราะด้วยการหักกระดูกบิดข้อต่อของมันโดยพร้อมเพรียง
“อื้มมมม อื้ออะ” มัมมีหนุ่มร้องลากยาวจากความเจ็บปวดที่ประดังเข้ามาในคราวเดียว การต่อกระดูกที่พึ่งจะเข้าที่ได้ไม่ทันไรเมื่อมันดิ้นพล่านไปมาแน่นอนย่อมเกิดความคลาดเคลื่อน
แควกก
กระทั่งผิวหนังใต้ผ้าพันแผลที่ถูกเย็บต่อติดกันอย่างเรียบเนียนเมื่อมันย่นหรือตึงจนเกินไปรอยเย็บก็ขาดสะบั้นผิวกายปริแตกโลหิตรไหลทะลักเป็นสายน้ําจากผ้าพันแผลขาวสะอาดทั่วทั้งร่างที่ถูกเปลี่ยนไปไม่รู้กี่สิบครั้งจากเฒ่าโอสถบัดนี้อาบชุ่มไปด้วยสีแดงเต็มไปด้วยเลือดเล็ดรอดออกตามรูระบายอากาศ
กรี้ดดด
เสียงกรีดร้องแหลมแห่งความแตกตื่นตกใจของสาวน้อยร้องแข่งดังไม่แพ้กันนางสะดุ้งสุดตัวราวกับเห็นผักลางวันแสกๆสติสตังขาดวูบหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มแทบจะเป็นลมเสียให้ได้!!?
ชายหนุ่มนิ่งชะงักในฉับพลันเมื่อมันได้ยินเสียงของเด็กสาว มันหายใจหอบหันซ้ายหันขวามองหาต้นเสียงทว่ากว่ามันจะรู้ตัวว่าดวงตาของมันถูกผนึกด้วยผ้าพันแผลก็ใช้เวลากว่าหลายวินาทีเลยทีเดียว ตอนนี้หลังจากน อนซมตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นตายมาค่อนวันสติของมันยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่การตัดสินใจยังไม่เด็ดขาดสมองสั่งหันขวาร่างกายกลับหันซ้าย
มันนั่งคุมสติอยู่นานก่อนจะยกแขนขวาที่มิได้รับบาดเจ็บหนักเท่าแขนซ้ายขึ้นลูบคลําใบหน้าของตนไม่นานนักมันจึงลงมือดึงผ้าพันแผลที่มีช่องตรงจมูกของตนขึ้นออกทั้งแผงเปลื้องสิ่งพันธนาการให้หลุดพ้นจากศรีษะส่วนบนของมันจนสินค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าเผชิญกับแสงไฟสลัวภายในห้องปรับสภาพสายตา
ภาพแรกที่ชายหนุ่มเห็นคือเด็กสาวตัวน้อยน่ารักน่าชังกําลังยืนตัวแข็งใช้สองมือปิดปากกลั้นเสียงจ้องเขม็งมาที่มันเช่นกัน มองเด็กสาวได้ไม่นานนักตอนนี้ ความคิดในสมองของมันยังชุลมุนวุ่นวายยากจะจับต้นชนปลายมันหันซ้ายมองขวาตรวจสอบสภาพพื้นที่ที่อยู่ปัจจุบันด้วยความงงงวย
“ที่นี่ที่ไหน? ตนมาอยู่ที่ได้ยังไง? นั่นคือสิ่งที่มันคิดก่อนที่มันจะกลับสนใจเด็กสาวอีกครา
“อื้ออ” ชายหนุ่มหมายจะเปร่งวาจาสนทนาเสียง มันเกือบลืมไปแล้วว่าผ้าพันแผลที่ปิดปากปิดใบหน้าครึ่งล่างยังคงอยู่ปฏิกิริยาของมันพัฒนาขึ้นเกือบจะกลับสู่สภาพปกติมันเงื้อมมือดึงผ้าพันแผลลงอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวสะดุ้งโหย่งเบิกดวงตากว้างด้วยความตกใจก่อนที่จะค่อยๆสงบลงในไม่ช้า
ตอนนี้ใบหน้าของมันไร้สิ่งพันธนาการแล้ว ทว่าการสนทนาที่ค้างไว้จําต้องยุติลงชั่วคราว ชายหนุ่มลดมือลง ทาบทรวงอกหายใจเข้าอย่างติดขัด
“ผ.ผมอยู่ที่ไหน” หลังพักหายใจชั่วครู่มันกล่าวอย่างเชื่องช้าพลางเหนื่อยหอบ แต่ละคําที่ออกจากปากมัน ากเย็นแสนเข็ญขณะที่กล่าวดวงตาของมันก็มิหยุดนิ่งมองปลายเท้าของตนต้นขาลําตัวกัมมองแขนขาและทรวงอกพบว่าทั้งแขนและขาทั้งสี่ส่วนของมันล้วนมีขนาดใหญ่ผิดปกติอันเป็นผลจากแผ่นไม้ที่อยู่ภายใต้ผ้าพันแผลซึ่งทําหน้าที่เชื่อมแขนขาดามกระดูก
เห็นเช่นนั้นชายหนุ่มขมวดคิ้วเคร่งเครียดในบัดดล มันไม่ทราบว่าเหตุใดร่างกายของตนจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
ผ่านไปหลายวินาที ภายในห้องเงียบสงัดไม่มีเสียงตอบกลับจากเด็กสาว
ชายหนุ่มดึงความสนใจกลับจากร่างกายหันมองคู่สนทนาที่เงียบเป็นเป่าสาก
พบว่าในตอนนี้เด็กสาวตัวน้อยเอียงคอพลางกระพริบตาปริบๆมองหน้าชายหนุ่มครู่ใหญ่สีหน้าปฏิกิริยาการแสดงออกเห็นได้ชัดว่าเด็กสาวกําลังตกอยู่ในความงุนงง
“หือ…!!?” ขณะที่สายตาของมันมองดูใบหน้าของคู่สนทนา ในตอนนั้นเองครรลองสายตาของมันตรวจพบสิ่งผิดปกติบางอย่าง มันค่อยๆหรี่ตาเพ่งสมาธิจับจ้องมองไปยังเด็กสาวก่อนที่ดวงตาจะค่อยๆเบิกกว้างพร้อมกับความตกใจถึงขีดสุดสิ่งนั้นก็คือ…ปีกสีดําที่สยายออกกระบือบางเบาอยู่ด้านหลังของสาวน้อยเบื้องหน้า!!!
ขาสองข้างที่แทบจะใช้การไม่ได้ของมันมีปฏิกิริยาทันควันเหยียดตรงยันตัวดันร่างติดถลาไปบนเตียงผู้ป่วยจนแผ่นหลังของมันติดกับผนัง มองซ้ายขวาไม่พบสิ่งที่ใช้เป็นอาวุธ จะมีก็เพียงแต่หมอนหนุนหัวหนึ่งใบที่อยู่ใกล้มือที่สุดไม่รอช้มือขวามันคว้าจับชูขึ้นชี้ไปที่เด็กสาวคล้ายกับว่ามันจะใช้หมอนใบนี้เป็นอาวุธข่มขู่มิให้สาวน้อยเข้าใกล้ตน
หนึ่งนาทีก่อนหน้า ภายนอกหอโอสถหน้าประตูใหญ่ทางเข้าออกเพียงหนึ่งเดียว
เฒ่าโอสถและน้องชายนั่งอยู่ตรงข้าม เบื้องหน้าของพวกมันมีโต๊ะขนาดเล็กที่จัดเรียงวางอาหารนับสิบชนิดเฒ่าชราทั้งสองนั่งทานอาหาร จิบสุราสนทนาสัพเพเหระบางคราก็ปรายตามองออกไปบนผืนฟ้าทางกําแพงเมืองมองเหล่านักรบจัดขบวนแถวจากระยะไกล
กรี้ดดดะ
ตอนนั้นเองเสียงเด็กสาวกรีดร้องตะโกนลั่นดังออกมาจากหอโอสถ
ต่อน้ําเสียงแห่งความตื่นตกใจของเด็กสาว เหล่าองครักษ์ ทหารรักษาการณ์ที่ยืนล้อมรอบหอโอสถตื่นตัวในทันทีพวกมันชักหอกและดาบตระเตรียมท่วงท่าสําหรับการต่อสู้ จดจ่อมองซ้ายขวาด้วยสมาธิสูงสุด
ฟบ
ฉับพลันที่เสียงนั้นส่งมาถึงโสทประสาท ร่างของเฒ่าโอสถและจอเจียงหัวหน้าหน่วยองครักษ์หายวับไปกับตาเหลือไว้เพียงเก้าอี้ว่างเปล่า
ตู้มมษ
มีเสียงระเบิดดังขึ้นตรงส่วนประตูทางเข้าหอโอสถ พร้อมกันนั้นเองประตูใหญ่ทั้งสองบานพังทลายลงในพริบตาปรากฎร่างของชายชราคู่หนึ่งกําลังรุดหน้ามุ่งเข้าไปในหอโอสถด้วยความเร่งร้อน
ห้องเล็กภายในหอโอสถ
“อันเอ๋อร์ NG” เสียงร้องลากยาวดังมาแต่ไกล เสียงยังมิทันสุดชายชราทั้งสองก็มาถึงที่เกิดเหตุในเวลาอันรวดเร็วยิ่งพริบตาที่พวกมันมาถึงหน้าประตูห้องเมื่อสายตาเห็นร่างของเด็กสาวยืนอยู่ในอากัปกิริยาปกติสุขดวงตาของพวกมันทั้งสองทํางานอย่างรวดเร็วมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเด็กสาวเมื่อไม่พบความผิดปกติทางร่างกายจิตใจของพวกมันจึงค่อยผ่อนคลายลง
“ท่านปู่” เด็กสาวหันกายวิ่งเข้ากอดชายชราทั้งสองด้วยหยาดน้ําตาปริ่ม
“อันเอ๋อร์ เสียงกรีดร้องเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น?” เฒ่าจ๋อเจียงกล่าวถามพลางรวบกอดแผ่นหลังเด็กสาวแน่นสายตามันมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดระแวง
“หือ!!?” ในตอนนั้นเองเฒ่าโอสถสอดส่องสายตากวาดภายในห้อง ดวงตาของมันพลันเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างของชายหนุ่มที่มันเป็นผู้ลงมือรักษาเองกับมือตรวจดูอาการทุกส่วนของร่างกายล่วงรู้รายละเอียดของอาการบาดเจ็บ ทว่าตามความเห็นของมันการรักษาแม้จะทรงตัวฟื้นสภาพร่างกายภายนอกเป็นที่เรียบร้อยแต่ยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันหรือมากสุดหนึ่งอาทิตย์กว่ามันจะรู้สึกตัวมีสติ
ทว่าในสายตาของมันบัดนี้คนไข้ของมันกําลังยืนตัวสั่นอยู่บนเตียงผู้ป่วยหันหลังติดกับมุมห้อง
บาดแผลภายนอกอาจไม่หนักหนาแต่ภายในนั้นย่ําแย่อวัยวะแทบทุกส่วนเสียหาย ทั้งกระดูกและอวัยวะที่ฉีกขาดยังมิทันต่อติดกันดีเสียด้วยซ้ํา ความเจ็บปวดย่อมเหนือจินตนาการ เมื่อร่างกายเผชิญความเจ็บปวดจนเกินทนสติสัมปชัญญะย่อมเลือนหาย
“พ่อหนุ่ม” เฒ่าโอสถชะงักไปชั่วครู่ก่อนที่มันจะปริปากเปร่งวาจาเรียกชายหนุ่มพลางเดินเข้าหา
“อย่าเข้ามา!!” พริบตาที่ชายหนุ่มมองเห็นเฒ่าชราทั้งสอง ใบหน้าของมันมืดหม่นลงฉับพลันกระโจนตัวทั้งที่บาดเจ็บไม่สนใจสังขารหนีเข้าไปยืนอยู่ในมุมนึงของห้องพร้อมอาวุธคู่กายนั่นคือ…หมอนยัดนุ่นแสนนุ่ม