Trash of the Count’s family - ตอนที่ 223.2
บทที่ 223 ไม่ต้องกังวล 4 (2)
“ไม่ใช่หรอกขอรับ ข้าน้อยคิดว่าจักรวรรดิเป็นคนลงมือเสียอีก มันไม่ใช่ฝีมือของพวกท่านหรือขอรับ?
“ห้ะ? จักรวรรดิงั้นรึ? ไม่ใช่นะ..มันไม่ใช่ฝีมือของพวกเรา”
“แสดงว่ามีคนอื่นอยู่ที่นั่นหรือขอรับ?”
สีหน้าของคาร์ลดูจริงจังขึ้นเรื่อยๆ
“ ข้าไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“อย่างนั้นหรือขอรับ..ข้าน้อยก็คิดว่าเป็นฝีมือของท่านเสียอีก..ก็ตั้งแต่ที่ท่านไม่คิดที่จะใช้ดาบของตัวเอง และคอยแต่เฝ้าระวังหลังให้กับกองทัพของเรา…ข้าน้อยจึงเดาว่าท่านใช้พลังเวทย์ของท่านสร้างสายฟ้าขนาดใหญ่นั่นขึ้นมา”
สีหน้าของดยุคฮเต็นดูแปลกๆ
“นี่เขากําลังต่อว่าข้าหรือเปล่าที่ไม่ได้ไปช่วยเขารบในแนวหน้า?”
ท่าทางที่ดูจริงจังของคาร์ลทําให้ดยุคฮเต็นตัดสินใจที่จะพูดบางอย่างออกไปแต่ก็ไม่ทันคาร์ลที่ยังคงเอ่ยปากพูดต่อ
“ข้าน้อยขอเรียนท่านตามตรงนะขอรับว่าข้าน้อยรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับพลังเวทย์แห่งความตายที่ศัตรูได้นํามาใช้..ท่านคิดว่าพันธมิตรไร้พ่ายสามารถเปลี่ยนพลังเวทย์แห่งความตายให้กลายเป็นระเบิดได้อย่างไร? พวกเขาต่างเป็นอาณาจักรที่ให้ความสําคัญกับอัศวินมากกว่าจึงทําให้พวกเขาขาดทักษะทางด้านพลังเวทย์และทักษะอื่นๆที่จําเป็นต่อการสร้างระเบิดพลังเวทย์ขึ้นมา..มันคงไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรใช่ไหมขอรับหากเราจะทําการสืบเรื่องนี้ดู”
ดยุคฮเต็นรวมไปถึงอัศวินและนักเวทย์ของอาณาจักรคาโรที่ยืนอยู่รอบๆต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย มันเป็นจริงอย่างที่ท่านผู้บัญชาการพูดและมันคุ้มค่าที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ดู
“เราจะไม่ปล่อยให้ผู้อื่นต้องเจ็บปวดกับเหตุการณ์เช่นนี้อีกขอรับ”
ประโยคนี้ทําให้อัศวินทั้งหมดพากันกําหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามคาร์ลเพียงลอบสังเกตดยุคฮเด็นเงียบๆ ดยุคฮเด็นส่งยิ้มให้เขาอีกครั้งพลางตอบกลับ
“แน่นอน.จักรวรรดิของเรายินดีที่จะให้การช่วยเหลือเพื่อสืบสวนเรื่องนี้เราต้องหาที่มาของสิ่งที่เป็นอันตรายเช่นนี้ให้ได้!”
“ข้าน้อยคิดไว้อยู่แล้วว่าจักรวรรดิผู้เป็นวีรบุรุษของเราจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้”
“และอีกไม่นาน..จักรวรรดิผู้เป็นวีรบุรุษจะกลายเป็นศัตรูของคนทั่วทั้งทวีป”
คาร์ลเริ่มกล่าวลาต่อดยุคฮเต็นผู้ไร้ยางอาย
“ถ้าเช่นนั้นข้าน้อยขอตัวลานะขอรับ”
“ตกลง..จักรวรรดิของเราจะช่วยทําความสะอาดชายฝั่งเอง”
“ขอบคุณท่านมาก”
ฮึ..ช่วยทําความสะอาดบ้านแกนะสิ
ดยุคฮเต็นต้องการที่จะไปตรวจสอบการเก็บกวาดบริเวณชายฝั่งอย่างใกล้ชิดต่างหาก เป็นไปได้ว่าจักรวรรดิต้องการพิสูจน์ให้มั่นใจว่าหลักฐานที่จะสาวมาถึงตัวพวกเขาได้ถูกทําลายจนหมดหรือยัง?
แน่นอนว่าคนที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการทําความสะอาดบริเวณชายฝั่งคือทาช่า คาร์ลมั่นใจว่าเธอจะสามารถทํางานได้เป็นอย่างดี เขามุ่งหน้าไปยังหอคอยทิศใต้อีกครั้ง ประตูค่อยๆเปิดออกอย่างช้าๆ
คนที่เปิดประตูให้กลุ่มของคาร์ลคือทหารจากอาณาจักรคาโร พวกเขาเป็นทหารเพียงไม่กี่นายที่ประจําอยู่ในหอคอยทิศใต้ ทหารหนุ่มนายนี้คือคนเดียวกับที่คาร์ลหยิบหอกที่ร่วงบนพื้นขึ้นมาให้ หอกของเขาถูกเสียบไว้ที่เอวขณะที่มือทั้งสองข้างก็ค่อยๆเปิดประตูออก
แอ๊ดดดดดดดดดด!!
ทหารหนุ่มมองผ่านช่องว่างของประตู
เขามองเห็นผู้บัญชาการคาร์ลซึ่งเปียกโชกไปทั่วทั้งร่างทั้งยังมีคราบเลือดติดอยู่ด้วย ด้านหลังของเขามีปรมาจารย์ดาบและรองหัวหน้าองครักษ์ฮิลส์แมน สภาพของคนทั้งคู่ก็ดูแย่เช่นกัน
ทหารหนุ่มผลักประตูออกจนสุดกําลังในขณะที่สายตาก็มองพวกเขาไปด้วย ประตูมีขนาดที่ใหญ่และหนัก ทําให้มือของเขาเริ่มสั่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการที่ตนยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปทําให้เขาเกิดความรู้สึกอันหลากหลายมันผสมเข้ากับแรงที่เขาใช้ผลักประตูจนทําให้มือของเขาสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่
ชิ้ง! เอี้ยด—-
ในที่สุดประตูของหอคอยทิศใต้ก็ถูกเปิดออกกว้างโดยสมบูรณ์
ทหารหนุ่มยังคงมองตามร่างของคาร์ลที่ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาในตัวหอคอย
ทหารจากอาณาจักรคาโรไม่ได้มีหน้าที่หลักๆต้องทําอะไรในหอคอยทิศใต้แต่การที่ได้เห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทําให้ทหารหนุ่มรู้สึกเหนื่อยจนหายใจแทบไม่ออก
แต่กลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้คือคนที่เข้าร่วมต่อสู้โดยตรง
ทหารหนุ่มสะดุ้งโหยงเมื่อสบตาเข้ากับผู้บัญชาการคาร์ล เขาเห็นสายตาคู่นั้นจ้องมายังมือสั่นๆของเขาอยู่ เขาจึงรีบซ่อนมันไว้ทางด้านหลังทันที เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าตัวเองทําแบบนั้นไปทําไม
เสียงของผู้บัญชาการคาร์ลดังก้องขึ้น
“ในเมื่อพวกเราทุกคนยังคงมีชีวิตอยู่..เราก็มาร่วมดื่มฉลองกันเถอะ”
ทหารหนุ่มยังจําสิ่งที่ผู้บัญชาการพูดเอาไว้ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการได้
“ให้ทุกคนอยู่รอดไปด้วยกันแล้วหลังจากนั้นค่อยไปหาเครื่องดื่มอร่อยๆดื่มกัน”
ทหารหนุ่มสบตาเข้ากับคาร์ลอีกครั้ง
“แน่นอนว่าถ้าใครยังเด็กอยู่ก็ให้ดื่มแค่น้ําผลไม้ก็พอ”
“อ่า..”
ทหารหนุ่มเริ่มยิ้ม เขาคิดว่าท่าทางของเขาดูแปลกๆเพราะใบหน้าของเขาในตอนนี้ไม่เชิงว่าจะยิ้มหรือขมวดคิ้วมุ่น อย่างไรก็ตามมือของเขาไม่สั่นอีกต่อไป หมัดของเขาถูกกําแน่นขึ้นเมื่อมองตามหลังของผู้บัญชาคาร์ลที่กําลังเดินห่างออกไป
ไชโย!ไชโย!ไชโย!ไชโย!
เฮ!เฮ!เฮ!เฮ!เฮ!เฮ!เฮ!เฮ!
เขาได้ยินเสียงเฮลั่นของทหารจากหอคอยอื่นเพราะองค์ชายรัชทายาทวาเลนติโน่ประกาศสิ้นสุดการต่อสู้
แต่หอคอยทิศใต้กลับเงียบสงบ
คนที่ประจําอยู่ในหอคอยแห่งนี้ต่างรู้สึกมีความสุขที่ตนยังสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้ภายนอกของพวกเขาจะดูสงบแต่ภายในใจนั้นกําลังกระหน่ําเต้นรัว
ในทางกลับกันคาร์ลไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเงียบเลยสักนิด มันเป็นเพราะเสียงที่ดังอยู่ในหัวของเขาในตอนนี้
– เจ้ามนุษย์! เราจะกินสเต็กกันหรือเปล่า? หรือเราจะกินอะไรกันดี?
อย่างไรก็ตามคาร์ลรู้สึกสนุกไปกับเสียงที่ก้องอยู่ในหัวของเขาไม่น้อย เขายกมือขึ้นมาลูบท้องของตัวเอง เบาๆ เขาวางแผนที่จะกินอาหารอร่อยๆในอาณาจักรคาโรให้หมดแม้ว่าตัวเองจะยังมีภารกิจอีกหลายอย่างที่ต้องจัดการก็ตาม คาร์ลเริ่มยิ้มด้วยความพอใจ
ทันใดนั้นเอง
– เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่? –
มีอีกเสียงหนึ่งที่ตั้งขึ้นในหัวของเขา มันเป็นเสียงที่ชัดเจนมากทีเดียว
– เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่? –
มันเป็นเสียงของพลังศิลา
– เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่? –
– เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่? –
“จู่ๆทําไมเขาถึงเป็นแบบนี้? พลังของเขากําลังจะแตกสลายงั้นหรือ?”
เท้าของคาร์ลหยุดชะงักทันทีเมื่อพลังศิลาเอ่ยถามเข้ามาไม่หยุด พลังศิลาถามเขาว่าคิดที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่?
“ทําไมถึงเป็นแบบนี้?..มันค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว.
ทันใดนั้นคาร์ลก็ลืมเรื่องสเด็กและไวน์ไปในทันทีที่เขารู้สึกในตอนนี้มีเพียงแผ่นหลังที่เริ่มหนาวสั่นเท่านั้น
ราอนพูดเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
– มนุษย์! เราได้รับสายจากบ้านพักตากอากาศของเรา! เคจเป็นคนติดต่อมา!-
“…เคจ? บ้านพักตากอากาศใต้ดินงั้นรึ? ทําไมเธอถึงติดต่อมากะทันหันแบบนี้ล่ะ?”
เธอยังคงพักอยู่ในคฤหาสน์ใต้ดินของพลังศิลาพร้อมกับแจ็คและฮันนาห์
– อ๊ะ!? สายถูกตัดไปแล้ว! แต่พวกเขาฝากข้อความเอาไว้ –
อุปกรณ์เวทย์สื่อสารถูกตัดไปก่อนที่ราอนจะทันได้เชื่อมต่อสัญญาณ
จากนั้นราอนก็เริ่มอ่านข้อความที่เคจทิ้งไว้ให้คาร์ลฟังอย่างรวดเร็ว
– [นายน้อยคาร์ล!..เสาหินที่ตั้งอยู่ในคฤหาสน์ใต้ดินเริ่มสั่นคลอนขึ้นเรื่อยๆ ข้าคิดว่ามันอาจจะพังลงในไม่ช้านี้ ถ้ามันพังขึ้นมาจริงๆมันจะเป็นอะไรหรือเปล่า? ข้าตัดสินใจวางสายและส่งเป็นข้อความมาแทนเพราะท่านอาจกําลังต่อสู้อยู่ จงทําให้ดีที่สุด! ข้าขอพรจากพระเจ้าแห่งความตายให้ท่านจงแคล้วคลาดปลอดภัย ข้าคิดที่จะเปลี่ยนไปนับถือพระเจ้าแห่งแสงตะวันแทนหากท่านได้รับบาดเจ็บกลับมาแล้วข้าจะรอฟังข่าวดีจากท่าน]-
มันเป็นข้อความเรียบง่ายซึ่งเหมาะกับบุคลิกของเคจเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามมันกลับทําให้คาร์ลเริ่มขมวดคิ้วมุ่น
เสาหินในคฤหาสน์ใต้ดิน?
มันคือปากทางเข้าที่เจ้าของพลังศิลาทําการปิดผนึกเอาไว้ มันคือเส้นทางเดียวกับที่สัตว์ประหลาดจากทวีปตะวันออกเคยผ่านเข้ามา เสาหินทําหน้าที่ปิดกั้นเส้นทางเดินของพวกมันเอาไว้
– เจ้าพยายามที่จะเสียสละตัวเองหรือไม่? –
“ให้ตายเถอะ..เจ้าพลังศิลาหน้าโง่เอ้ย!”
เสียงตื่นเต้นของราอนดังเข้าในหัวของเขา
– มนุษย์! เราจะได้กลับบ้านกันแล้วเหรอ? เราจะได้เจอกับทุกคนมั้ย!? ข้าอยากเจอพวกเขาแล้ว!-
คาร์ลเพียงแค่หลับตาลงช้าๆ ทุกอย่างมืดสนิทในทันที
สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้มีแต่ความมืดมิดเท่านั้น