การกลับมาของฮีโร่ - ตอนที่ 168
ตอนที่ 168
หลังลืมตาตื่นขึ้นจากการจําศีล บล็องก์ผลุนผลันออกตามหามังกรแดง โลกใกล้ล่มสลายเต็มประดา มังกรที่สามารถพึ่งพาได้และแข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มังกร มีแค่เอลดิลเท่านั้น
แต่ทว่า…..
“มังกรแดงทอดทิ้งพวกเรา”
คําพูดของคาร์เน่ไม่ต่างอะไรกับกริชเล่มหนึ่งที่มแทงลึกไปยังหัวใจของบล็องก์ไร้ซึ่งความปรานี
“มังกรแดงไม่เกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ของพวกเราอีกต่อไป พวกเขาเป็นมังกรทรยศ”
ความโกรธเกรี้ยวของคาร์เน่ที่มีต่อมังกรแดง เหนือล้ํายิ่งกว่าจินตนาการของมังกรทุกตัว
เนื่องจากความเคียดแค้นบดบังจิตใจ คาร์เน่พยายามถ่ายทอดความเคียดแค้นไปสู่มังกรรุ่นหลังด้วย
คาร์เน่ยืนยันหนักแน่นว่ามังกรแดงหักหลังเผ่าพันธุ์และทอดทิ้งพวกเขา
แน่นอนว่าคําพูดของคาร์เน่ไม่สามารถโน้มน้าวให้มังกรคล้อยตามได้ทุกตัว บล็องก์รวมถึงมังกรบางส่วนรู้จักมักคุ้นมังกรแดงและเอลดลเป็นอย่างดี พวกเขาเชื่อมั่นอย่างท่วมท้นว่ามังกรแดงไม่มีทางทอดทิ้งเผ่าพันธุ์มังกรไว้ข้างหลัง แต่ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาความเชื่อมั่นที่พวกเขามีให้มังกรแดงเริ่มสั่นคลอน
จึงเป็นเหตุให้มังกรแตกออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ยังสัทธาในตัวมังกรแดง และ กลุ่มที่ไม่สัทธาในตัวมังกรแดง
“มีอะไรจะอธิบายไหม คาร์เน่?”บล็องก์กล่าวถามด้วยน้ําเสียงทุ่มต่ําคล้ายเสียงคํารามในลําคอของสัตว์ป่า
มังกรส่วนใหญ่ไม่ทราบเลยว่าความโกรธเคืองต่อมังกรแดงของคาร์เน่ มีต้นสายปลายเหตุจากไหน แม้มังกรรุ่นหลังจะไม่สัทธาในตัวมังกรแดงแล้ว แต่บล็องก์ยังสัทธาไม่เสื่อมคลายและรอคอยการกลับมาของมังกรแดงโดยตลอด
บล็องก์ยังเชื่อในใจลึกๆว่ามังกรแดงและเอลดิลต้องมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่มีทางที่มังกรแดงจะทอดทิ้งเผ่าพันธุ์มังกรได้ลงคอ การที่มังกรแดงหายไปต้องมีเหตุผลแน่…
นั่นคือสิ่งที่บล็องก์เชื่อและพยายามพร่ําบอกให้มังกรตัวอื่นฟัง
มังกรแดงมีเหตุจําเป็นต้องจากไปและมีชีวิตอยู่ที่ไหนสักแห่งเพื่อรอการกลับมาอีกครั้ง…
ไม่ว่าจะเป็นคําพูดของบล็องก์ที่บอกว่ามังกรแดงอาศัยอยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือ คําพูดของคาร์เน่ที่ยืนยันเสียงแข็งว่ามังกรแดงหักหลังเผ่าพันธุ์ ต่างผิดด้วยกันทั้งคู่
มังกรแดงไม่ได้หนีหายไปไหน..
แต่มังกรแดงเสียชีวิตกันหมดแล้วต่างหาก…
“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดรึ? ข้าอยากได้ยินคําอธิบายจากเจ้าเดี๋ยวนี้!!”
เจตนาแห่งการฆ่าฟันปล่อยออกมาจากตัวบล็องก์และเริ่มแพร่กระจายไปทั่วหน้าเมือง ไม่ใช่แค่บล็องก์คนเดียว แม้แต่มังกรที่เคยอยู่ข้างคาร์เน่ ก็ปล่อยเจตนาแห่งการฆ่าฟันออกมาด้วยเช่นกัน
พวกเขารู้ซึ้งแล้วว่าการโดนคนที่ไว้ใจหักหลัง มีความรู้สึกยังไง..
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารและหัวงอารมณ์ฉุนเฉียวจากมังกรหลายร้อยตัวคาร์เน่อดไม่ได้ต้องมั่นคิ้ว
“ทุกท่านใจเย็นก่อน อย่าพึ่งด่วนสรุป”
“ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างแน่นอน ทุกท่านคงทราบกันดีว่าผู้อาวุโสคาร์เน่มีนิสัยเยี่ยงไร เขาคงไม่กล้าโกหกพวกเราหรอก”
มังกรบางตัวยังคงตาบอดเชื่อในสิ่งที่คาร์เน่พูดไม่ลืมหูลืมตา แต่ครั้งนี้เหมือนจะแตกต่างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ความจงรักภักดีและความศรัทธาของคาร์เน่สูญเสียเสถียรภาพไปหมดสิ้น
“ทุกท่านสงบสติเถิด อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ พวกเราจับหัวเข่าคุยหาทางออกร่วมกันดีกว่า…”
โฮกกกกกก!!
เสียงคํารามแสบแก้วหูดังกึกก้องไปทั่วหน้าเมือง
คาร์เน่อาศัยจังหวะความโกลาหลที่เกิดขึ้น กระโดดลอยตัวขึ้นไปบนอากาศ ร่างกายของคาร์เน่เริ่มขยายตัวรูปลักษณ์ที่เหมือนมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นมังกรสมโดยสมบูรณ์ จะบอกว่าสีส้มก็ไม่ถูกนัก เพราะสีตัวของคาร์เน่ เมื่อต้องแสงแดดจะเหลือบเป็นสีทอง
“ทะ….ท่าน?”
“ยังจะมาเรียกท่านอีก ไปจับตัวเขามาซะ!!”
บล็องก์ตะโกนออกคําสั่งเสียงดัง
ความจริงที่ถูกเปิดเผยทั้งหมดในวันนี้ เก็บไว้คิดทบทวนภายหลังก็ยังไม่สาย ช่วงเวลานี้ สิ่งที่สําคัญเป็นอันดับแรก คือการจับตัวคาร์เน่
น่าเสียดายที่ไม่มีมังกรตัวไหนสามารถตามจับคาร์เน่ได้ อีกฝ่ายอาจเตรียมแผนการหนีเอาไว้ล่วงหน้า เพราะคาร์เน่เปิดใช้งานเวทมนตร์เทเลพอร์ตหลายครั้งติดต่อกันเพื่อบินหนีทิ้งระยะห่างให้ไกลที่สุด
“เสร็จกัน!”
บล็องก์กลับคืนสู่ร่างมังกร ขึ้นไล่ตามโดยใช้รูปลักษณ์มนุษย์ คงไม่สามารถไล่ตามความเร็วของคาร์เน่ได้ทัน…
<< ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องจับตัวเขาให้ได้ >>
บล็องก์ที่เปลี่ยนร่างเป็นมังกรฟ้าขนาดใหญ่ ขบฟันด้วยความโกรธ
มังกรอีกหลายตัวกลับคืนสู่ร่างมังกรและพยายามบินไล่กวดคาร์เน่ที่กําลังโบกปีกบินหนีโดยไม่คิดชีวิต…
เพราะมัวแต่สนใจคาร์เน่ จนลืมนึกไปว่ามนุษย์เพียงคนเดียวที่ยืนอยู่กับพวกเขา หายตัวไปก่อนหน้าพวกเขาตั้งนานแล้ว…
ฟรี่บ!!
ร่างมหึมาพุ่งทะยานแหวกอากาศอย่างปราดเปรียว ปีกขนาดใหญ่โบกสะบัดสร้างคลื่นลมรุนแรง
คาร์เน่ที่กลับคืนร่างเป็นมังกรส์ม ซึ่งสีของลําตัวมีความใกล้เคียงกับสีทอง อ้าปากแยกเขี้ยวอันแหลมคม
-บัดซบเอ๊ย!!
คาร์เน่เปล่งเสียงคํารามระบายอารมณ์ขุ่นเคือง
มนุษย์สารเลวคนหนึ่ง เกือบทําให้หัวใจของคาร์เน่ระเบิดเพราะความโกรธแค้น เขาคาดไม่ถึงจริงๆว่าลู่ทางที่ปูมาอย่างดิบดีจะพังทลายลงแบบนี้…
“ผู้อาวุโสหนีผมไม่พ้นหรอก”
-…?
เสียงพูดอันแผ่วเบาที่ดังขึ้นเหนือหัว สร้างความตกตะลึงให้แก่คาร์เน่ใหญ่หลวง คาร์เนรีบกลอกลูกตามองขึ้นบน ทันใดนั้นเอง…
ตู้ม!!
พลังร้ายกาจพุ่งโจมตีไปที่หัวของคาร์เน่เต็มแรง ส่งผลให้ร่างใหญ่โตที่บินลู่ลมสั่นง่อนแง่น
-เป็นไปไม่ได้…
“ผมสงสัยจังว่าผู้อาวุโสจะหนีไปที่ไหน?”
ตู้ม!!
หมัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังหนักหน่วง ต่อยกระแทกเข้าบริเวณหัวของคาร์เน่อีกครั้ง…
“แต่ก่อนที่ผู้อาวุโสจะไป…”ซูฮยอนนั่งคร่อมอยู่บนหัวมังกรที่คิดหลบหนี เขากระหน่ําซัดหมัดโจมตีใส่คาร์เน่อย่างไม่ปรานี
“ผู้อาวุโสควรกล่าวคําขอโทษมิรุก่อน”
ตุ้ม!!
พลังหมัดที่แสนพรั่นพรึงของซูฮยอน ส่งร่างมังกรใหญ่โตที่กําลังบินอยู่เหนือท้องฟ้า ร่วงหล่นไปยังภาคพื้นดิน
โฮกกกก!!
-เขาตามความเร็วข้าทันได้ยังไง…?
“กว่าผมจะตามคุณทัน เล่นเอาซะหืดขึ้นคอ ตอนที่สังเกตเห็นใบหน้าบูดบึงของผู้อาวุโส ผมคิดไว้ในใจอยู่แล้ว ว่าผู้อาวุโสต้องคิดหลบหนีแน่ และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ”
“อวดดีนัก!!
หลังจากร่วงหล่นมายังพื้นด้านล่างและยันตัวตั้งหลักได้ใหม่ คาร์เน่ส่ายหัวอย่างฉุนเฉียว ทั่วร่างของคาร์เน่ เริ่มมีคลื่นความร้อนแทรกออกมาตามเกล็ดก่อนที่ลําตัวจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
[เกราะแห่งอัคนิคณะ]
ความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวคาร์เน่ สามารถทําให้ลาวาเดือดปุดๆได้อย่างง่ายดาย ซูฮยอนที่สัมผัสได้ ถึงคลื่นความร้อนรีบกระโดดถอยหนี หากเขายังยืนอยู่บนหัวของมังกรต่อมีหวังได้กลายเป็นมนุษย์ย่างสุดแน่
ซูฮยอนถอยหลังเว้นระยะห่างจากตัวคาร์เน่ แม้พวกเขาจะยืนอยู่ห่างกันหลายเมตร แต่ซูฮยอนยังสัมผัสได้ถึงคลื่นความร้อนที่แผดเผาได้ทุกอย่างจากตัวมังกรอยู่
“ฟู ฟู”
ซูฮยอนยกมือขึ้นแล้วใช้ปากเป่ามือของตัวเอง จังหวะที่กระโดดหนีออกมา มือของเขาเผลอไปแตะตัวคาร์เน่เข้า บริเวณฝ่ามือจึงได้รับบาดเจ็บจากความร้อนเล็กน้อย แต่ความร้อนแค่นี้ ไม่สามารถทําอันตรายเขาได้
<< แข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้เลย >>
มังกรสัมมีวรรณะต่ำกว่ามังกรแดงเพียงหนึ่งระดับเท่านั้น ในบรรดามังกรส้มที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบันคาร์เน่มีอายุมากที่สุด
หลังจากมหาสงครามยุติลง มังกรที่มีอายุมากส่วนใหญ่ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว เหลือเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่จวบจนถึงปัจจุบัน มังกรรุ่นหลังเกิดความสงสัย กังขาในความแข็งแกร่งของคาร์เน่ ผู้อาวุโสที่มังกรนับหน้าถือตา มีพลังอํานาจมากแค่ไหน?
อย่าว่าแต่มังกรรุ่นหลังเลย แม้แต่ตัวซูฮยอนเองก็เกิดความสงสัยเช่นกัน ต่อให้เขาใช้ดาบเข้าโจมตีคาร์เน่สุดแรง เพื่อหวังกะเทาะเกล็ดแข็งๆให้หลุดออกคงทําไม่ได้ง่ายๆและเป็นงานที่ยากพอสมควร
แววตาของคาร์เน่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเฉียบคม เขาจัดอากัปกิริยาการยืนให้องอาจและเผชิญหน้ากับซูฮยอนตรงๆ
<< ความแข็งแกร่งของคาร์เน่และมังกรเขียวแตกต่างกันสุดขั้วเลยแฮะ >>
ขนาดตัวของคาร์เน่สูงใหญ่ไม่ต่างอะไรกับตึกระฟ้า พลังเวทที่เข้มข้นและหนาแน่นแผ่ซานออกมาจากชั้นผิวหนังและเกล็ดไม่ขาดสาย
มังกรส้มเป็นรองมังกรแดงหนึ่งระดับและมังกรส้มที่มีอายุจีรังยั่งยืนมากที่สุด คือ คาร์เน่
<< เกล็ดที่ปกป้องร่างกายของคาร์เน่มีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก แถมอีกฝ่ายยังเชี่ยวชาญเวทมนตร์หลายประเภทอีก เป็นศัตรูที่จัดการยากน่าดู >>
การต่อสู้ต่อจากนี้ คือการต่อสู้ระหว่างมังกรตัวจริงเสียงจริงกับมนุษย์ตัวเล็กจ้อย..
ซูฮยอนชักดาบที่เก็บไว้ในฝึก…
“มิรุ ออกมา”
สิ้นเสียงเรียก มิรุฉีกกระชากอากาศและปรากฏตัวยืนอยู่ข้างๆซูฮยอน
คิ๊ว!!
ในปากของมิรยังคงคาบจินดามณีอยู่…
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมิรุ สร้างความตื่นตกใจให้แก่คาร์เน่ไม่น้อย แต่แล้วสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่จินดามณี ซึ่งคาบอยู่ในปากมังกรแดง
-ทั้งหมดเป็นเพราะพวกแก
โฮกกกกกก!!
คาร์เน่เปล่งเสียงคํารามที่แฝงไปด้วยความคั่งแค้นออกมาจากปาก
-ทุกอย่างที่ข้าสร้างมาเป็นอันต้องพังทลายสิ้น!!
เจตนาแห่งการฆ่าฟันอันน่าเกรงขามโอบล้อมสภาพแวดล้อมรอบตัว
คลื่นความร้อนที่สามารถแผดเผาได้ทุกสรรพสิ่งแผ่ซ่านออกมาจากตัวคาร์เน่อย่างท่วมท้น ซูฮยอนยกแขนขึ้นบังใบหน้าป้องกันคลื่นความร้อน
“ผู้อาวุโสเสียสติไปแล้วหรือไง ไม่เห็นต้องโมโหขนาดนั้นเลย ปัญหาแค่นี้ แก้ไขด้วยคําพูดก็ได้ พวกผมทําอะไรผิด ทําไมผู้อาวุโสถึงได้โกรธขนาดนี้?”
แน่นอนว่าซูฮยอนทราบดีว่าการระเบิดอารมณ์โกรธของคาร์เน่ เกิดจากสาเหตุใด คาร์เน่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเขาสร้างขึ้นและสั่งสมมานานหลายศตวรรษ เพราะแรงจูงใจของตนเองทําให้คาร์เน่หลงเดินทางผิด ซูฮยอนก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทําไมคาร์เน่ถึงเลือกทําแบบนั้น
“แต่ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะการกระทําของผู้อาวุโสเองไม่ใช่เหรอ? ผู้อาวุโสเคยได้ยินคําว่าบุคคลหว่านพืชเช่น ไร ย่อมได้ผลเช่นนั้น ผู้ทํากรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทํากรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว”
ฉั๊วะ!!
ซูฮยอนเหวี่ยงดาบฟันไปด้านหน้า คลื่นดาบพุ่งตรงไปหาคาร์เน่ แต่ก็ต้องหยุดกลางทางเพราะมีม่านพลังเวทโปร่งใสรับการโจมตีและป้องกันร่างกายของคาร์เน่เอาไว้
“มิรุ”
คิ๊ว??
“นายบินหลบขึ้นไปด้านบนก่อนและพยายามรักษาระยะห่างไว้ ห้ามเข้าใกล้อาณาเขตการต่อสู้เด็ดขาด แต่นายสามารถสนับสนุนฉันจากด้านหลังได้ด้วย [ปราณมังกร] และ [บัฟ] ของนายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม?”
คิ๊ว!!
“ดีมาก ถ้างั้นก็…”สายตาของซูฮยอนจับจ้องคาร์เน่ ซึ่งอีกฝ่ายกําลังรวบรวมพลังเวทจํานวนมหาศาลไว้ในปาก
“ลุยกันเลย”
ซูฮยอนและมิรเคลื่อนไหวพร้อมกัน จังหวะที่พวกเขาขยับเขยื้อนร่างกาย การโจมตีด้วย [ปราณมังกร] ขนาดใหญ่ก็พ่นออกมาจากปากคาร์เน่พอดี
จุดที่ซูฮยอนและมิรเคยยืนอยู่ โดนลําแสงสีทองกลืนกินไปทั้งหมด
ซูฮยอนกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศ สายตาเหลือบมองไปยังพื้นด้านล่าง ภูเขาที่อยู่ด้านหลังโดนลําแสงสีทองทําลายจนแหว่ง [ปราณมังกร] ของคาร์เน่ทรงพลังอย่างแท้จริง
<< แม้การโจมตีจะทรงพลัง แต่กว่าจะปล่อย [ปราณมังกร] รอบใหม่ออกมาได้ ต้องใช้เวลาเตรียมการนานพอสมควร >>
การโจมตีที่ปล่อยออกมาจากคาร์เน่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ซูฮยอนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศสัมผัสได้ถึงแรงกดดันบางอย่าง พยายามตรึงร่างกายของเขา แขนและขาเริ่มยกไม่ขึ้น
ในระหว่างที่ซูฮยอนกําลังพบเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ คาร์เน่สยายปีกคล้ายเตรียมบินอีกครั้ง
การที่ร่างกายของซูฮยอนเคลื่อนไหวได้ยากลําบาก ต้องเป็นผลจากเวทมนตร์แรงโน้มถ่วงแน่ๆ อีกฝ่ายวางแผนจํากัดการเคลื่อนไหวของเขา เพื่อให้ [ปราณมังกร] ที่จะพ่นออกมารอบใหม่โดนเป้าหมายจังๆ
<< คิดว่าของแบบนี้จะหยุดฉันได้เหรอ… >>
[สกิลกระโดด]
ซูฮยอนใช้สกิลกระโดดเหยียบอากาศอีกครั้ง เขารู้สึกว่าร่างกายมีน้ําหนักเพิ่มขึ้นหลายเท่า แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร
<< โชคดีที่ขาของฉัน ยังพอเคลื่อนไหวได้ >>
ฟู!!
[ปราณมังกร] พุ่งเฉียดร่างกายของเขาไปอย่างหวุดหวิด
<< การต่อสู้ครั้งนี้ หากประวิงเวลาออกไปเรื่อยๆไม่รีบปิดฉากการต่อสู้ ฝ่ายที่เสียเปรียบจะเป็นฉัน >>
คาร์เน่ เป็นศัตรูที่แตกต่างกับเต่าไททันอย่างสิ้นเชิง
เมื่อคุณต้องต่อสู้กับเต่าไททัน คุณแค่ยื้อเวลาการต่อสู้ออกไปให้ได้นานที่สุด และค่อยๆโจมตีกระดองของเต่าไททันเรื่อยๆ หลังจากกระดองที่ป้องกันร่างกายแตกละเอียด ใช้อาวุธระดมเข้าโจมตี ก็สามารถจัดการกับเต่าไททันได้แล้ว แต่คาร์เน่ไม่ได้จัดการง่ายแบบเต่าไททัน ฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูที่มีความร้ายกาจและเชี่ยวชาญเว ทมนตร์คาถาหลายร้อยประเภท แถมยังมีการโจมตีที่ทรงพลังซึ่งเรียกว่า [ปราณมังกร] อีกด้วย
แม้ว่าสถานะต้านทานเวทย์มนตร์ของซูฮยอนจะอยู่ในระดับสูง แต่เขาไม่รู้เลยว่าสถานะต้านทานเวทย์มนตร์ จะสามารถทนทานกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างคาร์เน่ ได้สักกี่น้ํา..
ยิ่งไปกว่านั้น หากการต่อสู้เกิดขึ้นบนอากาศ ซูฮยอนจะตกเป็นรองอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
หลังจากการโจมตี [ปราณมังกร] รอบล่าสุดของคาร์เน่ผ่านพ้นไป ซูฮยอนตัดสินใจแน่วแน่
<< เอาแต่หลบ ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ฉันต้องโจมตีพร้อมปัดป้องในเวลาเดียวกัน >>
วุป!!
พลังเวทเริ่มโคจรไปรวมตัวกันที่ดาบของซูฮยอน
[ดาบเกลียวคลื่น รูปแบบระเบิดกัมปนาท]
พลังเวทที่รวมตัวอยู่ในดาบมีความหนาแน่นเป็นอย่างยิ่ง ใบดาบสั่นไหวคล้ายใกล้ปริแตกเต็มทน
[กายาทรหด]
[เกราะของนักเวทย์]
[ขนวิหคราชาแห่งท้องนภา]
ซูฮยอนปกป้องร่างกายตนเองด้วยสกิล ซึ่งสกิลที่ใช้ออกมาสามารถยกระดับสถานะต้านทานเวทมนตร์ของเขาให้สูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว
สกิลประเภทนี้จะไร้ประโยชน์เป็นอย่างมาก หากนําไปต่อสู้กับมอนสเตอร์ แต่ถ้าต่อสู้กับมังกร สกิลเหล่านี้จะมีประโยชน์ขึ้นมาทันที
แม้ว่าสกิลจะไม่เพิ่มความสามารถในการโจมตีทางกายภาพ แต่มันก็เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน…
แต่สกิลที่ซ้อนทับร่างกายของซูฮยอนยังไม่หมดเพียงเท่านี้…..
[การคุ้มครองจากเทพมังกร]
[สะท้อนกลับ]
สกิลของมิรุ มอบสถานะพิเศษให้แก่ร่างกายซูฮยอนเพิ่นขึ้นอีกชั้น
<< แค่นี้ก็น่าจะเกินพอแล้ว >>
ไม่มีเหตุผลที่เขาต้องละล้าละลังอีกต่อไป ซูฮยอนพุ่งทะยานเข้าปะทะ [ปราณมังกร] ที่พ่นออกมาจากปากคาร์เน่ตรงๆ
ฟู!!
[ปราณมังกร] ขนาดมหึมากลืนกินร่างกายซูฮยอนเข้าไปทั้งตัว คาร์เน่ที่เห็นภาพนั้น เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
<< มันคิดจะฆ่าตัวตายหรือไง?? >>
คาร์เน่รู้สึกสับสนและคิดว่าการกระทําของซูฮยอนมันแปลกๆชอบกล
ไม่นานหลังจากนั้น….
คาร์เน่พลันตระหนักได้ว่าความคิดที่อยู่ในหัว เป็นความคิดที่ผิดมหันต์
ฉ่า!! ฉ่า!!
ซูฮยอนไม่ได้คิดฆ่าตัวตาย แต่อีกฝ่ายหวังทําลาย [ปราณมังกร] ของคาร์เน่
หลังจากซูฮยอนฝ่า [ปราณมังกร] ออกมาได้เขาทะลวงม่านพลังเวทโปร่งใสที่ปกป้องร่างกายคาร์เน่และ ไปปรากฏตัวด้านหลังของมังกร เมื่ออยู่ในตําแหน่งที่ตัวเองได้เปรียบ ซูฮยอนเหวี่ยงดาบเป็นแนวโค้งเฉือน เข้าไปยังเกล็ดของคาร์เน่อย่างจัง คมดาบลากยาวตั้งแต่ช่วงไหล่จรดหน้าท้องทิ้งรอยบาดแผลฉกรรจ์เอาไว้
“มิรุ!!”
ซูฮยอนเปล่งเสียงตะโกนเรียกมิรุ ซึ่งมิรรวบรวมพลังเวทไว้ในปาก และกําลังรอให้ผู้เป็นนายเรียกอยู่พอดีเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากซูฮยอน มิรุไม่รั้งรอรีบพ่น [ปราณมังกร] ของตัวเองออกไป
ฟู!!
[ปราณมังกรขั้นสูง
[ปราณมังกร] ของมิรุ มีความรุนแรงไม่แพ้ [ปราณมังกร] ของคาร์เน่อย่างแน่นอน การโจมตีอันทรงพลัง พุ่งตรงไปยังมังกรส้มที่กําลังนอนกลิ้งเกลือกไปมาด้วยความทุรนทุราย จากการโดนดาบของซูฮยอนเข้าโจมตี
โฮกกกกก!!
เพราะความเจ็บปวดทรมาน คาร์เน่บิดตัวพราดพลิกซ้ายพลิกขวา เมื่อความเจ็บปวดจากดาบเริ่มบรรเทาลงคาร์เน่ขดตัวเป็นลูกบอล พลางสร้างม่านพลังเวทป้องกันร่างกาย แต่น่าเสียดายที่ม่านพลังเวทเปราะบางเกินไป
[ปราณมังกร] ของมิรุสามารถเจาะทะลุม่านพลังเวทของคาร์เน่ได้สําเร็จ เกล็ดที่แข็งแรงทนทานโดนความร้อยเผาผลาญจนหลอมละลาย เนื้ออ่อนที่อยู่ใต้เกล็ดเริ่มถูกแผดเผาที่ละน้อย
ไม่น่าเชื่อว่า [ปราณมังกร] ที่พ่นออกมาจากร่างกายเล็กๆนั่น จะทรงพลังขนาดนี้ เป็นอีกครั้งที่ซูฮยอนรู้สึกตกตะลึงกับการโจมตีของมิรุ
ซูฮยอนพอคาดเดาได้ว่าเหตุใด [ปราณมังกร] ของมิรุถึงได้รุนแรงแบบนี้…
<< อาจเป็นเพราะ [จินดามณี] ล่ะมั้ง? >>
[จินดามณี] มีความสามารถในการเสริมสร้างพลังโจมตีให้แก่เผ่าพันธุ์มังกร และมีเพียงมังกรแดงซึ่งเป็น ทายาของราชามังกรเท่านั้นที่สามารถควบคุมลูกแก้วสีแดงอันลึกลับได้
หลังจากมิรครอบครอง [จินดามณี] มังกรของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
<< แม้จะเป็นการโจมตีที่รุนแรง แต่ก็ไม่เพียงพอ ในการสยบมังกรสมตรงหน้า… >>
ไม่ว่า [ปราณมังกร] จะทรงพลังแค่ไหน สุดท้ายพลังทั้งหมดก็เป็นผลพวงจากสมบัติวิเศษอยู่ดีคาร์เน่เป็น มังกรที่มีชีวิตอยู่มานาน ความสามารถในการต้านทานพลังเวทย่อมต้องสูงส่ง
[ปราณมังกร] ของมิรุเพียงครั้งเดียว ไม่อาจสร้างบาดแผลอันตรายถึงชีวิตให้แก่คาร์เน่ได้…
<< อย่างที่ฉันคิดไว้ วิธีที่จะปราบมังกรสัมได้ มีเพียงวิธีเดียว >>
ซูฮยอนเอื้อมมือหยิบหอกที่ผูกติดหลังไว้ออกมา
เขากระชับหอกในมือแน่น อาวุธสั่นสะเทือนเปรียบประดุจดังเสียงคําราม
[หอกปราบมังกร]
คืออาวุธที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อสังหารมังกรโดยเฉพาะ อาวุธประเภทขว้างที่ซูฮยอนมีโอกาสใช้บ่อยในชีวิตที่แล้ว ตอนนี้มีอยู่ในมือเขาทั้งหมด 3 เล่ม