Trash of the Count’s family - ตอนที่ 212
บทที่ 211 เจ้าจะรับมันหรือไม่? 3 (2)
ชายวัยกลางคนผู้สวมกอดบุตรชายเอาไว้เริ่มขมวดคิ้วมั่น เขาเตรียมที่จะพูดตอบโต้แต่ก็ช้ากว่าเพื่อนของชาวเมืองผู้นี้
“เป็นหมอผีแล้วมันยังไง? ท่านหมอผีดีกว่าขุนนางภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่คิดจะลงมือทําอะไรเลยด้วยซ้ำ! ท่านหมอผีดีกว่าเป็นร้อยเท่าไม่สิ!? พันเท่าต่างหาก! เจ้าไม่เห็นภาพที่อุปกรณ์เวทย์สื่อสารฉายให้เราดูหรอกหรือ? มันคือมังกร! มังกรเลยนะ! โครงกระดูกมังกรขนาดใหญ่ ช่างดูดียิ่งนักและมันยังสู้กับศัตรูจนเราได้ชัยชนะกลับมา! แล้วเจ้ายังคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายอีกหรือ?”
“ไม่!แต่ว่ามัน..? เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องที่เราได้ยินมาเมื่อครั้งอดีตนี่นา”
“ใครจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นกันล่ะ? สิ่งสําคัญคือการที่เรามีชีวิตรอดต่างหาก!”
“ดีมาก! มันคือสิ่งที่ข้าอยากจะพูดอยู่พอดี”
ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างพอใจก่อนจะอุ้มร่างของบุตรชายตนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
ช่วงเวลานั้นเอง
แท่นนนนนน!!!!
เสียงแตรนําขบวนส่งเสียงดังขึ้น
“ท่านพ่อ!”
เขากระชับร่างในวงแขนให้แน่นขึ้นเมื่อบุตรชายตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น เขาหันไปยังทิศที่บุตรชายของตนมองอยู่ทันที
เคร้งเคร้ง!
พรึ่บ!พริบ!
ดาบหลายร้อยเล่มถูกชูขึ้นสู่ท้องฟ้า
ลูกเวทย์ทรงกลมสีสันสดใสก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเช่นกัน
“ว้าว!!”
เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นพ่อมองดูอัศวินและนักเวทย์ที่เคลื่อนขบวนใกล้เข้ามา เขาหันมาตะโกนให้พ่อฟังอย่างตื่นเต้น
“ชายผู้นั้นต้องเป็นท่านปรมาจารย์ดาบแน่ๆเลยท่านพ่อ!”
ผู้เป็นพ่อหันไปตามสายตาของบุตรชายก่อนจะเห็นชายหนุ่มผมดําและตาสีดําเดินอยู่ตรงกลางกลุ่มอัศวิน คนผู้นี้ย่อมเป็นปรมาจารย์ดาบเพียงผู้เดียวในอาณาจักรโรมัน หน้าตาของเขาดูอ่อนโยนและใจดีแต่ก็ดูแข็งกร้าวในเวลาเดียวกัน หน้าตาของเขาหล่อเหลาพอที่จะดึงดูดสายตาทุกคนให้หันไปมองได้
เด็กน้อยที่ถือโล่เงินไว้ในมือมองทุกคนที่เดินผ่านไปอย่างตื่นเต้น
กองกําลังนักเวทย์ กองพลอัศวินทะลวงฟันและปรมาจารย์ดาบ เขาสามารถมองเห็นทุกคนได้
อย่างไรก็ตามบุคคลที่เด็กน้อยผู้นี้ต้องการมาเจอกลับไม่ได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็น
คาร์ล เฮนิตัส
เด็กน้อยมองไม่เห็นเขา
ทุกคนต่างมองเห็นรถม้าที่อยู่ด้านหลังของปรมาจารย์ดาบ
“หรือว่าท่านผู้บัญชาการจะอยู่ในรถม้านั่น?!”
แววตาของเด็กน้อยเป็นประกายขึ้นอีกครั้ง
หน้าต่างของรถม้าถูกเลื่อนออกราวกับอ่านใจเด็กน้อยได้
“ว้าว!!”
หมอผี
เขามองเห็นร่างในชุดคลุมสีดํา เด็กๆต่างส่งเสียงเชียร์หมอผีผู้เป็นวีรสตรีที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“เอ๋?”
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเด็กน้อยที่ถือโล่เงินอยู่ในมือเต็มไปด้วยความสับสน เขามองไม่เห็นผู้บัญชาการอยู่ในรถม้าคันนี้
เขารู้สึกว่าต้องมีคนสักสองคนที่อยู่ในรถม้าคันนี้และต้องเป็นท่านผบ.คาร์ล เฮนิตัสอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นร่างของเขาก็ไม่ได้ปรากฏออกมาให้เห็น
แน่นอนว่ามันเป็นความตั้งใจของคาร์ลเพราะเขาไม่ต้องการปรากฏตัวให้ใครได้เห็น
“นายน้อยคาร์ล..พวกเขากําลังส่งเสียงเรียก..ท่าน”
“พวกเขาก็ร้องเรียกเจ้าเช่นกัน…แมรี่”
ในกลุ่มฝูงชนขนาดใหญ่มีคนส่งเสียงเชียร์ให้กับหมอผีเช่นกัน แน่นอนว่ามันไม่ได้มากเท่ากับเสียงเชียร์ของเชวฮันแต่ก็ไม่มีใครตะโกนด่าหรือสาปแช่งเธอแต่อย่างใด
“องค์ชายบอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้
คาร์ลรู้สึกว่าองค์ชายรัชทายาทได้ลงมือจัดการบางอย่างไปแล้ว องค์ชายบอกแก่คาร์ลว่าอาจมีคนส่งเสียงเชียร์ให้กับเขาบ้างแต่มันก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่จําเป็นที่เขาต้องกังวลกับเรื่องนี้ ตัวเขาเองก็รู้สึกรําคาญเช่นกันจึงไม่คิดที่จะเอ่ยถามรายละเอียดออกไป
“อย่างนั้นรึ?”
คาร์ลแกล้งไม่เห็นท่าทางลังเลของแมรี่ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้บนรถม้า
“นายน้อยโล่เงิน!!”
“ผู้บัญชาการแสงสีเงิน!”
“เฮ้อ”
คาร์ลอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจยาวออกมา
“ทําไมพวกเขาไม่หยุดเรียกฉายาพวกนี้สักทีนะ?”
มันเป็นช่วงเวลานั้นเอง
“เอ่อ..นายน้อยคาร์ล”
“ข้าจะไม่โผล่หน้าไปให้ใครเห็นเป็นอันขาด”
คาร์ลตอบกลับทันทีโดยที่แมรี่ไม่ทันได้พูดอะไร แมรี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งแม้แต่ราอนที่ใช้เวทย์ล่องหนอยู่ก็พูดขึ้นเช่นกัน
“นายน้อยคาร์ลมีเด็กคนหนึ่งกําลังรอเจอท่านอยู่เขาร้องเรียกท่านไม่หยุดเลย”
มนุษย์อ่อนแอ! เป็นเด็กคนเดียวกับที่เคยถือโล่เงินแบบเดียวกับเจ้า! เขาก็ดูสูงขึ้นกว่าครั้งล่าสุดที่เราเจอด้วยนะ! อ่า…ผ่านมาแค่ไม่กี่เดือนเด็กน้อยคนนี้สามารถ เติบโตได้ดีจริงๆ
ให้ตายเถอะ!”
คาร์ลเลิกคิ้วสูงก่อนจะขยับตัวไปนั่งข้างๆแมรี่และมองออกไปนอกหน้าต่างทันที
คาร์ลมองเห็นเด็กชายคนหนึ่ง ในมือของเด็กคนนี้ถือโล่เงินที่ดูดี แข็งแรงและได้มาตรฐานกว่าครั้งก่อน
คาร์ลจําเด็กคนนี้ได้แม่น
“ถ้าเจ้าเหมือนข้า..เจ้าจะไม่ได้ดูเจ๋งแม้แต่น้อย
ดูแลพ่อของเจ้าให้ดี..มีเพียงพ่อและแม่ของเจ้าเท่านั้นที่เจ๋งมากพอจะโอบกอดและยกร่างของเจ้าได้เช่นนี้
เด็กคนนี้ทําให้เขาพูดไร้สาระออกไปเพราะกําลังประหม่าจนคิดอะไรไม่ออก
คาร์ลมองไปที่สองพ่อลูกที่กําลังโบกโล่เงินแรงขึ้นเมื่อสบตาเข้ากับเขาพอดี ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ขยับตัวกลับไปนั่งที่มุมของตนเอง
เขายกมือขึ้นมาลูบหน้าเบาๆ
เป็นเพราะจํานวนโล่เงินที่เพิ่มมากขึ้น
เขามองเห็นเด็กและผู้ใหญ่จํานวนมากถือโล่เงิน ดาบสีดําและแม้กระทั่งสวมชุดคลุมสีดําในฝูงชนกลุ่มนี้ พวกเขากําลังส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น อย่างไรก็ตามจํานวนโล่เงินกลับมีปริมาณมากที่สุด
“อยากจะบ้าตาย..”
“ทําไมโล่เงินถึงได้รับความนิยมขนาดนี้กันนะ?
สีหน้าของคาร์ลดูเคร่งเครียดขึ้น เขาหันไปมองแมรี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ จากนั้นก็นึกถึงเชวฮันที่อยู่นอกรถม้า เขามั่นใจว่าความเท่ของเชวฮันจะต้องเข้าไปนั่งอยู่ในใจของคนหลายๆคนได้อย่างแน่นอน การปรากฏตัวของทั้งสองในวันนี้อย่างน้อยก็สามารถเรียกกระแสความนิยมจากประชาชนได้แล้ว ถ้าเขานั้นให้ดาร์กเอลฟ์ กลายเป็นวีรบุรุษกลุ่มใหม่จากการชนะสงครามครั้งล่าสุดแล้วล่ะก็…
“ชาวเมืองพวกนี้จะต้องลืมฉันอย่างแน่นอน
คาร์ลปัดเรื่องนี้ออกจากหัวและเริ่มทบทวนสิ่งที่ได้รับแจ้งจากโคลเปย์ถึงจํานวนทหารของพันธมิตรไร้พ่ายที่กําลังมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรคาโร เขาคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปัดมันออกจากหัวเช่นกัน
“เฮ้อ..พักสมองดีกว่าไม่จําเป็นต้องคิดอะไรให้มากความ หลังจากนี้ก็แค่ใช้พลังของตัวเองให้น้อยลงถ้าไม่จําเป็นก็ไม่ต้องใช้โล่นิรันดร์กาลอีก”
แม้เขาจะบอกให้ตัวเองพักสมองแต่ในใจก็อดคิดเรื่องต่างๆไม่ได้เมื่อเริ่มเคลื่อนพลไปยังอาณาจักรคาโร จากนั้นเขาก็ต้องทักทายคนผู้หนึ่งที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจอที่นี่
“โอ้!? ข้าคิดไว้แล้วว่าต้องมาเจอเจ้าที่นี่ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
แน่นอนว่าคนผู้นี้ทําให้คาร์ลตกใจยิ่งนัก
อาณาจักรคาโรได้ขอความช่วยเหลือไปยังอาณาจักรโรมันรวมทั้งจักรวรรดิซึ่งเป็นอาณาจักรที่อยู่ใกล้กับอาณาจักรคาโรมากที่สุด แน่นอนว่าทั้งสองอาณาจักรตอบรับที่จะส่งกําลังเสริมเข้ามาช่วยเหลือ
คาร์ลเคยคิดเล่นๆว่าจักรวรรดิจะจัดการกับกําลังเสริมที่จะส่งมาอย่างไร เนื่องจากจักรวรรดิอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับพันธมิตรไร้พ่ายทําให้เขาสงสัยไม่น้อยว่าจักรวรรดิจะมีวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับเรื่องนี้เช่นไร
อย่างไรก็ตามบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้อยู่นอกเหนือจากสิ่งที่เขาคิดเอาไว้
“..ถวายบังคมพะย่ะค่ะองค์ชายเอดิน..พระองค์ทรงสบายดีหรือไม่?”
องค์ชายเอดินผู้เป็นรัชทายาทแห่งจักรวรรดิกําลังส่งยิ้มให้แก่คาร์ล เขามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคาร์ลโดยที่ร่างของคาร์ลยังไม่ทันได้ก้าวออกจากอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายมวลสารเลยด้วยซ้ำ
“ทําไมหมอนี่ถึงโผล่มาที่นี่ได้? แล้วจักรวรรดิล่ะ? นายไม่คิดที่จะอยู่ป้องกันอาณาจักรของตัวเองหรืออย่างไร?
คาร์ลรู้สึกงุนงงไม่น้อย
ในขณะที่องค์ชายเอดินก็เริ่มตอบกลับ
“ข้าสบายดี อ้อ!..ข้าขอแสดงความยินดีกับชัยชนะที่อาณาจักรโรมันได้รับด้วยล่ะ”
คาร์ลแต้มยิ้มมุมปาก
แสดงความยินดีงั้นรึ? หลังจากเห็นชัยชนะของอาณาจักรโรมันแล้ว ฉันว่านายน่าจะนอนไม่หลับเพราะความโกรธเสียมากกว่า”
คาร์ลไม่จําเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าเขารู้ทันคนตีสองหน้าที่กําลังกรุ่นโกรธผู้นี้ เขาแค่ยิ้มบางๆส่งให้องค์ชายเอดินและแสดงท่าทางราวกับไม่คาดคิดว่าตัวเองจะได้เจอเขาในวันนี้
“แล้วเจ้าล่ะนายน้อยคาร์ล..สบายดีหรือไม่?”
คาร์ลตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูสดใสมากกว่าเดิม
“กระหม่อมสบายดีพะย่ะค่ะ…เป็นเพราะชัยชนะของอาณาจักรเราแท้ๆกระหม่อมจึงสามารถเอนหลังไปบนเตียงนุ่มและหลับสนิทไปด้วยความสบายอารมณ์พะย่ะค่ะ”
คาร์ลทันเห็นมุมปากขององค์ชายเอดินกระตุกขึ้นและมันทําให้เขารู้สึกดีไม่น้อย รอบยิ้มของคาร์ลเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อคิดว่ามีอีกหลายอย่างในอนาคตที่จะทําให้เขารู้สึกดียิ่งกว่านี้
-มนุษย์อ่อนแอ..นี่มันก็ผ่านมานานมากเลยนะที่เจ้ายิ้มแบบนี้! เจ้ากําลังจะไปหลอกใครหรือเปล่า?
“หลอกงั้นรึ? ไม่เลย! ฉันก็แค่ยิ้มเฉยๆ”
คาร์ลเพียงปล่อยให้ความเห็นของราอนเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวาไปเท่านั้น