Zui Qiang Wu Shen – เทพยุทธ์สะท้านภพ - ตอนที่ 577
ตอนที่ 577 ประกาศการสังหาร
“ด้วยพลังโลหิตบริสุทธิ์ของคุนเผิง กระนั้นยังถึงกับสามารถที่จะทำให้เจ้าฝึกปรือกายเนื้อได้จนถึงขั้นนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมต้องไม่ธรรมดา เพียงแต่น่าเสียดายที่เจ้าได้พบพานกับข้า” เยี่ยจงถอนหายใจ หากมิใช่เขาในขณะนี้ได้สำเร็จพลังกายาทองไม่สูญสลายแล้วละก็ คงจะยากที่จะต่อกรได้อย่างแท้จริง อย่างน้อยก็ย่อมต้องมิใช่คู่ต่อสู้ของซื่อเฟยเฉินผู้นี้อย่างแน่นอน
“ให้ข้าได้ทำความรู้จักกับพลังเทวะของหุบเขาหมื่นปีศาจของพวกเจ้าเถอะ มิเช่นนั้นแล้วละก็ ข้าเกรงว่าเจ้าก็คงจะไม่อาจที่จะมีโอกาสที่จะแสดงออกมาได้อีกแล้ว” เยี่ยจงถอนหายใจออกมาหลังจากนั้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“พลังเทวะของหุบเขาหมื่นปีศาจงั้นหรือ ? เหอะ หากว่าข้าใช้พลังเทวะแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจก็คงจะเอาชนะเจ้าไปแล้ว จะบอกกล่าวอย่างไรให้เป็นที่ชัดเจนดีละ ข้านั้นยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเจ้าสวะบุตรศักดิ์สิทธิ์อีกขั้นหนึ่งก็ว่าได้” กายเนื้อของซื่อเฟยเฉินก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอีกครั้ง บริเวณทางด้านหลังก็ได้กลายเป็นงอกเงยด้วยปีกคู่หนึ่งออกมา “ความแข็งแกร่งของกายเนื้อเจ้า ราวกับว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของข้าไปแล้ว ทว่าต่อให้เป็นก็ดี เมื่อได้ฆ่าเจ้าไปแล้ว จะยิ่งเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของข้าได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น”
“เจ้าไม่ไหวหรอก” เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา มิได้มีความเย้ยหยัน แล้วก็มิได้มีอาการเหมือนกับผู้ที่สูงส่ง เพียงแต่กล่าวออกมาอย่างสงบตามความเป็นจริงออกไป
ซื่อเฟยเฉินส่ายหน้าช้าๆ หัวเราะแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ข้าเองที่ได้ฝึกปรือกายเนื้อเช่นนี้มานับตั้งแต่กำเนิด หากว่าแม้แต่เจ้าก็ยังไม่อาจที่จะต่อกรด้วยแล้วละก็ แล้วจะไปถกเถียงกับทั่วทั้งฟ้าดินได้อย่างไรกัน ? ”
ในระหว่างที่เสียงได้ทอดลงมา ทั่วทั้งร่างกายของซื่อเฟยเฉินก็ได้ปรากฏร่างเดิมขึ้นมา กลายเป็นวิหคสีทองตนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเมื่อนำไปเทียบกับนกตามปกติทั่วไปแล้ว เขานั้นกลับมีแรงกดดันประดุจมังกรหงสาเพิ่มขึ้นมาอีกชนิดหนึ่งก็มิปาน
เยี่ยจงขมวดคิ้วเข้าชนกัน จากนั้นเขาก็ได้พลิกมือขวาเปลี่ยนแปลงรอยตราขึ้น มือข้างหนึ่งชี้ขึ้นฟ้ามือข้างหนึ่งชี้ลงพสุธา ตราผนึกนภาในขณะนี้ก็ได้ถูกเขาใช้ออกมานับครั้งไม่ถ้วน ก็ได้มุ่งหน้าฟาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า
“กร๊อบ——”
ด้วยพลังฝีมือของเยี่ยจงขณะนี้ที่ได้ฟาดตราผนึกนภาออกไป แม้แต่ทั่วทั้งฟ้าดินเองก็ราวกับสามารถที่จะแข็งจะไม่อาจที่จะสั่นไหวได้เลยก็มิปาน บรรยากาศท่ามกลางสนามในขณะนั้นเองก็ได้เข้าสู่ระดับความตึงเครียดอย่างน่าหวาดกลัว ประดุจดั่งสามารถที่จะบดขยี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้ก็มิปาน
“ตูม——”
แต่ว่าในขณะนั้นเอง ทันทีที่ซื่อเฟยเฉินได้กลายร่างจนกลายเป็นวิหคทองก็ได้พุ่งฆ่าสังหารออกไปภายในพริบตา ร่างกายของเขาก็ได้ปรากฏประกายเพลิงกาฬสีทองแผดเผาขึ้นมา พริบตานั้นก็ได้ทำให้กายเนื้อของเขาเพิ่มพูนระดับพลังการต่อสู้ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง
ซื่อเฟยเฉินในขณะนี้ เรียกได้ว่าได้กระตุ้นสภาวะภายในร่างกายของสายโลหิตแห่งคุนเผิงออกมาเป็นสาย บนร่างกายของเขาก็ได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยบรรยากาศของความโหดร้ายโบราณทั้งเจ็ดแห่งคุนเผิงอยู่ชนิดหนึ่ง ความน่าหวาดกลัวเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่เหลือคณานับเลยก็ว่าได้
เยี่ยจงก็ได้เกิดจิตใจที่หวั่นไหวขึ้นมา แม้ว่าเขาในขณะนี้จะใช้พลังทั้งหมดออกมาด้วยพลังตราผนึกนภา แต่ว่าซื่อเฟยเฉินในขณะนี้ ยังคงทำให้เขารู้สึกถึงความอันตรายอย่างถึงที่สุดอยู่
“เจ้าตายซะเถอะ มนต์ตราเทพนี้ถือได้ว่าเป็นขีดจำกัดความเปลี่ยนแปลงในสายเลือดของพวกเรา คุนเผิงเปี้ยน (คุนเผิงเปลี่ยนแปลง) การที่ได้ตายภายใต้กระบวนท่านี้ได้ เจ้าก็สามารถวางใจได้แล้ว ! ” ซื่อเฟยเฉินคำรามออกมา พุ่งเข้าสังหารออกไป
“ตอนนี้เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้ แท้จริงแล้วยังเร็วจนเกินไปอยู่นะ ! ”
เยี่ยจงก็ได้เปลี่ยนแปลงรอยตราบนมือคราหนึ่ง เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนแห่งความเปลี่ยนแปลงทั้งสี่ขั้นแรกก็ได้ถูกฟาดออกไปในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นถึงอักขระจูเชวียนอยู่กลางอากาศ อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวของตราผนึกนภาเอาไว้ มุ่งหน้าทลายออกไปบริเวณทางด้านหน้าที่ซื่อเฟยเฉินอยู่
ซื่อเฟยเฉินแทบจะมิได้หลบเลี่ยงแต่อย่างไร ในขณะนั้นเอง กรงเล็บวิหคของมันก็ได้กวาดออกมา มุ่งหน้าฟาดเข้ามาบริเวณทางด้านหน้า
“กร๊อบ——”
เพียงแต่ว่าเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ตราผนึกนภาและเก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนนึกไม่ถึงจะสามารถที่จะทำลายกรงเล็บของซื่อเฟยเฉินลงไปได้ในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นประกายกระจ่างชัดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังพวยพุ่งออกมาจากทั่วทั้งสี่ด้าน
เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ไม่อาจที่จะไม่ก้าวเท้าออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบถอยหลังไป พลังกายเนื้อของอีกฝ่ายถึงกับแข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัวได้จนถึงขั้นนี้ ก็เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับที่ไม่เคยคาดคิดเอาไว้ได้มาก่อนอยู่หลายส่วน อีกทั้งในระหว่างที่รางเลือนไม่ชัดเจน นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะใช้พลังกายาทองไม่สูญสลายต่อกรได้
“หนึ่งในสิบมนต์ตราเทพโบราณตราผนึกนภา มนต์ตราเทพไท่กูจูเชวียน เยี่ยจง เจ้าแท้จริงแล้วถือได้ว่าเป็นเหมือนดั่งสมบัติในร่างมนุษย์ที่เคลื่อนไหวได้เลย อีกทั้งสิ่งของบนตัวไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเกิดความหวั่นไหวใจขึ้นมาได้” ซื่อเฟยเฉินหัวเราะหึหึอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างยิ่ง มันในขณะนี้ราวกับไม่อาจที่จะใช้สติสัมปชัญญะควบคุมจิตสังหารเอาไว้ได้ทั้งหมดแล้ว ดวงตาที่ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงก็ได้แดงฉานขึ้นมา “หรือไม่ก็ ข้าไม่ฆ่าเจ้า เพียงแต่นำเจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงแทน นำพาไปยังทุกหนทุกแห่ง คิดว่าคงจะดีกว่าไม่น้อย ! ”
“ก็แค่เพียงแต่มีสายโลหิตของคุนเผิงเท่านั้น ยังคิดจริงหรือว่าตนเองจะเป็นใต้หล้าไร้ผู้ต้านได้อย่างงั้นหรือไง วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าเข้าใจเอง ว่าอะไรเรียกว่าเป็นระดับไร้ผู้ต้าน ! ” ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้สาดเป็นประกายเย็นเยียบขึ้นมาเป็นสาย ฝ่าเท้าของเขาก็ได้ทอดวางลงบนพื้นดิน พริบตานั้นร่างกายก็ได้ทะยานออกไป ประกายแสงสีทองก็ได้ปกคลุมไปทั่วร่าง เห็นได้ชัดว่า กายเนื้อของอีกฝ่ายในขณะนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในระดับความแข็งแกร่งที่ยากจะคาดเดาได้ แต่ว่าเขาก็ยังคงไม่หวาดกลัว เตรียมพร้อมที่จะใช้กายเนื้อเพื่อที่จะกดดันอีกฝ่ายเอาไว้
“ผัวะ——”
กำปั้นสีทองก็ได้พวยพุ่งออกมา บริเวณของกำปั้น ก็ได้มีตราแห่งราชาแดนมนุษย์ของอักขระปกคลุมเอาไว้อยู่ด้านบน เยี่ยจงในขณะนี้ประดุจดั่งตราประทับมนุษย์ขนาดใหญ่สายหนึ่งก็มิปาน เมื่อได้ปะทุหมัดออกมา ก็ได้กดดันไปทั้งแปดแดน
สภาวะความว่างเปล่าทั้งหมดในขณะนั้นเองก็ได้กลายเป็นประดุจภาพวาด ในระหว่างที่เขาได้ปะทุหมัดออกมาจนเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างถี่ยิบ ราวกับได้ผ่านการทำลายล้างมาอย่างเนิ่นนาน
“มาได้ดี ! ”
ซื่อเฟยเฉินหัวเราะฮาฮาอย่างบ้าคลั่ง ปีกสีทองคู่หนึ่งก็ได้กวาดออกไป จนทำให้ทั่วทั้งผืนฟ้าได้เกิดประกายแสงสีทองระเบิดขึ้นมา เข้าปะทะกับหมัดของเยี่ยจง
“กร๊อบ——”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ได้ดังขึ้นมาในขณะนั้นเอง ประดุจดั่งพื้นดินเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมา ประดุจภูเขาไฟกำลังระเบิด ประดุจดั่งเกิดการปะทะขึ้นมาบนชั้นดารา เสียงแต่ละชนิดในขณะนี้ก็ได้รวมเอาไว้เข้าด้วยกัน มุ่งหน้าปะทุออกมาทั่วทั้งสี่ด้าน
พื้นดินอันกว้างใหญ่ในขณะนี้ก็ได้กลายเป็นฝุ่นผง บริเวณโดยรอบอีกทางด้านหนึ่งก็ได้กลายเป็นพื้นที่ราบเรียบอยู่ที่บริเวณใต้เท้าของทั้งสองคนในตอนนี้
บริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน เหล่าสัตว์น้อยที่ได้หลบซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ก็ได้เนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมาเป็นพันวัน เกรงกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ
“อา——”
เพียงแค่กระบวนท่าเดียวถึงกับต้านทานศัตรูเอาไว้ได้ ได้ทำให้ซื่อเฟยเฉินคำรามออกมากึ่งก้อง พุ่งร่างกายฆ่าสังหารเข้ามาประดุจสัตว์ร้าย ขนปีกสีทองก็ได้ทอประกายคมกล้าประดุจกระบี่ มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจง
เยี่ยจงส่ายหน้า กล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ : “พละกำลังของเจ้านั้นมิได้มาจากตัวของเจ้าเอง เพียงแต่มาจากโลหิตบริสุทธิ์ภายในร่างกายของเจ้าสายนั้น ขณะนี้ยังมิใช่เจ้าเองที่ควบคุมโลหิตบริสุทธิ์เอาไว้ เพียงแต่เป็นโลหิตบริสุทธิ์กำลังควบคุมเจ้า……แม้แต่ตนเองก็ยังไม่อาจที่จะควบคุมได้ แล้วคิดที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอย่างงั้นหรือ ? ช่างเป็นตัวโง่งมที่เอาแต่เพ้อฝันเสียจริง ! ”
“ครืน——”
หลังจากที่สิ้นเสียงลง เยี่ยจงก็ได้พุ่งหมัดเข้าสังหารออกไปอย่างง่ายๆ ออกไปในทันที ทันทีที่ได้ปะทะเข้ากับปีกสีทองคู่นี้ของซื่อเฟยเฉิน วินาทีนั้น ทั่วทั้งฟ้าดินก็ได้เกิดการเสียงดังเคร้งคร้างขึ้นมา
“กร๊อบ——กร๊อบ——”
เสียงของการแตกหักก็ได้ดังเสียดหูขึ้นมาไม่หยุด ขนปีกสีทองผืนใหญ่บนร่างกายของซื่อเฟยเฉินก็ได้แตกร้าวขึ้นมา หลุดลอกออกมา ซื่อเฟยเฉินชะโงกหัวคำรามอย่างบ้าคลั่ง ราวกับกำลังคลั่งอยู่ เพราะว่าทั่วร่างของเขานั้นได้มีโลหิตไหลรินออกมา ไม่ว่าจะมองดูอย่างไรต่างก็ถือได้ว่าเป็นรสชาติที่เจ็บปวดอยู่อย่างไร้ที่เปรียบ
แม้ว่าร่างกายของเขาในขณะนี้จะอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด แต่ว่าก็ย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนเมื่อได้ใช้ออกมาด้วยความแข็งแกร่งอย่างน่าหวาดกลัวนี้ จึงได้ทำให้เขาสติสัมปชัญญะเหมือนกับถูกสัตว์ประหลาดเข้าครอบงำเอาไว้ แทบจะไม่อาจที่จะเผชิญหน้าโดยซึ่งๆ หน้ากับเยี่ยจงได้เลย
“พลังกายาทองไม่สูญสลาย กระนั้นถึงกับมีความน่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ! ” ซื่อเฟยเฉินกระอักเลือดคั่งออกมาอีกคำ ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมายิ่งกว่าเดิม แต่ว่าเขากลับมิได้มีความคิดที่จะถอยรนออกไปเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ก้าวไปทางด้านหน้าทีละก้าว เพลิงกาฬสีทองบนร่างกายก็ได้ทวีความแผดเผาขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
เยี่ยจงจ้องเขม็งในขณะนี้ซื่อเฟยเฉินก้าวขึ้นมาด้านหน้าทีละก้าว เขามิได้ถอยแต่อย่างไร เพียงแต่มุ่งหน้าเข้ากดดันบริเวณทางด้านหน้าไปทีละก้าว ใช้ออกมาด้วยกายเนื้อเข้ากดดันซื่อเฟยเฉินเอาไว้
“มังกรศิโรราบคุนเผิง ! ”
สีหน้าของซื่อเฟยเฉินก็ได้ทวีความดุร้ายยิ่งกว่าเดิม ภายใต้สภาวะจากแรงปะทะกับอีกฝ่ายเช่นนี้ เขาต่อให้ตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอีกซักแค่ไหน ก็ไม่อาจที่จะไม่กู่ร้องออกมาด้วยความบ้าคลั่งขึ้นมาได้ กระดูกทั่วทั้งร่างกายก็ได้แตกร้าวขึ้นมา ในครั้งนี้ สภาวะพลังชีวิตบนร่างกายของเขาก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาอย่างประหลาด แม้ว่ายังคงอยู่ในสภาพของวิหค แต่ว่ากลับมีส่วนที่คล้ายกับมนุษย์ขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดอย่างไร้ที่เปรียบ
เพียงแต่ว่าความประหลาดเช่นนี้ กลับได้ทำให้กายเนื้อของเขานั้นกลับยิ่งทวีความแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าเดิมขึ้นมาเป็นสาย พริบตาที่ได้มีการกลายร่างขึ้นมา เขาก็ได้พุ่งเข้าสังหารออกมาอีกครั้ง
ถือได้ว่าเป็นบรรยากาศที่น่าตกใจอย่างถึงขีดสุด ในขณะนั้นเองก็ได้มีพลังแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกายของซื่อเฟยเฉิน ราวกับว่าไม่ว่าจะเป็นกายเนื้อของเขาในส่วนใด ต่างก็เกิดรอยแตกขึ้นมาได้อย่างง่ายดายก็มิปาน
แล้วก็ได้เปลี่ยนจนใช้ออกมาด้วยทั้งสองมือ ขณะนี้โลหิตสีทองก็ได้ปกคลุมหมุนวนมุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้า คิดที่จะฉุดดึงเยี่ยจงเข้าสู่สภาวะความบ้าคลั่งอันน่าหวาดกลัวนี้
“ผัวะ——”
ด้านบนแขนทั้งสองข้างของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏอักขระกิเลนขึ้นมา แขนทั้งสองข้างก็ได้ปะทุแสงสีม่วงออกมา แล้วก็ได้เกิดพลังต่อต้านขึ้นมา เมื่อพลังอันแข็งแกร่งปะทะกับพลังอันแข็งแกร่ง แสงสีม่วงจากแขนทั้งสองข้างก็ได้เกิดการปะทะสังหารไม่หยุดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นกระบวนท่าใดๆ ต่างก็ได้ถูกใช้ออกมาจนหมด จนเกิดความสั่นสะเทือนไปทั่วทุกพื้นที่
“ตึงตึงตึง——”
การปะทะครั้งใหญ่ของทั้งสองฝ่ายก็ได้ดำเนินไปหลายสิบครั้ง เยี่ยจงยังคงยืนอยู่ที่ท่ามกลางอากาศมิได้เคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แล้วก็มิได้ถอยหลังแม้เพียงครึ่งก้าว แต่ว่าซื่อเฟยเฉินกลับถอยแล้วถอยอีกเนื่องจากแรงปะทะ อีกทั้งยังพ่นโลหิตออกมาไม่หยุด อยู่ในสภาวะจนตรอกอย่างไร้ที่เปรียบ
“เพราะอะไร ! เพราะอะไร ! เห็นๆ อยู่ว่ากายเนื้อของข้านั้นแข็งแกร่งกว่าเจ้า เพราะอะไรข้าถึงได้ตกเป็นเบี้ยล่างได้กัน ! ” ซื่อเฟยเฉินราวกับบ้าคลั่งขึ้นมา ทั่วร่างของเขาก็ได้เต็มไปด้วยคราบโลหิต ในขณะนี้คำราม
“เจ้าเพื่อที่จะได้ครอบครองพลัง กลับต้องตกอยู่ภายใต้การสูญเสียการเป็นตัวของตนเองไป จึงมีแต่เพียงพลังที่ว่างเปล่าเท่านั้น เหมือนกับทารกน้อยอายุสามขวบถือเอาไว้ด้วยขวานยักษ์ แม้ว่าขวานยักษ์จะคมกล้า แต่ว่าเจ้าก็ยังไม่อาจที่จะควบคุมได้ ในสายตาของข้าดูเหมือนว่า ที่เจ้าทำเช่นนี้ก็เหมือนกับหาที่ตายเอง ! ” เยี่ยจงปะทุกระบวนท่าออกมา ก้าวออกไปทางด้านหน้า ต่อสู้เข้าไปจนถึงทางด้านหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่มีอะไรที่น่ากล่าวอีกต่อไปแล้ว หากว่าเขายังลงมือไว้ไมตรีต่อไปแล้วละก็ หากว่าย่ำแย่ก็คงจะต้องถูกซื่อเฟยเฉินผู้นี้พลิกสถานการณ์ได้แล้ว
“มังกรแปลงเป็นคุนเผิงของข้าถือเป็นวิชาลับที่ไร้ผู้ต้านทานแห่งดินแดน เป็นท่านอาจารย์ถ่ายทอดให้ด้วยตนเอง เป็นไปได้อย่างไรที่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาหลังของเจ้าได้ อีกทั้งยังเป็นเจ้าสวะที่ไม่มีแม้แต่ที่พึ่งพึง ! ” ซื่อเฟยเฉินตะโกนออกมา โลหิตก็ได้สูบฉีดไปทั่วทั้งร่าง เห็นได้ชัดเขาได้อยู่ในระดับที่จะลงมือโดยที่ไม่สนใจทุกอย่างแล้ว การต่อสู้นี้หลังจากนี้ ต่อให้เป็นเขาที่สามารถได้ชัย อย่างน้อยก็คงจะสูญเสียพลังไปกว่าครึ่งแล้ว
“จะฆ่าเจ้า ! จะฆ่าเจ้า ! ขอเพียงฆ่าเจ้าได้ ข้าก็อาจจะสามารถที่จะใช้โลหิตบริสุทธิ์คุนเผิงได้อีกครั้ง ข้าต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ข้าจะต้องสังหารเจ้า……” เขาก็ได้บ้าคลั่งขึ้นมา แทบจะไม่หลงเหลือสติของตนเองอีกต่อไปแล้ว
เยี่ยจงส่งเสียงถอนหายใจออกมา ทราบว่าซื่อเฟยเฉินไร้ซึ่งหนทางช่วยเหลือแล้ว เขาก็ได้กรีดนิ้วออกไปคราหนึ่ง ตำหนักพลังเทวะขั้นที่หนึ่งก็ปรากฏบริเวณทางด้านหลัง เสียงประดุจดั่งคมกระบี่ทิ่มแทงก็ได้ดังขึ้นมาเป็นสาย วินาทีนั้น สภาวะคมกระบี่ไร้สภาพสายหนึ่งก็ได้มุ่งหน้าปะทะสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า ประดุจสายลมหอบหนึ่งที่โชยพัดอยู่บนฟากฟ้าก็มิปาน
“ช่างน่าเสียใจ ช่างน่าเสียดาย ข้าจะลงมือส่งเจ้าไปสู่ปรภพด้วยมือข้าเองก็แล้วกัน ! ” เยี่ยจงก็ได้ถอนหายใจออกมา น้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความเสียใจ อีกทั้งยังถอนหายใจออกมา ผู้ที่มีพรสวรรค์คนหนึ่ง อีกทั้งยังไล่ตามใฝ่หาพลัง แต่กลับต้องมาตกอยู่ในสภาพจุดจบเช่นนี้
“ฉึก——”
ร่างกายของซื่อเฟยเฉินก็ได้สั่นไหวขึ้นมาอยู่ท่ามกลางอากาศ ร่างกายที่มนุษย์ไม่เหมือนมนุษย์วิหคไม่คล้ายวิหคก็ได้หยุดนิ่งลงอยู่ท่ามกลางอากาศ หลังจากนั้นเอง ก็ได้มีโลหิตฉีดพุ่งออกมาออกมาจากร่าง กลายเป็นโลหิตสูบฉีดที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด ร่างกายก็ได้ถูกแยกออกเป็นสองท่อนไปในทันที ร่วงหล่นลงไปจนถึงบนพื้น ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดเสียงของกระดูกหักดังไม่ขาดสาย จนขนสีทองได้แยกออกไปเป็นชิ้นๆ จะกลายเป็นเพียงโลหิตเท่านั้น
เยี่ยจงเหม่อมองไปยังซากศพที่ไม่คล้ายเป็นมนุษย์ทางด้านล่าง ถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้น เขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ตัวอักษรคำว่าเยี่ยสีเลือดก็ได้ปรากฏขึ้นมาทางด้านข้างของศพซื่อเฟยเฉินในตอนนี้ เขามิได้ทิ้งคำพูดอันใดหลงเหลือเอาไว้ แต่ว่าเพียงทิ้งอักขระคำว่าเยี่ยตัวเดียวอย่างง่ายๆ เอาไว้ เพียงแค่นี้ก็เป็นที่บ่งบอกทั้งหมดได้แล้ว
.
.
.
.