Trash of the Count’s family - ตอนที่ 232.2
บทที่ 232 บางอย่างที่เห็นได้ชัด 1 (2)
ในไม่ช้การสนทนาก็สิ้นสุดลง คาร์ลยกมือขึ้นมาลูบหน้าเบาๆ
– มนุษย์อ่อนแอ! อาณาจักรโรมันจะเข้าไปควบคุมอาณาจักรทางตอนเหนือหรือเปล่า?
“…เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือเปล่าล่ะ?”
คาร์ลยิ้มเยาะให้กับความเห็นของราอน อย่างไรก็ตามเขารู้สึกถึงความเย็นที่แล่นไปทั่วแผ่นหลังของตน
หลังจากที่ได้พูดคุยกับสองพ่อลูก แม้ว่าเราจะยังคงจับมือทํางานด้วยกันได้ แต่ก็ใช่ว่าอาณาจักรโรมันจะไม่สามารถเข้าไปคุกคามอาณาจักรทางตอนเหนือทั้งสามอาณาจักรได้?
คาร์ลไม่สามารถตอบคําถามของราอนได้ในตอนนี้ ท้ายที่สุดเขาก็เดินไปเปิดประตูด้วยความรู้สึกสังหรณ์ไม่
แอ๊ด!
ประตูห้องถูกเปิดออก เขามองเห็นรอนที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ เมื่อเห็นว่ารอนหันมามองตนแล้ว คาร์ลจึงเริ่มพูดกับรอนด้วยน้ําเสียงเคร่งเครียด
“ข้าจะกลับไปทวีปตะวันตกสักพัก อีกประมาณหนึ่งเดือนข้าถึงจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง เจ้าคู่ใช่มั้ยว่าควรต้องทําอย่างไร?”
รอนเข้าใจในสิ่งที่คาร์ลต้องการจะสื่อและตอบกลับทันที
“กระผมเตรียมแผนการที่จะรวบกินตลาดมืดทั้งหมดในเมืองลีบอันแล้วขอรับ หนึ่งเดือนก็ถือเป็นเวลาที่เหมาะสมที่เราจะเปิดทําการโรงแรมเช่นกัน”
รอนเป็นคนที่เชื่อใจได้จริงๆ
คาร์ลหันไปมองอฮาเป็นที่ยืนอยู่ข้างๆรอน อูฮาเบ็นเอ่ยกับคาร์ลด้วยน้ําเสียงไม่ใส่ใจอะไรมากนัก
“ข้าจะตามหามังกรตนอื่นในตอนที่เจ้าไม่อยู่ที่นี่ ข้ามั่นใจว่าหลังจากที่เจ้ากลับมา เจ้าจะได้รู้เกี่ยวกับประวัติของเมืองลีบอันมากกว่าเดิม”
“ขอบคุณท่านมาก”
มังกรวัยชราอาสาที่จะค้นหาความลับอันเป็นภูมิหลังของเมืองแห่งนี้ คาร์ลกล่าวขอบคุณสั้นๆก่อนจะใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารกลับไปยังคฤหาสน์ใต้ดินในทวีปตะวันตกพร้อมกับเด็กๆ ที่มีอายุเฉลี่ยเก้าปี
คาร์ลเตรียมทุกอย่างตามแผนการในคฤหาสน์ใต้ดินก่อนจะเคลื่อนย้ายไปที่อื่น ใช้เวลาไม่นานการทํางานของอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารก็สิ้นสุดลง คาร์ลในชุดสีดําสะอาดสะอ้านทอดสายตาไปเบื้องหน้า
“ถวายบังคมพะยะค่ะองค์ชาย”
องค์ชายรัชทายาทอัลเบิร์ก
คาร์ลสามารถมองเห็นเขาได้จากระยะไม่ไกลนัก
นี่คือที่ตั้งของอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารแบบลับๆในพระราชวัง คาร์ลใช้มันเพื่อลอบเข้ามาในพระราชวัง คาร์ลเริ่มพูดด้วยน้ําเสียงปลาบปลื้มเมื่อมาหยุดอยู่ตรงหน้าของอัลเบิร์ก
“พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่วิเศษยิ่งนักและเป็นดั่งแสงตะวันที่คอยสาดส่องในยามรุ่งเช้า-”
คาร์ลหยุดพูด
เขากลับไปทําเสียงแบบปกติเมื่อเอ่ยต่อไป
“องค์ชายพะย่ะค่ะ..กระหม่อมรู้ว่าสิ่งที่จะพูดออกไปอาจฟังดูไม่ดีเท่าที่ควรแต่พระพักตร์ของพระองค์ดูไม่ดียิ่งนัก มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือพะยะค่ะ?”
สีหน้าขององค์ชายอัลเบิร์กดูยุ่งเหยิงไปหมด ดูเหมือนว่าเขาจะเหนื่อยกับการที่ต้องติดอยู่กับสิ่งที่ก่อให้เกิดความรําคาญใจจนหาทางออกไม่ได้ ท่ายืนของเขาในตอนนี้ก็ดูเหมือนคนหมดหวังยิ่งนัก
…จะมีอะไรให้ฉันทําอีกหรือเปล่า?
คาร์ลเริ่มรู้สึกแย่อีกครั้ง
“…คาร์ล เฮนิตัส”
นับตั้งแต่อัลเบิร์กแต่งตั้งให้คาร์ลเป็นผู้บัญชาการทหาร เขาก็เรียกคาร์ลว่าผบ.คาร์ลมาโดยตลอด นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เขาเรียกชื่อคาร์ลเฉยๆโดยไม่มีคําว่าผบ.นําหน้าเสียงที่ใช้เอ่ยเรียกคาร์ลก็ดูไร้เรี่ยวแรง คาร์ลพยายามเดาถึงสาเหตุที่ทําให้อัลเบิร์กเป็นแบบนี้
อัลเบิร์กเริ่มพูดกับคาร์ลด้วยน้ําเสียงจริงจังที่สุดเท่าที่เขาเคยใช้
“ดูเหมือนรอบๆตัวเจ้าจะมีแต่คนที่ทําให้เจ้าปวดหัวกันทั้งนั้น”
“…พะยะค่ะ?”
“คนที่ทําให้ปวดหัว?”
“อ่อ..
ใช้เวลาเพียงครู่เดียวคาร์ลก็เข้าใจในสิ่งที่อัลเบิร์กต้องการจะสื่อ อัลเบิร์กกําลังพูดถึงคนที่ยังอยู่ในเมืองหลวงในขณะที่เขาเดินทางไปทวีปตะวันออก
เชวฮัน แมรี่และฮิลส์แมน
คาร์ลพยักหน้าอย่างเข้าใจในความรู้สึกของอัลเบิร์ก
“ฉันมั่นใจว่ารัชทายาทได้พบกับนักแสดงที่เล่นละครได้แย่ที่สุดเช่นเชวฮันและคนที่ใสซื่อจนรับมือได้ยากเช่นแมรี่
สําหรับคนแบบอัลเบิร์กย่อมพบว่าการรับมือกับองค์ชายวาเลนติแห่งอาณาจักรคาโรเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าการรับมือกับเชวฮันและแมรี่ การจะรับมือกับสองคนนี้เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ คาร์ลเข้าใจในเรื่องนี้ดี
“กระหม่อมเดาว่าเชวฮันกับแมรี่คงยากจะจัดการได้ง่ายนัก”
คนหนึ่งเล่นละครแข็งเป็นหินจนยากที่จะให้เล่นละครอะไรได้ ในขณะที่อีกคนก็ดูใสซื่อและนิสัยดีเกินไป
คาร์ลมองเห็นอัลเบิร์กยิ้มหยันกับคํากล่าวของตน
“…คําว่า “ยากของเจ้ามีความหมายที่ชวนให้ข้าประหลาดใจทีเดียว”
“พะยะค่ะ?”
“…ไม่มีอะไร”
อัลเบิร์กส่ายศีรษะเบาๆ จากนั้นก็หันหลังกลับและออกเดินทันที คาร์ลรีบเดินตามหลังไปด้วยความสับสน เสียงของราอนดังเข้ามาในหัวของคาร์ล
– ข้าคิดว่ารอยยิ้มของเชวฮันดูแปลกๆ
“หมอนี่กําลังพูดถึงอะไร?”
คาร์ลมองแผ่นหลังของอัลเบิร์กเมื่อพวกเขาพากันเดินออกจากชั้นใต้ดินซึ่งถูกใช้เป็นฐานลับ เสียงของอัลเบิร์กลอดเข้ามาในหูของเขาในจังหวะนั้น
“ดูเหมือนเจ้าเจ้าจะมีแต่คนมอบความรักให้”
“…พระองค์ไม่สบายหรือพะยะค่ะ?”
“…เจ้าคงได้รับความทุกข์ทรมานมาไม่น้อย”
เกิดอะไรขึ้น? คาร์ลไม่เข้าใจในสิ่งที่อัลเบิร์กพูดแต่เขาก็ยังต้องสาวเท้าเดินตามอัลเบิร์กต่อไป
แอ๊ด!!
อัลเบิร์กเปิดประตูขึ้นสู่ชั้นบน พวกเขาปรากฏตัวขึ้นในห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่ง มันเป็นห้องทรงงานแห่งใหม่ของอัลเบิร์ก มันจะเป็นห้องเดียวกับที่เขาจะใช้ทรงงานเมื่อขึ้นครองราชย์ ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยเอกสาร
คาร์ลได้ยินเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นจนทําให้เขาก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
[ํานายน้อยคาร์ล”]
คาร์ลค่อยๆหันไปมองผนังห้องที่อยู่ไม่ไกลนัก อุปกรณ์เวทย์สื่อสารกําลังฉายหน้าจอไปทั่วทั้งผนังห้อง
[“ไม่เจอกันนานเลยนะ..นายน้อยคาร์ล”]
คาร์ลมองเห็นคนผู้หนึ่งผ่านทางหน้าจอเวทย์ คนผู้นี้มีเส้นผมสีแดงเข้มเป็นประกายสวยงามซึ่งดูต่างจากเส้นผมสีแดงสดของเขา
โรสลิน
เธอส่งยิ้มทักทายมาให้แก่คาร์ล คาร์ลยิ้มและเอ่ยทักทายเธอเช่นกัน
“ท่านโรสลิน..ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เธอส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
[“อีกสองวันพันธมิตรไร้พ่ายจะมุ่งหน้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”]
“ใช่”
รอยยิ้มของโรสลินดูกว้างขึ้นเมื่อได้ยินคําตอบสั้นๆของคาร์ล
[“เราจะได้เจอทั้งเผ่าหมี เผ่าสิงโตและเผ่าคนแคระไฟด้วยสินะ?”]
“แน่นอน”
[“คนแคระไฟได้สร้างอุปกรณ์บางอย่างให้พวกเขาสามารถข้ามหุบเขาแห่งความตายมาได้?”]
“ถูกต้อง”
โรสลินในชุดเกราะหนังและสวมเสื้อคลุมทับอีกชั้นหนึ่งใช้นิ้วผลักรอยยิ้มตรงมุมปากของตนให้กลับคืน
การต่อสู้กับพันธมิตรไร้พ่าย
แม้ว่าเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นแต่ส่วนลึกในใจก็โหยหาช่วงเวลานี้เช่นกัน
เธอพักอยู่ในอาณาจักรเบร็คแม้ว่าเพื่อนๆของเธอกําลังต่อสู่ในอาณาจักรโรมันและอาณาจักรคาโร เธอไม่แม้แต่จะติดต่อพวกเขาผ่านทางอุปกรณ์เวทย์สื่อสารเช่นกัน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะศัตรูได้ แต่มันก็ยังมีเหตุผลหลักๆอีกข้อหนึ่ง
โรสลินรู้ดีว่าเลือดสีน้ําเงินยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเธอ เลือดสีน้ําเงินคือเลือดแห่งราชวงศ์ แม้ว่าเธอจะถูกปลดออกจากตําแหน่งองค์หญิงแต่เลือดสีน้ําเงินก็ยังคงแล่นพล่านในร่างของเธอ การที่มีสายเลือดนี้ ทําให้เธอรู้สึกโกรธ เลือดของราชวงศ์ไม่สามารถให้อภัยคนที่จะมุ่งหน้ามาทําร้ายดินแดนของเธอได้
ดินแดนนี้คืออาณาจักรเบร็ค มันคือบ้านเกิดและครอบครัวของเธอก็อยู่ที่นี่ เช่นเดียวกับกลุ่มคนที่มีค่าซึ่งกําลังจะมาช่วยอาณาจักรเบร็คของเธอในไม่ช้านี้ เธอจะต้องทําทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเขาทั้งหมดด้วยมือของเธอเอง อีกทั้งเธอยังสามารถบรรเทาความโกรธที่มีต่อกลุ่มคนซึ่งกําลังมุ่งหน้ามาทําร้ายดินแดนของเธอ
โรสลินได้รับการฝึกฝนจนแข็งแกร่งด้วยความช่วยเหลือจากคาร์ล เธอรู้สึกมีความสุขเมื่อรู้ว่าเวลาที่รอคอย ใกล้เข้ามาทุกที่ๆ เธอเอ่ยถามคาร์ลอีกครั้ง
[“ศัตรูจะสามารถข้ามหุบเขาแห่งความตายมาได้หรือไม่?”]
โรสลินเห็นคาร์ลเริ่มยิ้ม
“เป็นจินตนาการที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้”
เขากําลังบอกว่าศัตรูไม่มีทางจะข้ามหุบเขาแห่งความตายมาได้
[“แล้วพบกันในเร็วๆนี้”]
โรสลินกล่าวคําลาสั้นๆก่อนจะตัดสัญญาณไป
คาร์ลหันกลับไปมองอัลเบิร์กทันที ก่อนที่อัลเบิร์กจะส่งสัญญาณให้คาร์ลเริ่มพูด
“องค์ชายพะยะค่ะ..ดูเหมือนเราจะต้องรวบรวมคนกันอีกครั้งแล้ว”
มันเป็นช่วงปลายของฤดูหนาว
พวกเขาต้องลงมือกันอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเต็มตัว
คาร์ลเริ่มเตรียมความพร้อมสําหรับการต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับพันธมิตรไร้พ่าย