Zui Qiang Wu Shen – เทพยุทธ์สะท้านภพ - ตอนที่ 574
ตอนที่ 574
ค่าหัวที่สูงล้ำ
ในขณะที่เยี่ยจงและพวกกำลังพยายามที่จะเปิดกันอยู่ ไม่นานนัก โลงศพนี้หยกก็ได้ถูกเปิดขึ้นมาจนถึงชั้นที่แปด ในตอนที่หลงเหลือโลงศพชั้นนอกอีกเพียงแค่ชั้นเดียว หากเป็นไปตามการทำนายของจงหลี่ ขอเพียงเปิดอีกชั้นที่เป็นชั้นสุดท้ายนี้ขึ้นมา เช่นนั้นความลับท่ามกลางโลงศพนี้เก้าฟ้า ก็อาจจะสามารถเป็นที่กระจ่างไปทั่วทั้งฟ้าดินได้แล้ว
แต่ว่ามาจนถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นนิสัยอย่างหวู่โหวเองก็ยังต้องหยุดมือลงชั่วขณะ มิได้ลงมือต่อแต่อย่างไร
“นี้คือโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวงในตำนานอย่างแท้จริง พวกเราได้เปิดมันออกมาทั้งหมดแปดชั้นแล้ว หากว่าเปิดชั้นสุดท้ายออกมา อาจจะสามารถพบเห็นความเป็นจริงขึ้นมาก็เป็นได้” ไต๋ซือหวู่โหวถอนหายใจ ในเวลาเดียวกันก็ไม่ทราบว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ช้าก่อน ข้ากลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างกะทันหัน ราวกับมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยจะถูกต้องนัก ไม่ถูกต้องเลย……” จงหลี่ที่มีใบหน้าลิงโลดมาโดยตลอดทันใดนั้นราวกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก็มิปาน แล้วเขาก็ได้ทำการทำนานยขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ในครั้งนี้สีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด แล้วก็ยังขาวซีดขึ้นมาอีกหลายส่วน “ช่างไม่เหมาะสมเอาเสียเลย เก้าเก้าเผยความเป็นจริง แต่ที่เห็นทั้งหมดนั้นไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ อาจจะสามารถทำให้เกิดข้อผิดพลาดที่ไม่สมควรขึ้นมาก็เป็นได้”
เยี่ยจงกวาดตามองไปที่จงหลี่คราหนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วกล่าว: “คงจะไม่ใช่ว่าเมื่อมาจนถึงช่วงที่สำคัญที่สุดอย่างตอนนี้ เจ้าคิดที่จะบอกกับพวกเราว่า สิ่งของนี้ไม่อาจที่เปิดได้อย่างงั้นหรือ?”
จงหลี่คิดแล้วคิดอีก พยักหน้าแล้วกล่าว: “ข้าเมื่อครู่สามารถที่จะพบเห็นกับสิ่งที่สวรรค์ถ่ายทอดมาให้ แต่ว่าระหว่างที่ยิ่งเปิดโลงศพชั้นนอกออกมายิ่งมาก็ยิ่งมากนั้น ขณะนี้สิ่งที่ข้าเห็นทั้งหมดต่างก็กลายเป็นเพียงหมอกควันเลือนราง ราวกับว่าของสิ่งนี้เมื่อได้เปิดแล้วตอนนี้กับอนาคตที่มีอยู่กลับกลายเป็นเพียงความว่างเปล่าก็มิปาน ข้าตอนนี้รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก หากว่าเปิดวัตถุชิ้นนี้แล้วละก็……พวกเราทั้งห้าคนไม่แน่ว่าอาจจะต้องตายก็เป็นได้!”
“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวงั้นหรือ คงจะมิใช่ว่าพี่ใหญ่จงหลี่ท่านคิดที่จะเก็บมันเอาไว้แต่เพียงคนเดียวละ จึงได้จงใจที่จะกล่าววาจากลับตาลปัตรออกมา?” หลิงเฟ่ยทอสีหน้าไม่เชื่อขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมาเช่นนี้ เขาแน่นอนว่าย่อมเคยทำมาก่อน
“ให้ตายเถอะ ไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว ข้ายังจะมัวมากล่าววาจาล้อเล่นเช่นนี้ในเวลาเช่นนี้อีกอย่างงั้นหรือ? หากว่าสามารถเปิดวัตถุชิ้นนี้แล้วละก็ ข้ายังร้อนรนมากกว่าพวกเจ้าเสียอีก แต่ว่าถ้าหากการทำนายของข้าไม่ผิดแล้วละก็ วัตถุชิ้นนี้เมื่อถูกเปิดขึ้นมาแล้ว จะมิได้สิ้นสุดเพียงแค่นี้แน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง อย่าว่าแต่พวกเราทั้งหลายเลย ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนนั้นเมื่อครู่รวมตัวกันครบทั้งหมด ไม่แน่ว่าก็อาจจะต้องหลบหนีกันไปจนสิ้น” จงหลี่ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างยิ่ง วาจายังไม่ทันจะกล่าวจบ ก็ได้มีเหงื่อสีดำย่างสามขุมไหลรินออกมาประดุจโลหิตไหลออกมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ยื่นมือกดลงไปยังโลงศพหยกนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มิให้ไต๋ซือหวู่โหวใช้โลหิตศักดิ์สิทธิ์เพื่อเปิดวัตถุชิ้นนี้
คนมากมายสบตามองกันคราหนึ่ง ต่างก็ทอสีหน้าขาวซีดขึ้นมา ของสิ่งนี้ก็ช่างประหลาดเกินไปแล้ว ขณะนี้จงหลี่ไม่เพียงแต่จะทราบความลับเหล่านี้ขึ้นมาได้เท่านั้น ยังถึงกับเปิดเผยออกมาในสถานที่แห่งนี้อีกด้วย หากว่าเขากล่าวออกมาได้ชัดเจนมากกว่านี้อีกหน่อยแล้วละก็ เกรงว่าเขาก็คงจะหลบหนีออกไปในทันทีแล้ว
เรื่องราวเมื่อได้เกิดขึ้นมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็เข้าใจกันขึ้นมา จงหลี่อย่างน้อยจะต้องคำนวณสิ่งที่ยุ่งยากของสิ่งของเช่นนี้ขึ้นมาได้แล้ว แต่ว่าสิ่งของเหล่านั้นเกรงว่าเขาเองก็คงจะไม่อาจที่จะเอ่ยปากกล่าวออกมาได้ เพราะว่าหากว่ากล่าวออกมา ผลลัพธ์คงจะหนักหนายิ่งไปกว่านี้อีก ไม่แน่ว่าคนที่ทราบเรื่องทั้งหมดอาจจะต้องตายก็เป็นได้!
เมื่อได้เข้าใจในความข้อนี้ขึ้นมาได้แล้ว ต่อให้เป็นผู้ที่มีความสุขุมอย่างเยี่ยจง ก็ยังไม่อาจที่จะรู้สึกคิดที่จะหยุดกระทำทุกสิ่งขึ้นมาก็เป็นได้
ภายในโลงศพนี้เก้าฟ้าแท้จริงแล้วเก็บซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่อะไรเอาไว้อยู่กันแน่ หรือเพียงแค่เล็กน้อย ก็จะเป็นเช่นนี้ขึ้นมาอย่างงั้นหรือ?
“ทุกท่าน ของสิ่งนี้อย่าได้เปิดออกจะดีที่สุด จักรพรรดิฟ้าชิงเป็นบุคคลเช่นไร เป็นบรรพบุรุษเผ่ามนุษย์ เป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศ ด้วยพลังฝีมือที่สูงเสียดฟ้าของเขา ยังไม่แม้แต่จะลงมือต่อสิ่งของเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็คงจะต้องตรวจสอบอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างแน่นอน……แม้จะเป็นถึงจักรพรรดิฟ้าก็ยังไม่กล้าที่จะแตะต้องวัตถุสิ่งนี้ ด้วยความไม่ธรรมดาของวัตถุชิ้นนี้ พวกเราทางที่ดีก็อย่าได้เปิดออกแล้ว” ไต๋ซือหวู่โหวหลังจากที่ครุ่นคิดได้สักพัก ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาต่อ
คำพูดเมื่อได้กล่าวมาจนถึงขั้นนี้แล้ว จากนั้นคนมากมายต่างก็เกิดความงุนงงสงสัยขึ้นมา แล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ไม่เปิดต่อไปอีก แม้ว่าจะทราบว่าภายในวัตถุชิ้นนี้จะต้องเก็บซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้อยู่ แต่หากเปิดโลงศพหยกชั้นสุดท้ายขึ้นมาแล้วละก็ ผู้คนทั้งหมดต่างก็คงจะต้องพบเจอกับจุดจบอยู่ในสุสานด้วยกัน ถือว่าช่างทำให้ผู้คนไม่คิดที่จะเปิดโลงศพชั้นนอกที่เหลืออยู่อีกชั้นสุดท้ายขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าคนมากมายต่างก็ยอมรับ จงหลี่หลังจากที่ได้กัดฟันไปมาแล้ว ก็ได้นำเอาฝ่าครอบโลงศพแต่ละชั้นครอบกลับเข้าไป แต่ว่าจะว่าไปแล้วก็น่าแปลก ฝ่าครอบโลงศพเหล่านี้เมื่อได้ถูกครอบลงไปแล้ว วินาทีนั้นก็ได้กลายเป็นเนื้อเดียวกันในทันที ไม่อาจที่จะพบเห็นช่องว่างเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ได้ครอบฝ่าครอบโลงศพชั้นสุดท้ายลงไปแล้ว ของสิ่งนี้ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นกล่องหยกชิ้นหนึ่งก็มิปาน หากมิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ ผู้คนมากมายเกรงว่าก็คงจะไม่อาจที่จะเปิดวัตถุชิ้นนี้ไม่ออก
“น่าแปลก ถึงกับกลับกลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว!” จงหลี่ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ได้ยื่นมือปาดเช็ดไปที่โลหิตที่มุมปาก จากนั้นก็ได้ลังเลขึ้นมาแล้วกล่าว “ไต๋ซือ ท่านที่เป็นถึงหนึ่งในชนชั้นมหาราชันแห่งดินแดน ของสิ่งนี้เก็บเอาไว้ที่ท่านพวกเราจึงจะเบาใจขึ้นมาได้ มิสู้วัตถุชิ้นนี้ก็ทิ้งเอาไว้ที่ท่านเถอะ?”
กล่าวจบ จงหลี่หยักไหล่ แล้วก็ได้นำวัตถุชิ้นนี้โยนไปให้แก่ไต๋ซือหวู่โหวทันที
ไต๋ซือหวู่โหวคว้ามันเอาไว้อยู่ภายในมือ เนื้อที่เปี่ยมไปด้วยไขมันทั่วร่างก็ได้สั่นไหวไปมา หลังจากนั้น เขาจึงค่อยได้ส่งมอบไปให้แก่เยี่ยจง กล่าว: “เสี่ยวเยี่ยจง ผู้คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มากมาย วาสนาของเจ้านั้นถือได้ว่าลึกล้ำมากที่สุดแล้ว ของสิ่งนี้หรือไม่เจ้าก็ติดตัวเอาไว้เถอะ……อีกทั้ง วันข้างหน้าหากว่าหากเจ้าถูกเจ้าพวกลูกเต่าพวกนั้นไล่ล่า หากว่าตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่หนีไม่พ้นจริงๆ ก็นำเอาวัตถุชิ้นนี้ออกมาเพื่อใช้ปกป้องชีวิตเอาไว้เถอะ อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าสามารถที่จะจัดการผู้คนเหล่านั้นให้ตายไปได้ไม่น้อย”
เยี่ยจงก็ได้รับโลงศพเก้าฟ้ามา หลังจากที่งงงันขึ้นมาก็มิได้ยื่นไปให้คนอื่นอีก เพียงแต่เก็บเอาไว้ เพราะว่า วัตถุชิ้นนี้แม้ว่าจะมีพลังมารอยู่มาก แต่ว่าก็เห็นได้ชัดว่าได้เก็บซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่เอาไว้อยู่ วันข้างหน้าไม่แน่ว่าอาจจะมีประโยชน์ก็เป็นได้
ดวงตาของชิงหญิงก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นมา ราวกับคิดจะกล่าวอะไรออกมา ทว่าไม่นานนักนางก็ได้หัวเราะไปมา กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา: “การเดินทางมายังพื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ ราวกับจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ท่านเยี่ยจงท่านยังจำคำเชิญชวนของข้าได้อีกหรือไม่? หากว่ามีความสนใจ ท่านสามารถที่จะไปยังแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เราได้ทุกเวลา”
หลังจากที่เยี่ยจงงงงันขึ้นมา ก็ค่อยกล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา: “วันข้างหน้าหากมีวาสนา จะต้องไปยังแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ขอรับคำชี้แนะเพื่อที่จะแกะร่องรอยของอักขระโบราณอย่างแน่นอน”
“ผู้น้อยจะรอการมาของท่านเยี่ยจง” นางเซียนชิงหญิงยิ้มน้อยๆ จากนั้นนางก็ได้หันกายไป ก้าวออกไปทีละก้าวพร้อมกับดอกบัวบาน ระหว่างความเคลื่อนไหวของนาง ก็ได้จากออกไปอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ต้องขอตัวแล้ว ในครั้งนี้ถ้วยทุนเทียนของข้าก็ได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะชักนำความยุ่งยากอะไรมาให้อีกก็เป็นได้ ข้าจำเป็นที่จะต้องกลับไปหาที่หลบซ่อนสักระยะ พี่เยี่ย ไว้พวกเราค่อยมาพบกันใหม่แล้ว!” หลังจากที่จงหลี่ก็ได้นำเอาซากศพของมังกรอสรพิษมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์มอบให้แก่ไต๋ซือหวู่โหว ก็ได้หันกายจากไปอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนู ที่นี่ไม่ปลอดภัยนัก ข้านั้นเคยสัญญาว่าจะคุ้มครองเจ้า ในครั้งนี้เจ้าต้องการที่จะไปยังที่ใด ข้าจะไปส่งเจ้าเอง” ไต๋ซือหวู่โหวมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง แล้วก็ได้ยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“ไม่จำเป็นที่จะต้องรบกวนไต๋ซือท่านแล้ว ข้าเองก็คงจะอยู่ที่แดนซีฮวงอีกซักหลายวัน เมื่อผ่านไปได้หลายวันแล้ว ข้าก็คงจะไปยังแดนตงฮวง” หลังจากที่เยี่ยจงคิดแล้วคิดอีก จึงค่อยได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา เขาก่อนหน้านี้ได้ครอบครองม้วนคัมภีร์โบราณอีกทั้งยังไม่ได้เปิดออกมา เลยยังไม่ทราบว่าภายในนั้นมีอะไรอยู่กันแน่ ดังนั้นช่วงนี้ยังไม่คิดที่จะจากไปก่อน
หลังจากที่เงียบงัน ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้พยักหน้าตอบรับเล็กน้อย แล้วก็จากเยี่ยจงไป
“พี่ใหญ่เยี่ย ท่านวันข้างหน้าหากว่าต้องการที่จะไปยังแดนตงฮวงแล้วละก็ สามารถที่จะไปยังหมู่บ้านซี่หลงเสาะหาข้า ในที่แห่งนั้นหมู่ตึกสวรรค์นอกพวกเราได้มีค่ายกลจัดส่งไปยังนอกดินแดนได้ สามารถที่จะชักนำท่านส่งไปยังแดนตงฮวงได้” หลิงเฟ่ยเองก็ได้แนะนำไว้อย่างละเอียด ในเวลาเดียวกันก็ได้ยื่นแผ่นป้ายชิ้นหนึ่งให้แก่เยี่ยจง ด้านบนนั้นเป็นแผนที่ที่ละเอียดเขียนเอาไว้อยู่ เพื่อที่จะชี้แจงว่าจะจากไปอย่างไร
เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ จากนั้นหลังจากที่ได้ยกมือขึ้นคารวะ ก็ได้ใช้ออกมาด่วยวิชาดำดินรุกคืบจากไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร หากกล่าวถึงเกี่ยวกับหุบเขาชิวเซรี่ยก่อนหน้านี้ในมุมมองของเยี่ยจง อาจจะเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างถึงที่สุด เขาจึงไม่คิดที่จะเข้าไปใกล้มากนัก
หลายวันต่อจากนี้ บริเวณใกล้เคียงกับหุบเขาชิวเซรี่ย รวมไปจนถึงตลอดทั่วทั้งเมืองที่เป็นศูนย์กลางต่างๆ ที่อยู่ภายในแดนซีฮวงต่างก็ได้วุ่นวายขึ้นมา ข่าวลือที่เกี่ยวข้องกันพื้นที่สุสานเซียนทั้งหมด ในที่สุดก็ได้ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้คนทั้งหมดตื่นตะลึง
พื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริงได้มีการร่องรอยการปรากฏของจักรพรรดิฟ้าชิงอยู่ มังกรอสรพิษที่มีพลังการต่อสู้ระดับมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็ได้ถูกนำออกไปพร้อมกับโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวง ในเวลาเดียวกันก็ยังมีสมบัติปราณมากมายนับไม่ถ้วนยาเซียนเป็นต้นต่างก็ได้ปรากฏขึ้นมาตามการประมูลต่างๆ จนทำให้ตลอดทั่วทั้งแผ่นดินต่างก็กลายเป็นว่ากำลังให้ความสนใจไปที่เรื่องราวของพื้นที่สุสานเซียน
แลหนึ่งในเรื่องเหล่านั้น ยังมีเรื่องที่น่าตกใจที่สุดก็คงจะเป็น ชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตนที่ได้ลงมือ ได้สูญเสียไปทั้งหมดสองคน
แล้วก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริงทั้งหมดสี่ชิ้น สองชนชั้นมหาราชันที่มีอายุมาอย่างยาวนานก็ได้ตายตกไป อีกทั้งราวกับว่าชนชั้นมหาราชันยังได้ตายตกไปเพียงเพราะชนชั้นรุ่นหลังระดับราชันเพียงคนเดียวเท่านั้นก็ได้แพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งสี่แดน ผู้ใดก็ไม่อาจที่กล่าวให้กระจ่างขึ้นมาได้ ว่าแท้จริงแล้วที่แท้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
แล้วก็ยังมีเรื่องที่เกี่ยวข้องอยู่อีก ถ้วยทุนเทียนของจงหลี่และพลังฝีมือที่น่าตกใจอย่างทัณฑ์อัสนีของเยี่ยจง ก็ได้กลายเป็นข้อถกเถียงของผู้คนมากมาย
โดยเฉพาะเรื่องของเยี่ยจง นับจากเรื่องที่เกิดขึ้นมาสมรภูมิฮวงกู่แล้ว นามของเขาก็ได้กลายเป็นที่จำตามองไปทั่วทุกสารทิศ แต่ว่าการกระทำของเขาในครั้งนี้ถือได้ว่าได้ทำให้ผู้คนมากมายต้องใจหายไปไม่น้อยเลยทีเดียว จากชนชั้นรุ่นหลังที่ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ตามก็สามารถที่จะไล่ล่าได้ตลอดเวลา ก็ได้เติบโตจะกลายเป็นอยู่ในระดับที่เทียบเท่าได้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ขณะนี้ หากว่ามิใช่ชนชั้นมหาราชันที่ชรากว่าขั้นหนึ่งไม่ลงมือแล้วละก็ เกรงว่าก็คงจะมีแต่เพียงการคงอยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถปะทะกับเขาได้แล้ว อีกทั้งหากคนอื่นๆ ลงมือ คาดว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็คงจะต้องตายตกลงอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางสี่ดินแดน เรียกได้ว่าไม่ได้มีการตายตกของระดับยอดฝีมือชนชั้นมหาราชันมาหลายปีแล้ว การตายตกของชนชั้นมหาราชันทั้งสองตน ก็ได้ทำลายสมดุลของขุมกำลังภายในแดนซีฮวงลงไปในทันที ขุมกำลังมากมายต่างก็เกิดอาการคันไม้คันมือขึ้นมา นี้ยังถือได้ว่ายังเป็นเรื่องที่มีความหนักหนามากไปเสียกว่าการตายตกของชนชั้นราชันกลุ่มใหญ่ก่อนหน้านี้อยู่อย่างมากมาย ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ทั่วทั้งฟ้าดินเกิดความวุ่นวายขึ้นมาได้
หลังจากที่ได้ผ่านไปได้ครึ่งเดือน หุบเขาหมื่นปีศาจและตำหนักอัสนีลี้ลับทั้งสองแดนลับแลก็ได้ประกาศให้ค่าขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ว่าจะไล่ล่าสังหารเยี่ยจงไปทั่วทั้งสี่ดินแดน หากว่าสามารถมีคนสามารถที่จะตัดหัวมาได้จะได้รับทั้งทรัพย์สินและการบำเหน็จไปชั่วชีวิต ถือได้ว่าเป็นค่าตอบแทนที่สูงเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัด ขุมกำลังทั้งสองนี้ในครั้งนี้ถือได้ว่าถูกเยี่ยจงบีบจนถึงขีดสุดแล้ว หากว่าแม้แต่ชนชั้นราชันตัวเล็กๆ เพียงคนเดียวยังไม่อาจที่จะจัดการได้แล้วละก็ คาดว่าพวกเขาคงจะต้องจบสิ้นกันแล้ว
แต่ทว่า เยี่ยจงในตอนนี้ก็มิได้เกรงกลัวแต่อย่างไร เมื่อวันก่อนยังกระโดดโลดเต้นออกมา ปรากฏตัวขึ้นมาอยู่ที่ท่ามกลางเมืองโบราณแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังประกาศออกมาอีกว่าขุมกำลังใหญ่ทั้งสองทางที่ดีอย่าได้มาหาเรื่องกับตนเองจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คงจะต้องรับผิดชอบเองแล้ว
เยี่ยจงในขณะนี้ถือได้ว่ามีสภาวะในระดับชนชั้นราชันแล้ว มิได้เป็นเพียงแค่ยอดฝีมือธรรมดาที่มีอยู่ทั่วไปอีกต่อไปแล้ว เพียงแต่เป็นราชันพลังเทวะขั้นที่สองอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีพลังการต่อสู้ที่ใช้ได้ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดน แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ การที่เขาฝืนปรากฏตัวออกมาเช่นนี้ ยังคงถือได้ว่าเหนือความคาดหมายของผู้คนมากมายไปเทียบทั้งสิ้นแล้ว
ในขณะนี้ ปฏิกิริยาจากทางหุบเขาหมื่นปีศาจกับตำหนักอัสนีลี้ลับถือได้ว่าเด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าชนชั้นมหาราชันก็ไม่ได้เอาแต่คุมเชิงอีกต่อไปแล้วอีกทั้งยังลงมือในทันที อีกทั้งท่ามกลางสำนัก ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดต่างก็ได้ถูกส่งออกมาแทบทั้งสิ้น เพื่อที่จะออกไปเสาะหาในเวลาเดียวกัน ศิษย์เหล่านี้ขอเพียงสามารถที่จะฆ่าสังหารคนอย่างเยี่ยจงลงได้ ก็จะกลายเป็นผู้นำของหุบเขาหมื่นปีศาจหรือว่าตำหนักอัสนีลี้ลับไปได้เลย
เห็นได้ชัด ขุมกำลังใหญ่ทั้งสองต่างก็ได้ก่อเกิดเพลิงแค้นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เรื่องที่ขายหน้ายังไม่ทันจะหายไป ก็ได้เตรียมพร้อมที่จะลงมือพิฆาตเยี่ยจงแล้ว อีกทั้งยังใช้ศิษย์ในสำนักทั้งหมดทั้งมวลเพื่อตามล่า ในเวลาเดียวกัน นี้ก็เป็นที่บ่งบอกได้ว่า เยี่ยจงแม้ว่าจะเติบใหญ่ขึ้นมาแล้วก็ตาม แต่ว่าเมื่อมาเทียบกับขุมกำลังทั้งสองที่มีประวัติศาสตร์ที่ลึกล้ำอยู่มาอย่างยาวนาน ก็ยังคงไม่น่าดูอยู่ดี
.
.
.
.