ยอดหญิงแห่งวังหลัง - ตอนที่ 82.1
ตอนที่ 82-1แฟนเก่า
เสียงกระแอมเบา ๆ ของหลี่เว่ยหยางทําให้จิวหยินเหนียงสะดุ้งทันทีแต่ไม่กล้ากล่าวอะไรและทําแค่เพียง ก้มหน้า
“เกิดอะไรขึ้น! ไปเรียกพ่อบ้านมาสิ!” ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้วขณะที่เปล่งน้ําเสียงที่ต่ําแต่รุนแรง
ใบหน้าของจิวหยินเหนียงซีดไปและพยายามหลบสายตาผู้คนอยู่ตลอดเวลา ขณะที่หูของนางยังคงรับฟัง ความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่นั่น
ครู่ต่อมาพ่อบ้านก็รีบเข้ามารายงานว่า
“เวทีถล่มและหลังจากตรวจดูอาการบาดเจ็บของนักแสดงแล้วพบว่าค่อนข้างรุนแรง บ่าวเกรงว่าวันนี้เขาจะ ไม่สามารถแสดงต่อได้แล้ว”
ในเวลานี้ทุกคนเห็นว่าร่างของนักแสดงผู้นั้นเต็มไปด้วยเลือดและกําลังถูกหามขึ้น
หลี่จางเล่อถอนหายใจเมื่อมองเห็นเขาโบกมือให้กับบรรดาผู้ชมอย่างแผ่วเบา พร้อมกับรอยยิ้มตื้น ๆ ที่ปรากฏบนใบหน้าของนาง
“ช่างน่าสงสาร”
ใบหน้าที่เนียนใสราวกับหิมะของจิวหยินเหนียงแสดงอาการตื่นตระหนกอยู่ชั่วครู่ และหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กล่าวว่า
“ใช่น่าสงสารจริง ๆ ” เมื่อหญิงสาวกล่าวแล้วก็ปิดปากของตนเองและไม่กล่าวอันใดอีกเลย
หลี่จางเล่อเม้มริมฝีปากสี ชมพูของนางเบา ๆ และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อมาถึงจุดนี้ที่นักแสดงได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เวทีถล่ม และมีเลือดไหลอยู่ทุกที่ที่ไม่มีใครสามารถชมการแสดงต่อไปได้ ฮูหยินใหญ่ยืนขึ้นและสั่ง
“ให้เงินกับนักแสดงมากขึ้นแล้วบอกให้เขาดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
พ่อบ้านจึงกล่าวว่า
“น้อมรับคําสั่ง ฮูหยินใหญ่ช่างมีความเมตตา บ่าวจะรีบไปจัดการทันที”
หลี่จางเลอยืนขึ้นพร้อมกับฮูหยินใหญ่ ขณะที่ปิ่นปักผมสีทองบนศีรษะของนางสะท้อนแสงเจิดจ้า
ความงามอันน่าทึ่งของหญิงสาวผู้นี้ทําให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงดอกโบตั๋นซึ่งเป็นความงามที่อ่อนหวานและละมุนละไม เมื่อนางมองไปที่จิวหยินเหนียงแล้วจึงหันกลับมายิ้มพร้อมกับพยุงร่างของฮูหยินใหญ่ จากนั้น จึงเดินจากไป
หลี่ฉางซีทําหน้าบูดอย่างเย็นชา
“ช่างโชคร้ายเหลือเกิน จัดงานเลี้ยงวันเกิดทั้งที เหตุใดต้องเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้ด้วย!”
หลังจากที่กล่าวจบแล้ว นางก็จูงมือหลุฉางเซียวและเดินจากไปพร้อมกับซื้อหยินเหนียง
เดิมที่มีผู้คนมากมาย แต่ตอนนี้เหลือเพียงแค่หลี่เว่ยหยางและจิวหยินเหนียงสองคน
โดยในดวงตาของจิวหยินเหนียงมีมีความขุ่นมัวขึ้น ขณะที่อดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาที่ตนเองเริ่มฝึกร้องเพลง และมักจะถูกอาจารย์ดและทําโทษเสมอ เพราะร้องเพลงไม่เก่ง ซึ่งในตอนนั้นมีเพียงผู้นั้นเท่านั้นที่ปลอบโยนนาง
ในเวลานั้นนางรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่แผ่วเบาขณะที่ชายหนุ่มจ้องมองมาที่ดวงตาของนางและอดไม่ได้ที่จะเกิดสั่นสะท้านเล็กน้อย
และในขณะนั้นเขาโอบกอดร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขนแน่นจนความร้อนในร่างกายนั้นทําให้เรือนร่างที่บอบบางของนางรู้สึกอุ่นขึ้น และค่อย ๆ เอยตัวลงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม
จากนั้นเขาได้ฝังใบหน้าของตนเองลงมาและวางริมฝีปากลงบนริมฝีปากของนาง … เขา
แต่แล้วเหตุใดท่านอํามาตย์หลี่จึงต้องการตัวนางมาเป็นนางบําเรอ?
จากการแสดงออกของจิวหยินเหนียง จึงสามารถรู้ได้ในทันทีว่านางกําลังตกอยู่ในภวังค์
เมื่อหลี่เว่ยหยางเห็นว่าจิวหยินเหนียงยังคงตกอยู่ในภวังค์ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
“อาการบาดเจ็บของนักแสดงไม่น้อยเลย แต่เป็นการบาดเจ็บภายนอกจึงไม่น่าเป็นห่วงมากเท่าใด”
เมื่อจิวหยินเหนียงได้ยินเสียงเว่ยหยาง หัวใจของนางก็เต้นผิดจังหวะมากขึ้น ขณะที่หันกลับมา
เสื้อผ้าที่สว่างไสวและผิวขาวของหลี่เว่ยหยางทําให้คิ้วของนางดูเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ขณะที่ริมฝีปากแดงยนั้นมีฟันขาว อีกทั้งยังมีขนตาคู่ยาวของนางที่คอยปกป้องดวงตาที่ส่องแสงเย็น ๆ
นางคือคุณหนูสาม หลี่เว่ยหยาง จิวหยินเหลียงพี่แสดงความเคารพและกล่าวว่า
“ใช่แล้ว”
หลี่เว่ยหยางยิ้ม
“จิวหยินเหนียง ในวันนี้ท่านแม่จัดงานเลี้ยงให้ท่านโดยเฉพาะโดยนางตั้งใจอย่างมาก แต่โดยปกติแล้วนางไม่เคยทําเช่นนี้กับผู้ใด”
จิวหยินเหนียงตกใจและไม่กล้ามองไปที่หลี่เว่ยหยาง
คุณหนูสามผู้นี้เป็นบุตรสาวของนางบําเรอ แต่นางได้รับการแต่งตั้งให้เป็นถึงเซียนจูแห่งอันผิงโดยจักรพรรดิ จึงทําให้สถานะในครอบครัวของนางเพิ่มขึ้น จนนางมีตําแหน่งที่สูงกว่าคุณหนูใหญ่ที่มีเสน่ห์
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของนางกับฮูหยินใหญ่ยังคงแย่ลงเรื่อย ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าความสามัคคีและความสงบจะไม่มีอยู่จริง และไม่สามารถเข้ากันได้เหมือนน้ํากับไฟ
จิวหยินเหนียงรู้ดีว่าตนเองควรอยู่ให้ห่างไกลจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนนี้ แต่นางไม่เข้าใจว่า คํากล่าวของหลี่เว่ยหยางนั้นหมายความว่าอย่างไร?
หลี่เว่ยหยางมองไปยังใบ หน้าของจิวหยินเหนียงซึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ได้อธิบายถั่วปัญหาเป็นพิเศษ แต่กล่าวอย่างช้า ๆ ว่า
“หากเวทีไม่มีปัญหา แล้วมันจะถล่มลงมาได้อย่างไร?”
หลังจากกล่าวจบแล้ว หญิงสาวก็ค่อย ๆ เดินไปยังบริเวณเวที
จิวหยินเหนียงดูเหมือนจะตั้งใจฟังคํากล่าวเหล่านั้น ขณะที่ร่างกายของนางเย็นยะเยือกราวกับว่ากําลังตกลงไปในถ้ําน้ําแข็ง
หมิงจนักแสดงศิลปะการต่อสู้ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างและถูกนําตัวกลับไปที่คณะงิ้วเพื่อพักฟื้น
ไม่นานนักหลังจากที่ท่านหมอออกไปแล้ว กลุ่มคนแปลกหน้าก็รีบเข้ามาโดยไม่มีคําอธิบายใด ๆ และเริ่มค้นหาทุกที่ โดยพวกเขาค้นหาซ้ําแล้วซ้ําเล่า แต่ไม่พบสิ่งที่ต้องการ
จากนั้นพวกเขาก็จับตัวหมิงจี้เอาไว้ แม้ว่าศิษย์ของเขาจะพยายามช่วยแต่ก็ไม่เป็นผล ขณะที่พวกเขารีบมัดตัวชายหนุ่มและรีบนําตัวเขาไป
และอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาจิวหยินเหนียงก็ถูกเรียกตัวไปที่บ้าน
ของฮูหยินใหญ่
“ช่างน่าอับอายต่อชื่อเสียงของครอบครัว ในท้ายที่สุดเจ้าก็เป็นเพียงพวกเต้นกินรํากิน เจ้าช่างไม่รู้จักความอับอายและความอัปยศอดสู เหตุใดเจ้าจึงต้องทําในสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนี้ด้วย?!”
จิวหยินเหนียงที่เข้ามาในห้องเมื่อครู่ หลังจากได้ยินคํากล่าวเหล่านั้นแล้ว ใบหน้าของนางก็ซีดขาวด้วย ความตื่นตระหนกขณะที่ทรุดลง โดยพยายามระงับความกลัวในใจอย่างมากและทําความเคารพนายหญิงแห่งบ้านหลี่
“ฮูหยิน..”
ฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตรงหน้า จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดวงตาของจิวหยินเหนียงเปลี่ยนเป็นน้ําตาและทันใดนั้นก็คุกเข่าลงตรงหน้าที่ฮูหยินใหญ่นั่งอยู่พร้อมกับละล่ําละลักว่า
“ฮูหยินข้ามิได้ “
ฮูหยินใหญ่ยกขากรรไกรที่เรียวแหลมขึ้นเล็กน้อยแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง และทันใดนั้นนางก็กล่าวอย่างอ่อนโยนและอบอุ่นว่า
“จิวหยินเหนียงเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“ข้า…ข้า…”
จิวหยินเหนียงกัมลงกับพื้นโดยที่นางไม่สามารถระงับความหวาดกลัวบนใบหน้าของตนเองเอาได้ และกัดฟันแน่นเพื่อกลั้นน้ําตาในดวงตาของตนเอง