เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 175
ตอนที่ 175 ไข่ฟัก
ไม่นานนัก.. เปลือกไข่ที่เขาเฝ้าทะนุถนอมก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และในที่สุดหลงเฉินก็ได้เห็นสิ่งที่อยู่ด้านใน…
สิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ สี่ขากําลังยืนอยู่ตรงหน้าหลงเฉิน สัตว์อสูรตนนี้มีรูปลักษณ์คล้ายกับแมว แต่ก็มีความแตกต่างจากแมวอยู่เล็กน้อย นั่นก็คือหางของมันนั้นได้แยกออกเป็นสองหาง หางข้างหนึ่งเป็นเปลวเพลิงสีแดง ส่วนอีกข้างเป็นสีฟ้าเยือกเย็น ดวงตาทั้งสองข้างก็มีสีที่แตกต่างกัน ดวงตาข้างซ้ายเป็นสีแดงส่วนดวงตาข้างขวาเป็นสีฟ้า
ลําตัวของเจ้าอสูรน้อยที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวดั่งหิมะนั้น ครอบคลุมไว้ด้วยอักขระโบราณแปลกประหลาดทําให้มันยิ่งดูมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ที่หน้าผากของมันมีรูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงินที่สองสว่างประหนึ่งดวงจันทราจริงๆปรากฏอยู่
“แมวงั้นรึ?”
รอยยิ้มกระอักกระอ่วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลงเฉินในระหว่างที่จ้องมองสิ่งมีชีวิตตัวเล็กนี้ เจ้าแมวน้อยก้าวเดินเข้ามาหาหลงเฉินพร้อมกับใช้หัวของมันถูไปมาที่แขนของเขา
“เอาเถิด. แม้เจ้าจะดูอ่อนแอยิ่งนัก แต่ข้าก็ยอมรับว่าเจ้าน่ารักมากเลยทีเดียว!”
หลงเฉินทําได้เพียงแค่ยิ้มออกมาในขณะที่เจ้าแมวน้อยกําลังคลอเคลียเขาอยู่ เขาเอื้อมมือไปอุ้มร่างเล็กๆ ของมันขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับจ้องมองดวงตาทั้งคู่ของมัน
“ซุน.. นี่แมวอะไรกัน?”
หลงเฉินหันไปหาซุนที่ยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับเอ่ยถามในขณะที่ซุนเองก็เอาแต่ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะตอบหลงเฉินกลับไปว่า
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ..”
“นี่เจ้าเองก็ไม่รู้งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยถามออกไปทันที
“จากรูปลักษณ์ของมันเวลานี้ ข้าคาดว่ามันน่าจะต้องแมวสวรรค์จันทราเพียงแต่..” ซุนเอ่ยตอบพร้อมกับจ้องมองแมวตนนั้น
“เพียงแต่อะไรงั้นรึ?!” หลงเฉินเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้
“เพียงแต่.. มีบางสิ่งบางอย่างที่ทําให้ข้ายังลังเลสงสัย แมวสวรรค์จันทราที่ข้ารู้มานั้น มีรูปลักษณ์เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมือของเจ้าเวลานี้ คือหางของมันจะแยกออกเป็นสอง มีขนสีขาวดั่งหิมะ และมีสัญลักษณ์ รูปพระจันทร์เสี้ยวอยู่กลางหน้าผาก แต่.. กลับมีบางสิ่งบางอย่างที่แตกต่างดวงตาของแมวสวรรค์จันทรานั้น ควรจะต้องเป็นสีดําเช่นเดียวกับหางของมัน แต่แมวในมือของเจ้าเวลานี้ ดวงตาทั้งสองข้างของมันกลับเป็นสีแดง และสีฟ้าเช่นเดียวกับหางของมันน่ะสิ..” ซุนอธิบายให้หลงเฉินฟัง
“หรือนี่อาจจะเป็นสายพันธุ์ใหม่ของแมวสวรรค์จันทรา..” หลงเฉินเอ่ยออกมาอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ ในขณะเดียวกันก็เล่นอยู่กับเจ้าแมวน้อยในอ้อมแขนของตนไปเรื่อยๆ
“มีเรื่องน่าแปลกอีกอย่างก็คือ.. แมวสวรรค์จันทราตัวนี้ไม่มีลวดลายอย่างที่ควรจะเป็น และที่สําคัญที่สุดก็คือ.. พวกมันไม่ได้เกิดจากการฟักตัวออกมาจากไข่เช่นนี้..”
“มันแปลกประหลาดจนเกินไป! มันดูคล้ายกับแมวสวรรค์จันทราก็จริง แต่ใคร่ครวญอีกทีก็ไม่น่าจะเป็นไปได้!”
ซุนบอกกับหลงเฉินด้วยสีหน้าครุ่นคิด..
“ดูท่าเมื่อครู่ข้าคงคิดผิดไปแล้วเจ้าแมวน้อย…เจ้าน่าจะมีความพิเศษล้ําลึกยิ่งนักสินะ!” หลงเฉินหันไปยิ้มให้กับเจ้าแมวน้อย และพูดกับมันอย่างเอ็นดู
จากนั้นจึงหันไปถามซุนอีกครั้งว่า “ซุน…แล้วเจ้าแมวสวรรค์จันทราตัวนี้มีความสามารพิเศษ หรือมีพลังอะไรบ้าง?”
“แมวสวรรค์จันทราย่อมมีลักษณะพิเศษเฉพาะในตัวมันเองแน่ แม้มันจะมิเก่งกาจในเรื่องของการจู่โจมหรือ ตั้งรับในการต่อสู้ แต่สิ่งที่พิเศษอย่างมากในตัวมันก็คือการพลางตัว แมวสวรรค์จันทราสามารถล่องหนหายตัวได้ และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้ใดสามารถหามันพบ…นั่นเพราะร่องรอยต่างๆของมันก็จะหายไปพร้อมกับตัวของมันด้วย..” ซุนอธิบายให้หลงเฉินฟังอย่างละเอียด
“นี่เจ้าเก่งเรื่องการพลางตัวหรอก…แม้จะมิใช่สิ่งที่ข้าคาดหวัง แต่ก็นับว่าดีไม่น้อย.. ข้าชื่นชอบมากเจ้าแมวน้อย!” หลงเฉินจ้องมองดวงตาของเจ้าแมวตัวน้อยพร้อมกับพึมพําออกมา
ในสถานที่อันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง..
ดินแดนซึ่งปกคลุมด้วยเมฆา ไร้ซึ่งดวงตะวันแลจันทราบนท้องนภา สิ่งเดียวที่สามารถมองเห็นได้บนท้องนภาเบื้องบนนั้น มีเพียงแค่ดวงดาวทั้งเก้ดวงที่ส่องสว่างเท่านั้น ดวงดาวแต่ละดวงดูเหมือนจะมีขนาดเท่าๆกันต่างกันที่รูปร่างเฉพาะตัวของดาวแต่ละดวงเท่านั้น อีกทั้งยังเรียงรายอยู่ในระนาบเดียวกันมิมีดวงใดอยู่สูงกว่า และมิมีดวงใดอยู่ต่ํากว่า
บนดินแดนแห่งนี้มีบัลลังก์ขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ บนลังก์มีชายร่างใหญ่ซึ่งใบหน้าปกคลุมไว้ด้วย หนวดเครานั่งอยู่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาปิดลงคล้ายกับว่ากําลังตกอยู่ในห้วงนิทรา
หากมองจากที่ซึ่งห่างไกลมาก จะเห็นว่ารูปร่างของชายผู้นี้มีขนาดเท่ากับมนุษย์ทั่วไป แต่หากเข้าไปในระยะใกล้ๆแล้วล่ะก็จะพบว่าชายผู้นี้มีความสูงมากกว่าเจ็ดเมตร แม้มันจะเป็นยักษ์ แต่รูปร่างและหน้าตาของมันก็ดูคล้ายกับมนุษย์ทั่วไป ลูกนัยน์ตาสีดําของมันนั้นดูประหนึ่งเหวลึก
ความใหญ่โตของมันนั้นทําให้ความเหมือนมนุษย์ดูน้อยลงไปทันที และมีความเป็นยักษ์ให้เห็นมากกว่า ระหว่างที่นั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น ยักษ์ตนนี้ก็สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็นแรงดึงดูดสายลม และหลายสิ่งหลายอย่างบนดินแดนแห่งนี้ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป และเริ่มมีแรงกดดันบางอย่างปรากฏขึ้นในห้วงบรรยากาศ
ยักษ์ตนนี้ลืมตาขึ้นทันที พร้อมกับจ้องมองท้องนภาเบื้องหน้าในระหว่างนั้นสีหน้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลากหลายอารมณ์
ยักษ์ตนนี้มองเห็นท้องนภาที่เคยมีดวงดาวเพียงแค่เก้ดวงมานานนับหลายล้านปี เวลานี้ได้มีดวงดาวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งดวง จากเดิมที่เคยมีเก้าดวงก็ปรากฏดวงดาวสิบดวงบนท้องนภา แม้วจํานวนดวงดาวที่เพิ่มขึ้นจะทําให้มันตกใจอย่างมากแล้ว แต่สิ่งที่ทําให้มันตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือตําแหน่งของดวงดาวแต่ละดวง..
แม้ว่าดวงดาวทั้งเก้าดวงจะยังคงอยู่ในตําแหน่งเดิม แต่ดวงที่สิบนั้นกลับเห็นได้ชัดว่าอยู่เหนือดวงดาวทั้งเก้า อีกทั้งดาวดวงที่สิบยังมีขนาดใหญ่กว่า และส่องแสงสว่างยิ่งกว่าดวงดาวทั้งเก้าด้วย
“ตลอดระยะเวลาหลายล้านปีที่ผ่านมา…มีเพียงแค่ดวงดาวทั้งเก่าซึ่งเป็นตัวแทนของเทพอสูรทั้งเก้าปรากฏขึ้นเท่านั้น แต่เหตุใดจู่ๆจึงมีดาวดวงที่สิบปรากฏขึ้นเช่นนี้ ? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มิหนําซ้ําตําแหน่งของมันยังอยู่เหนือเทพอสูรทั้งเก้าด้วย.. เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?!”
ยักษ์หนุ่มตนนั้นพึมพําออกมาในขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่ท้องนภาเบื้องหน้า..
“ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าดาวดวงที่สิบเป็นตัวแทนสิ่งใดกันแน่?!” ยักษ์หนุ่มพิมพ์ออกมาก่อนจะปิดเปลือกตาทั้งคู่ลงอีกครั้ง แต่ครานี้สีหน้าของมันกลับดูเคร่งเครียดจากเดิมมาก
“เนตรผู้พิทักษ์สวรรค์!!”
ยักษ์หนุ่มร้องคํารามออกมา จากนั้นเปลือกตาทั้งสองข้างก็เปิดขึ้นทันที ลูกนัยน์ตาที่เป็นสีดําขลับเมื่อครู่ พลันเปลี่ยนเป็นสีทองสุกสว่างขึ้นทันที
ดวงเนตรทั้งสองจับจ้องอยู่ที่ดาวดวงที่สิบแน่นิ่ง แต่เพียงแค่อึดใจเดียว สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปทันทีท่าทางของมันลุกลี้ลุกลน และเริ่มมีโลหิตไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง แต่มันก็ยังมิยอมหยุด และ พยายามที่จะมองหาปริศนาที่อยู่เบื้องหลังดาวดวงที่สิบนี้ให้ได้
ผ่านไปเพียงแค่ห้าอึดใจในที่สุดยักษ์หนุ่มก็หลับตาลง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นมีอายุอย่างเห็นได้ชัด และน้ําตาสีโลหิตก็เริ่มไหลอาบใบหน้า
“นี่นับเป็นครั้งที่สองในช่วงชีวิตของข้า ที่ข้ามสามารถมองเห็นสิ่งที่ต้องการจะเห็นได้.. โลกนี้กําลังจะเปลี่ยนไปในอีกไม่ช้านี้..”
ยักษ์หนุ่มพึมพําออกมาในระหว่างที่เปลือกตายังคงปิดสนิทอยู่..
ในระหว่างที่หลงเฉินสนทนากับซุนเรื่องความพิเศษของแมวสวรรค์จันทรานั้น เจ้าแมวน้อยในอ้อมแขนของเขาก็ได้เงยหน้าขึ้นมองท้องนภาด้วยสีหน้างุนงง
“เอาล่ะ.. อย่างน้อยการรอคอยของข้าก็ได้สิ้นสุดลงแล้วเจ้าหนู เจ้าให้ข้ารอเจ้าตั้งนานรู้หรือไม่?” หลงเฉินจ้องมองเจ้าแมวน้อย และพูดกับมัน
เจ้าแมวน้อยจึงหันกลับมามองหลงเฉินด้วยควาสนใจ แววตาและสีหน้าของหลงเฉินนั้นบ่งบอกถึงความรัก ใคร่ที่มีให้กับเจ้าแมวน้อยยิ่งนัก
“เอาล่ะ.. ข้าบรรลุเป้าหมายทั้งหมดในการเดินทางมาที่นี่แล้ว ได้เวลาที่พวกเราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว..” หลงเฉินลุกขึ้นยืนพร้อมกับยิ้มออกมา
“เจ้าคงจะคิดถึงแม่นางหมิงยู่ของเจ้าแล้วสินะ?” ซุนเอ่ยล้อเลียนหลงเฉินพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น.. นี่เจ้าหึงหวงข้างั้นรึ?” หลงเฉินหันไปมองซุนยิ้มๆ
“เจ้าจะบอกกบนางเรื่องเพื่อนร่วมทางตัวใหม่นี้อย่างไร?” ซุนเอ่ยถามยิ้มๆเช่นกัน
“ข้าก็จะบอกกับนางว่าข้าพบเจ้าแมวน้อยตัวนี้ในระหว่างที่อยู่บนยอดเขา..” หลงเฉินตอบกลับทันที
“อ่อ.. เกือบลืมไป เจ้าแมวตัวนี้เพิ่งจะออกมาลืมตาดูโลกนี้เป็นวันแรก ข้ายังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับมันเลย..” หลงเฉินร้องอุทานออกมา
“เจ้าเปรียบเสมือนพ่อของมัน ก็ตั้งชื่อให้กับมันเองสิ!” ซุนเอ่ยบอก
“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อมันว่าอะไรดี..” หลงเฉินทําหน้าตาลําบากใจ
“ชื่ออะไรที่เจ้าตั้งให้กับมันก็ดีทั้งนั้นล่ะ..” ซุนให้กําลังใจหลงเฉิน
“ตกลง.. เช่นนั้นข้าก็จะให้เจ้าแมวน้อยนี้ชื่อว่าหิมะ เพราะขนของมันขาวดุจหิมะ!” หลงเฉินร้องบอกพร้อมกับจ้องมองเจ้าแมวน้อย
เจ้าแมวน้อยเองดูเหมือนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หลงเฉินพูดมันจึงได้แต่จ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาใสซื่อ..
หลงเฉินเริ่มเดินทางลงจากยอดเขา พร้อมกับประคองเจ้าแมวน้อยไว้ในอ้อมแขนประหนึ่งทารกน้อย ระหว่างนั้นก็เฝ้าพูดคุยกับมันราวกับว่ามันมนุษย์ และเข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
ในที่สุด หลงเฉินก็กลับเข้าเมืองสายฟ้าอีกครั้งหลังจากที่เดินทางออกมาตั้งนาน เขาเดินไปตามถนนหนทางในเมือง และสังเกตเห็นว่าผู้คนต่างก็พากันจ้องมองเขาด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น ราวกับว่าเพิ่งจะได้ยินได้ฟังข่าวลือเกี่ยวกับเขามา
เมื่อหลงเฉินไปถึงหน้าบ้าน เขาก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่หน้าประตู เป็นหญิงสาว.. แต่กลับมิใช่หญิงสาวที่เขาคาดหวังว่าจะได้พบเจอ
หลงเฉินจ้องมองหญิงสาวผู้นั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินตรงเข้าไปหานาง..