Trash of the Count’s family - ตอนที่ 234.2
บทที่ 234 บางอย่างที่เห็นได้ชัด 3 (2)
“ข้าอยากรู้ว่าคนแคระไฟจะใช้วิธีใดข้ามหุบเขาแห่งความตาย”
หลังจากได้ยินสิ่งที่โรสลินพูดคาร์ลก็นึกถึงข้อมูลที่โคลเปย์เล่าให้เขาฟัง
“ตราบใดที่ศึกบนหุบเขาแห่งความตายยังไม่เริ่มต้นขึ้น พวกเขาก็จะไม่เปิดเผยวิธีการที่พวกเขาใช้ให้ทุกคนทราบ ตอนนี้พวกเขากําลังหาวิธีเก็บกู้เรือในอาณาจักรคาโรอยู่ ข้าคิดว่าพวกเขาคงดึงศักยภาพของตัวเองออก มาจนหมดเพราะศึกครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายของพวกเขาแล้ว”
“ข้าจะแจ้งให้อาณาจักรโรมันทราบทันทีหากข้ารู้รายละเอียดในเรื่องนี้ ท่านไม่ต้องกังวลไป ฮ่าฮ่าฮ่าๆ ๆๆๆ!!!!”
คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกถึงเสียงหัวเราะราวกับคนบ้าของโคลเปย์ คนเสียสติแบบนี้ คาร์ลสามารถเชื่อใจได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
โรสลินไม่เห็นสีหน้าแปลกๆของคาร์ลเมื่อเธอหันไปชี้คนผู้หนึ่งให้คาร์ลดู
“อ้อ! นายน้อยคาร์ล ท่านรู้จักเคานต์เอสครอสแล้วใช่มั้ย?”
คาร์ลมองตามมือของโรสลินไปหยุดที่คนผู้นั้น เคานต์เอ็ทครอส
เขาคือศิษย์เอกของปรมาจารย์เวทย์แห่งอาณาจักรเบร็ค ทําให้เขากลายเป็นนักเวทย์ผู้มีฝีมือเป็นอันดับสองของอาณาจักรเบรคโดยปริยาย แน่นอนว่าโรสลินไม่ได้ถูกจัดเข้าไปในอันดับนี้ด้วย
คาร์ลยังจําได้ดีว่าครั้งที่แล้วที่เขาเดินทางมายังหุบเขาแห่งความตาย เคานต์เอ็ทครอสแสดงท่าที่ดูถูกเขาเช่นไร
เคานต์เอ็ทครอสสะดุ้งเฮือกเมื่อเผลอสบตาเข้ากับคาร์ล
คาร์ล เฮนิตัส
เอ็ทครอสจําได้ว่าเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คาร์ลเดินทางมาที่นี่พร้อมกับเผ่าเสือ คาร์ลในวันนั้นกับคาร์ลที่สวมชุดผู้บัญชาการทหารในวันนี้แตกต่างกันเป็นอย่างมาก เอ็ทครอสไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดแบบนั้นได้ใน เมื่อเขาได้ยินสิ่งต่างๆที่คาร์ลได้ทํามาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในอาณาเขตเฮนิตัส การต่อสู่ในมหาสมุทรทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมันและการต่อสู้ครั้งล่าสุดที่อาณาจักรคาโร
สิ่งเหล่านี้ทําให้เคานต์เอ็ทครอสรู้สึกละอายใจต่อการกระทําในอดีตของตนแต่เขาก็รู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าคาร์ลิยินดีที่จะมาช่วยเหลืออาณาจักรเบรคโดยไม่คํานึงว่าเขาเคยทํากิริยาไม่ดีต่อคาร์ลมาก่อน
“ไม่เจอกันนานเลยนะท่านเคานต์เอ็ทครอส”
“ใช่แล้วท่านผบ.คาร์ล นี่ก็ผ่านมาได้สักพักแล้ว”
เคานต์เอ็ทครอสแสดงท่าที่อ่อนน้อมต่อคาร์ลโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงนี้
-ข้าว่าแล้วว่าเขาต้องมีท่าทางแบบนี้!
ราอนสังเกตเห็นท่าที่ที่เปลี่ยนแปลงไปของเคานต์เอ็ทครอส แน่นอนว่าคาร์ลไม่มีเวลามาสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“ผบ.คาร์ล”
“ท่านคาร์ล”
คาร์ลมองเห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินมาจากอีกฟากหนึ่ง พวกเขาคือสมาชิกจากกองกําลังอัศวินทะลวงฟันและ กองกําลังนักเวทย์จากอาณาจักรโรมัน ส่วนกลุ่มที่เดินตามมาเป็นลําดับสุดท้ายคือเชวฮัน แมรี่และคนอื่นๆในกลุ่มของคาร์ล
เคานต์เอ็ทครอสมองไปยังกลุ่มตัวหลักที่สามารถคว้าชัยชนะมาให้อาณาจักรโรมันได้ เขาขยับถอยหลังไป เล็กน้อยกลุ่มคนที่เคานต์เอ็ทครอสเห็นในขณะนี้คือกลุ่มคนที่สามารถคว้าชัยชนะมาได้ถึงสองครั้ง ออร่ารอบๆตัวพวกเขานั้นแตกต่างจากเขาโดยสิ้นเชิง
คาร์ลหันไปมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบๆตัวเขาและเริ่มพูด
“เริ่มต้นประชุมกันได้แล้วล่ะ”
คาดเดาวิธีที่เผ่าคนแคระไฟจะใช้ข้ามหุบเขาแห่งความตาย วิธีรับมือกับเผ่าสิงโต เผ่าหมีและทหารจากพันธมิตรไร้พ่าย ฝ่ายของคาร์ลจําเป็นต้องวางแผนให้รัดกุมที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและเป็นฝ่ายได้เปรียบกับการทําศึกครั้งนี้
คาร์ลมุ่งหน้าไปยังกระโจมหลังหนึ่งพร้อมกับโรสลินและผู้นําระดับสูงคนอื่นๆ เขาเดินผ่านหน้าล็อกซึ่งยืนนิ่งอยู่ข้างหลังก่อนจะพูดบางอย่างให้ล็อกได้ยินเพียงคนเดียว
“เดี๋ยวเย็นนี้มาทานอาหารด้วยกัน”
คาร์ลมองเห็นเชวฮัน แมรี่และคนอื่นๆในกลุ่มของเขาที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการประชุมเข้าไปล้อมรอบและพูด คุยกับล็อกคาร์ลเร่งฝีเท้าเดินต่อและไม่คิดอะไรเกี่ยวกับล็อกอีก
“มัวทําอะไรอยู่? ทําไมไม่กินล่ะ?”
กระโจมหลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อคาร์ลโดยเฉพาะ มีการจัดโต๊ะอาหารขนาดย่อมๆกลางกระโจมหลังใหญ่ ทั่วทั้งกระโจมเต็มไปด้วยเวทย์เก็บเสียง
คาร์ลยังคงตกอาการเข้าปากในขณะที่สายตาก็ทอดไปยังฝั่งตรงข้าม
“อาณาจักรเบร็คไม่เลี้ยงอาหารเจ้าหรือไง?”
“ไม่..ไม่ขอรับ..พวกเขาเลี้ยงดูข้าน้อยเป็นอย่างดี”
ล็อกชักมือกลับด้วยความตกใจ แน่นอนว่าการแสดงออกของคาร์ลดูไม่ค่อยดีนัก
“คิมร็อกโซ”เคยอดอาหารมาก่อน เขารู้ว่ามันทรมานเพียงใด เขาไม่ชอบเห็นเด็กตัวผอมๆ ล็อกเป็นคนร่างบางและสูงทําให้เขาดูผอมมาตั้งแต่แรกๆที่รู้จักกัน แต่ในตอนนี้ดูเหมือนเขาจะยิ่งผอมขึ้นไปอีก
คาร์ลมองไปที่ล็อกซึ่งยังคงถือส้อมค้างไว้และไม่ยอมตักอาหารทานเสียที คาร์ลจึงดึงสายตากลับมายังจานอาหารของตน
“ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมาเถอะ..เจ้าจะได้ทานอะไรสักที”
ล็อกสะดุ้งเฮือกและมองไปที่คาร์ล
มีเพียงราอน คาร์ลและล็อกเท่านั้นที่ทานอาหารร่วมกันในกระโจมหลังนี้ คนอื่นๆกําลังทานอาหารเย็นที่กระโจมหลังอื่น ล็อกพอเดาได้ว่าทําไมคาร์ลจึงเตรียมอาหารเย็นไว้สําหรับพวกเขาสามคนเท่านั้น ล็อกเริ่มพูดกับคาร์ลซ้ําๆ
“ ข้าน้อยฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก หนักมากจริงๆขอรับ ข้าน้อยต้องการแสดงให้ท่านเห็นว่าสามารถไว้ใจคน ได้ถูกต้อง..ดัง..ดังนั้นข้าน้อยจึงตั้งใจฝึกฝนอย่างสุดความสามารถ
“ข้าไว้ใจเจ้า”
ตลอดเวลาที่อยู่บนหุบเขาแห่งความตาย ล็อกไม่ยอมปล่อยให้เวลาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาพยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อตอบแทนที่คาร์ลเชื่อใจในตัวเขา เขาฝึกหนักมากจนเกือบจะตายไปหลายต่อหลายครั้ง หากเขาไม่ทําแบบนั้นเขาจะรู้สึกว่าทุกวินาทีบนหุบเขาแห่งความตายเป็นเวลาที่ยาวนานมากสําหรับเขา แต่ สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเขาไม่ต้องการถูกทิ้งไว้ข้างหลังโดยมีเพื่อนคนอื่นๆแข็งแกร่งแซงหน้าเขาไป
“หลังจากได้ยินว่าพี่เชวฮันและคนอื่นๆได้แสดงฝีมือในการต่อสู้จนสุดความสามารถ..ข้าน้อยก็ยิ่งพยายามหนักขึ้นไปอีก”
วิธีที่พวกเขาใช้ปกป้องอาณาเขตเฮนิตัสและการต่อสู้ในมหาสมุทรภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาณาจักรโรมัน
การได้ยินเรื่องราวเหล่านี้ทําให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
“ครอบครัวของข้าทําสิ่งเหล่านี้!”
ล็อกรู้สึกภูมิใจไปกับพวกเขาและรู้สึกขอบคุณที่พวกเขาต่างปลอดภัย จากนั้นเขาก็ใช้มันกระตุ้นตัวเองให้มีแรงฮึกเหิมและไม่ให้ตัวเองรู้สึกหว่าเว้เมื่อถูกทิ้งให้อยู่ที่นี่ตามลําพัง
“ ข้าน้อยได้อ่านสมุดบันทึกของราชาหมาป่าที่ท่านมอบไว้ให้”
สมุดบันทึกของราชาหมาป่าคือตัวช่วยที่ยอดเยี่ยมสําหรับเขา
สมุดบันทึกเล่มนี้ถูกเขียนด้วยเลือดของใครสักคน
คาร์ลเองก็เคยอ่านสมุดบันทึกเล่มนี้เช่นกัน คาร์ลเงยหน้าขึ้นมองล็อกเมื่อได้ยินเขาพูดบางอย่างต่อ
“มีข้อความหนึ่งที่เขียนไว้ในสมุดเล่มนี้ขอรับ”
เหตุผลที่คาร์ลทิ้งให้ล็อกอยู่ที่นี่เพียงลําพังย่อมเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในสมุดบันทึก ล็อกเริ่มท่องสิ่งที่เขาอ่านมาจากสมุดบันทึกเล่มนี้
“หมาป่าจําเป็นต้องเรียนรู้ถึงการสูญเสียและความเหงา ยิ่งได้อยู่คนเดียวพวกเขายิ่งตระหนักได้ถึงความ สําคัญของบุคคลที่ล้ําค่าและผลักดันให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น”
ล็อกเห็นด้วยกับข้อความนี้ เขาเห็นว่าข้อความที่ถูกเขียนด้วยเลือดในสมุดบันทึกเล่มเก่าๆนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เขาผ่านการกลายร่างได้เป็นครั้งแรกเมื่อสูญเสียเผ่าหมาป่าสีน้ําเงินและสมาชิกในครอบครัวไป นั่นคือตอนที่เขาค้นพบวิธีที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้เป็นครั้งแรก
สิ่งที่ราชาหมาป่าพูดเป็นความจริง
“แม้ว่าหมาป่าจะยินยอมให้ตัวเองเลือดไหลออกจากร่างแต่จะไม่มีวันปล่อยให้บุคคลอันล้ําค่าต้องเลือดออก แม้แต่หยดเดียว”
ล็อกเห็นด้วยกับข้อความนี้เช่นกัน ย่อมเป็นเรื่องดีกว่าหากเขาเป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บแต่คนอื่นๆในครอบครัวของเขาปลอดภัย
“ข้าน้อยอ่านมันซ้ําแล้วซ้ําเล่าและพยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก แต่…”
ล็อกเห็นว่ามือที่จับส้อมของตนสั่นระริก เขาจึงวางซ้อมลงและเอามือทั้งสองข้างประสานเข้าด้วยกัน