การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 171
ตอนที่ 171
โดยปกติแล้ว เกณฑ์มาตรฐานสําหรับตัดสินผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S จะประเมินจาก ระดับเวท ปัจจัยเวท และการควบคุมพลังเวทว่ามีความเสถียรภาพหรือไม่
แต่วิธีที่ใช้ประเมิน ไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป สามารถพลิกแพลงกันได้
เพราะผู้ตื่นขึ้นบางคนมีระดับเวทและปัจจัยเวทไม่ถึงเกณฑ์มาตรฐาน แต่ความสามารถโดยรวมกลับไม่ต่างจากแรงค์ S เลย
ยกตัวอย่างเช่น มิราจ โรอน
เขามีระดับเวทและปัจจัยเวทถึงเกณฑ์ที่กําหนด แต่กลับล้มเหลวในการควบคุมพลังเวท ถึงกระนั้นเขาก็สามารถกลายเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ S ได้อยู่ดี เพราะมีค่าสเตตัสความแข็งแกร่งที่สูงเสียดฟ้า นอกจากนี้เจ้าตัวยังมีความสามารถในการป้องกันสุดกล้าแกร่ง เทคนิคของเขา คือพึ่งพาสกิลที่มีผลเพิ่มความแข็งแกร่งทางร่างกายซ้อนทับกันหลายๆชั้น
เร็กซ์ เฮนสล็อต ก็เป็นตัวอย่างอีกหนึ่งคน
ค่าสเตตัสความคล่องแคล่วของเขาสูงลิ่ว จนผู้ตื่นขึ้นหลายคนอดหัวเราะเยาะไม่ได้ ระดับเวทอยู่ที่ 6 เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าเขาเป็นผู้ตื่นขึ้นแรงค์ A
แต่ก็ไม่มีผู้ตื่นขึ้นหน้าไหนกล้าพูดจาดูแคลนความสามารถของ เร็กซ์ เฮนสล็อต เลย เพราะเขาว่องไวเหนือใคร หากคิดจะประมือต้องมองการเคลื่อนไหวให้ออก ไม่เช่นนั้นได้นอนหยอดน้ําข้าวต้มในโรงพยาบาลแน่
<<พลังเวทกับค่าสเตตัส เป็นตัววัดระดับความสามารถในการต่อสู้ >>
พลังเวทมีความสําคัญเหนือสิ่งอื่นใด ถึงกระนั้นสเตตัสพื้นฐานก็ไม่สามารถมองข้ามได้ ซูฮยอนทราบเป็นอย่างดีว่าสเตตัสพื้นฐานมีประโยชน์กับตัวผู้ตื่นขึ้นมากๆ
แต่ว่า…
<< หากบังคับให้เลือกเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ฉันขอเลือกพลังเวทให้สูงเข้าไว้ดีกว่า >>
ไม่ว่าตัวคุณจะแข็งแกร่งและว่องไวมากแค่ไหน ผ่านการต่อสู้ยากเย็นมานับไม่ถ้วน หรือมีปฏิกิริยาตอบสนองที่เฉียบคม สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจะไร้ประโยชน์โดยทันที หากระดับเวทของคุณต่ําเกินไป
เพราะสกิลทุกอย่างที่ผู้ตื่นขึ้นเปิดใช้งาน ต้องพึ่งพาพลังเวทเป็นหลัก
หากต้องเลือกระหว่างค่าสเตตัสพื้นฐานและพลังเวท ซูฮยนตกลงใจเลือกอย่างหลังมากกว่า และเป็นเหตุผลว่าทําไมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เขาถึงต้องขวนขวายเพิ่มระดับเวทและปัจจัยเวทอย่างเอาเป็นเอาตาย ค่าสเตตัสพื้นฐานของเขาจึงไม่สูงเหมือนผู้ตื่นขึ้นคนอื่นๆ
แต่ซูฮยอนไม่เคยนึกเสียใจ เพราะเขายึดมั่นเส้นทางที่ตัวเองเลือกเดินเสมอ
<< สําหรับฉัน ระดับเวทและค่าสเตตัส ยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก >>
ซูฮยอนไตร่ตรองเรื่องนี้มานานโข ความแข็งแกร่งที่เขาถือครองอยู่ตอนนี้ เพียงพอแล้วจริงๆเหรอ?
คําตอบที่เขาได้ คือ ไม่…
<< หนทางยังอีกยาวไกล กว่าฉันจะไล่ตามความแข็งแกร่งในอดีตได้ทัน >>
ความแข็งแกร่งของซูฮยอนในปัจจุบัน เทียบเคียงกับความแข็งแกร่งในอดีตไม่ได้เลย
มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ที่เขาจะไล่ตามความแข็งแกร่งที่เคยครอบครองในอดีตได้…
<< ฉันต้องพยายามเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า >>
หากพยายามแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมา ยังไม่เป็นที่หน้าพอใจ หนทางเดียวที่ซูฮยอนสามารถทําได้คือต้อง พยายามให้หนักขึ้นกว่าเดิม เอาเข้าจริงๆยังมีทางลัดอีกหนึ่งวิธี ที่สามารถเพิ่มสเตตัสของเขาได้อย่างรวดเร็ว นั้นก็คือชื่อ [อีลิกเซอร์] จากร้านค้า โดยใช้คะแนนความสําเร็จ
[คะแนนความสําเร็จคงเหลือ : 4,985,515]
ซูฮยอนใช้เวลาอยู่ในชั้นที่ 40 นานกว่า 2 เดือน เพื่อเก็บรวบรวมคะแนนความสําเร็จให้ได้มากที่สุด เขาไม่สนว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือตอนกลางคือ ตราบใดที่ร่างกายยังขยับไหว เขาจะอดตาหลับขับตานอน ออกล่ามอนสเตอร์ทั้งวันทั้งคืน
[คุณเข้าสู่โซนปลอดภัย]
[อันตรายจากภายนอกไม่สามารถโจมตีคุณได้]
หลังจากค้นพบโซนปลอดภัย ซูฮยอนได้ทําข้อตกลงร่วมกันกับเผ่าพันธ์มังกรไว้ว่า ตัวเขาจะขอหยุดพักผ่อน ทุกๆ 10 วัน เมื่อใดก็ตามที่ถึงช่วงเวลาพัก เขาจะปลีกตัวกลับสู่โลกแห่งความจริง
ซูฮยอนไม่สามารถละสายตาจากโลกแห่งความจริงได้เลย เนื่องจากอนาคตที่เขาล่วงรู้แปรเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก โชคยังดีหลายวันที่ผ่านมา ไม่มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น
และแล้วเวลาอีก 2 เดือนก็ผ่านพ้นไป
[คะแนนความสําเร็จคงเหลือ : 8,854,455]
คะแนนความสําเร็จที่ปรากฏทนโท่ให้สายตาเห็น เป็นตัวเลขที่มีจํานวนเยอะมาก หลังจากตรวจสอบตัวเลขจนแน่ชัด ซูฮยอนยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
<< ได้เยอะกว่าที่ฉันคาดคะเนไว้อีกนะเนี่ย >>
ระยะเวลาเบ็ดเสร็จที่ซูฮยอนใช้ชีวิตอยู่ในชั้นที่ 40 รวมกันทั้งสิ้น 4 เดือนเต็ม
ซูฮยอนคิดว่าการติดอยู่ในชั้นที่ 40 นานถึง 4 เดือนเต็ม เป็นอะไรที่เสียเวลามาก แต่เพื่อผลประโยชน์ จึงจําเป็นต้องฝืนอยู่ต่อ
<< แม้จะติดอยู่ที่นั่นานเกินไป แต่สเตตัสของฉันเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว….>>
ความแข็งแกร่ง 2 จุด, ความคล่องแคล่ว 1 จุด ,ความอึด 1 จุด
ตัวเลขที่รายงาน คือสเตตัสทั้งหมดที่ซูฮยอนได้รับหลังจากตัดสินใจอยู่ต่ออีก 2 เดือน หากมองแค่ตัวเลข สเตตัสอาจเพิ่มขึ้นไม่เยอะ แต่สําหรับเขานับว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่คุ้มค่า
ตามความคิดเห็นของซูฮยอนแล้ว การเพิ่มสเตตัสให้ได้อย่างน้อย 1 จุด ยากเย็นแสนเข็ญสุดๆ
[ชื่อ : คิมซูฮยอน]
[ปัจจัยเวท : 83]
(ระดับเวท : 8]
[ความแข็งแกร่ง : 89]
[ความคล่องแคล่ว : 90]
[ความอึด : 83]
[สะท้อน : 91]
[สกิล : กระโดด *ขั้นสูง]
[สกิล :จําแลง *ขั้นสูง]
[สกิล : เพลิงพิโรธ]
[…]
[ความเหนื่อยล้า : 41]
หลังจากตรวจสอบสเตตัสของตนเองจนหนําใจ ซูฮยอนแย้มยิ้มออกมาอย่างสุขสม
ในปัจจุบัน สเตตัส [ความคล่องแคล่ว] และ สเตตัส [สะท้อน] ของซูฮยอน ทั้งคู่ตัวเลขแตะทะลุถึง 90 เป็นที่เรียบร้อย ส่วน สเตตัส [ความแข็งแกร่ง] ขาดอีกแค่แต้มเดียวเท่านั้น
ซูฮยอนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับตัวเลข สเตตัส [ความอึด] ของตนเอง โชคยังดีที่ตอนนี้ สเตตัส [ความอึด] ยังไม่จําเป็นสําหรับเขา
ตั้งแต่ชีวิตให้อดีต ซูฮยอนไม่ชอบการต่อสู้ตัวต่อตัวแบบลูกผู้ชายนัก เขาถนัดการต่อสู้โดยอาศัยจังหวะฉาบฉวยเข้าโจมตีมากกว่า ดังนั้นสเตตัสความคล่องแคล่วยิ่งสูงก็ยิ่งดี
<< ถ้าสเตตัสของฉัน แตะถึงเลข 3 หลักได้ คงเป็นอะไรที่สุดยอดมาก >>
เมื่อตัวเลข [สเตตัส] ขึ้นมาถึง 90 จุด การเพิ่มค่า [สเตตัส] ขั้นต่อไปจะยากลําบากยิ่งกว่าเดิมหลายสิบเท่า กว่าจะเพิ่มขึ้น 1 จุด เล่นเอาผู้ตื่นขึ้นเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ทว่าในชีวิตก่อน ซูฮยอนสามารถยกระดับ [สเตตัส] ของตนเอง ให้ไปถึงเลข 3 หลักได้
แม้เรื่องราวจะผ่านมาเนิ่นนาน แต่ซูฮยอนไม่อาจลืมเลือนความรู้สึกตอนนั้นได้ สัมผัสแรกหลังจาก สเตตัส] ของเขาพุ่งทะลุไปถึงเลข 3 หลัก ราวกับว่าร่างกายของตนเองได้กลับมาเกิดใหม่
แค่ [สเตตัส] ความคล่องแคล่ว และ สเตตัส] สะท้อน ไต่มาถึง 90 ซูฮยอนยังสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนขึ้นกว่าเมื่อก่อน จะเกิดอะไรขึ้นหาก สเตตัส] ทั้งหมดของเขาเพิ่มไปถึง 100 ได้??…
<< คงต้องปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอนาคต >>
ซูฮยอนเงยหน้ามองท้องฟ้า
ก้อนเมฆดํามืดที่เคยปกคลุมทั่วท้องฟ้าค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด บ่งบอกว่ามอนสเตอร์และสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ตายไปเกือบหมดแล้ว
[อัตราความสําเร็จ: 99.98%]
โคุณจะยุติการทดสอบหรือไม่?]
เหลืออีกเพียงนิดเดียว อัตราความสําเร็จของซูฮยอนก็จะสมบูรณ์แบบ
ซูฮยอนพึ่งบรรลุอัตราความสําเร็จ 99 เปอร์เซ็นต์ เมื่อประมาณ 5 วันที่แล้ว เหตุผลที่เขายังอยู่ในโลกชั้นที่ 40 ต่อเพราะต้องการออกค้นหามอนสเตอร์อีก 2-3 ตัว และสังหารพวกมัน การทดสอบที่กินเวลาไปมากกว่า 4 เดือนจะได้ยุติลงเสียที
เพื่อเพิ่มอัตราความสําเร็จให้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์ ซูฮยอนเลยตัดสินใจยืดเวลาอยู่ในโลกนี้ต่ออีก 5 วัน
<<ฉันนึกไม่ถึงจริงๆว่าการตามหาตัวมอนสเตอร์ที่ยังรอดชีวิตจะใช้เวลานานขนาดนี้ >>
มอนสเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งต่ํา มักซ่อนตัวอยู่สถานที่ห่างไกลจากสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์อื่น พวกมันจึงมีความชํานาญในการหลบหนี ขาดอีกแค่ติดเดียว ประมาณ 0.02 เปอร์เซ็นต์ การทดสอบของซูฮยอนก็จะเสร็จสมบูรณ์ แม้ตัวเลขจะดูน้อย ทว่ามันเป็นงานที่ยากลําบากเอาเรื่อง ไม่สิ พูดให้ถูก ต้องบอกว่างานไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น แต่มันต้องใช้เวลานานหน่อยกว่าจะดันอัตราความสําเร็จให้ถึง 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
“ถึงเวลาที่ผมต้องบอกลาผู้อาวุโสแล้วแหละ”
“บอกลา? เจ้าวางแผนจะไปที่ใดต่อร์?”
การบอกลาอย่างกะทันหันจากซูฮยอน ทําเอาบล็องก์ผงะหงายไปพักหนึ่ง จนอดถามไม่ได้ว่าซูฮยอนจะไปที่แห่งหนไหน…
ซฮยอนคิดไม่ออกเช่นกัน ว่าควรตอบคําถามบล็องก์กลับไปยังไง ได้แต่ส่ายหัว..
บล็องก์เห็นดังนั้นก็ยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากจะพูด เขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปคาดคั้น
“ไม่สําคัญว่าเจ้าจะไปที่ใด เจ้ามีจุดหมายปลายทางต่อไปแล้วใช่หรือไม่?”
“มีแล้วครับ”
โลกแห่งความจริงยังปกติสุขดี และ มีการทดสอบชั้นถัดไปรอคอยเขาอยู่
ซูฮยอนมีสถานที่อีกหลายแห่งต้องไปเยือน ยิ่งไปกว่านั้นเขาหยุดชะงักอยู่ในการทดสอบชั้นที่ 40 นานเกินไปแล้วด้วย
เมื่อบล็องก์ไม่ได้กล่าวถามอะไรต่อ ซูฮยอนจึงร้องเรียกมิรุที่กําลังหยอกล้อกับมังกรตัวหนึ่งอยู่ด้านหลัง
“มิรุ”
“มาหาฉันก่อนแป๊ปนึง”
มิรุที่เห็นซูฮยอนกําลังกวักมือเรียก รีบกางปีกบินไปหาอย่างฉับไว เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง เพื่อให้ระดับสายตาของทั้งคู่พอดีกัน
“มิร นายตัดสินใจเอาเอง ว่าจะอยู่กับฉันต่อ หรือว่า…”
ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีคําถามหนึ่งที่วกวนอยู่ในหัวและทรมานจิตใจซูฮยอนซ้ําแล้วซ้ําเล่า บางครั้งเกิดความลังเลว่าควรถามดีไหม…
“หรือนายจะอยู่ที่นี่?”
คิ้ว!!
มิรุส่ายหัวซ้ายขวาปฏิเสธคําถามของซูฮยอนโดยทันที
“นายไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆเหรอ?”ซูฮยอนพูดสําทับอีกครั้ง
มิรุยังคงส่ายเหมือนเดิม
คําตอบที่หนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลงของมิรุ ส่งผลให้ซูฮยอนเกิดความสงสัย…
“ทําไมนายถึงไม่อยากอยู่ที่นี่ล่ะ? อยากบอกนะว่านายเกลียดที่แห่งนี้?”
คิ้ว!!
มิรุคํารามออกมาสั้นๆ พร้อมเอาหน้าถูแขนของซูฮยอนขึ้นลง แสดงความปรารถนาว่ามันต้องการไปกับเขามากกว่า และยังบอกเป็นนัยๆอีกว่ามันไม่ได้เกลียดชังสถานที่แห่งนี้เลย เหตุผลที่มิรุไม่อยากอยู่ที่นี่ เพียงเพราะซูฮยอนไม่อยู่กับมันด้วยเท่านั้นเอง
บล็องก์เห็นอาการที่มิรแสดงออกมา อดไม่ได้ต้องกลืนน้ําลายลงคอ “เฮ้อ..เจ้าไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก พาเด็กคนนั้นไปด้วยเถิด มอนสเตอร์และสัตว์อสูรถูกสังหารถอนรากถอนโคนไปเกือบจะหมดแล้ว คงไม่มีสิ่งใดทําอันตรายพวกเราได้อีก”
“แบบนั้นมัน…จะดีเหรอครับ?”
“บอกตรงๆว่าไม่ดีเลยสักนิด แต่หากมังกรแดงต้องการติดตามเจ้า พวกเราไม่กล้าขัดขวาง อีกอย่างเจ้าเลี้ยงดูเด็กคนนั้นมาตั้งแต่เกิด จะให้พวกเราพรากเด็กคนนั้น รั้งให้อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่เรื่อง”
ไม่มีเหตุผลที่บล็องก์ต้องคัดค้านการตัดสินใจของมังกรแดง เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่มีอายุไม่ถึงร้อยปี สําหรับมังกรร้อยปีถือเป็นระยะเวลาที่สั้นมาก ฉะนั้นปล่อยให้มังกรแดงและซูฮยอนมีความสุขสร้างความทรงจําดีๆด้วยกัน เป็นทางเลือกที่เข้าท่ากว่าและไม่มีอะไรเสียหาย
“ผู้อาวุโส ขอบคุณมากครับ”
“เจ้าจะขอบคุณข้าทําไม? ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณเจ้า”
ใบหน้าซาบซึ้งบุญคุณที่ซูฮยอนเผยออกมา สร้างความรู้สึกกระดากอายในใจแก่บล็องก์
ในช่วงระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ซูฮยอนออกไล่ล่าสังหารมอนสเตอร์ที่มีความแข็งแกร่งไม่น้อยกว่าเต่าไททันเป็นว่าเล่น โดยอ้างอิงข้อมูลตามที่บล็องก์ทําเครื่องหมายไว้บนแผนที่
ด้วยเหตุนี้ เหล่ามังกรจึงสามารถยุติสงครามได้อย่างรวดเร็วและไม่มีมังกรตัวไหนล้มตายเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายมากๆ
กล่าวได้ว่าซูฮยอนเป็นผู้มีพระคุณต่อเผ่าพันธุ์มังกรอย่างแท้จริง ที่สําคัญไปกว่านั้น…
“อนาคตของเผ่าพันธุ์มังกร อยู่ในมือเจ้า”
บล็องก์กล่าวพูดกับซูฮยอนด้วยน้ําเสียงขึงขัง สายตาเหลือบมองไปยังมิรุที่กําลังคลอเคลียซูฮยอนไม่หยุด
[อนาคตของเผ่าพันธุ์มังกร] ที่บล็องก์กล่าวออกมา หมายถึงมิรุ ซึ่งเป็นมังกรแดงตัวสุดท้ายที่ยังรอดชีวิต
บล็องก์และซูฮยอนโค้งหัวเคารพให้กัน มังกรตัวอื่นโบกมือกล่าวอําลาพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย การที่ได้เห็นภาพมังกรนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่กลางเมืองอีกครั้ง ทําให้ซูฮยอนหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต แต่การรวมตัวครั้งนี้ ทั้งอารมณ์และความหมายที่สื่อออกมาแตกต่างจากกาลก่อนอย่างชัดเจน
รอยยิ้มแสนอ่อนโยนฉาบไปทั่วใบหน้าซูฮยอน เขาผงกศีรษะหนักแน่นพลางเอื้อมมือลูบหัวมิรุ
“ผู้อาวุโสไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลอนาคตของเผ่าพันธุ์มังกรให้ดีที่สุด”
วปII
แสงสว่างสุกสกาวเจิดจรัสขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ประหนึ่งภาพลวงตา ร่างกายของซูฮยอนและมิรุ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเริ่มเลือนลางจางหาย…
บล็องก์และมังกรตัวอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ เบิกตากว้างอย่างตกใจ ที่จู่ๆร่างกายของซูฮยอนกับมิรุก็หายไปจากสายตาอย่างฉับพลัน
“นี่มันเทเลพอร์ตรี?!”
“หากมันเป็นการเทเลพอร์ตจริงๆ ทําไมข้าสัมผัสความผันผวนของพลังเวทไม่ได้เลย?”
ซูฮยอนและมิรุหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าพวกเขาไม่มีตัวตนและไม่เคยกล้ํากรายเข้ามาในโลกใบนี้ตั้งแต่แรก
บล็องก์ยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตําแหน่งเดิมหลายนาที เพราะเชื่อว่าซูฮยอนและมิรุ จะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งบ ริเวณจุดเดิมที่พวกเขาหายตัวไป…
[คุณบรรลุอัตราความสําเร็จ 99.98 เปอร์เซ็นต์]
คุณผ่านการทดสอบชั้นที่ 40 อย่างสมบูรณ์]
[ความสําเร็จของคุณจะถูกจัดอันดับ]
[คุณถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 1]
[ความอึดเพิ่มขึ้น 1 จุด]
[ได้รับคะแนนความสําเร็จ 2,000,000 คะแนน
[ปัจจัยเวทเพิ่มขึ้น 1 จุด]
[ได้รับรางวัลเพิ่มเติม – “จินดามณี” ปัจจุบันจินดามณีอยู่ในการครอบครองของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
[ได้รับรางวัลเพิ่มเติม – แต้มสเตตัส]
(ยกเว้นปัจจัยเวทกับระดับเวท คุณสามารถนํา แต้มสเตตัส” ไปเพิ่มสเตตัสอะไรก็ได้ ตามความต้องการของคุณ]
ข้อความเด้งรายงานอย่างต่อเนื่อ
เป็นอย่างที่ซูฮยอนเคยคาดหวังไว้ การลงทุนลงแรงอย่างหนักของเขา ได้ผลตอบแทนกลับมามหาศาล คะแนนความสําเร็จได้มากถึง 2,000,000 คะแนน ปัจจัยเวทและความอึดเพิ่มขึ้นอย่างละ 1 จุด นอกจากนี้ยังได้ รางวัลเพิ่มเติมติดไม้ติดมือมาอีก นั่นก็คือ แต้มสเตตัส และจินดามณี ซึ่งเป็นของแถมที่ยอดเยี่ยมสุดๆ
<< ฉันประสบความสําเร็จอย่างท่วมท้นเลยนะเนี่ย >>
ว่ากันตามจริง หลังจากซูฮยอนสังหารเต่าไททันและได้รับจินดามณี อัตราความสําเร็จก็พุ่งถึง 30เปอร์เซ็นต์แล้ว เขาสามารถยุติการทดสอบและไปชั้นต่อไปได้ทันที
แต่ซูฮยอนเลือกที่จะอยู่บนชั้นที่ 40 ต่อ ออกไล่ล่าสังหารมอนสเตอร์ไปเรื่อยๆ จุดประสงค์ที่เขาตัดสินใจอยู่ต่อ เพราะต้องการตักตวงคะแนนความสําเร็จให้ได้เยอะๆ ผลพลอยได้ที่ตามมา คืออัตราความสําเร็จพุ่งทะยาน ไปถึง 99.98 เปอร์เซ็นต์
อาจเป็นเพราะอัตราความสําเร็จที่สูง เลยส่งผลให้ซูฮยอนได้รับจินดามณีมาครอบครอง
<< จินดามณีถูกนับรวมเป็นไอเทมด้วยเหรอ? ฉันนึกว่ามันเป็นเพียงสิ่งของประกอบฉากเสียอีก? >>
ซูฮยอนส่ายหัวไล่ความคิดไม่จําเป็นออกไป สําหรับตอนนี้เขาควรตัดสินใจว่าจะเอา [แต้มสเตตัส] ไปเพิ่มให้กับสเตตัสอะไรดี…
<< ไม่เห็นจะตัดสินใจยากตรงไหน ของมันแน่อยู่แล้ว >>
“ฉันขอใช้แต้มสเตตัส เพิ่มไปที่ความแข็งแกร่ง
[ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 1 จุด]
[ความแข็งแกร่ง : 90]
คลื่นพลังชีวิตหนาแน่นโคจรไปทั่วร่างกายของซูฮยอน ร่างกายที่เหนื่อยล้าสะสม ค่อยๆได้รับการเติมเต็มความอ่อนเพลียหายเป็นปลิดทิ้ง ประสาทสัมผัสเฉียบคมขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ซูฮยอนรับรู้ได้แจ่มชัดถึงกําลังวังชาที่ไหลผ่านไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา เป็นเพราะสเตตัสเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด
หลังจากยืนยันรางวัลที่ได้ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย ซูฮยอนมองซ้ายมองขวาสํารวจโลกบนชั้นที่ 41 อย่างละเอียด เขาพบว่าผู้ตื่นขึ้นบนชั้นที่ 41 บางตากว่าชั้นที่ 40 พอสมควร
ลานกว้างกลางเมืองแทบไม่มีผู้ตื่นขึ้นเดินสัญจรเลย ส่วนใหญ่เป็นชาวพื้นเมืองของชั้นที่ 41 ซะมากกว่าที่เดินขวักไขว่ไปมา
<< สงสัยโลกบนชั้นที่ 41 จะไม่เป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้ตื่นขึ้นมากนัก หรืออาจเป็นเพราะผู้ตื่นขึ้นกลัวตายจึงไม่กล้าท้าทายการทดสอบของชั้นที่ 40 >>
ปัจจัยหลักที่ทําให้โลกบนหอคอยแห่งการทดสอบมีจํานวนผู้ตื่นขึ้นไม่เท่ากัน มีด้วยกัน 2 ปัจจัย
ปัจจัยที่ 1 สภาพแวดล้อมบนโลกชั้นถัดไป โหดร้ายและไม่เหมาะแก่การอาศัย
ปัจจัยที่ 2 ผู้ตื่นขึ้นกลัวความตาย
ผู้ตื่นขึ้นที่รอดจากปากเหยี่ยวปากกาและฝ่าฟันการทดสอบทุกๆชั้นที่สิบมาได้ พวกเขามักเลือกที่จะมุ่งหน้าต่อไป เพราะหวังอยากปืนป่ายไปยังชั้นที่สูงยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกัน ผู้ตื่นขึ้นที่ขาดความมั่นใจและหวาดกลัวต่อความตาย พวกเขาไม่กล้าท้าทายการทดสอบและเลือกอาศัยโลกที่ตัวเองเหยียบย่างถึง
ซูฮยอนคิดว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ตื่นขึ้นบางคนจะกลัวความตาย เพราะใครๆก็รักชีวิตของตัวเองกันทั้งนั้น สําหรับเขาความตายเป็นเรื่องธรรมดา จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยขวากหนาม เขาก็พร้อมที่จะบุกบั่นฝ่าไปอย่างไม่ท้อถอย แต่ก่อนที่ซูฮยอนจะเริ่มทําการทดสอบอย่างเป็นทางการ บนโลกชั้นที่ 41 แห่งนี้ มีเรื่องสําคัญที่เขาต้องสะสางให้ลุล่วง
ซูฮยอนเดินลุ่มๆผ่านลานกว้างและมุ่งหน้าไปย่านการค้า สองข้างทางมีร้านรวงเรียงราย วางขายของสารพัด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ยารักษาโรค สกิล และอาหาร
ซูฮยอนหยุดอยู่หน้าร้านขายยา มองสํารวจป้ายหน้าร้านสักพัก ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน
“ยินดีต้อนรับครับคุณลูกค้า มีอะไรให้ผมช่วยบอกได้เลยนะครับ”
ชายผิวคล้ําและมีใบหูแหลมเด่นสะดุดตากล่าวทักทาย สีหน้าของเขาค่อนข้างคล้ายกับเจ้าของร้านที่ซูฮยอนเคยเจอเมื่อตอนที่ไปเยือนโลกชั้นที่ 2 ชายผิวคล้ําตรงหน้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่เป็นเผ่าพันธุ์อื่น
“คุณมี [อีลิกเซอร์] ขายหรือป่าวครับ?”
“มีสิครับ ถึงแม้ภายนอกร้านของเราจะดูเล็ก แต่เรามีของที่คุณค้าต้องการทุกอย่าง”
เจ้าของร้านพูดถูกต้อง ร้านค้าแห่งนี้ค่อนข้างเล็กและซอมซ่อทรุดโทรม ตอนที่ซูฮยอนเห็นสภาพร้านครั้งแรก เขาครุ่นคิดอยู่นานว่าร้านโทรมๆแบบนี้ จะมีไอเทมที่เขาต้องการจริงเหรอ…
เมื่อได้ยินเจ้าของร้านบอกว่ามีไอเทมที่เขาต้องการ ซูฮยอนสะกดความดีใจไว้ไม่อยู่
“ผมอยากซื้อ [อีลิกเซอร์] เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองหน่อย”
“เพิ่มความแข็งแกร่งของคุณลูกค้าเหรอครับ…..ไอเทมที่คุณลูกค้าต้องการ มีราคาที่แพงมากๆ ไม่ทราบว่า ก่อนที่คุณลูกค้าจะมาร้านของผม คุณลูกค้ามีคะแนนความสําเร็จติดตัวกคะแนนครับ?”
[อีลิกเซอร์] เป็นไอเทมที่ผู้ตื่นขึ้นส่วนใหญ่ไม่นิยมซื้อกัน เพราะมันมีราคาที่แพงบรรลัย
“ผมมีคะแนนความสําเร็จประมาณ 10 ล้านคะแนนเห็นจะได้”
“10 คะแนน? เรียกคุณลูกค้าที่เคารพ 10 คะแนน ไม่เพียงพอในการซื้อ [อีลิกเซอร์] นะครับ แต่คุณลูกค้าสามารถนํา 10 คะแนนไปแลกซื้อของอย่างอื่นได้ เช่น ยารักษาบาดแผล อาหาร…”
เจ้าของร้านหัวเราะอ๋อในลําคอ มือประสานไว้บริเวณหน้าท้อง แต่หลังจากทบทวนคําพูดของลูกค้าตรงหน้าอีกครั้งให้ถี่ถ้วน ไม่นานร่างกายของเขาก็แข็งที่อ ดวงตาเบิกโพลงไล่พินิจมองซูฮยอนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“คุณลูก
เดว่า 10 ล้านคะแนนใช่หรือป่าวครับ? ผมไม่ได้หูฝาดไปเองใช่ไหม?”