Zui Qiang Wu Shen – เทพยุทธ์สะท้านภพ - ตอนที่ 578
ตอนที่ 578 ราชันปีศาจสามตน
อักษรเลือดคำว่าเยี่ยอันเข้มข้น ภายในนั้นได้แฝงเอาไว้ด้วยรังสีฆ่าฟันราวกับกำลังพวยพุ่งออกมา แม้ว่าจะไม่มีความพูดอื่นใดแฝงเอาไว้อยู่ แต่ว่าเยี่ยจงกลับเชื่อว่า ไม่ว่าผู้ใดต่างก็เข้าใจว่านี้หมายถึงอะไร หนึ่งตัวอักษรหนึ่งชีวิต รอคอยจนเขาได้สลักคำว่าเยี่ยจนครบสิบตัวอักษรไปทั่วทั้งดินแดนซีฮวงเวลานั้น ทั่วทั้งแดนซีฮวงประดุจดั่งเกิดคลื่นที่ถาโถมเข้ามา และสิ่งที่เรียกว่าสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเป็นรองแค่เพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ต่างก็จะทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นมา เลือดไหลประดุจธารภูเขา
“หวังว่าที่เก้าราชันปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่หลงเหลืออยู่ ต่างก็คงจะเป็นเหมือนกับซื่อเฟยเฉินผู้นี้ก็มิปาน ยังมีการต่อสู้ที่ยังจำเป็นอยู่ แต่ก็อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังไปก็แล้วกัน” เยี่ยจงหันกาย ยืนมือไพล่หลังเดินออกไป มุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านหน้าต่อไป
และท่ามกลางการต่อสู้ระหว่างซื่อเฟยเฉิน เขายังไม่แม้แต่จะต้องใช้ออกมาด้วยร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ ยังไม่ได้ใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุด้วย และพลังเทวะมังกรแท้ที่พึ่งจะได้ครอบครองมาก็ยังไม่ได้ใช้เช่นกัน ขณะนี้ เขาคิดที่จะใช้สิ่งที่เรียกขานกันว่าสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ให้เป็นเหมือนหินลับมีดเพื่อใช้เป็นการขัดเกลา
การต่อสู้เฉกเช่นนี้ ได้ทำให้เยี่ยจงเข้าใจขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะใช้พื้นที่สุสานเซียนเพื่อทะลวงพลัง จึงทำให้พลังไม่มีความเสถียรเป็นอย่างมาก แต่ว่าเขาเองก็เชื่อว่า ภายใต้ศึกครั้งใหญ่เช่นนี้ ตนเองแน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะคิดค้นพลังรากฐานในแบบใหญ่ขึ้นมาได้ ทำให้ตนเองยิ่งทวีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น นี้ถือได้ว่าเป็นเหมือนกับวิถีทางสู่หนทางในการฝึกปรือของตัวเยี่ยจงเองก็ว่าได้ สิ่งที่เรียกว่าสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เป็นได้เพียงแค่บททดสอบเท่านั้น
หลังจากที่ได้เดินออกไปแล้วสองชั่วยาม เยี่ยจงก็ได้พบเจอกับราชันปีศาจอีกสองตน ทั้งสองคนนี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ว่าแม้ว่าจะมีพลังการต่อสู้พลังเทวะขั้นที่สี่ แต่ว่าก็แทบจะเทียบไม่ได้กับซื่อเฟยเฉินเลย ถูกเยี่ยจงสะบัดมือก็ตายไปแล้ว
เพียงแต่ว่าในวันแรก เยี่ยจงก็ได้ถูกจัดการสังหารจากการปิดล้อมของสิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ไปถึงสามตน อีกทั้งที่ด้านข้างของซากศพของราชันปีศาจตนหนึ่ง ต่างก็จะทิ้งอักษรโลหิตเอาไว้ตัวหนึ่ง
สามารถที่จะคาดคิดได้ว่า เรื่องเช่นนี้หากว่าถูกเล่าสืบต่อกันไป ปีศาจมหาราชันแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจเหล่านั้นจะมีความเดือดดานแค่ไหนกัน เห็นๆ อยู่กันว่าคิดที่จะจัดการกับเยี่ยจง แต่ว่ากลับมีอยู่หลายครั้งที่ได้พลาดท่าครั้งใหญ่ภายใต้น้ำมือของเยี่ยจง
วันรุ่งขึ้น หลังจากที่เยี่ยจงได้พักผ่อนไปแล้วหนึ่งคืน ก็ได้ออกเดินทางต่อไป ทิศทางในการเดินทางของเขายังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ทอสีหน้าสงบนิ่งมุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านหน้าต่อไป หากเป็นไปตามข่าวสารที่ซือคงชิงฉีได้ส่งมาให้ ขอเพียงเดินเช่นนี้ต่อไป จะช้าจะเร็วก็จะต้องพบเจอกับเจ็ดปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือได้เอง
“เชอะ——”
ทันใดนั้น บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มีเสียงอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมองออกไป แล้วก็ได้พบว่าขณะนี้ได้มีเงาร่างทั้งหมดสามสายย่างกรายกันเข้ามา พริบตาที่พวกเขาทันทีที่ได้พบเห็นเยี่ยจงก็แทบจะไม่กล่าววาจาไร้สาระโดยทั้งสิ้น เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง ลงมือสังหารในทันที
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ทางด้านข้างของร่างกาย ภายในจิตใจก็ได้เกิดอาการตื่นตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพราะว่าภายในทั้งสี่คนนี้ หนึ่งในนั้นถึงกับเป็นยอดฝีมือขอบเขตชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สี่ ส่วนที่เหลืออีกสองคนนั้นกลับมีเพียงแค่พลังเทวะขั้นที่สามเท่านั้น
“ซ่า——”
ท่ามกลางอากาศ เสียงอันน่าประหลาดก็ได้พวยพุ่งออกมา จากนั้นก็ได้พบเห็นกับกระดิ่งสีทองลูกหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ากดดันเข้ามายังทางด้านของเขา กำลังส่งเสียงประหลาดที่ส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณขึ้นมา
เยี่ยจงกำลังขมวดคิ้วอยู่ก็ได้หลบเลี่ยง ในเวลาเดียวกันก็ได้ฟาดมือทั้งสองข้างออก ใช้ฝ่ามือข้างใหญ่ฟาดลงไปยังทางด้านบนของตัวกระดิ่ง แต่ว่าแล้วก็ได้มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาในขณะนั้นราวกับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมหลายส่วน
“จู่โจมถึงจิตวิญญาณงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง ที่กำลังเตรียมพร้อมจะลงมืออย่างแข็งขืน เมื่อได้ทำลายวัตถุชิ้นนี้ไป แต่ว่าทันใดนั้น ภายในจิตใจของเขาก็ได้เกิดการเตือนภัยขึ้นมา ราวกับว่าตัดสินใจที่จะใช้ออกมาด้วยกระบี่แสงจันทร์ออกมา วินาทีนั้น คมกระบี่แต่ละสายก็ได้พุ่งเข้ามาปกคลุมอยู่บริเวณเหนือศีรษะของเยี่ยจง เข้าคุ้มครองรอบด้านร่างกายของเขาเอาไว้
“ฉึก——”
ราวกับว่าในเวลาเดียวกันนั้นเอง การโจมตีอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้โจมตีเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้าของเขา หากมิใช่เยี่ยจงใช้กระบี่แสงจันทร์ออกมาได้ทันท่วงทีแล้วละก็ เกรงว่าภายใต้แรงกระแทกจากการจู่โจมเช่นนี้ เขาอย่างน้อยก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย
เยี่ยจงก้าวเท้าออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันก็ได้มองเข้าไปยังทางด้านของบริเวณทางด้านหน้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ขณะนี้ เตาขนาดเล็กสีม่วงเตาหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศ กระบวนท่าอันน่าหวาดกลัวที่ออกมาเมื่อครู่นั้นก็ได้มาจากสิ่งนี้นั้นเอง จนทำให้เยี่ยจงไม่อาจที่จะไม่ถอยออกได้
บริเวณทางด้านหน้า ขณะนี้ก็ได้มีราชันปีศาจสามตนยืนเคียงข้างกันอยู่ มีอยู่คนหนึ่งที่เหนือศีรษะปรากฏกระดิ่งขนาดใหญ่ อีกคนนั้นก็ได้มียันต์หยกปรากฏขึ้นอยู่เหนือศีรษะ และในส่วนคนที่อยู่ตรงกลาง ที่เหนือศีรษะก็ได้ปรากฏเตาขนาดเล็กสีม่วงขึ้นมา
ทั้งสามคนหนึ่งคณะนี้ไม่ว่าจะมองดูอย่างไร ต่างก็มีการหนุนเสริมพลังจากเตาขนาดเล็กสีม่วงที่ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของบุคคลที่อยู่ตรงกลาง
อีกทั้งสามปีศาจผู้ยิ่งใหญ่นี้ต่างก็ยังเยาว์วัยอย่างถึงที่สุด ในส่วนผู้ที่มีอายุอย่างมากที่สุดก็ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น แต่ละคนต่างก็มีความสามารถอันลึกล้ำ มีพลังสภาวะที่ไม่ธรรมดา บนร่างกายก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความโอหังและความเชื่อมั่นในตนเองที่ยากจะกล่าวออกมาได้ชนิดหนึ่ง
“นี้ก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุกระบี่แสงจันทร์ของเจ้าอย่างงั้นหรือ ? แท้จริงแล้วช่างไม่ธรรมดาเลย แม้แต่เตาอารยธรรม (神农鼎) ของข้าก็ยังไม่อาจที่จะจัดการกับเจ้าได้” ชายหนุ่มในกลุ่มก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา ราวกับกำลังถอนหายใจ
*神农 เทพเจ้าแห่งท้องนา 农หรือความหมายอีกแบบก็คือชื่อของรูปแบบปีตามคำเรื่องขานของจีน
ที่มา https : //goo.gl/jNPspv
“เตาอารยธรรม ! ? ”
เยี่ยจงเองก็ได้ตกใจขึ้นมาคราหนึ่ง ทอสีหน้าไม่อาจที่จะอธิบายได้
ควรทราบว่า เตาอารยธรรมทั้งสามตัวอักษรนี้ย่อมมิใช่สิ่งที่จะสามารถเรียกขานขึ้นมาส่งเดชได้ เพราะว่าถือเป็นสิ่งที่เป็นของหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศในตำนาน จักรพรรดิฟ้าทักษิณจักรพรรดิเหยียน (炎帝จักรพรรดิเพลิง) ถูกเรียกขานกันว่า (神农氏เสินหนงซื่อ) และเตาอารยธรรมนั้นกล่าวกันว่าเป็นอาวุธคู่กายของจักรพรรดิเพลิงเสินหนง (炎帝神农) เป็นไปได้อย่างไรที่จะมาปรากฏขึ้นมาในตอนนี้สถานที่แห่งนี้ได้ หรือว่ากลับต้องมาตอนนี้ตกอยู่ในมือของราชันปีศาจอีกคนอย่างงั้นหรือ ?
อาวุธคู่กายแห่งจักรพรรดิ ถือเป็นอาวุธที่อยู่เหนือกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ นับแต่โบราณมาก็จะมีแต่เพียงแต่จักรพรรดิฟ้าถึงจะหล่อหลอมขึ้นมาได้ อีกทั้ง วัตถุดิบที่จะใช้หล่อหลอมอาวุธคู่กายแห่งจักรพรรดินั้นเสาะหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง ประดุจแหล่งกำเนิดของความลี้ลับของฟ้าดินก็ว่าได้ มีการแทนที่ด้วยพลังเทวะแห่งฟ้าเอาไว้ ใช้โลหิตมังกรเป็นตัวชี้นำการหลอม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไหนต่างก็ถือได้ว่าเสาะหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง
แต่ว่า อาวุธคู่กายแห่งจักรพรรดิหากว่าหล่อหลอมได้สำเร็จ พลังทำลายย่อมยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธคู่กายแห่งจักรพรรดิชิ้นใดต่างก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่มีการคงอยู่ของจักรพรรดิฟ้าผู้หนึ่ง
ในขณะนั้น เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ยื่นมือขวาออกมา แล้วก็ได้คว้าจับไปยังกระบี่แสงจันทร์เอาไว้ หากว่าราชันปีศาจตนนี้ที่ถือครองเตาขนาดเล็กสีม่วงอยู่ เป็นอาวุธคู่กายแห่งจักรพรรดิเตาอารยธรรมจริงขึ้นมาแล้วละก็ วันนี้เกรงว่าคงจะยุ่งยากขึ้นมาแล้ว
เตาอารยธรรมสีม่วงประดุจสิ่งที่สร้างมาจากฟ้าก็มิปาน อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังสีม่วงหลั่งไหลขึ้นมาอย่างเข้มข้น จนเรียกได้ว่างดงามเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านบนยังปกคลุมเอาไว้สัญลักษณ์ของตะวันจันทราดาราพฤษชาติปักษาเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ให้ความรู้สึกถึงความโบราณขึ้นมาอย่างยิ่ง แฝงเอาไว้ด้วยความสอดคล้องที่พิเศษเฉพาะชนิดหนึ่ง
เยี่ยจงที่จ้องไปที่เตาหลอมนี้มาโดยตลอด ในสายตาของเขา ต่อให้สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจลงมือพร้อมกัน ก็ยังไม่อาจที่จะเทียบได้กับเตาอารยธรรมชิ้นหนึ่ง เพราะว่าวัตถุชิ้นนี้หากว่าเป็นของจริงขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมต้องมีความน่าหวาดกลัวในระดับที่ยากจะคาดคิดขึ้นมาก็ว่าได้
“ใจกล้าไม่น้อยเลยนะ สังหารคนแล้วยังจะทิ้งตัวอักษรเอาไว้ นี้มิใช่แตกต่างไปจากการท้าทายของหุบเขาหมื่นปีศาจเราหรือยังไง ? ” ชายหนุ่มที่เหนือศีรษะปรากฏกระดิ่งก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ส่งเสียงดังเหอะขึ้นมา เพียงแต่ว่าภายในน้ำเสียงนั้นกลับแฝงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างชัดเจนอยู่หลายส่วน
เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วเข้าชนกัน มิได้เอ่ยปากขึ้นมา เพียงแต่ว่ายกกระบี่แสงจันทร์ในมือขึ้นมา ชี้เข้าไปยังบริเวณทางด้านของทั้งสามคน ค่อยๆ ที่จะขยับปลายกระบี่ขึ้นมา
“ไม่ต้องกล่าววาจาไร้สาระกับเขาแล้ว สังหารทิ้งไปเลย ! ” ชายหนุ่มที่เหนือศีรษะปรากฏเตาขนาดเล็กก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเมินเฉย
“ตูม——”
ในระหว่างที่เสียงของเขาได้ทอดลงมา วินาทีนั้นก็ได้พบว่ากระดิ่งนั้นก็ได้ลอยเข้ามาในทันที พริบตานั้นประดุจมีขนาดใหญ่เท่าขุนเขาขึ้นมา พวยพุ่งในบัดดล
“กร๊อบ——”
บริเวณพื้นดินก็ได้เกิดการแตกร้าวขึ้นมาในทันที จนเกิดพลังทำลายแต่ละสายมุ่งหน้าแผ่กระจายออกไปทั้งสี่ด้าน เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง แม้ว่าราชันปีศาจที่ลงมือจะมีพลังฝีมือไม่มากมายอะไร แต่ว่ากระดิ่งที่เขาใช้นั้นก็ถือได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง สมควรน่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุของเลียนแบบแล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อได้ถูกใช้ออกมา ก็ได้ทำให้เกิดบรรยากาศที่เป็นชั้นๆ ขึ้นมา ราวกับว่ากำลังเข้ากดดันไปทั่วทุกพื้นที่
พลังทำลายนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง อาจจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริงก็ว่าได้ เห็นได้ชัด เพื่อที่จะต่อกรกับเยี่ยจง สิบปีศาจผู้ยิ่งใหญ่แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจต่างก็มีการเตรียมพร้อมเอาไว้ ทุกผู้คนต่างก็มีพลังฝีมือของตนเอง
เยี่ยจงจ้องไปที่ฉากนี้ ยืนอยู่ในจุดเดิมไม่ขยับเคลื่อนไหว ไม่มีการลงมือแต่อย่างไร เนื่องเพราะทางด้านของอีกทั้งสองคนนั้นเขากลับมิได้สนใจแต่อย่างไร ที่ทำให้เขาต้องคอยระวังเอาไว้ ก็คือชายหนุ่มที่เหนือศีรษะปรากฏเตาอารยธรรมสีม่วงขึ้นมา
“กึง——”
พื้นดินก็ได้เกิดรอยแตกขึ้นมาเป็นทางยาว นอกเสียจากบริเวณสถานที่ที่เยี่ยจงยืนอยู่ ในส่วนพื้นที่ของจุดอื่นๆ นั้นก็ได้กลายเป็นเพียงฝุ่นผงไปในทันที ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ได้มีก้อนศิลาปลิวว่อน จนวุ่นวายไปทั่วทั้งพื้นที่
หลังจากนั้นเอง ในที่สุดกระดิ่งที่มีขนาดเท่าขุนเขาก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณเหนือศีรษะของเยี่ยจง มุ่งหน้ากดลงไปบริเวณทางด้านล่าง หวังที่จะทำให้เยี่ยจงกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อแหลกเหลวไปในทันที
ในขณะนั้น เยี่ยจงก็ได้สะบัดมือขวาออก อักขระจูเชวียนก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณใจกลางฝ่ามือขึ้นมา ในระหว่างที่เขาก็ได้พลิกเปลี่ยนรอยตราบนฝ่ามือ ประดุจไท่กูจูเชวียนทะยานขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นที่เก้าขึ้นไปจู่โจมขึ้นมาในทันที
“ตึง——”
ไท่กู่จูเชวียนเก้าเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ก็ได้ถูกใช้ออกมา วินาทีนั้นอักขระจูเชวียนประดุจท้องทะเล กระแทกเข้าไปยังอย่างรุนแรงเข้าไปยังบริเวณทางด้านบนของกระดิ่งขนาดใหญ่นี้ วินาทีนั้นประกายแสงสีทองอันคมกล้านับหมื่นสาย ก็ได้ฟาดเข้าไปยังกระดิ่งขนาดใหญ่จนเกิดการสั่นไหวขึ้นมาไม่หยุดในทันที อีกทั้ง ก็ได้ปรากฏพลังฝ่ามือที่ชัดเจนขึ้นมาสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านบน
“ไสหัวไป——”
เยี่ยจงตะโกนออกมาเสียงดัง รอยตราบริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น พลังเปลี่ยนแปลงที่สองของไท่กูจูเชวียนก็ได้ถูกฟาดออกมา ประดุจไท่กูจูเชวียนทะยานออกมาจากแดนสนธยาก็มิปาน หนึ่งฝ่ามือเมื่อได้กวาดออกไป ทันใดนั้นก็ได้ซัดจนกระดิ่งขนาดใหญ่ลอยออกไปในทันที มุ่งหน้าลอยออกไปไกล
“พลังฝีมือที่ดี ! ” ชายหนุ่มที่ควบคุมกระดิ่งก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน รอยตราในมือของเขาก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาติดต่อกัน วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นกับประกายของเสียงอันกึ่งก้องสีทองแต่ละสายแผ่กระจายออกมาในขณะนั้นเอง มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังบริเวณสถานที่ที่เยี่ยจงอยู่
ในขณะนั้นเอง เห็นได้ชัดชายหนุ่มผู้นี้ได้ใช้พลังฝีมือโดยการหยิบยืมพลังจากบางอย่างออกมา จนทำให้ก่อเกิดพลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในระหว่างที่เสียงสะท้อนสีทองได้แผ่ขยายออกมา บริเวณผิวดินที่เป็นชั้นๆ ก็ได้แตกละเอียดจนกลายเป็นฝุ่นผงลอยขึ้นมา จนกระทั่งกลายเป็นวังวนของพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นมา ดูไปแล้วน่าหวาดกลัวเหลือคณานับ
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา พลังไท่กู่จูเชวียนเก้าเปลี่ยนแปลงก็ได้เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง พลังเทวะจูเชวียนสายหนึ่งก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเขา เข้าคุ้มครองร่างกายของเขาเอาไว้
“เคร้งเคร้งเคร้ง——”
ทางด้านบนของพลังเทวะจูเชวียนเมื่อได้กระทบกับคลื่นเสียงแต่ละสาย ก็ได้เกิดเสียงอันน่าหวาดกลัวดังขึ้นมา แต่ว่าก็ยังไม่อาจที่จะเจาะเข้าไปได้ แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ พลังคลื่นเสียงนั้นก็ยังคงทำให้ร่างกายของเยี่ยจงได้รับผลจากการสั่นสะเทือนขึ้นมาเป็นสาย
ทว่าต่อให้มาจนถึงขั้นนี้ เยี่ยจงยังคงก็ยังคงจ้องมองไปยังชายหนุ่มที่มีเตาขนาดเล็กสีม่วงปรากฏขึ้นมาเหนือศีรษะอย่างเอาเป็นเอาตาย ในเวลาเดียวกันบริเวณใจกลางฝ่ามือจูเชวียนของเขาก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงรอยตราขึ้นมาอีกครั้ง พลังเปลี่ยนแปลงไท่กูจูเชวียนชั้นที่สามก็ได้ถูกฟาดออกไป กระบี่จูเชวียนสายหนึ่งก็ได้กวาดออกไป จนทำลายคลื่นเสียงนั้นจะมลายหายไปในทันที
ไท่กู่จูเชวียนเก้าเปลี่ยนแปลงมีที่มาที่ลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง น่าหวาดกลัวไร้ผู้ใดเทียบ อีกทั้งในขณะนี้เมื่อได้ถูกใช้โดยพลังฝีมือของเยี่ยจง ก็ยิ่งทำให้ทวีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ขณะนี้แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่ากระดิ่งนั้นจะเป็นเพียงของเลียนแบบของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ตาม แต่ว่ายังคงมีพลังในการทำลายที่ไม่ด้อยไปกว่าของเยี่ยจงเลยแม้แต่น้อย
“กึง——”
กระดิ่งก็ได้สั่นไหวอย่างบ้าคลั่งขึ้นมา ในขณะนั้นเอง ขยับเคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า ประกายแสงเทวะสีทองสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมายังท่ามกลางอากาศในตอนนี้ จากนั้นก็ได้กลายเป็นพลังฝ่ามือขนาดใหญ่หนึ่งฝ่ามือของก็มิปาน เข้ากดดันมาจากผืนฟ้าลงมาเช่นนี้
ในระหว่างที่พลังเทวพสีทองสายนี้ได้ฟาดลงมา ก็ได้เกิดสภาวะแห่งการทำลายสวรรพสิ่งขึ้นมา พื้นดินบริเวณรอบด้านภายในระยะร้อยกว่าจั่งก็ได้ถูกบดละเอียดจนแทบไม่หลงเหลือสิ่งใดเอาไว้ ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ถูกพลังสภาวะเช่นนี้กดดันเข้ามาอยู่ตรงกลางไปในทันที
หากมิใช่ขณะนี้บริเวณใจกลางฝ่ามือของเยี่ยจง ได้ปรากฏประกายแสงตราประทับกระบี่จูเชวียนขึ้นมา เพื่อต้านทานกับพลังเทวะอันน่าหวาดกลัวนั้นแล้วละก็ ไม่แน่ว่า ร่างกายของเขาก็คงจะต้องแหลกลาญแล้วก็เป็นได้
“ไม่แปลกใจเลยที่ถูกขนานนามว่าสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ ! ” ผู้ที่เป็นเจ้าของกระดิ่งก็ได้แตกตื่นตกใจ ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอาการแตกตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเยี่ยจงในขณะนี้ได้ลงมือออกมาด้วยพลังทั้งหมด อีกทั้งยังต้องแบ่งจิตไปไว้ที่คนอื่นๆ อีกด้วย แต่ว่ายังคงสามารถที่จะแสดงพลังฝีมืออันน่าหวาดกลัวขึ้นมาได้ ทำให้เขาตกเกิดอาการตกใจขึ้นมาอย่างไม่เสื่อมคลาย
“ทว่า คิดที่จะใช้กำลังเพียงคนเดียวต้านศัตรูสามด้านงั้นหรือ ? ช่างเป็นตัวโง่งมที่เอาแต่เพ้อฝันเสียจริง ! ” เขาหัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมา แล้วก็ก้าวขึ้นมาทางด้านหน้าอีกครั้ง
.
.
.
.