Trash of the Count’s family - ตอนที่ 227.1
บทที่ 227 แต่ที่นี่จะสบายกว่ามั้ย? 1 (1)
อย่างไรก็ตามคาร์ลยังมีความหวังสุดท้ายเมื่อเขาหันกลับไปมองเสาหินอีกครั้ง เขามองเห็นเสาหินขนาดใหญ่เช่นเดียวกับตราพลังเวทย์สีแดงเข้มที่กระจายอยู่โดยรอบ ทั้งยังมีเศษของโซ่เงินหล่นอยู่ทั่วพื้นดินอีกด้วย
“…โซ่?”
คาร์ลมองกลับไปที่อูฮาเบ็นที่เริ่มแต้มยิ้มมุมปาก
“ไม่..แต่เป็นเสาหินนั่นต่างหาก”
.ตาเฒ่ามังกร..ท่านบ้าระห่ําเกินไปแล้วนะ!”
“เอาเลยท่าน!! มาทําลายมันกันเถอะ!”
“ดูเหมือนมังกรจะชื่นชอบการทําลายสิ่งต่างๆสินะ?
คาร์ลหันไปมองราอนที่กําลังกระพือปีกด้วยความกระตือรือร้น เคจที่มีท่าทางเหมือนขบขันกับอะไรบางอย่าง ฮันนาห์ที่เที่ยวกําและคลายหมัดของตนราวกับคันไม้คันมือ แจ็คที่กําลังมองไปรอบๆด้วยความกังวล
ส่วนคาร์ลนั้นกําลังถอนหายใจออกมาเบาๆและเอ่ยขึ้นในใจ
“ท่านอูฮาเบ็น..ถ้าเสานั่นพังลงแล้วทําให้สัตว์ประหลาดจากอีกฝั่งหนึ่งหลุดเข้ามาล่ะ?”
ป่าแห่งความมืดมีสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์อยู่เป็นจํานวนมาก เมื่อเขาตรวจสอบดูจึงได้พบว่าสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์พวกนี้มาจากทวีปตะวันออกโดยใช้เส้นทางนี้ผ่านเข้ามายังทวีปตะวันตก พลังศิลาได้สร้างคฤหาสน์ของตนไว้ใต้ดินรวมถึงสร้างเสาหินขึ้นมาเพื่อปิดกั้นเส้นทางนั้น มันจึงมีโอกาสสูงที่สัตว์ประหลาดจากฝั่งตะวันออกจะผ่านเข้ามาอีกครั้งหากพวกเขาทําลายเส้นทางนี้ลงและ….
“…บ้านของฉันก็จะถูกทําลาย”
นี่คือเหตุผลที่ทําให้คาร์ลเครียด
“คาร์ล เฮนิตัส”
สีหน้าของอูฮาเบ็นดูจริงจังขึ้นก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวเอง
“ข้าคือมังกร”
คนที่สร้างผนึกมนตรานี้ขึ้นมาเป็นเพียงมนุษย์ แม้ว่าในสายตาของอูฮาเบ็นจะมองว่ามันเป็นผนึกมนตราที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และความแข็งแกร่งแต่มันก็เป็นเพียงสิ่งที่มนุษย์ทําขึ้นมาเท่านั้น
“ข้าก็แค่ลงมือผนึกมันไว้อีกครั้ง..ไม่เห็นมีอะไรยากเลยสักนิด”
คาร์ลเพียงลอบมองอูฮาเบ็นเงียบๆ เขาเห็นว่าอูฮาเบ็นกําลังยิ้มด้วยความผ่อนคลาย ในขณะที่ราอนก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหาพวกเขา
“มนุษย์! อีกไม่นานข้าก็จะทําได้เช่นกัน..ถ้าครั้งนี้ข้าได้เห็นท่านปู่อูฮาเบ็นทํา..ครั้งหน้าข้าก็จะทํามันได้! ข้าเป็นเด็กหัวไว!”
นักบวชแจ็คก็เอ่ยขึ้นมา
“โอ้! พระผู้เป็นเจ้า..มังกรช่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่ยิ่งนัก”
คาร์ลชี้ไปที่เสาหินทันทีซึ่งมังกรทั้งสองก็หันมามองเขา
“ถ้าอย่างนั้น..ก็มาทําลายมันกันเถอะ!”
ใช่แล้ว..ทําลายมัน! ทําลายมันให้หมดกันเถอะ
สายตาของคาร์ลจ้องอยู่ที่เสาหินซึ่งจะถูกทําลายในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตามการตอบสนองของอูฮาเบ็นต่างจากที่คาร์ลคาดเอาไว้
“แน่นอน”
อูฮาเบ็นตอบเพียงสั้นๆก่อนจะตวัดมือขึ้นกลางอากาศ
ฟื้วววววววววว!!
ผงสีเทาค่อยๆลอยขึ้นสู่อากาศ
เสาหินขนาดใหญ่ค่อยๆสลายกลายเป็นฝุ่นสีเทา คาร์ลรู้สึกขนลุกเมื่อมองดูมันค่อยๆสลายไปโดยไม่ส่งเสียงใดๆออกมา
เอี้ยดดดดดด
“อึก!”
เคจยกมือขึ้นมาปิดหู ในขณะที่ฮันนาห์ก็ยกมือขึ้นมาปิดหูทั้งของตัวเองและแจ็คผู้เป็นพี่ชายของตนเอาไว้
เอี้ยดดดดดด –เอี๊ยดดดดดด-
เสียงที่ฟังดูคล้ายกับโลหะเสียดสีกันดังก้องไปทั่วลานใต้ดิน ที่มาของเสียงนั้นไม่ได้มาจากเสาหินหรือพวกอักขระมนตราที่ผนึกเสาตนนี้เอาไว้ แม้แต่โซ่เงินที่เหลืออยู่ก็ไม่ใช่เช่นกัน
เสียงนั่นดังมาจากตราพลังเวทย์สีแดงเข้มที่กระจายอยู่ทั่วพื้นดิน
ตราพลังเวทย์นี้ทําให้คาร์ลรู้สึกถึงลางไม่ดี ตราพลังเวทย์ยังคงส่งเสียงดังอย่างต่อเนื่องในขณะที่รูปร่างของมันก็เริ่มบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ
“เป็นเพราะผนึกมนตราของมันพังลงจึงทําให้มันส่งเสียงดังเช่นนี้แต่ในไม่ช้มันจะค่อยๆเงียบหายไป”
เสียงดังแสบแก้วหูเงียบลงตามที่อูฮาเบ็นบอกเอาไว้ พวกเครื่องรางและผนึกมนตราลอยคว้างกลางอากาศเมื่อเสาหินแตกสลายลง
“อ่า”
คาร์ลก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทําแบบนี้
ร่างกายของเขารู้สึกแปลกๆ
ร่างกายของเขาราวกับมีคนเอาค้อนแข็งๆมาทุบไปทั่วร่าง
-เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่?
-มีอะไรให้ข้ากินอีกแล้วหรือ?
เสียงของพลังศิลาและโลนิรันดร์กาลจอมตะกละดังก้องอยู่ในหัวของเขา
ตึกตักตึกตักตึกตัก!
หัวใจของเขาก็เริ่มกระหน่ําเต้นแรงขึ้น พละกําลังแห่งดวงใจถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ แม้แต่อัคนีทําลายล้างก็เช่นกัน เสียงเรียกของวายุกําลังโหมกระหน่ําอยู่ที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าของเขา
คาร์ลตระหนักได้ถึงสาเหตุของมัน
แปะ! แปะ!
มือของอูฮาเบ็นและอุ้งเท้าของราอนแตะไปที่ไหล่ของคาร์ล
“มนุษย์อ่อนแอเกิดอะไรขึ้น?”
“เจ้าหนูน้อย เจ้าจําเป็นต้องถามเขาด้วยเหรอ? ก็เห็นๆอยู่ว่าเป็นเพราะเส้นทางนั่น”
ดวงตากลมโตของราอนพุ่งไปยังเส้นทางที่กําลังส่องสว่างด้วยแสงสีม่วง มันเป็นเส้นทางที่กว้างมากจนดูคล้ายกับปากถ้ําขนาดย่อมๆ มันกําลังปรากฏตัวขึ้นบนพื้นดิน
“เป็นเพราะมีออร่าน่าขนลุกออกมาจากตรงนั้นงั้นรึ? มนุษย์..เจ้าอ่อนแอเกินไปแล้วนะ! แม้แต่เจ้านักบวชนั้นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย!”
เฮ้อ!
อูฮาเบ็นถอนหายใจออกมาก่อนจะลากราอนออกมาจากตัวคาร์ล เขาตบไปที่ไหล่ของคาร์ลเบาๆอีกครั้ง
“…เอ๊ะ?”
คาร์ลรู้สึกว่าตัวเองสงบลงหลังจากที่อูฮาเบ็นทําเช่นนั้น พละกําลังแห่งดวงใจและพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณอื่นๆ ที่มีอยู่ในตัวเขาก็ค่อยๆสงบลงเช่นเดียวกัน
“คาร์ล เฮนิตัส เป็นเพราะเส้นทางนั้นไม่ใช่เส้นทางที่สมบูรณ์ทําให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีความสมบูรณ์เช่นเดียวกันตอบสนองต่อมันได้ไวกว่าสิ่งอื่น”
อูฮาเบ็นและคาร์ลสบตาเข้าหากัน
“พลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่มีคุณสมบัติธาตุน้ําที่เจ้ามีอยู่ในขณะนี้ มันเป็นเพียงสิ่งที่เจ้าถือครองเอาไว้เท่านั้น และมันไม่ได้อยู่ในร่างกายของเจ้าใช่หรือไม่?..ที่ร่างกายของเจ้าไม่สมบูรณ์ก็เพราะสาเหตุนี้นั่นล่ะ”
ในขณะที่อูฮาเบ็นแตะไปที่ไหล่ของคาร์ล เขาก็ใช้พลังเวทย์ที่มีคุณสมบัติธาตุน้ําโอบล้อมร่างของคาร์ลเอาไว้
“วารีพิพากษา”
ชื่อของพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณที่คาร์ลยังหาไม่เจอปรากฏขึ้นในใจของเขา เช่นเดียวกับมงกุฎดื่มเลือดมังกรที่เขาคาดว่าจะได้ใช้ในภายหลัง
“ตอนนี้ข้ายังปกติดี”
อูฮาเบ็นปล่อยมือออกจากไหล่ของคาร์ลเมื่อได้ยินเขาตอบเช่นนั้น ก่อนจะเริ่มเดินไปใกล้เส้นทางที่ส่องแสงสีม่วงอย่างช้าๆโดยมีคาร์ลเดินตามหลังไปติดๆ อูฮาเบ็นส่งเสียงออกมาเบาๆเมื่อมองไปยังเส้นทางนั้น
“…อ่า”
มันเป็นเสียงพึมพําด้วยความเหลือเชื่อ
“มีอะไร—”
คาร์ลไม่สามารถพูดจนจบประโยคได้เมื่อมองเข้าไปในเส้นทางนั้น เขาถึงกับหาเสียงของตนไม่เจอเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
“ท่านพี่! อย่ามองเข้าไปในนั้น”
“น..นี่มัน..น่ากลัวยิ่งนัก”
ฮันนาห์พยายามรั้งพี่ชายของตนไม่ให้มองเข้าไปในนั้นแต่ก็ไม่ทันเมื่อแจ็คมองเห็นภาพข้างในได้อย่างเต็มตา แม้แต่เคจก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้มองภาพที่อยู่ในนั้นได้เช่นกัน
มีอะไรที่อยู่ในเส้นทางเดินขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงสีม่วงอย่างนั้นหรือ?
แสงสว่างจากลานใต้ดินด้านนอกทําให้มองเห็นภายในของเส้นทางเดินได้ ดวงตาของมังกรทองหรี่ลงอย่างพิจารณา
“ดูเหมือนที่นี่จะเคยมีสงคราม”
มีโครงกระดูกจํานวนมากอยู่ทั่วทุกพื้นที่
ผนังถ้ําขนาดใหญ่มีโครงกระดูกจํานวนมากถูกตรึงไว้บนนั้น มีโครงกระดูกอยู่ทั่วบริเวณยกเว้นเพียงทางเดินเล็กๆที่กว้างพอจะให้คนเพียงคนเดียวเดินผ่านได้เท่านั้น
โครงกระดูกเหล่านี้ไม่ได้ผุพังไปตามกาลเวลา
ภายในถ้ําเต็มไปด้วยโครงกระดูกขนาดต่างๆ บางโครงกระดูกนั้นมีความสูงพอๆกับคาร์ล แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าโครงกระดูกชิ้นนี้เป็นสิ่งมีชีวิตชนิดไหนแต่อย่างน้อยเขาก็สามารถบอกได้ว่ามันมีขนาดใหญ่มากเพียงใด
อย่างไรก็ตามผู้มากประสบการณ์เช่นอูฮาเบ็น นักดาบมากฝีมือเช่นฮันนาห์และมังกรน้อยราอนต่างรู้อะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
เสียงของมังกรวัยชราดังก้องไปทั่วบริเวณ
“คนเพียงคนเดียวสามารถฆ่าพวกเขาได้ทั้งหมด”
เป็นฝีมือของคนๆเดียว
มีมนุษย์เพียงแค่คนเดียวที่ทําสิ่งนี้
จากปากทางเข้ามองผ่านเข้าไปด้านในจะเห็นว่ามันลึกมาก ลึกจนไม่สามารถมองเห็นจุดสิ้นสุดได้มังกรวัยชราตระหนักได้ถึงความมีตัวตนของคนเพียงผู้เดียวที่เติมเต็มตลอดทั้งเส้นทางนี้
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้เพราะเขาสัมผัสถึงมันได้จริงๆ
อูฮาเบ็นหันหน้าไปมองคาร์ล
“เจ้ากินพลังนี้เข้าไปสินะ?”
คาร์ลยังไม่ตอบคําถามของอูฮาเบ็นเพราะกําลังยุ่งอยู่กับการสํารวจโครงกระดูก เขายังมองเห็นอาวุธที่ใช้ฆ่าพวกเขาได้เช่นกัน
มันเป็นหอกขนาดใหญ่
หินนับร้อย ไม่สิ?..หินนับพันก้อนมาหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นหอกขนาดใหญ่ขึ้นมา หอกนี้แทงทะลุผ่านร่างของสัตว์ประหลาดและตรึงร่างของมันให้ฝังอยู่กับผนังถ้ํา ร่องรอยที่หอกขนาดใหญ่เหลือทิ้งไว้คือช่องว่างที่พอจะให้ร่างของคนหนึ่งคนเดินผ่านเข้าไปได้
คาร์ลคิดถึงคนผู้หนึ่ง
ศิลายักษ์ที่แสนน่ากลัวผู้นั้น
คาร์ลยังไม่รู้เกี่ยวกับพลังนี้มากนัก เป็นเพราะเขาไม่ต้องการที่จะเสียสละตัวเอง เขาไม่เคยคิดที่จะตอบคําถามของพลังศิลาเลยสักครั้ง
อย่างไรก็ตามเขามีโอกาสได้เห็นพลังบางส่วนในวันนี้แล้ว
“ดูเหมือนรูปร่างของเขาจะเท่ากับค่าเฉลี่ยทั่วๆไป”
นั่นคือสิ่งที่อูฮาเบ็นสังเกตเห็นโดยอาศัยการประเมินคร่าวๆจากช่องว่างระหว่างโครงกระดูกและหอกขนาดใหญ่ มันมีความกว้างพอให้มนุษย์วัยผู้ใหญ่ที่มีขนาดโดยเฉลี่ยลอดผ่านไปเท่านั้น
“…ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งมากทีเดียว…เขาอาจปลุกความสามารถของตนขึ้นมาได้หลังจากเข้าร่วมการต่อสู้มากเกินไป”
อูฮาเบ็นมองไปรอบๆถ้ําอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“ว่าแต่..เขาเข้าไปในนั้นได้อย่างไร?”
“ข้าก็สงสัยเช่นกัน”
คาร์ลเห็นด้วยกับอูฮาเบ็นแต่เขากําลังรู้สึกบางอย่าง มันเหมือนกับเป็นสัญชาตญาณส่วนตัวของเขา
มนุษย์ไม่สามารถผ่านเส้นทางนี้ไปได้ เขายังจําสิ่งที่พลังศิลาบอกเอาไว้ตั้งแต่ที่เขาเพิ่งย่างเท้ามายังคฤหาสน์ใต้ดิน
-แต่เส้นทางนี้ไม่ยอมให้มนุษย์ เอลฟ์หรือแม้แต่คนแคระข้ามผ่านมาได้..มีเพียงสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่สามรถใช้เส้นทางนี้ได้
-ข้าและเพื่อนๆไม่สามารถหาคําตอบที่เป็นความลับของเส้นทางนี้ได้..สิ่งที่เราทําได้มีเพียงกีดขวางเส้นทางเข้าออกเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดกลายพันธ์ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมข้ามผ่านเข้ามายังฝั่งทวีปตะวันตกได้
พลังศิลาบอกไว้ว่ามีเพียงสัตว์ประหลาดเท่านั้นที่ข้ามผ่านเส้นทางนี้ได้ แสดงว่าเจ้าของหอกขนาดใหญ่นี้อาจไม่ใช่พลังศิลา?
“ไม่? มันต้องเป็นพลังศิลาอย่างแน่นอน”
สัญชาตญาณของคาร์ลร้องบอกว่าเจ้าของหอกขนาดใหญ่คือพลังศิลา
“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ”
“นั่นสินะ”
คาร์ลเห็นด้วยกับอูฮาเบ็นตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว นั่นสินะเป็นสิ่งเดียวที่คาร์ลพูดได้ในตอนนี้ เขากําลังคิดอะไรหลายอย่างอยู่ในหัวทําให้เขาพึมพํา นั่นสินะออกมาซ้ําแล้วซ้ําเล่า
“ถ้าเช่นนั้น..ข้าควรเข้าไปดูด้านในโดยละเอียด”
“นั่นสินะ..เอ๊ะ? เมื่อกี้ท่านว่าอะไรนะ?”
คาร์ลมองไปที่อูฮาเบ็นเหมือนกับคนที่เพิ่งหลุดออกจากภวังค์ จากนั้นก็รีบพูดต่อทันที
“แต่มีเพียงแค่สัตว์ประหลาดเท่านั้นที่จะเข้าไปข้างในนั้นได้”
“แต่ข้าคือมังกร”
คาร์ลไม่สามารถแย้งความจริงในข้อนี้ได้เช่นกัน
“แต่ข้าเข้าไปไม่ได้”
ราอนเอ่ยขัดจังหวะขึ้นมา ทําให้อูฮาเบ็นต้องหันไปพูดกับมัน
“ข้าใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบมากที่สุดในโลกนี้…ส่วนเจ้า? เจ้าหนู…เจ้ายังไม่ผ่านการเติบโตในระยะแรกด้วยซ้ํา”
“ข้าไม่มีอะไรจะพูด!”
ราอนยอมแพ้อย่างง่ายดายทําให้อูฮาเบ็นหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เขาหันมาคุยกับคาร์ลก่อนจะเตรียมตัวเข้าไปด้านใน
“ข้าจะเข้าไปสํารวจดูว่าจุดสิ้นสุดของเส้นทางนี้ไปโผล่ยังส่วนใดในทวีปตะวันออก”
อย่างไรก็ตามคาร์ลหยุดเขาไว้ก่อนที่จะได้ก้าวเข้าไปข้างใน
“ท่านอูฮาเบ็น”
“มีอะไรรึ?”
“ทําไมเราไม่สร้างวงเวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารผ่านเข้าไปล่ะ?”
“ทําไมล่ะ?”
คาร์ลตอบคําถามที่ดูเหมือนจะรู้ทันของอูฮาเบ็นด้วยความร่าเริง
“เพื่อที่ข้าจะได้เข้าไปด้วยไงล่ะ”
วารีพิพากษาและกองกําลังของอาร์ม
เขาจําเป็นต้องเดินทางไปยังทวีปตะวันออกเพื่อค้นหาข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับพวกเขา ปัญหาใหญ่สําหรับคาร์ลคือเขาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับทวีปตะวันออก เนื้อหาในนิยายที่เขาได้อ่านมานั้นไม่ได้พูดถึงทวีปตะวันออกมากนัก
“ตกลง..รอข้าสักครู่แล้วกัน”
จากนั้นอูฮาเบ็นก็เดินเข้าไปด้านในทันที
คาร์ลค่อยๆทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เขาไม่ได้กังวลกับอูฮาเบ็นมากนักและก็รู้ด้วยว่าราอนจะยังไม่ไปไหน
“มนุษย์! ข้าจะรออยู่ที่นี่นะ”
“อืม”
คาร์ลที่ทิ้งตัวลงบนพื้นสนามหญ้าหันไปมองรอบๆ คฤหาสน์ใต้ดินหลังนี้ช่างดีจริงๆ เขารู้สึกผ่อนคลายจนอยากจะเอนหลังลงกับพื้นสนามหญ้า เคจและแจ็คได้ทิ้งตะกร้าอาหารไว้ให้เขาก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์