Trash of the Count’s family - ตอนที่ 233.2
บทที่ 233 บางอย่างที่เห็นได้ชัด 2 (2)
ฟริ้ววววววววว~~~~
เขามุ่งหน้าไปยังต้นไม่ใหญ่ที่ใบบนต้นกําลังพลิ้วไปตามสายลม มันเป็นต้นไม้ที่ดูธรรมดาๆไม่ได้แตกต่างจากต้นไม้ทั่วไป มันตั้งอยู่กึ่งกลางของต้นไม้ที่อยู่ภายในบริเวณนั้น
คาร์ลรู้สึกว่ามันไม่โลกดูเหมือนจะธรรมดามากกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก
“เฮ้! ต้นไม่โลก สบายดีหรือเปล่า?”
กิ่งของต้นไม่โลกขยับส่ายไปมาราวกับตอบสนองต่อราอน ต้นไม่โลกต้องเสียกิ่งบนต้นของมันไปถึงสามกิ่ง เมื่อมันบอกความลับบางอย่างแก่คาร์ลถึงสามข้อ
“ค้นหาร่องรอยที่เหลืออยู่ของพ่อแม่ราอน
“คนที่สามารถรวบรวมพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณไว้ในครอบครองได้ถึง 3 อย่าง
ค้นหาวารีพิพากษา
คาร์ลยังจําสิ่งที่ตนไม่โลกบอกแก่เขาได้
“ท่านคาร์ล หากท่านจะพูดคุยกับต้นไม่โลก ท่านสามารถทําเหมือนคราวที่แล้วได้เลยเจ้าค่ะ”
“ข้าสามารถคุยตอนนี้ได้เลยหรือไม่?”
ต้นไม่โลกอ่อนกําลังไปพอสมควรหลังจากบอกความลับให้กับคาร์ลถึงสามข้อ นักบวชเอลฟ์แต้มยิ้มให้กับ คาร์ลพลางพยักหน้ารับ
“ได้เจ้าค่ะ หากเป็นการสนทนาเพียงสั้นๆ”
คาร์ลค่อยๆก้าวไปใกล้ต้นไม่โลก จากนั้นก็วางมือลงบนลําต้นและหลับตาลง
– สวัสดีคาร์ล ไม่ได้เจอกันสักพักแล้วสินะ –
เสียงของต้นไม่โลกฟังดูอ่อนแรง
คาร์ลใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่หยิบอัญมณีชิ้นเล็กขึ้นมา
“นี่คือสิ่งที่ท่านอูฮาเป็นสร้างขึ้นมา มันมีเวทย์ป้องกันที่จะสามารถปกป้องหมู่บ้านเอลฟ์และต้นไม่โลกได้”
อูฮาเป็นตัดสินใจที่จะเสริมเวทย์ป้องกันเพื่อปกป้องต้นไม่โลกเพิ่มเติม หลังจากทราบว่าต้นไม่โลกถูกขโมย กิ่งไปหนึ่งกิ่งและขอร้องให้คาร์ลมาจัดการเรื่องนี้ให้
“ราอนจะเป็นคนติดตั้งมันให้ คงใช้เวลาไม่นานมากนัก”
– เช่นนั้นหรือ? ขอบคุณมาก..ข้าฝากขอบคุณท่านอฮาเป็นเช่นกัน –
เสียงของต้นไม่โลกสั่นขึ้นกว่าเดิมแม้ว่าพวกเขาจะคุยกันเพียงสั้นๆ คิ้วของคาร์ลเริ่มขมวดมุ่น ต้นไม่โลกอาจจับอารมณ์ของคาร์ลได้เมื่อมันเริ่มอธิบายต่อ
-ข้ายังอยู่ในช่วงพักฟื้น พลังของข้าฟื้นฟูมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว ข้าน่าจะกลับมาแข็งแรงเต็มที่ภายในปีนี้
คาร์ลดีใจที่ได้ยินสิ่งนี้ ถ้ต้นไม่โลกฟื้นพลังกลับมาได้เต็มที่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องเสริมเวทย์ป้องกัน อย่างไรก็ตามอฮาเป็นเลือกที่จะเสริมเวทย์ป้องกันให้กับต้นไม่โลกเพราะมันได้รับบาดเจ็บ
“ดูเหมือนเจ้าจะมีคําถาม เจ้าอยากจะถามอะไรข้างั้นรึ?
ไหล่ของคาร์ลสะท้านขึ้นเล็กน้อย เขาถกเถียงกับตัวเองครู่หนึ่งและเริ่มพูด
“ท่านไม่จําเป็นต้องตอบคําถามของข้าหรอก หากมันต้องทําให้ท่านต้องลงเอยเหมือนครั้งที่แล้ว”
นักบวชเอลฟ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลสะดุ้งโหยงทันทีเมื่อได้ยินคาร์ลพูดว่า ลงเอยเหมือนครั้งที่แล้ว” เธอจําได้ว่ากิ่งของต้นไม่โลกร่วงลงสู่พื้นได้อย่างไร หัวใจของเธอเต้นรัวเมื่อคิดถึงมัน ราอนก็จําได้เช่นกัน มันเริ่มขมวดคิ้วมุ่น ด้วยความกังวล
-ข้ามั่นใจว่าตัวเองสามารถตอบได้
คาร์ลเริ่มพูดเมื่อได้รับคํายืนยันจากต้นไม่โลก เขาเลือกที่จะเอ่ยถามให้ฟังดูคลุมเครือเล็กน้อยเพราะรู้ว่าราอ นอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก เขามั่นใจว่าต้นไม้โลกจะเข้าใจในสิ่งที่เขากําลังจะถาม
“ข้าต้องไปหาพวกเขาที่ใด? ข้าไม่ได้หมายถึงวารีพิพากษา”
คนอื่นที่เขาต้องตามหาให้เจอ เขากําลังพูดถึงพ่อแม่ของราอน
คาร์ลเม้มปากแน่น อันที่จริงเขาไม่ได้อยากถามเรื่องนี้ด้วยซ้ําแต่เป็นเพราะไม่มีเบาะแสใดๆและยังอยู่ในช่วงภาวะสงครามทําให้เขาตัดสินใจที่จะเอ่ยถามเรื่องนี้
-ข้าคิดว่าตัวเองตอบคําถามนี้ได้
คาร์ลถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เสียงอ่อนแรงแต่เค้นเสียงให้มีพลังมากขึ้นลอดเข้ามาในหัวของเขา
-ข้ามั่นใจว่ามันไม่ใช่คําตอบที่เจ้าต้องการได้ยิน แต่มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวในตอนนี้ที่ข้าจะให้คําตอบเจ้าได้
“ไม่ใช่คําตอบที่ฉันอยากได้ยินงั้นรึ?”
“องค์ราชาผู้ได้รับการยอมรับจากธรรมชาติ”
“ทําไมจู่ๆต้นไม่โลกก็พูดถึงองค์ราชา”ขึ้นมา
คาร์ลขมวดคิ้วมุ่นแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะตั้งใจฟังสิ่งที่ต้นไม่โลกบอก
-สิ่งมีชีวิตที่ควรดับสูญกลับยังคงมีชีวิตอยู่
มือที่สัมผัสลําต้นของต้นไม่โลกเริ่มสั่นไหว
คาร์ลถามถึงพ่อแม่ของราอนแต่คําตอบที่เขาได้รับกลับต่างออกไป สิ่งมีชีวิตที่ควรจะตายไปตั้งแต่ในนิยาย เล่มที่ 1
ราอน มิรุ
“ธรรมชาติยอมรับในสิ่งนี้ธรรมชาติยอมรับมันแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ควรตายไปแล้ว”
-ผู้ที่มีชะตากรรมผิดเพี้ยนไปจากเดิม แค่ข้อนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอจะได้รับคุณสมบัติเพื่อความอยู่รอดได้..การเปลี่ยนแปลง สิ่งต้องห้ามและสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ ทั้งสามอย่างนี้คือคุณสมบัติที่ธรรมชาติเลือกจะยอมรับ
พรึ่บ!
คาร์ลรู้สึกว่ามีบางอย่างมาสัมผัสโดนตัวเขา มันทําให้เขาค่อยๆสงบลง เขามองเห็นหัวกลมๆของราอนเมื่อเขาก้มมองด้านล่าง
“มนุษย์ ทุกอย่างเป็นปกติดีใช่มั้ย?”
คาร์ลได้ยินเสียงแผ่วเบาของต้นไม่โลกดังแว่วมา
-นั่นคือความจริงของธรรมชาติ
สิ่งลี้ลับที่ดําเนินมาอย่างต่อเนื่องและสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นั่นคือการทํางานของธรรมชาติ
“จะเป็นไปได้อย่างไร?
คาร์ลกําลังนึกถึงองค์ราชาที่ธรรมชาติเลือกจะยอมรับ มังกรอ้วนที่มีความสูงประมาณ 120 เซนติเมตรนี่นะหรือ? คิ้วของเขาผูกเป็นปมอีกครั้ง
“มนุษย์ ทําไมเจ้ามองข้าแบบนั้น?”
นักบวชเอลฟ์เข้าไปหาพวก
เห็นว่าคาร์ลไม่สามารถตอบกลับราอนได้
“ต้นไม่โลกหลับไปแล้วเจ้าค่ะ”
“อ่า..ข้าทราบแล้ว เอาไว้ข้าจะมาเยี่ยมอีกทีในครั้งหน้า”
ราอนมีสีหน้าผิดหวัง มันใช่อุ้งเท้าของมันเตะไปที่พื้นดินเบาๆ
“น่าผิดหวังชะมัด! ข้าเองก็อยากจะคุยกับต้นไม้โลกเหมือนกัน!”
“…ไม่มีทางน่า ไม่จริงใช่มั้ย?”
คาร์ลสลัดศีรษะของตนเพื่อกําจัดความคิดนี้ออกจากหัว ไม่มีทางเป็นไปได้ หากสิ่งที่เขาคิดเป็นความจริงล่ะ ก็แสดงว่าเขาได้ก่อปัญหาร้ายแรงแล้วใช่มัย?
“…ไม่จริงน่า? แค่ช่วยชีวิตมังกรตัวเดียวจะสามารถก่อปัญหาได้ใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?
ราชามังกร
คาร์ลไม่สามารถพูดคํานี้ออกมาดังๆได้ เขาหันไปพูดอย่างอื่นกับราอนแทน
“รีบกลับกันเถอะ
“ตกลง! ข้าก็จะรีบไปหาล็อกเหมือนกัน!”
คาร์ลมองตามร่างมังกรน้อยวัยหกขวบที่หยิบอัญมณีของอฮาเป็นบินตรงไปยังกําแพงหมู่บ้านเอลฟ์ ก่อนจะ ตัดสินใจกําจัดทุกอย่างออกไปจากหัว
ผ่านไปอีกครึ่งวันและเหลือเพียงอีกหนึ่งวันเท่านั้นที่จะเริ่มเปิดศึกกับพันธมิตรไร้พ่ายบนหุบเขาแห่งความตาย คาร์ลยืนอยู่บนแท่นของอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารพร้อมกับราอน
ตอนนี้พวกเขากําลังมุ่งหน้าไปยังที่แห่งหนึ่งซึ่งไม่ใช่อาณาจักรโรมัน
พรึ่บ!
คาร์ลค่อยๆลืมตาขึ้น เขาได้เสียงของราอนที่กลับไปใช้เวทย์ล่องหนอีกครั้งดังเข้ามาในหัว
– นี่ก็นานมากแล้วที่เราไม่ได้เจอพวกเขา!
คาร์ลเริ่มยิ้ม
พวกเขาอยู่ในกระโจมเล็กๆหลังหนึ่ง อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารถูกติดตั้งอยู่ในกระโจมแห่งนี้ มีคนส องคนเอ่ยทักทายคาร์ลเมื่อเขาก้าวออกจากจากอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสาร
“สวัสดีนายน้อยคาร์ล”
โรสลินและล็อกเอ่ยทักทายคาร์ลด้วยความยินดี เชวฮัน ฮิลส์แมนและแมรี่ยังเดินทางมาไม่ถึง คาร์ลมาที่นี่ แบบลับๆโดยไม่มีใครรู้เรื่องนี้
คาร์ลส่งยิ้มให้พวกเขาอย่างสดใส นี่ก็ผ่านมานานพอควรนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเจอกัน อย่างไรก็ ตามรอยยิ้มนั้นก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะนายน้อยคาร์ล”
โรสลินยิ้มแต่มีบางอย่างแปลกๆในรอยยิ้มนั้น ข้างๆเธอคือล็อกที่ยังคงก้มหน้านิ่งและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา สบตากับคาร์ล
ล็อก” เด็กหนุ่มจากเผ่าหมาป่าสีน้ําเงิน เขาไม่กล้าที่จะสู้สายตากับคาร์ล
คาร์ลชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทางของล็อก
“เขาโกรธฉันเพราะทิ้งให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวหรือเปล่านะ?”
มันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คาร์ลคิดสิ่งนี้อยู่ในหัว ล็อกก็เริ่มเอ่ยปากขึ้น
“นายน้อยคาร์ล”
“ว่าไงล็อก? ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เมื่อได้ยินน้ําเสียงไม่ค่อยดีของล็อก คาร์ลจึงแตะไปที่ไหล่ของล็อกทันที
แปะ!
จากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของล็อกเบาๆ
“เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวคงลําบากไม่น้อย”
ชั่วขณะที่คาร์ลเอ่ยสิ่งนี้ออกไป
“ข้าน้อยขอโทษ”
“หืม?”
คาร์ลมองใบหน้าที่ค่อยๆยกสูงขึ้นของล็อก แม้ว่าเขาจะไม่เงยหน้าขึ้นมาจนสุดแต่ดวงตาของล็อกยังคงจ้อง ไปที่คาร์ล ล็อกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มพูดด้วยปากสั้นๆ
“…ข้าน้อยไม่สามารถกลายร่างได้อีกแล้ว
“อะไรนะ? เขากําลังพูดถึงอะไรอยู่?
การกลายร่าง
มันเป็นช่วงเวลาที่ทําให้สัตว์อสูรแข็งแกร่งได้มากที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่ทําให้คุณสมบัติของความเป็นสัตว์ และมนุษย์ในตัวของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
แต่มันไม่สามารถเกิดขึ้นได้อีกแล้ว?
“เขาไม่สามารถทํามันได้อีกแม้ว่าการกลายร่างในครั้งแรกของเขาจะเกิดขึ้นแล้วก็ตาม?”
ในขณะที่คาร์ลคิดหาคําตอบของเรื่องนี้ ล็อกก็ยังคงพูดต่อไป มือทั้งสองข้างของเขาจับกันแน่นและเสียงก็สั่นขึ้นเรื่อยๆ
“ข้า..ข้าน้อยตั้งใจและเร่งมือที่จะเป็นผู้สืบทอดของราชาหมาป่า..ข้าน้อยตั้งใจที่จะทําแบบนั้นจริงๆ”
เดิมที่ล็อกจะต้องกลายร่างครั้งแรกหลังจากเสียใจให้กับการตายของเพนดริก
“…แต่ดูเหมือนว่า..ข้าน้อยจะไม่สามารถแข็งแกร่งได้อีกแล้ว”
แต่ล็อกในครั้งนี้แตกต่างจากนิยายเป็นอย่างมาก
เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วแต่ก็ไม่สามารถนําตัวเองเข้าสู่สภาวะกลายร่างได้อีกต่อไป
คาร์ลมองกลับไปที่เด็กหนุ่มร่างสูงที่ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตากับเขาอีกครั้ง