เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 179
ตอนที่ 179 ศัตรูคู่แค้น
“คนในตระกูลของเขางั้นรึ? ผู้ใดกัน?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง และไม่เข้าใจว่า เหตุใดคนในตระกูลของเขาจึงต้องสร้างเรื่องโกหกเช่นนี้เกี่ยวกับตัวเขาด้วย?
“นี่. ประเดี๋ยวก่อน! เหตุใดเจ้าจึงต้องเอ่ยถึงคนผู้นี้ด้วย? เขาออกไปจากชีวิตของข้าได้ก็ดีแล้ว อย่าได้เอ่ยถึงเขาอีกจะดีกว่า..” หลิงรีบขัดขึ้นในทันที
“อ่อ.. แม่นางได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย! ข้าถามขึ้นเพียงเพราะอยากรู้เท่านั้น เช่นนั้นพวกเราเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นกันดีกว่า..”
“มิทราบว่าผู้ใดเป็นคนพบเห็นแผนที่ฉบับนี้งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามเรื่องอื่นอย่างไม่เต็มใจนัก แต่ได้ตั้งใจไว้ว่า คงต้องหาโอกาสถามเรื่องนี้กับหลิงใหม่อีกครั้ง
“ศิษย์พี่หยวนเป็นผู้พบแผนที่ฉบับนั้น อีกทั้งยังเป็นผู้พบเห็นจดหมายฉบับนั้นด้วย หลังจากนั้นจึงได้กลับมาบอกข้ากับศิษย์พี่เมิ่ง..” หลิงเล่าให้กับหลงเฉินฟัง
“จดหมายฉบับนั้น? คือจดหมายอันใดงั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
“เป็นจดหมายที่เขียนขึ้นด้วยอักษรโบราณ ศิษย์พี่หยวนกับข้าต่างก็อ่านอักษรโบราณนั้นไม่ออก แต่นับว่าโชคดีที่ศิษย์พี่เมิ่งได้เคยร่ําเรียนด้านอักษรโบราณมา นางจึงสามารถเข้าใจข้อความในจดหมายฉบับนั้นได้!” หลิงบอกเล่าเรื่องราวให้กับหลงเฉินฟัง
“ในจดหมายฉบับนั้นเขียนบอกอะไรไว้งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยความสนอกสนใจอย่างมาก
“เอาล่ะ.. ในเมื่อเจ้าเองก็ได้ล่วงรู้ภารกิจในการสํารวจสุสานจากศิษย์พี่เมิ่งแล้ว หากข้าบอกกับเจ้าเรื่องนี้คงจะมิมีปัญหาอันใด”
“ศิษย์พี่เมิ่งบอกกับพวกเราว่า จดหมายฉบับนั้นน่าจะเป็นจดหมายที่เขียนขึ้นโดยศัตรูของเจ้าของสุสานแห่งนี้ คาดว่าศัตรูของเขาคงจะตามไล่ล่าเอาชีวิตยอดฝีมือผู้นี้ แต่เมื่อมาพบเข้า เขาก็ได้กลายเป็นศพไปเสียแล้ว ศัตรูของเขาคงจะต้องการทําร้ายยอดฝีมือผู้นี้แม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถลดตัวไปทําลายสุสาน ของคนอื่นได้..”
“ด้วยเหตุนี้ ศัตรูผู้นั้นจึงได้เขียนแผนที่และจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา บอกเล่าถึงเหตุผลที่เขาต้องเขียนแผนที่นี้ขึ้น และรายละเอียดเกี่ยวกับยอดฝีมือผู้นี้พร้อมทั้งที่เก็บสมบัติของเขาไว้อย่างละเอียด และหวังว่าคนรุ่นหลังจะมาพบแผนที่นี้เข้า จะได้บุกเข้าไปทําลายสุสานแห่งนี้ และยึดเอาสมบัติของคนผู้นี้ไป”
หลิงเล่าให้หลงเฉินฟัง ในขณะเดียวกันก็พยายามจินตนาการถึงภาพที่คนผู้นั้นกําลังเขียนจดหมายฉบับนี้
“เฮ้อ.. พวกเขาแค้นเคืองอะไรกันนัก จึงได้ไม่ยอมปล่อยแม้กระทั่งอีกฝ่ายตายจากไปแล้ว..” หลงเฉินถอนหายใจพร้อมกับพึมพําออกมา
“ยอดฝีมือผู้นี้คงต้องทําไม่ดีกับศัตรูของเขาไว้มาก อีกฝ่ายจึงได้โกรธแค้น และตามจองล้างจองผลาญเช่นนี้!” หลังทําสีหน้าครุ่นคิดขณะเอ่ยตอบ
“อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป! พวกเราต่างก็ไม่รู้ความจริงที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคน..” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน ในขณะเดียวกันก็เงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องนภา
ระหว่างที่หลงเฉินสนทนากับหลิงอยู่นั้น เมิ่งกับหมิงยู่ก็สนทนากันไปด้วยเช่นกัน
“คนรักของเจ้าดูเหมือนจะสนใจในตัวหลิงไม่น้อย..” เมิ่งหัวเราะคิกคักขณะที่จ้องมองไปทางหลงเฉินกับหมิง
“เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทําอะไร ข้าก็มิเคยเข้าไปยุ่งเกี่ยว..” หล่หมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“เป็นคําตอบที่น่าสนใจไม่น้อยที่เดียว ว่าแต่พวกเจ้าสองคนพบกันเช่นใดงั้นรึ?” เมิ่งเอ่ยถามพร้อมกับหันไปมองหมิง
“เขาเป็นคนช่วยชีวิตของข้าไว้ในการพบกันครั้งแรก!” หมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“อะไรกัน?!! เจ้าแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ กลับเป็นเขาที่ช่วยชีวิตของเจ้าไว้งั้นรึ?! เช่นนั้นแล้วเขาคงต้องแข็งแกร่งอย่างมากทีเดียว!” เมิ่งร้องอุทานออกมา และสีหน้าของนางก็บ่งบอกถึงความตกใจไม่น้อย
“ใช่แล้ว! เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างมากทีเดียว!” หมิงยู่เอ่ยตอบพร้อมกับยิ้มสดใส
“เขาอายุยังน้อยนัก แต่กลับมีพรสวรรค์มากมายถึงเพียงนี้ เขาคงต้องเป็นองค์ชายในราชวงศ์ใดราชวงศ์หนึ่งแห่งจักรวรรดิที่แข็งแกร่งเป็นแน่? ใช่หรือไม่..?” เมิ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
แต่หมิงยู่เพียงแค่ยิ้มให้กับเมิ่ง และไม่ตอบคําถามของนาง..
“นับว่านางเก็บความลับได้ดีทีเดียว.. ไม่รู้ว่าทั้งสองคนจะปิดบังฐานะที่แท้จริงของตนเองไปอีกนานเท่าใด? เมิ่งได้แต่แอบครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่สีหน้าของนางกลับนิ่งเรียบไม่แสดงอาการใดๆออกมา
“นี่.. พวกเจ้าสองคนทําเรื่องอย่างว่ากันหรือยัง?” เมิ่งเอ่ยถามในขณะที่หันไปมองหมิงยู่ พร้อมกับรอยยิ้มซุกซันบนใบหน้า
“เรื่องอย่างว่า?!! เรื่องอะไรกันงั้นรึ?” หมิงยู่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงง
“นี่เจ้าไม่รู้… ก็เรื่องที่คนรักกันทํากันบนเตียงอย่างไรเล่า!!” เมิ่งอธิบายพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“หะ.” หมิงยู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากเข้าใจความหมายในคําพูดของเมิ่ง นางก็ถึงกับหน้าแดง และร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
“นี่. ถ้าเจ้าเขินอายก็ไม่จําเป็นต้องเล่าให้ข้าฟังก็ได้!” เมิ่งร้องบอกหมิงยู่พร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“เจ้าออกมาจากแควันของตนเพื่อติดตามเขานานเพียงใดแล้วงั้นรึ?” เมิ่งเอ่ยถาม
“นานมาแล้ว..” หมิงยู่เอ่ยตอบ และเมื่อเอ่ยถึงแควันของนางขึ้นมา ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยในทันที
“เจ้าคงคิดถึงครอบครัวของเจ้าสินะ?” เมิ่งเอ่ยถามทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของหมิงยู่
“อืมม..” หมิงยู่ตอบสั้นๆพร้อมกับพยักหน้า
“ข้าเองก็ไม่เคยมีความรัก จึงไม่เข้าใจความรู้สึกของเจ้าว่าเป็นเช่นใด แต่มันน่าจะเป็นความรู้สึกที่อัศจรรย์ยิ่ง จนทําให้เจ้าถึงกับยอมทิ้งครอบครัวไว้ข้างหลัง เพียงเพื่อให้ได้อยู่กับเขา..”
แต่หมิงยู่กลับไม่ตอบ และเอาแต่นั่งก้มหน้าเท่านั้น..
“อภัยที่ขาถามเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้าคงเบื่อหน่ายข้ามากสินะ!” เมิ่งยิ้มเก้อเขิน เมื่อสังเกตเห็นว่าหมิงยู่เอาแต่นิ่งเงียบไม่ตอบโต้
“ข้าหาได้รู้สักเช่นนั้นไม่!” หมิงยู่ส่ายหน้าและตอบกลับไปทันที
“เอาล่ะ.. ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงแล้ว!”
เมิ่งร้องตะโกนออกมาทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าพวกนางได้มาถึงจุดหมายปลายทางแล้ว จากนั้นนางก็ก้มลงกระซิบกับอินทรีย์จันทราให้ร่อนลงไปบนพื้นด้านล่าง
หลิงและหยวนสังเกตเช่นนั้น จึงได้สั่งให้อินทรีย์จันทราของตนเหาะตามเมิ่งลงไปยังพื้นเบื้องล่างเช่นกัน
หลังจากร่อนลงสู่ผืนดินเบื้องล่างแล้ว ทั้งหมดก็ลงจากหลังสัตว์อสูรในทันที..
หลงเฉินสังเกตเห็นว่าบริเวณที่ทุกคนร่อนลงมานั้น เป็นบริเวณที่เขาเหาะผ่านไปเพื่อที่จะขึ้นไปฝึกวิชาบนยอดเขานั่นเอง และที่นี่ก็อยู่ระหว่างยอดเขาสูงกับตีนเขานั่นเอง
เมิ่งหันมองไปรอบๆ และไม่นานนักนางก็พบเห็นอะไรบางอย่าง นางเดินตรงเข้าไปยังศิลาก้อนใหญ่ แล้วจึงออกแรงผลักให้เปิดออก จากนั้นทั้งหลงเฉินและคนอื่นๆ ต่างก็พากันเดินตามเข้าไปด้านใน
หลงเฉินจ้องมองด้วยความสนอกสนใจไม่น้อย เพราะเมิ่งสามารถผลักศิลาก้อนใหญ่นั้นออกไปด้านข้างได้อย่างง่ายดาย หลังจากเมิ่งผลักศิลาก่อนนั้นออกไปแล้ว หลงเฉินจึงได้เห็นว่าด้านหลังศิลาคือหลุมขนาดใหญ่ซ่อนอยู่
“หลุมนี้ค่อนข้างลึกมาก.. ระมัดระวังตัวกันให้ดีด้วย!”
เมิงร้องเตือนทุกคนก่อนจะกระโดดลงไปในหลุมทันที โดยมีหยวนกระโดดตามลงไป หลิงเดินตามเข้าไปเงียบๆ ก่อนจะกระโดดตามลงไปเช่นกัน
“เจ้าระมัดระวังตัวด้วยล่ะ..”
หลงเฉินหันไปบอกหมิงยู่ ก่อนที่ตัวเขาเองนั้นจะได้ใช้กายาราชันปีศาจขั้นสุด พร้อมกับโคจรลมปราณทั่วร่าง เพื่อเตรียมตัวหากต้องหล่นลงไปในหลุมที่ลึกมาก..
หลงเฉินตกลงไปราวสิบกว่าเมตรได้ก่อนที่ร่างจะกระแทกกับพื้นดินด้านล่าง และเพราะเขาได้เตรียมพร้อมมาอย่างดี จึงสามารถลงสู่พื้นดินได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจึงกระโดดหลบไปด้านข้างเพื่อปูทางให้กับหมิงยู่ ที่กําลังจะกระโดดตามลงมา
จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ หมิงยู่จึงได้กระโดดตามลงมา หลงเฉินและหมิงยู่เดินไปตามทางแคบ ซึ่งค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และนําทุกคนเข้าไปสู่ห้องที่มีขนาดใหญ่มากห้องหนึ่ง
หลงเฉินสํารวจไปรอบๆห้อง และพบว่าตรงกลางห้องนั้นมีประตูขนาดใหญ่อยู่บานหนึ่ง..
“ที่นี่คือทางเข้าสุสาน..” เมิ่งจ้องมองประตูบานใหญ่ พร้อมกับร้องบอกทุกคนในห้อง
“การจะเข้าไปด้านในนั้น พวกเราทั้งสี่คนจะต้องกดสัญลักษณ์ทั้งสี่ซึ่งอยู่บนกําแพงทั้งสี่ด้านพร้อมๆกัน.. นี่คือสาเหตุที่ข้าบอกกับพวกเจ้าว่า จําเป็นต้องมีผู้ร่วมสํารวจสี่คนขึ้นไปเป็นอย่างน้อย จึงจะสามารถเข้าไปภายในสุสานได้” เมิ่งอธิบายพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปยังสัญลักษณ์ทั้งสี่บนผนัง
“นี่เจ้ารู้รายละเอียดพวกนี้ได้อย่างไรกัน?” หมิงยู่เอ่ยถามพร้อมกับจ้องมองเมิ่งแน่นิ่ง
“อ่อ.. พวกเรารู้เรื่องเส้นทางค่ายกล และหลุมพลางทั้งหมดจากแผนที่ เอาล่ะ.. เริ่มลงมือกันได้แล้ว!”
เมิ่งอธิบายให้ฟังเพียงแค่สั้นๆ จากนั้นนางจึงเดินตรงเข้าไปที่ผนังด้านหน้าตนเอง หลงเฉินยิ้มออกมาก่อนจะเลือกเดินไปที่ผนังด้านขวามือเช่นกัน ส่วนหยวนก็เดินตรงไปที่ผนังด้านซ้าย ในขณะที่หลิงเลือกผนังสุดท้ายที่เหลืออยู่ ส่วนหมิงยู่ยืนนิ่งอยู่ข้างกายหลงเฉิน
“ทุกคน.. ยกมือขึ้นสัมผัสที่สัญลักษณ์บนกําแพงด้านหน้าไว้ หลังจากนับหนึ่งถึงสามจึงค่อยออกแรงกดพร้อมกัน” เมิ่งหันหลังมาร้องตะโกนสั่งทุกคนเสียงดัง
“หนึ่ง.. สอง.. สาม.. กดได้!”
เมิ่งร้องตะโกนสั่งเสียงดังพร้อมกับออกแรงกดสัญลักษณ์ตรงหน้าของตน ส่วนหลงเฉินหลิง และหยวนต่างก็ออกแรงกดสัญลักษณ์ตรงหน้าตนเองเช่นกัน สัญลักษณ์ทั้งสี่เริ่มเปล่งแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่จะมีเสียงดังครืนๆตามมา
ประตูขนาดใหญ่นั้นเคลื่อนไปด้านหลังเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนไปทางด้านขวามมืออย่างช้าๆ
“ทันทีที่ทุกคนเข้าไปด้านใน การทดสอบจริงจึงจะเริ่มต้นขึ้น ภายในอาจมีอันตรายที่พวกเราไม่รู้อยู่มากมาย ซึ่งอันตรายนั้นอาจรุนแรงทําให้พวกเราถึงขั้นเสียชีวิตได้ ฉะนั้น.. ข้าขอเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มาก! ชีวิตของพวกเจ้าเอง รวมถึงชีวิตของทุกคนในที่นี้ ขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน หากผิดพลาดแม้แต่คนเดียว อาจทําให้ทุกคนในที่นี้ตายหมดได้..” เมิ่งเหลือบมองทุกคนพร้อมกับย้ําเตือนด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
“เอาล่ะ.. ข้าคิดว่าเวลานี้ทุกคนคงจะร้อมกันแล้ว!”
เมิ่งร้องตะโกนบอกทุกคนพร้อมกับหันไปมองสีหน้าเรียบเฉยของหลงเฉิน ใบหน้ามุ่งมั่นของหยวน และสีหน้ามั่นอกมั่นใจของหลิงกับหมิงยู่
“เข้าไปได้!” เมิ่งร้องตะโกนบอกทุกคนในขณะที่เดินเข้าไปภายในสุสาน
“นับว่าโชคดีที่พวกเรามาด้วยกันทั้งหมดห้าคน ต่อให้เจ้าตายไป พวกเราก็จะได้ไม่กังวลใจ ฮ่าๆๆ”
หยวนเหลือบมองหลงเฉินพร้อมกับเอ่ยบอก ก่อนจะเดินตามเข้าไปในสสาน โดยมีหลิงและหมิงยู่เดินตาม
เข้ามาติดๆ