เทพปีศาจผงาดฟ้า - ตอนที่ 160
ตอนที่ 160 ไม่สร้างปัญหา
“ข้า.. ข้าคิดว่าเขาคงจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่าง และต้องการช่วยเหลือข้า แต่ว่า.. ข้าเกลียดเขา ข้าเกลียดเขามาก!” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบหลงเฉินด้วยน้ําเสียงที่โกรธเกรี้ยวและระอุด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากมาย
“นี่.. เจ้ารู้หรือไม่ว่า เวลาที่เจ้าโมโหเกรี้ยวกราดเช่นนี้ หน้าตาของเจ้าดูไม่งดงามเลย เจ้าควรจะต้องยิ้มมากๆ เพราะรอยยิ้มจะทําให้เจ้ายิ่งงดงามกขึ้น” หลงเฉินรับเปลี่ยนเรื่องทันทีและพยายามที่จะทําให้หญิงสาวอารมณ์ดีขึ้น
“ยิ้มงั้นรึ?”
องค์หญิงหมิงยู่พิมพ์และพยายามที่จะฝืนยิ้มออกมา แต่แล้วใบหน้าของผู้เป็นพี่ก็ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของนางน้ําตาของนางเริ่มไหลออกจากดวงตา เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันภายในวังนางกําลังนึกถึงภาพที่ตนเองกับพี่ชายกําลังช่วยกันจัดเตรียมงานแต่งงาน
“โอ้สวรรค์.. นี่ข้าทําให้เจ้าร้องไห้อีกแล้ว? ไม่ว่าข้าเอ่ย
กล่าวอะไรก็ทําให้เจ้าต้องร้องไห้ไปเสียทุกที่..” หลงเฉินพิมพ์ออกมาด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด
“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไปเถิดแม่นาง คิดถึงเรื่องในวันข้างหน้าแทนดีกว่า พยายามอยู่อย่างมีความสุขให้มากเพราะการร้องไห้มิเคยทําให้ผู้ใดเข้มแข็งขึ้น” หลงเฉินบอกกับองค์หญิงหมิงยู่ที่ดูเหมือนจะกําลังตั้งใจฟังค่าพูดของเขาอยู่
“นี่เจ้ารู้สึกหิวบ้างหรือยังล่ะ?” หลงเฉินเอ่ยถามยิ้มๆ
“ยังเลย..” องค์หญิงหมิงยู่ส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธแต่หลงเฉินก็ไม่สนใจ เขาโยนผลไม้ในมือให้นางและนางก็รีบรับไว้ทันที
“รีบกินเข้าไปสิ! ขายังต้องรีบออกเดินทางไปสถานที่บางแห่ง”หลงเฉินเอ่ยบอกองค์หญิงหมิงยู่ในระหว่างเดินตรงไปที่มาของตนและจัดแจ้งสิ่งของเตรียมพร้อมสําหรับการเดินทาง
“น่าแปลก.. น่าแปลกมากจริงๆ.. แม่นางผู้นี้หน้าตางดงามยิ่งนักอีกทั้งข้ายังได้ใกล้ชิดนางถึงเพียงนั้นแต่เหตุใดครั้งนี้ฤทัยมารของข้ากลับสงบนิ่งมีสร้างปัญหาให้ข้าอีกนะ?” หลงเฉินพึมพําออกมาขณะที่ยืนอยู่ข้างๆม้า
“เหตุใดเจ้าต้องสงสัยด้วย? หรือเจ้าอยากให้ฤทัยมารสร้างปัญหาให้กับเจ้า?เจ้าจะได้ตอบสนองความใคร่ของตนเองได้อย่างเต็มที่!”เสียงหัวเราะคิกคักและเสียงพูดของซุนดังขึ้นข้างหูของหลงเฉิน
“หาใช่เช่นนั้นไม่.. ข้าเพียงแค่นึกประหลาดใจก็เท่านั้นเอง!”หลงเฉินพิมพ์ตอบกลับไป
หลงเฉินปืนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าแล้วจึงขี่ตรงเข้าไปหาองค์หญิงหมิงยู่ที่กําลังกินผลไม้ที่เขาให้ไปอยู่
“เอาล่ะ.. ออกเดินทางกันได้แล้ว!”
หลงเฉินร้องตะโกนบอกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยื่นมือออกไปช่วยองค์หญิงหมิงยู่ให้ขึ้นมานั่งบนหลังม้า
“ขอบคุณท่านมาก” องค์หญิงหมิงยู่คว้ามือของหลงเฉินไว้และปีนขึ้นไปนั่งบนหลังม้าด้านหลังจากนั้นหลงเฉินก็เริ่มควบม้าออกไปโดยมีองค์หญิงหมิงยู่นั่งเบียดอยู่กับแผ่นหลังของเขา
“ม้านวิ่งช้าจัง..” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยบอกด้วยน้ําเสียงอ่อนโยนหลังจากที่ออกเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง
“ดินแดนนี้หาใช่ดินแดนที่มีพลังวิญญาณเต็มเปี่ยมดังเช่นที่แคว้นขององค์หญิงแล้วข้าเองก็มิได้ร่ํารวยเช่นเดียวกับองค์หญิงนี่เป็นม้าที่ดีที่สุดเท่าที่ข้าจะสามารถซื้อหาได้แล้ว!”หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆและพยายามที่จะเร่งความเร็วมาให้สูงขึ้น
“ท่านอย่าได้เรียกข้าว่าองค์หญิงอีกจะได้หรือไม่?” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยบอกด้วยน้ําเสียงอ่อนโยน
“นั่นสินะ!! ข้าลืมถามชื่อเสียงเรียงนามของเจ้าแม่นาง.. เจ้าช่วยบอกนามอันไพเราะของเจ้าให้ข้ารู้บ้างจะได้หรือไม่?”หลงเฉินเอ่ยถามโดยมิได้หันหลังกลับไปมอง
“ข้าชื่อหมิงยู่ “องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบในระหว่างที่จ้องมองต้นไม้ที่ผ่านไปต้นแล้วต้นเล่า
“ยินดีที่ได้รู้จักองค์หญิงหมิงยู่ ข้านามว่าหลงเฉิน..”หลงเฉินเอ่ยแนะนําตนเอง
“นี่ท่านเรียกข้าว่าองค์หญิงอีกแล้วนะ.. หยุดเรียกข้าเช่นนั้นเสียที!” หลู่หมิงยู่เอ่ยบอกหลงเฉินและแสร้งทําสีหน้าโมโห
“เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าเรียกขานเจ้าเช่นใด?”หลงเฉินเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เรียกชื่อข้าก็ได้..” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบหลงเฉินพร้อมกับยิ้มออกมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะเรียกเจ้าว่ายู่เอ่อก็แล้วกัน..”หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
หลู่หมิงยู่ถึงกับนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินหลงเฉินเรียกตนเองเช่นนั้นนางอ้าปากคล้ายต้องการจะเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมาแต่ก็มรู้ว่าจะต้องพูดอะไร
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าก่อนที่เจ้าจะหมดสติไปนั้นหลังจากที่เจ้าสัมผัสกับมือของข้านัยน์ตาของเจ้าได้เปลี่ยนเป็นสีขาว?” หลงเฉินเอ่ยถามขึ้นทันทีเมื่อนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้
“งั้นรี?! ข้ามเห็นรู้เรื่องนี้เลย..” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบเพียงแค่นั้นหลังจากตัดสินใจที่จะมิเล่าเรื่องกายพิเศษของตนให้หลงเฉินฟัง
“ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยจะได้หรือไม่?”หญิงสาวเอ่ยถามหลงเฉินเพื่อต้องการที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย
“ได้ส์ เจ้าถามมาได้เลย” หลงเฉินเอ่ยตอบยิ้มๆ
“คําถามที่ข้าจะถามนี้ เป็นเพียงแค่เรื่องสมมติเท่านั้น..เจ้าคิดว่าจะมีสิ่งใดบ้างที่จะทําให้เจ้าถึงกับคุกเข่าร้องห่มร้องไห้ได้?เจ้ามีคนรักหรือมีสิ่งที่รักหรือไม่?”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามในขณะที่กําลังนึกถึงภาพสุดท้ายที่นางพบเห็น
“เอ่อ.. นี่นับเป็นคําถามที่แปลกประหลาดยิ่งนัก!เอิ่ม.. น่าจะเป็นเรื่องที่ข้าต้องสูญเสียบุคคลที่รักมากไปหากเป็นเรื่องอื่นๆข้าคงจะมเสียใจมากเช่นนั้น..”หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดหลงเฉินก็เอ่ยตอบไป
“นี่เจ้ายังมิมีคนรักงั้นรึ?” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถาม
“เจ้าถามเช่นนี้เพราะมิเห็นหญิงสาวรอบกายข้าสินะนี่เจ้าคงคิดว่าข้ามมีคนรักสินะ? ผิดแล้ว.. ข้ามีมากมายเชียวล่ะ!” หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“แต่ขากลับรู้สึกว่าเจ้ายังมิมีผู้ใดเลย..”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบยิ้มๆ
“เช่นนั้นก็แล้วแต่เจ้าจะเชื่อ..ฮ่าๆๆๆ”หลงเฉินเอ่ยตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน
แต่แล้วจู่ๆ สัตว์อสูรน้อยตัวหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าทําให้หลงเฉินต้องหยุดมาอย่างกะทันหันม้ายกเท้าทั้งสองขึ้นทําให้องค์หญิงหมิงยู่ถึงกับตกใจและรีบกอดร่างของหลงเฉินซึ่งอยู่ตรงหน้าไว้แน่นเพื่อมิให้ร่างของต นร่วงหล่นลงจากหลังม้า
หลงเฉินสัมผัสได้ถึงหน้าอกอ่อนนุ่มที่เบียดเสียดอยู่กับแผ่นหลังของตนเขาถึงกับแน่นิ่งตัวแข็งไปเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับมาจ้องมองเนินอกขาวผ่ององค์หญิงหมิงยู่รีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมเนินอกของตนไว้ทันทีเวลานี้หลงเฉินสัมผัสได้ว่าเฉินน้อยของเขาก่าลังตื่นขึ้นแล้ว
“นี่ท่านคิดที่จะทําอะไรกันแน่? เหตุใดจึงได้หยุดม้ากะทันหันเช่นนี้?”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เมื่อคร่มีสัตว์อสูรน้อยวิ่งตัดหน้าม้าของข้าน่ะสิข้าจึงต้องหยุดม้ากะทันหันเช่นนี้!” หลงเฉินรีบอธิบายให้องค์หญิงหมิงยู่ฟัง
“อ่อ.. งั้นรี!” องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยตอบพร้อมกับพยักหน้า
หลงเฉินกับองค์หญิงหมิงยู่เดินทางต่อไปอีกกว่าครึ่งวันระหว่างทางก็สนทนากันในเรื่องต่างๆไปด้วย ทําให้ ทั้งคู่เริ่มรู้จักกันมากขึ้นและระหว่างทางหลงเฉินก็แกล้งหยุดม้าอย่างกะทันหันหลายต่อหลายครั้งเขาเริ่มรู้สึกพึงพอใจกับการที่องค์หญิงหมิงยู่กอดร่างของเขาแนบชิดเช่นนั้น
“ดูเหมือนพวกเราจะมาถึงเขตแดนของจักรวรรดิหวนจอแล้วล่ะ..”หลงเฉินเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นกําแพงเมืองตรงหน้า
เขาจัดการบังคบม้าให้เปลี่ยนทิศทาง..
“ประตูทางเข้าเมืองน่าจะอยู่ด้านหน้าเหตุใดท่านจึงบังคับม้าไปทิศทางอื่นเล่า?”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสงสัย
“ข้าไม่มั่นใจว่าพวกเราจะสามารถเข้าทางประตูเมืองปกติได้หรือไม่น่ะสิก็เลยจะชวนเจ้ากระโดดข้ามกําแพงเมืองแทนแล้วข้าก็ท่าเช่นนี้เป็นประจํา” หลงเฉินตอบกลับยิ้มๆ
“แต่.. ข้าสงสัยว่าเหตุใดท่านจึงต้องกระโดดข้ามกําแพงด้วย?แล้วท่านจะกระโดดข้ามกําแพงที่สูงเช่นนี้ไดอย่างไรในเมื่อท่านเองยังมิได้เข้าสู่อาณาจักรราชันสวรรค์ซึ่งสามารถเหาะไปบนอากาศได้? แล้วบ้านเล่า.. ท่านจะทิ้งมันไว้ที่นึ่งั้นรึ? มันไม่มีทางกระโดดข้ามกําแพงเมืองได้แน่!”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยถามหลงเฉินด้วยความสงสัยใคร่รู้อย่างที่สุด
“นั่นสินะ..ข้าลืมเรื่องม้าตัวนี้ไปเสียสนิท!” หลงเฉินเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มแก้เก้อ ก่อนจะบังคับม้าให้เปลี่ยนทิศทางกลับไปทางเดิม
“ข้าเคยมีปัญหากับทหารที่เฝ้าประตูเมือง ก็เลยเลือกที่จะเข้าเมืองด้วยเส้นทางอื่นแต่ครั้งนี้คงต้องขี่ม้าเข้าเมืองตามปกติแล้วล่ะ!”หลงเฉินเอ่ยบอกพร้อมกับควบม้ามุ่งหน้าไปยังประตูเข้าเมือง
หลงเฉินและองค์หญิงหมิงยู่ผ่านเข้าประตูเมืองด้วยการจ่ายค่าผ่านทางอย่างง่ายดาย
“วิธีนี้ง่ายกว่าตั้งมากมายต่อไปท่านควรเข้าเมืองด้วยเส้นทางปกติ”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยยิ้มๆ
“ข้าเองก็ดีใจที่ทหารที่นี่ไม่เรื่องมากในที่สุดพวกเราก็มาถึงจักรวรรดิหวนจอแล้วเดินทางผ่านเมืองอีกสักสองสามเมืองก็จะถึงเมืองสายฟ้าแล้วสินะ”หลงเฉินเอ่ยบอก
“พอจะมีผู้ใดรู้จักเส้นทางไปแคว้นเอสเทอเรียบ้างหรือไม่นะ?อย่างน้อยข้าก็จะได้รู้สึกสบายใจบ้างหากรู้ว่าเวลานี้ตนเองกําลังอยู่ที่ใดกันแน่”องค์หญิงหมิงยู่เอ่ยบอกหลงเฉิน
“ข้าพอรู้ว่าจะสอบถามจากที่ใดได้บ้าง..เพียงแต่คงต้องรอให้ถึงวันพรุ่งนี้เสียก่อน วันนี้ค่อนข้างสายแล้ว พวกเราควรต้องหาโรงเตี้ยมนอนพักสักคืนก่อน”หลงเฉินเอ่ยตอบองค์หญิงหมิงยู่ในขณะที่ยังคงควบม้าไปเรื่อยๆ
“อภัยด้วย.. มิทราบว่าท่านพอจะแนะนําโรงเตี้ยมในเมืองนี้ให้กับพวกเรารู้บ้างจะได้หรือไม่?”หลงเฉินร้องเรียกใครคนหนึ่งที่เดินอยู่ข้างทาง พร้อมกับเอ่ยถามออกไป
“อ่อ.. นี่ท่านคงจะเพิ่งเคยเดินทางมาที่นี่เป็นครั้งแรกสินะที่เมืองนี้มีโรงเตี้ยมอยู่ทั้งหมดสามแห่ง มีที่นั่น…”ชายหนุ่มผู้นั้นเอ่ยตอบหลงเฉินพร้อมกับชีบอกเส้นทางของแต่ละโรงแรมให้รู้
“ขอบคุณท่านมากสําหรับค่าแนะน่า..”หลงเฉินเอ่ยขอบคุณชายหนุ่มพร้อมกับควบม้าจากไป
หลงเฉินควบม้าไปยังโรงเตี้ยมแห่งแรกแต่ปรากฏว่ามีผู้พักเต็มแล้วเขาจึงไปยังโรงเตี้ยมที่สองและก็ต้องรู้ สึกผิดหวังอีกครั้ง
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโรงเตี้ยมทั้งสองแห่งเต็มหมดดูท่าเมืองชายแดนแห่งนี้คงจะมีผู้คนพลุกพล่านมากมายเต็มไปหมด”หลงเฉินเอ่ยขึ้น
“หวังว่าโรงเตี้ยมที่สามจะพอมีห้องว่างให้พวกเราได้พักบ้างหาไม่แล้วคงต้องไปนอนในป่าแทน” หลงเฉินเอ่ยต่อในระหว่างที่ควบม้าไปยังโรงเตี้ยมแห่งที่สาม
“โรงแรมนักรบ..”
หลงเฉินอ่านชื่อโรงเตี้ยมแห่งที่สามของเมืองชายแดนแห่งนี้จากนั้นเขาและองค์หญิงหมิงยู่ก็เดินเข้าไปด้านใน และฝากม้าไว้ที่โรงม้าของทางโรงแรม
“มีห้องพักว่างหรือไม่?” หลงเฉินเอ่ยถามคนที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ด้านหน้า
“มีๆ เชิญนายท่านข้างในได้เลย” คนที่ยืนต้อนรับแขกเอ่ยตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ขอบคุณสวรรค์!! ในที่สุดก็มีห้องพักจนได้ ข้าต้องการสองห้องราคาเท่าไหร่งั้นรึ?” หลงเฉินเอ่ยบอกยิ้มๆ
“อภัยด้วยนายท่าน ตอนนี้โรงเตี้ยมของเราเหลือห้องพักเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น!” เด็กในโรงเตี้ยมที่ทําหน้าที่ต้อนรับแขกเอ่ยตอบ