เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 161
ตอนที่ 161 เริ่มต้นความฝัน
“อภัยด้วยนายท่าน ตอนนี้โรงเตี้ยมของเราเหลือห้องพักเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น!” เด็กในโรงเตี้ยมที่ทําหน้าที่ต้อนรับแขกเอ่ยตอบ
“มิทราบว่าภายในห้องนั้นมีเดียงแยกสองเตียงหรือไม่?”หลงเฉินเอ่ยถามเด็กในโรงเตียม
“มิใช่นายท่าน! ภายในห้องมีเตียงใหญ่อยู่เพียงแค่หนึ่งเตียงเท่านั้นแต่รับรองได้ว่ากว้างขวางพอที่จะนอน สองคนได้อย่างสบายเลยล่ะห้องนี้ราคาต่อคืนอยู่ที่หนึ่งเหรียญเงิน!”
เด็กหนุ่มที่ออกมาต้อนรับเอ่ยตอบและคําตอบของเขานั้นก็ทําให้หลงเฉินและองค์หญิงหมิงยู่ถึงกับนึงถึงไป..
หลงเฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจพักค้างคืนที่ห้องนี้..
“มีห้องเดียวก็ดีกว่าไม่มีห้องเลยมิใช่รี?”
หลงเฉินพึมพํากับตัวเองพร้อมกับยื่นเหรียญเงินหนึ่งเหรียญให้กับเด็กหนุ่มหลังจากนั้นเด็กหนุ่มจึงได้นํากุญ แจห้องมามอบให้หลงเฉินพร้อมกับชี้บอกเส้นทางไปห้องพักให้เขารู้
เมื่อเดินเข้าไปในห้อง องค์หญิงหมิงยู่จึงได้เอ่ยขึ้นเสียงเบา“ข้าไม่นอนเตียงเดียวกับท่านแน่!”
“อย่าได้กังวลใจไปเลย! รับรองว่าข้าไม่ทําอะไรเจ้าแน่!”หลงเฉินเดินไปนั่งที่เก้าอี้ ก่อนจะเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ไม่ล่ะ! ท่านนอนบนเตียงเถิด ส่วนข้าจะนอนบนเสื่อที่ท่านเก็บไว้ในแหวนบรรจุเอง..” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบและเวลานี้นางก็กําลังยืนอยู่ตรงหน้าหลงเฉิน
“นี่ฟังนะ!! เจ้ามิต้องกังวลและเป็นห่วงข้าคืนนี้ข้าจะฝึกฝนวรยุทธบ่มเพาะตลอดทั้งคืน ฉะนั้น เจ้าก็ไปนอนบนเตียงเสีย!หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น.. ข้าก็ยินดีท่าตาม!”องค์หญิงหมิงยู่ตอบตกลงทันที
ภายในห้องพักก็เป็นอย่างที่เด็กหนุ่มอธิบายให้ฟังก่อนหน้านี้จริงๆแม้จะมีเตียงนอนเพียงแค่เตียงเดียวแต่ก็ค่อนข้างใหญ่โตกว้างขวางมากเรียกได้ว่านอนได้ถึงสี่คนเลยทีเดียว
“ไปนอนได้แล้ว รับรองได้ว่าข้าจะไม่รุกล้ําพื้นที่ของเจ้าเป็นแน่!”หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีสายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างขององค์หญิงหมิงยู่
หล่หมิงยู่เดินตรงไปที่เตียงทันทีจากนั้นจึงนั่งลงบนเตียงพร้อมกับจ้องมองหลงเฉินด้วยแววตาประหลาดใจ
หลงเฉินเหลือบมองสีหน้าขององค์หญิงหมิงยู่ด้วยความขบขันจากนั้นจึงได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปนั่งขัดสมาธิกับพื้นห้องหลังจากทําความสงบนิ่งอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะทันที
องค์หญิงหมิงยู่เฝ้ามองหลงเฉินฝึกวรยุทธอยู่นานเกือบหนึ่งชั่วยามและหลังจากคลายความระมัดระวังตัวลงมากนางจึงเอนกายนอนลงบนเตียงและหลับไปในที่สุด
หลงเฉินกําลังฝึกวิชาไร้นาม และเวลานี้เขาก็กําลังดูดเอาพลังชี่จากห้วงอากาศภายนอกเข้าไปในร่างอย่างบ้าคลังทําให้ขั้นพลังบ่มเพาะของเขาพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปกติที่เคยเป็น หลงเฉินยังคงฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อไปอีกร่วมสองชั่วยาม ก่อนจะตัดสินใจหยุดฝึก
เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาทั้งสองของตนเองขึ้นและสายตาก็จับจ้องอยู่ที่เตียงนอนตรงหน้าเขาลุกขึ้นยืนและค่อยๆก้าวเท้าตรงไปที่เตียงนอน
นางเป็นหญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก!แต่ช่างน่าแปลกประหลาด…ข้าใช้เวลาอยู่กับหญิงสาวหน้าตางดงามเช่นนี้มาตลอดทั้งวันแต่อารมณ์ความรู้สึกภายในกายของข้ากลับแน่นิ่ง มิกลายเป็นอสูรกายที่จะบีบบังคับขืนใจนาง ความจริงการที่นางงดงามเช่นนี้ข้าควรจะต้องถูกความงามของนางดึงดูดจนคลุ้มคลั่ง และไม่สามารถควบคุมฤทัยมารได้มิใช่รี? เป็นไปได้หรือไม่ว่าหญิงสาวที่กําลังอยู่ตรงหน้าข้าเวลานี้หาใช่หญิงสาวธรรมดาไม่ หรือนาง จะเป็นหญิงสาวที่พิเศษกว่าหญิงอื่นงั้นรึ? หรือเป็นเพราะข้าแข็งแกร่งขึ้นมากจนสามารถควบคุมฤทัยมารไว้ได้แล้ว? แต่จะเป็นเพราะเหตุใดก็ช่างเถิด.. ข้าหวังว่ามันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
หลงเฉินจ้องมองใบหน้างดงามขององค์หญิงหมิงยู่พร้อมกับครุ่นคิดอยู่ในใจ..
หลงเฉินหันหลังกลับ แล้วเดินตรงไปที่ห้องอาบน้ําและทันทีที่หลงเฉินจากไปองค์หญิงหมิงยู่ก็ลืมตาขึ้นทันที
เขามิได้พยายามที่จะลวนลามข้า. เป็นอย่างที่ข้าคาดคิดไว้จริงๆเข้ามิใช่คนเลวร้ายนัก!องค์หญิงหมิงยู่ยิ้มออกมาพร้อมกับคิดอยู่ในใจสายตาของนางจับจ้องอยู่ทแผ่นหลังของหลงเฉินซึ่งกําลังเดินไปยังห้องอาบน้ํา
หลังจากเข้าไปในห้องน้ําแล้วหลงเฉินก็นําไข่ลึกลับออกมาจากแหวนบรรจุและจ้องมองด้วยใบหน้ายิ้มแย่ม
“เจ้าหนู ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!”
หลงเฉินกระซิบกับไข่ลึกลับเสียงเบา และค่อยๆถ่ายเทพลังชี้ในกายผ่านฝ่ามือทั้งสองของตนที่ประคองอยู่แล้วไข่ใบนั้นก็เริ่มดูดเอาพลังชีของเขาเข้าไปอย่างตะกละตะกรามเช่นเคย
ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็ได้เดินกลับไปที่ห้องนอนดังเดิมและเริ่มนั่งขัดสมาธิลงกับพื้นอีกครั้ง
หลงเฉินเริ่มฝึกวรยุทธบ่มเพาะต่อ แต่ครั้งนี้เขาตั้งใจที่จะบ่มเพาะกายาแทนจึงเริ่มถ่ายเทพลังชี้ไปยังฤทัยมารจากนั้นฤทัยมารก็ส่งปราณปีศาจนี้ไปยังร่างกายของหลงเฉินอีกทีเพื่อเสริมสร้างกายาของเขาให้แข็งแกร่งมากขึ้น
“ดูเหมือนมีบางอย่างมถูกต้อง! ความเร็วในการแปลงพลังชื่นี้รวดเร็วเกินไป.. มันรวดเร็วกว่าครั้งก่อนหน้านี้มาก!
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปในระหว่างที่กาลังฝึกอยู่..
เขาหยุดชะงักกลางคันทันที และรีบใช้ญาณหยั่งรู้ของตนตรวจสอบเข้าไปภายในห้วงฝึกยุทธของตนเองอย่างรวดเร็ว.
หลงเฉินสํารวจห้วงฝึกยุทธของตนเองอย่างละเอียดและพบว่ามีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจิตวิญญาณผู้ฝึกยุทธและแก่นปราณโลหิตของเขายังคงเหมือนเดิม มีเพียงฤทัยมารเท่านั้นที่แตกต่างไป
นั่นเพราะเวลานี้ ฤทัยมารมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูคล้ายกับรังไหมสีแดงห่อหุ้มอยู่และมันก็กําลังเต้นเป็นจังหวะด้วย
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?! นี่มันคืออะไรกันแน่?”หลงเฉินร้องอุทานอยู่ภายในใจพร้อมกับจับจ้องอยู่ที่ฤทัยมาร
หลังจากเฝ้าสังเกตอยู่ครู่หนึ่ง และพบว่ามีมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงอีกหลงเฉินจึงรีบถอนญาณหยั่งรู้ออกมาจากห้วงฝึกยุทธของตน
“ซุน!”
เขากระซิบเรียกซุนอยู่ในใจ และเปิดให้ซุนได้เข้าถึงห้วงความคิดของตนเขามต้องการสนทนากับซุนดังเช่นปกติเพราะเวลานี้มีหลู่หมิงอยู่ในห้องด้วย
“ในที่สุดเจ้าก็ยอมให้ข้าเข้าถึงหัวงความคิดของเจ้าแล้วสินะ!เอาล่ะ.. มีอะไรก็ว่ามา” ซุนเอ่ยถามขึ้นในห้วงความคิดของหลงเฉิน
“ฤทัยมารของข้าน่ะสิ! มันดูแปลกประหลาดไปจากเดิมข้าพบว่าเวลานี้มันมีบางสิ่งบางอย่างคล้ายกับรังไหมสีแดงห่อหุ้มอยู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลงเฉินเอ่ยถามซุนทันที
“นี่นับเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็นับว่าเป็นทั้งข่าวข่าวดีและข่าวร้ายของเจ้าในคราวเดียว!” ซุนเอ่ยตอบด้วยน้ําเสียงเคร่งเคียดกว่าเดิม
“น. เจ้าช่วยบอกข้ามาตรงๆเลยจะได้หรือไม่?ข่าวดีที่ว่าคืออะไร?และข่าวร้ายที่ว่าคือะไร?”หลงเฉินเอ่ยถามอีกครั้ง
“เอาล่ะ.. ข่าวดีที่ว่านี้ก็คือเจ้าจะมิต้องกังวลเรื่องฤทัยมารไปได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง และหลังจากช่วงเวลานี้สิ้นสุดลงแล้วการบ่มเพาะกายาของเจ้าก็จะยิ่งก้าวหน้าได้รวดเร็วกว่าก่อนมากเรียกได้ว่ามากๆๆเลยที่เดียว!”
แต่ก่อนที่หลงเฉินจะทันได้เอ่ยถามอันใด เสียงของซุนก็ดังขึ้นต่อทันที..
4… และข่าวร้ายก็คือ หลังจากนั้นความกังวลใจของเจ้าก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน นั่นเพราะเมื่อเวลาที่การบ่มเพาะกายาของเจ้าก้าวหน้าได้รวดเร็วขึ้นนั้นก็เป็นเวลาที่ฤทัยมารของเจ้าได้ก้าวหน้าไปอีกขั้นด้วยเช่นกัน..”
“ฤทัยมารก้าวหน้าไปอีกขั้นงั้นรึ?เช่นนั้นจะส่งผลอย่างไรต่อข้าอีก?”หลงเฉินร้องถามด้วยน้ําเสียงที่เป็นกังวลยิ่ง
“เรื่องนี้เจ้าเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว มว่าจะฝึกฝนวิชาใดก็ตามเมื่อใดที่ประสบความสําเร็จและก้าวหน้าไปอีกขั้นย่อมหมายความว่าย่อมต้องมีพลังและแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ฤทัยมารของเจ้าก็เช่นกัน..”ซุนเอ่ยตอบ
“ข้าควรจะหยุดฝึกวิชากายาราชั้นปีศาจกลางคันดีหรือไม่?”หลงเฉินเอ่ยถาม
“เจ้ามจําเป็นต้องทําเช่นนั้น เพราะเวลานี้เจ้ามิสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีกแล้ว! เจ้าคงจะต้องฝึกวิชานี้ต่อไปเช่นเดิมช่วงเวลาเดียวที่ฤทัยมารจะอยู่ในการควบคุมของเจ้าก็คือช่วงนี้..” ซุนเอ่ยตอบ
“เอาล่ะ..ข้าพอจะเข้าใจแล้ว! ขอบคุณเจ้ามากซุน!” หลงเฉินเอ่ยตอบและทําการปิดมิให้ซุนเข้าถึงห้วงความคิดของตนอีก
เขาเริ่มฝึกบ่มเพาะกายาของตนอีกครั้งและครั้งนี้เขาได้ฝึกต่อเนื่องยาวนานเกือบสองชั่วยามเลยทีเดียวเมื่อรู้สึกว่าควรจะเพียงพอสําหรับวันนี้แล้วเขาจึงได้หยุด
“เอาล่ะ ได้เวลาที่จะต้องงบเอาแรงหน่อยแล้ว!”
หลงเฉินพึมพํากับตัวเอง จากนั้นจึงนําเสื่อออกมาจากแหวนบรรจุเพื่อปูนอนกับพื้น
“นี่ข้าฝันงั้นรึ?!”
หลงเฉินพึมพํากับตนเอง เมื่อพบว่าตนเองกําลังอยู่ในเมืองที่ไม่รู้จักแห่งหนึ่งเขาพยายามที่จะสนทนาและสื่อสารกับผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่เต็มไปหมด แต่กลับมีมีผู้ใดสนใจเขาเลยราวกับว่าเขามิได้มีตัวตนอยู่บนโลกใบ
นั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ข้าฝันไปหรือนี่.. หากเป็นความฝันจริงก็เป็นความฝันที่เสมือนจริงยิ่งนัก เหมือนกับเมื่อครั้งที่ข้าเคยฝันอยู่ที่ผาสวรรค์”
หลงเฉินพึมพํากับตัวเอง และยังคงเดินไปทั่วเมืองต่อไปเรื่อยๆ
เมืองนี้มีสถาปัตยกรรมที่งดงามหลายแห่งอีกทั้งยังมีพลังชีหนานแน่นอย่างมาก ผู้คนที่เดินขวักไขว้กันอยู่นั้นก็ดูราวกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งยิ่ง
หลงเฉินหยุดนิ่งอยู่บนถนน เพื่อยืนรอใครบางคนที่ดึงดูดความสนใจของเขายิ่งนัก..
เด็กหนุ่ม.. เด็กหนุ่มที่ดูเหมือนอยู่ในวัยเพียงแค่สิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้นเด็กหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากคนอื่นๆที่เดินอยู่บนท้องถนนเขาสวมเสื้อผ้าฉีกขาดหลุดรุ่ยแม้ร่างกายจะดูซูบผอมคล้ายขาดอาหารการกินที่ดีแต่ใบหน้าของเขากลับยิ้มแย้มและยังคงเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขายิ่งนัก คล้ายกับว่าเคยพบเจอเขามาก่อน?”หลงเฉินจ้องมองเด็กหนุ่มผู้นั้นพร้อมกับรําพึงรําพันออกมา
หลงเฉินรู้สึกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้ยิ่งนักเขายังคงเดินมุ่งหน้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปถึงกําแพงซึ่งล้อมรอบบ้านใหญ่หลังหนึ่ง
“สํานักดารา!” หลงเฉินอ่านป้ายที่ติดอยู่ด้านหน้า
“อ่อ.. ที่แท้ก็เป็นสํานักสอนวรยุทธนี่เองนี่เขาคงต้องการที่จะร่ําเรียนวรยุทธสินะ?” หลงเฉินเอ่ยออกมายิ้มๆ
แม้ด้านในจะเป็นบ้านหรูหราใหญ่โตแต่กําแพงที่ล้อมรอบกลับมิได้สูงมากมาย เพียงแค่หนึ่งเมตรครึ่งเท่า
หลงเฉินเห็นเด็กหนุ่มหยิบกล่องไม้ที่วางอยู่มาวางข้างกําแพงก่อนจะปีนขึ้นไปเหยียบและมองเข้าไปด้านใน
“นี่เขาคิดจะทําอะไรกันแน่?”
หลงเฉินยังคงคุยกับตัวเอง เมื่อเห็นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มหันมองไปทั้งโน้นที่ทางนั้นที่ คล้ายกับว่ากําลังมองหาอะไรบางอย่างอยู่และแล้วสายตาของเด็กหนุ่มก็จับจ้องแน่นิ่งไปทางทิศหนึ่งประหนึ่งว่าพบเจอสิ่งที่กําลังมองหาแล้วรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
“ไปดูดีกว่าว่าเขาพบเห็นอะไรกันแน่!” หลงเฉินยิ้มออกมาพร้อมกับกระโดดขึ้นไปบนกําแพง
หลงเฉินหันมองไปยังทิศทางเดียวกับที่เด็กหนุ่มจ้องมองอยู่และพบเห็นเด็กสาวคนหนึ่งในวัยเดียวกันกําลังฝึกวรยุทธต่อสู้อยู่พอดี
“นั่นคนรักของเขางั้นรึ?” หลงเฉินถึงกับยิ้มออกมาเมื่อเห็นสายตาของเด็กหนุ่มที่จ้องมองหญิงสาวด้วยความห่วงใจ
“นั่นใคร!! ผู้ใดกันกล่ามาแอบมอง!!”
เด็กหนุ่มที่กําลังฝึกวรยุทธอยู่ด้านในร้องตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อพบเห็นเด็กหนุ่มผมแดงสวมใส่อาภรณ์ขาดวิ่นกําลังแอบมองเด็กสาวผมสีฟ้าฝึกวรยุทธอยู่เสียงร้องตะโกนของเขานั้นทําให้ทุกคนที่อยู่ด้านในสนอกสนใจขึ้นมาทันทีจากนั้นสายตาทุกคู่ก็จับจ้องมาทางเด็กหนุ่มผมแดง
“นั่นมันเจิ้นมิใช่รี?” ใครบางคนร้องตะโกนขึ้น