Trash of the Count’s family - ตอนที่ 223.1
บทที่ 223 ไม่ต้องกังวล 4 (1)
ดูเหมือนองค์ชายวาเลนติโน่อยากจะร้องไห้เต็มที่ เขาปรี่เข้ามาหาคาร์ลด้วยความรวดเร็วแต่คาร์ลที่เห็นสีหน้าของวาเลนติโน่เป็นเช่นนั้นก็อยากจะถอยห่างออกจากเขาเช่นกัน วาเลนติโน่วิ่งไปหาคาร์ลโดยไม่ต้องกังวลกับพลังเวทย์แห่งความตายเพราะหมอผีแมรี่ได้ชําระล้างออกไปส่วนหนึ่งแล้ว
“ผบ.คาร์ล!”
วาเลนติโน่คว้ามือของคาร์ลมากุมไว้
คาร์ลมองผ่านไหล่ของวาเลนติโน่และพยายามทอดสายตาออกไปไกล อย่างไรก็ตามปราสาทลีโอน่ายังคงตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังของวาเลนติโน่ทําให้เขาไม่สามารถทอดสายตาไปได้ไกลตามที่ต้องการ เขามองเห็นกําแพงปราสาทเช่นเดียวกับทหาร อัศวินและนักเวทย์ที่พากันยืนอยู่บริเวณนั้น ดวงตาหลายคู่ต่างจับจ้องมาที่คาร์ลเป็นตาเดียว
“อ่า..”
นั่นคือคําอุทานเดียวที่อยู่ในใจของคาร์ลและเป็นจังหวะเดียวกับเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นมาทางจากด้านหลัง
“ท่านผบ.คาร์ล..เราจับกุมตัวเผ่าหมีได้แล้วเจ้าค่ะ..พวกนี้คือสมาชิกที่ไม่สามารถหนีขึ้นเรือได้ทัน”
มันเป็นเสียงของดาร์กเอล์ฟทาช่า คาร์ลรู้สึกดีใจที่ได้ยินเสียงของเธอจึงค่อยๆปลดมือออกจากการเกาะกุมของวาเลนติโน่และหันหลังกลับไปมองทาช่าอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พวกเขาทั้งสองสบตากันทาช่าก็ยกมือทั้งสองขึ้นมาคล้ายกับห้ามคาร์ลเอาไว้ ร่างของทาช่ายังคงปกคลุมไปด้วยพลังเวทย์แห่งความตาย
“อ๊ะ! ท่านผบ…ข้าน้อยต้องขออภัยท่านด้วยที่ไม่สามารถเข้าใกล้ท่านได้เพราะร่างของข้าน้อยเต็มไปด้วยพลังเวทย์แห่งความ—”
“ไม่เป็นไร…ตราบใดที่เราไม่ได้ถูกตัวกัน”
ทาช่าอมยิ้มเมื่อเห็นคาร์ลรีบเดินมาหาตน
“ท่านพูดถูก..ท่านจะปลอดภัยหากเราไม่โดนตัวกัน”
คาร์ลมองผ่านไหล่ของทาช่าไป เขามองเห็นชายฝั่งจากระยะไกลๆ
“.พ…พวกบ้า!ปล่อยขาเดี๋ยวนี้”
“พวกเจ้ามันขี้โกง!..ใช้วิธีสกปรกแบบนี้ได้ยังไง!?”
ดาร์กเอลฟ์ตนอื่นๆพากันล้อมร่างสมาชิกจากเผ่าหมีเอาไว้ พลังเวทย์แห่งความตายดูเหมือนจะถูกลมอุ้มเอาไว้พร้อมทั้งยังสร้างคลื่นลมที่มีลักษณะคล้ายกับวงแหวนรอบๆตัวของสมาชิกเผ่าหมี
“กว่าเราจะจับพวกเขามาไว้ในจุดเดียวกันได้ก็เล่นเอาเหงื่อตกไปพอสมควร”
คาร์ลมองไปยังจุดกึ่งกลางที่สมาชิกเผ่าหมีถูกคุมตัวเอาไว้ เขามองเห็นร่างมนุษย์ของหมีขั้วโลกตัวใหญ่ที่มีความสูงราวๆ 3 เมตร หมอนั่นนั่งอยู่บนพื้นโดยที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ดูเหมือนบาดแผลเหล่านี้จะเป็นฝีมือของธาตุลม
“การที่จะจับหมีขั้วโลกตัวใหญ่เช่นนั้นได้ก็คงจะเป็นเรื่องยากๆจริงนั่นล่ะ”
ทาช่าส่งยิ้มให้คาร์ลที่มองผ่านไหล่ของเธอไปทางด้านหลัง ไหล่ของเธอมีเลือดสีแดงไหลซึมออกมา ของเหลวสีดําและเลือดสีแดงสดผสมเข้าด้วยกันและค่อยๆหยดลงจากไหล่ของเธอ
มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอคือสิ่งมีชีวิตที่สอดคล้องกับธรรมชาติ แม้ว่าเธอจะมีพลังเวทย์แห่งความตายแต่เธอก็ยังคงคล้ายกับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ การที่เธอมีเลือดสีแดงก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุด
ทาช่าใช้มืออีกข้างกดบาดแผลที่ไหล่เอาไว้พลางเอ่ยขึ้น
“นี่คงเป็นครั้งแรกที่ท่านได้เห็นเลือดของดาร์กเอลฟ์สินะ”
“เลือด…ต่างก็เป็นสีเดียวกันทั้งนั้น”
รอยยิ้มของทาช่าสว่างขึ้นตามการตอบสนองของคาร์ล ในขณะที่คาร์ลก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเธอบาดเจ็บขนาดนี้แต่ทําไมถึงยังยิ้มได้อีก คาร์ลหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อของตน
“ข้ารู้ว่ายาใช้ไม่ได้ผลกับท่าน..ถ้าเช่นนั้นก็นําผ้าเช็ดหน้านี้กดห้ามเลือดไว้ก่อนแล้วกัน”
“อ่า..ใช่แล้ว..ขอบคุณท่านมาก”
ทาช่าคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าที่คาร์ลโยนส่งให้และพูดต่อทันที
“เดี๋ยวเราจะจัดการส่วนที่เหลือเอง”
“เอ่อ—.
ทาช่ามองไปยังคนที่เดินเข้ามาใกล้พวกเขาจากทางด้านหลังของคาร์ล เขาคือองค์ชายวาเลนติโน่
ดาร์กเอลฟ์ทั้งหมดต่างอาศัยอยู่ในเมืองใต้ดินซึ่งตั้งอยู่ในดินแดนแห่งความตาย นี่คือคนที่จะเข้าปกครองอาณาจักรคาโรรวมทั้งดินแดนแห่งความตายในภายภาคหน้า
เธอสังเกตได้ว่าวาเลนติโน่มีท่าทางลังเลที่จะเดินเข้ามาใกล้พวกเขาให้มากกว่านี้ เขาลังเลเพราะเขากลัวพลังเวทย์แห่งความตายและไม่คุ้นเคยกับพวกดาร์กเอลฟ์ นี่คือสิ่งที่มนุษย์ปฏิบัติต่อดาร์กเอลฟ์มาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอาจเป็นไปได้ว่าชีวิตที่เหลืออยู่ของดาร์กเอล์ฟเช่นพวกเธอก็จะประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ไปโดยตลอด
อย่างไรก็ตามทาช่าสังเกตเห็นบางอย่างที่แตกต่างออกไป
“มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลังแล้วกัน..พอดีข้ายังรู้สึกกลัวพลังเวทย์แห่งความตายอยู่บ้าง”
ทาช่ามองเห็นท่าทางอึกอักของวาเลนติโน่แต่เขาก็ยังซื่อสัตย์ที่จะพูดออกมาตามความรู้สึกของตนเอง
“มันน่ากลัวแต่ก็ยังรู้สึกน่าทิ้ง?..ที่สําคัญเขายังบอกว่าเราค่อยมาคุยกันทีหลังอีกด้วย.
ทาช่าตอบรับความจริงใจของวาเลนติโน่ด้วยการโค้งคํานับให้จากนั้นก็หันหลังกลับทันที สายลมรวมตัวกันที่ใต้ฝ่าเท้าของเธอก่อนที่ร่างของเธอจะพุ่งไปยังบริเวณชายฝั่งอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เธอเหาะผ่านไปนั้นเธอก็มองเห็นอัศวินรีบเปิดทางให้ พวกเขาพร้อมใจกันเปิดทางให้เธอและไม่มีใครหันปลายดาบมาหาเธอสักคน ความจริงในข้อนี้ทําให้เธออดยิ้มออกมาไม่ได้
ในทางกลับกันทางฝั่งของคาร์ลนั้น ริมฝีปากของเขาเริ่มกระตุกเล็กน้อย
“ท่านผบ.คาร์ล”
หมับ!
วาเลนติโน่คว้ามือของคาร์ลมากุมเอาไว้อีกครั้งซึ่งคาร์ลก็พยายามที่จะผลักออกอย่างมีมารยาทแต่มันก็ไม่ เป็นผลทําให้เขาตัดสินใจพูดบางอย่างขึ้นมา
“องค์ชายพะยะค่ะ..ยังมีศัตรูที่ถูกคุมตัวเอาไว้..ทั้งยังต้องมีการกวาดล้างทําความสะอาดอีกตั้งมากมาย..นอกจากนี้ยังมีพลังเวทย์แห่งความตายต้องจัดการชําระล้างให้บริสุทธิ์อีกด้วย”
“หยุดจับมือและปล่อยตัวกระหม่อมไปสักที”
นั่นคือสิ่งที่คาร์ลต้องการจะสื่อออกไป
ช่วงจังหวะที่เขาเอ่ยประโยคนั้นในใจ
แอ๊ดดดดดดดดด!!!!
ประตูของหอคอยกลางถูกเปิดออกกว้าง
นักเวทย์ย่างเท้าออกมาด้วยความระมัดระวังในจุดที่มีเวทย์แห่งความตายหลงเหลืออยู่ พวกเขาเป็นนักเวทย์ของอาณาจักรคาโร บางคนก็ใช้เวทย์ลอยตัวเหาะอออกไปยังชายฝั่ง
“เจ้าไม่ต้องกังวลไป..ข้าไม่คิดที่จะผลักภาระทั้งหมดไปให้กับเจ้าอีก! เรือของศัตรูที่หลุดรอดไปยังชายฝั่งทางตอนเหนือจะถูกอัศวินและนักเวทย์ของเราจัดการเอง..ศัตรูจะถูกเราจัดการทั้งหมด! ดังนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล”
วาเลนติโน่หยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“แต่ดูเหมือนพลังเวทย์แห่งความตายคงต้องปล่อยให้พวกเจ้าเป็นคนจัดการ”
วาเลนติโน่ไม่ต้องการทิ้งมันให้กับหัวหน้านักบวชหรือวิหารที่มีความเกี่ยวข้องกับแสงสว่างเป็นคนจัดการ เขาไม่สามารถไว้วางใจพวกเขาได้ นอกจากนี้เขายังมีความขุ่นเคืองต่อวิหารพระเจ้าแห่งแสงตะวันอยู่ไม่น้อย
แม้จะมีอารมณ์หงุดหงิดอยู่ในใจแต่อารมณ์ที่เขาแสดงออกบนใบหน้าเมื่อมองไปที่คาร์ลนั้นก็ต่างออกไปเช่นกัน
“เจ้าอย่ากังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากนักเลย..ดูเหมือนตอนนี้เจ้าจะสามารถผ่อนคลายได้แล้วล่ะ..เราทุกคนสามารถเอาชีวิตรอดมาได้ก็เพราะโล่เงินของเจ้า”
“อยากจะบ้าตาย”
คาร์ลรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นบ้าตาย เขาต้องการหนีไปจากใบหน้าที่คล้ายกับคนจะร้องไห้ได้ตลอดเวลาเช่นวาเลนติโน่โดยเร็วที่สุด
เขาชอบองค์ชายอัลเบิร์กมากกว่า การเห็นองค์ชายวาเลนติโน่มองเขาด้วยสายตาชื่นชมแบบนี้มันทําให้เขาอดขนลุกไม่ได้
“พวกเราที่เหลือจะช่วยกันลดภาระที่อยู่บนบ่าให้กับเจ้าเอง”
“…อ่า..ช่างเป็นศัตรูที่น่ากลัว”
องค์ชายวาเลนติโน่เป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุด คาร์ลรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เขาพยายามฝืนตัวเองอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองแสดงอาการหน้าบึงออกมา ต้องอดทนให้ถึงที่สุดนั่นคือสิ่งที่เขาสามารถทําได้ในตอนนี้
วาเลนติโน่เม้มปากของตนแน่นขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของคาร์ล สีหน้าของคาร์ลในตอนนี้กําลังบอกเขากลายๆว่า ไม่สามารถทิ้งภาระทุกอย่างไปได้ สายตาที่คาร์ลใช้มองปราสาทลีโอน่าเป็นการบอกเขาให้รู้ว่ายังมีอะไรให้ทําอีกมาก
ใช่แล้ว! พันธมิตรไร้พ่ายไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ
สงครามจะยังคงดําเนินต่อไป
มือของวาเลนติโน่ที่เกาะกุมมือคาร์ลอยู่นั้นเพิ่มแรงบีบขึ้นโดยไม่รู้ตัว
– เจ้ามนุษย์อ่อนแอ! องค์ชายรัชทายาทกุมมือเจ้าแน่นไปเหรอ? ทําไมสีหน้าของเจ้าถึงเป็นแบบ นล่ะ? แค่จับมือทําให้เจ็บขนาดนี้เลยหรือ?…เจ้าอ่อนแอเกินไป! ข้าล่ะเป็นห่วงเจ้าจริงๆ! สงสัยข้าต้องให้ท่านป้อฮาเป็นหายาวิเศษมาให้เจ้าแล้วล่ะ!
ไม่เลย มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด
คาร์ลแค่อยากหนีไปไกลๆโดยทิ้งมังกรน้อยและองค์ชายรัชทายาทวาเลนติโนไว้เบื้องหลัง อย่างไรก็ตาม ดวงตาของคาร์ลเริ่มครึมขึ้นหลังผ่านไปชั่วอึดใจ
สายตาของคาร์ลเบนออกจากประตูหอคอยกลาง
จากนั้นก็หันไปมองประตูของหอคอยเหนือ มีคนผู้หนึ่งกําลังเดินผ่านประตูออกมาโดยมีกลุ่มอัศวินและนักเวทย์เดินตามหลังมาอย่างช้าๆ
แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากปรมาจารย์ดาบดยุคฮเด็นแห่งจักรวรรดิ เขาเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มยินดี
คาร์ลขยับเท้าเข้าไปใกล้วาเลนติโน่ เขาจัดท่าทางให้อยู่ใกล้กับวาเลนติโน่มากที่สุดเพื่อไม่ให้ดยุคฮเต็นสามารถอ่านปากของเขาได้
“องค์ชายพะยะค่ะ..มีบางอย่างที่กระหม่อมต้องทูลให้พระองค์ทราบ”
“ได้สิ..มีอะไรอย่างนั้นรึ? หากเป็นความต้องการของเจ้า ข้าก็ยินดีที่จะรับฟัง”
วาเลนติโน่แต้มยิ้มบางๆก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะคลายลงเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลพูด
“ระเบิดที่ทํามาจากพลังเวทย์แห่งความตาย..พระองค์คิดว่าใครเป็นผู้วางระเบิดเหล่านั้นหรือพะยะค่ะ?”
คาร์ลสบตาเข้ากับดยุคฮเต็นพลางเอ่ยทักผ่านสายตาไป จากนั้นเขาก็ถอนสายตากลับมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มสดใสมาให้กับตน อย่างไรก็ตามปากของเขาไม่ได้เอ่ยทักดยุคฮเต็นแบบที่สายตาของเขาทํา มันกําลังขยับเพื่อเอ่ยอย่างอื่น
“บางครั้ง..ศัตรูก็กําลังยืนยิ้มอยู่ข้างหลังพระองค์พะยะค่ะ”
ด้านหลังของข้า?
วาเลนติโน่รู้สึกว่าแผ่นหลังของตัวเองเริ่มเย็นยะเยือก เสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามาในหูของเขาในจังหวะนั้นพอดี
“องค์ชายพะยะค่ะ! ผบ.คาร์ล!”
วาเลนติโน่หันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก เขามองเห็นดยุคฮเด็นกําลังเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เขาหันกลับมามองใบหน้าเรียบเฉยของคาร์ลอีกครั้ง
“…เอาไว้คราวหน้าข้าจะเลี้ยงอาหารอร่อยๆแก่เจ้า”
“พะยะค่ะ..แล้วแต่ความประสงค์ของพระองค์..กระหม่อมจะรอพะยะค่ะ”
วาเลนติโน่มองไปที่คาร์ลด้วยสีหน้าหลากความรู้สึก เขามองเห็นเลือดที่ติดอยู่มุมปากของคาร์ลทั้งยังเสื้อผ้าของเขาที่เปียกโชกอีก
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลาพะยะค่ะ”
วาเลนติโน่มองตามหลังคาร์ลที่กําลังเดินก้มหน้าก้มตากลับไปยังหอคอยทิศใต้ ด้านหลังของคาร์ลนั้นมีปรมาจารย์ดาบเชวฮันและฮิลส์แมนเดินตามไปติดๆ ส่วนโครงกระดูกไวย์เวิร์นทั้งสองก็เหาะขึ้นสู่ท้องฟ้าและมุ่งหน้าไปยังหอคอยทิศใต้เช่นกัน
“ผบ.คาร์ล! มันช่างน่าทึ่งยิ่งนัก! ข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!”
อย่างไรก็ตามความตั้งใจของคาร์ลกลับสะดุดลงด้วยการเผชิญหน้ากับดยุคฮเต็น สีหน้าของดยุคผู้นี้ดูจริงจัง และไม่สามารถปิดบังความสุขบนใบหน้าของตนไว้ได้
“ความแข็งแกร่งของหมอผีเป็นสิ่งที่น่ากึ่งยิ่งนัก..พลังของปรมาจารย์ดาบก็เช่นกัน! แม้แต่โล่เงินของท่านก็ทําให้ข้ารู้สึกที่งยิ่งนัก..เราทุกคนสามารถรอดชีวิตมาได้ก็เพราะพวกท่าน! ขอบคุณ..ขอบคุณพวกท่านจริงๆ”
ดยุคฮเต็นไม่ได้สนใจในเรื่องของลําดับขั้นทางตําแหน่งหรือความอาวุโสแต่อย่างใด เขาก้มศีรษะเพื่อแสดงความขอบคุณแก่คาร์ลอย่างจริงใจ การที่องค์ชายรัชทายาทและขุนนางในตําแหน่งดยุคแสดงความนับถือต่อตน เช่นนี้ย่อมสร้างภาพลักษณ์ให้คาร์ลดูดีไม่น้อย
แต่คาร์ลไม่ได้คิดเช่นนั้น
ทําไมนะเหรอ?
“แต่ดูเหมือนวงเวทย์สีม่วงของศัตรูจะถูกสายฟ้าบางอย่างฟาดเข้าใส่ก่อนที่มันจะระเบิดขึ้นมา..นั่นเป็นฝีมือของคนในกลุ่มท่านหรือไม่?”
เป็นเพราะดยุคฮเต็นกําลังประเมินความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่
แสดงความจริงใจกับผู้อะไรล่ะ? ทุกอย่างเป็นแผนทั้งนั้น
แต่คาร์ลชอบที่จะรับมือกับคนแบบนี้มากกว่าคนแบบวาเลนติโน่ สีหน้าของคาร์ลดูจริงจังขึ้นในทันที