Tranxending Vision – เนตรเนรมิตร - ตอนที่ 405
ตอนที่- 405 ทุกปัญหามีทางออก
กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนส่งคนมาจริงๆทั้งยังนำโดยมู๋เจียนเฟิงอีกต่างหาก ในคนกลุ่มใหญ่นั้นมีทั้งวิศวกรและช่างระดับสูง ทนายของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน รวมถึงบอดี้การ์ดของมู๋เจียนเฟิงด้วย
แต่พวกเขายังคงถูกขวางไว้หน้าประตูทางเข้า
กลุ่มคนที่กันทางบริษัทอุตสาหกรรมจีนเอาไว้ไม่ใช่พนักงานฝ่ายวัสดุแต่เป็นทีมรักษาความปลอดภัยของโรงงานทหารอาชาสายฟ้าซึ่งนำโดยลู่เชิง มู๋เจียนเฟิงจะสั่งให้ทหารที่กันประตูอยู่เปิดทางให้เขาเข้าไปด้านในก็ได้แต่เขาก็คงสั่งได้แค่ทีมรักษาความปลอดภัยประเด็นสำคัญคือเขาสั่งคนนำทีมอย่างลู่เชิงไม่ได้
ลู่เชิงเป็นเหมือนกับปราการเหล็กหน้าประตู ช่างของอีกฝ่ายที่พยายามรุดเข้ามาก็ถูกทุ่มลงพื้นไปด้วยขาของลู่เชิงเพียงข้างเดียว
”ทำอะไรน่ะ?” ทนายของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนชี้ไปที่ลู่เชิง พูดใส่อย่างโกรธเคือง “คุณกล้าทำร้ายร่างกายเขาเหรอ!”
ลู่เชิงตวัดตามองทนายคนนั้นอย่างสบประมาท “พูดมากจังนะ เดี๋ยวจะจัดให้อีกคน!”
”คุณ คุณ……” ทนายของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า “ผมจะฟ้องร้องคุณ!”
ลู่เชิงฟังจบก็ชี้ไปทางเมืองป๋ายลู่ “มีสถานีตำรวจอยู่ตรงนั้น ไปสิ ไม่ไกลหรอกคุณได้แจ้งตำรวจใน 10 นาทีแน่นอน”
ทนายโกรธจัดที่เขาพูดอะไรตอบโต้ไม่ได้ เขาเป็นนักวิชาการแต่ลู่เชิงเป็นทหาร ถ้านักวิชาการจะพุ่งเข้าชนกับทหาร เขาก็ไม่มีทางล้มลู่เชิงได้อยู่แล้ว
”หมาเฝ้าบ้านมันก้าวร้าวจริงๆ!” บอดี้การ์ดของมู๋เจียนเฟิงเดินเข้ามาแล้วผลักลู่เชิงเต็มฝ่ามือ
จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมือข้างหนึ่งผลักลู่เชิงในขณะเดียวกันก็บอกให้คนของตัวเองเข้าไปข้างในด้วยแต่ยังไม่ทันให้มือเขาดันบ่าลู่เชิง ไหล่ของคนนำทีมก็ย้ายไปอีกฝั่งจับมือบอดี้การ์ดคนนั้นและดึงไปข้างหน้าก่อนจะออกแรงส่งเขาข้ามไหล่ไปอย่างรวดเร็ว
ตึง! บอดี้การ์ดมู๋เจียนเฟิงเป็นชายร่างใหญ่ แต่เพียงพริบตาเขาก็ถูกลู่เชิงจับทุ่มลงกับพื้นได้แล้ว เขาเป็นฝ่ายวัสดุที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นบอดี้การ์ดของมู๋เจียนเฟิงทั้งยังมีสถานะเป็นทหารระดับที่โหดยิ่งกว่าคอมมานโดทั่วไปแต่ถึงอย่างนั้น เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของลู่เชิงที่เรียนหวิงชุนมาก่อนแล้วได้จริงๆเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ลู่เชิงเองก็เคยเป็นหน่วยรบพิเศษมาก่อนแน่นอนว่าเขาต้องมองการต่อสู้แบบทหารออกอยู่แล้ว
บอดี้การ์ดอีกคนเดือดดาลตามไปด้วย เขารีบตรงปรี่เข้ามา
ทันใดนั้นลู่เชิงก็หมุนหักข้อมือคนบนพื้นทันที บอดี้การ์ดที่ถูกจับทุ่มร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด ตามด้วยเม็ดเหงื่อเย็นซึมผุดตามหน้าผากของเขา!
”อย่าคิดว่าผมจะปล่อยให้ไปเชียว” ลู่เชิงท้าทาย “ถ้าอยากเจอแบบเขาก็เข้ามาเลย!”
เพียงจบประโยค บอดี้การ์ดที่ตรงเข้าหาเขาหยุดชะงักทันที
การที่คนของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนมาปะทะด้วยความเย่อหยิ่งแบบนี้นั่นเพราะต้องการตรวจสอบว่าโรงงานทหารอาชาสายฟ้ากำลังละเมิดลิขสิทธิ์ ผลิตเครื่องจักรอัจฉริยะซึ่งถูกขายให้พวกเขาไปตั้งแต่แรกแล้วอยู่หรือไม่แต่ตอนนี้พวกเขากลับผ่านประตูเข้าไปไม่ได้นี่มันต่างจากที่พวกเขาคิดไว้มากทีเดียว
แล้วทำไมกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนผู้เป็นแนวหน้าของวงการอุตสาหกรรมจะต้องมาเจอเรื่องน่าขายหน้าพวกนี้ด้วย?
ด้านหลังกลุ่มคนมากมายเป็นมู๋เจียนเฟิงที่ยืนรอเข้าไปตรวจสอบโรงงานอยู่ เขาอดรู้สึกขายหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของอีกฝ่ายไม่ได้ มู๋เจียนเฟิงมาที่โรงงานทหารอาชาสายฟ้าพร้อมคนของเขาด้วยจุดประสงค์คือหยุดเซี่ยเหล่ยไม่ให้ลอกเลียนเครื่องมือเครื่องจักรอัจฉริยะที่ถูกขายให้กับกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนไปก่อนแล้ว ส่วนอีกเรื่องคือเขาอยากเห็นว่าเซี่ยเหล่ยกำลังผลิตเครื่องจักรอัจฉริยะแบบไหนอยู่ ก่อนจะไปสู่ขั้นตอนต่อไป
ขั้นต่อไปที่ว่าคือ การเอาพิมพ์เขียวเครื่องมือเครื่องจักรชิ้นใหม่และข้อมูลทางวิศวกรรมมาโดยผ่านกระบวนการทางกฎหมาย มู๋เจียนเฟิงเชื่อว่าเขามีความสามารถมากพอจะเอาของพวกนี้มาได้ กลยุทธ์ของเขาก็เรียบง่ายมาก นั่นคือการพูดว่าเซี่ยเหล่ยลอกเลียนแบบเครื่องจักรของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน เว้นเสียแต่ว่าเซี่ยเหล่ยจะเอาพิมพ์เขียวและข้อมูลทางวิศวกรรมมาเป็น “หลักฐาน” พิสูจน์ต่อศาล ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเซี่ยเหล่ยทำแบบนั้น “หลักฐาน”ทั้งหมดก็จะตกมาอยู่ในมือเขาทันที
แม้ว่าแผนของเขาจะฉลาดขนาดไหนแต่ยังไงมู๋เจียนเฟิงก็ถูกคนป่าเถื่อนอย่างลู่เชิงขวางทางอยู่ดี!
ตอนนี้คงถึงเวลาตัวต่อตัวกันแล้ว
มู๋เจียนเฟิงเดินจากด้านหลังสุดของกลุ่มคน ไปเผชิญหน้ากับลู่เชิง “ไอ้หนุ่ม พูดกันสั้นๆนะ หลีกทางไปซะ”
น้ำเสียงของเขารุนแรงและชัดเจน ทั้งเขายังมีท่าทางหนักแน่นปฏิเสธได้ยากอีกด้วย
แต่ลู่เชิงยังคงนิ่ง เขาไม่ได้ตอบอะไรมู๋เจียนเฟิงด้วยซ้ำ
”เยี่ยมมาก” มู๋เจียนเฟิงตวัดสายตาไปทางทหารที่ตู้ยามหน้าประตู “ทหาร ไปเรียกหัวหน้าของคุณมาซะ!”
”คือ……” คนถูกเรียกอ้ำอึ้ง เขาไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้ว แต่มู๋เจียนเฟิงเพิ่งสั่งให้เขาไปเรียกหัวหน้ามา นั่นทำให้เขาอึดอัดใจ
”นี่คือคำสั่ง” มู๋เจียนเฟิงขึ้นเสียง
”ครับ!” ทหารคนนั้นตอบรับแล้วรีบวิ่งไป
มู๋เจียนเฟิงเป็นทั้งประธานกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและมีตำแหน่งในกองทัพด้วย ในเมื่อเขาถือว่าประโยคเมื่อครู่เป็นคำสั่ง ทหารชั้นผู้น้อยก็ต้องทำตาม
มู๋เจียนเฟิงหันกลับมามองลู่เชิงอีกครั้งพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “พอเขามาแล้ว คุณโดนจับแน่ ตอนนี้คุณจะหลีกทางผมหรือจะหัวแข็งแล้วขวางผมต่อไปก็ได้แต่ถ้าทำแบบนั้นคุณคงจบไม่สวยหรอกนะ”
แม้ว่าสีหน้าลู่เชิงจะยังคงเรียบนิ่ง แต่ในใจเขาก็กำลังกังวลอยู่
คนจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนด้านหลังมู๋เจียนเฟิงมองลู่เชิงด้วยสายตาโกรธเคือง ไม่มีใครพูดอะไรแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสายตาที่มองมาก็ส่งเสียงเป็นนัยๆแล้วว่า ‘ไอ้หนุ่มนี่่มันบ้าเกินไปรึเปล่า? แต่เดี๋ยวได้รู้กันว่าจะบ้าได้อีกนานแค่ไหน!’
”ลู่เชิง” เสียงเซี่ยเหล่ยดังขึ้น “กลับไปที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยก่อน ตรงนี้หมดหน้าที่ของคุณแล้ว”
เซี่ยเหล่ยปรากฏตัวขึ้นต่อสายตาทุกคนในชุดทำงานสีฟ้าพร้อมกับถุงมือที่เปื้อนคราบน้ำมัน บนชุดทำงานก็เต็มไปด้วยรูโหว่เนื่องจากเนื้อผ้าไหม้ระหว่างเชื่อมโลหะ นี่ดูไม่เหมือนท่านประธานของโรงงานทหารอาชาสายฟ้าหรือ “นักวิทยาศาสตร์ทหารหนุ่ม” ที่สื่อประโคมข่าวเลย เขาเหมือนเป็นช่างธรรมดาทั่วไปมากกว่า
ลู่เชิงพูดขึ้น “ประธานเซี่ย คนพวกนี้……”
”ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไปทำงานต่อเถอะ” เซี่ยเหล่ยตอบ
ลู่เชิงพยักหน้ารับและปล่อยตัวบอดี้การ์ดของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนที่เขาจับไว้ให้เป็นอิสระก่อนจะเดินจากไป
ตอนนี้สองทหารประธานกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนและโรงงานทหารอาชาสายฟ้าก็มาเจอกันแล้ว
”ประธานมู๋ ต้องการอะไรครับ?” เซี่ยเหล่ยถามเสียงเรียบ “แต่พาคนเยอะขนาดนี้มาสร้างปัญหาให้ผมเนี่ย คุณไม่คิดว่ามันมากไปหน่อยเหรอครับ?”
”มากเกินไปงั้นเหรอ?” มู๋เจียนเฟิงแสยะยิ้ม “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ชักจะมากไปหน่อยแล้ว”
”ผมมากไปยังไงครับ?”
”คุณก็รู้ดีอยู่แก่ใจนี่” มู๋เจียนเฟิงตอบ “ตอนแรก คุณขายเครื่องมือเครื่องจักรอัจฉริยะให้เราแล้วและผมก็จ่ายไปตั้ง 200 ล้าน นี่คุณลืมสัญญาที่เซ็นให้เรารึเปล่าครับ? คุณไม่มีสิทธิ์สร้างเครื่องจักรอัจฉริยะนั่นอีกแล้ว”
”คุณเห็นกับตาเลยเหรอครับว่าผมผลิตเครื่องจักรแบบนั้น?” เซี่ยเหล่ยถามต่อ
”งั้นก็ให้เราเข้าไปดูสิ” มู๋เจียนเฟิงกล่าว”มันต้องมีพิมพ์เขียวและข้อมูลทางวิศวกรรมอยู่แล้ว คุณก็เอามันมาพิสูจน์สิว่าคุณไม่ได้ผลิตเครื่องจักรแบบนั้นอยู่”
”ฮ่าฮ่า” เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “แล้วถ้าผมไม่มีล่ะครับ?”
”ถ้าไม่มี ก็ง่ายๆเลย ผมจะฟ้องคุณ ไม่งั้นคุณก็แสดงหลักฐานออกมาสิว่าคุณไม่มีเครื่องจักรอัจฉริยะนั่นอยู่” มู๋เจียนเฟิงพูดต่อ
”พูดกันตรงๆก็คือ ผมต้องการขโมยความคิดของตัวเองเทคโนโลยีของตัวเองงั้นสินะครับ” เซี่ยเหล่ยหัวเราะขม “ประธานมู๋ คุณเองก็เป็นผู้อาวุโสแล้วแต่ทำไมคุณถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนี้กันครับ? คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะได้ในสิ่งที่ต้องการเหรอครับ?”
”ผมพูดความจริงนี่ กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนของเราจ่ายไปมากกว่า 200 ล้านเพื่อซื้อเครื่องจักรของคุณ คุณบอกว่ามันคือเครื่องจักรที่ก้าวหน้าที่สุดในโลกตอนนี้คุณกลับสร้างเครื่องจักรที่ล้ำหน้ากว่าเครื่องเก่าแต่ไม่ยอมแชร์มันกับเรา งั้น ผมก็จะไม่ยอมให้คุณผลิตเครื่องจักรที่ก้าวหน้าไปกว่านี้ในโรงงานทหารอาชาสายฟ้าอีกแล้ว เว้นเสียแต่ว่าคุณจะยอมแชร์มันกับเรา ถ้าไม่อย่างนั้น เราก็คงต้องคุยกันในศาลแล้วล่ะ” มู๋เจียนเฟิงร่ายยาวพร้อมแสดงเหตุผล
คำพูดของเขาดูเหมือนจะมีความจริงอยู่บ้างแต่เมื่อวิเคราะห์ดูดีๆแล้ว นั่นมันก็เป็นตรรกะที่ใกล้เคียงกับโจรเลยทีเดียว บวกกับอำนาจของมู๋เจียนเฟิงยิ่งช่วยเพิ่มแรงกดดันให้เซี่ยเหล่ยตกลงอีกด้วย
”งั้นก็กลับไปเถอะครับ คุณอย่าเสียเวลาอยู่ตรงนี้เลย” เซี่ยเหล่ยตอบ “คุณจะใช้กฎหมายด้วยก็ได้นะครับ ได้ทุกเมื่อเลย”
”ผมไปแน่ แต่ต้องหลังจากเข้าไปดูโรงงานของคุณแล้วเท่านั้น” มู๋เจียนเฟิงแสยะยิ้ม “และผมจะไปไหน เมื่อไหร่ ต่อให้คุณบอกว่าไม่ มันก็ไม่มีผลต่อการตัดสินใจของผมอยู่ดี” ท่าทางมู๋เจียนเฟิงยังคงหนักแน่นทั้งน้ำเสียงของเขายังแฝงไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม แต่น้ำเสียงนั้นก็ไม่มีผลต่อประธานเซี่ย เขาไม่ได้สนใจมันเลยด้วยซ้ำ!
ตอนนั้นเองเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประจำการที่โรงงานทหารอาชาสายฟ้าก็มาถึงพร้อมกับทหารกลุ่มหนึ่ง นายทหารที่นำทีมคือหวางเหว่ย พวกเขาได้รับมอบหมายงานปกป้องโรงงานทหารอาชาสายฟ้าจากแผนกวัสดุโดยคนทั้งหมดไม่ได้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเหล่ยแต่เป็นแผนกวัสดุที่มอบหมายงานมา
เมื่อหวางเหว่ยมาถึงก็ยืนตรงทำความเคารพมู๋เจียนเฟิงก่อน
มู๋เจียนเฟิงยกยิ้มและพยักหน้ารับ “พาคนพวกนี้เข้าไปข้างใน ผมจะเข้าไปเช็กโรงงานหน่อย”
”คือ……” หวางเหว่ยนิ่งอึ้ง ท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างเห็นได้ชัด
มู๋เจียนเฟิงพูดเสียงดุดัน “นี่คือคำสั่ง!”
หวางเหว่ยยังไม่ขยับไปไหน เขามองหน้าเซี่ยเหล่ย
ในขณะเดียวกัน เซี่ยเหล่ยก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาจากกระเป๋ากางเกง “ฉิงเสวียง พาพนักงานทั้งหมดออกมาช่วยปกป้องโรงงานทหารอาชาสายฟ้าของเราหน่อยสิ”
เมื่อคำพูดของเซี่ยเหล่ยถูกส่งไปเพียงไม่ถึงนาที คนงานเป็นร้อยเป็นพันคนก็ทยอยออกมารวมตัวกันจากทุกเวิร์คช็อป แต่ละคนก็มาพร้อมกับเครื่องมือทำงานในมือ พนักงานหญิงบางคนก็ถือม็อบบ้าง ไม้กวาดบ้าง ภาพที่เกิดขึ้นดูวุ่นวายโกลาหล แต่จำนวนคนมากมายทำให้พวกเขาดูยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งมาก
คนกลุ่มใหญ่เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูจ้องมองคนจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนเป็นตาเดียว บางคนก็อดตะโกนด่าทอออกมาไม่ได้
”เซี่ยเหล่ย คุณจะทำอะไร?” สีหน้ามู๋เจียนเฟิงเริ่มสับสนจนอ่านไม่ออก
เซี่ยเหล่ยยกมือขึ้นทำสัญญาณให้ทุกคนเงียบและทันทีที่เขายกมือขึ้น พนักงานทุกคนก็หยุดส่งเสียงทันที
เซี่ยเหล่ยพูดเสียงดัง “คนจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนมาทุบหม้อข้าวเรา พวกคุณจะทำยังไง?”
”ซัดพวกมันเลย!”
”พวกหัวขโมย!”
”หน้าไม่อาย! กบฏชาติ!”
”เอาเวลาไปเลี้ยงหลานไป ตาแก่!”
เสียงตะโกนดังขึ้นเสียดแทงหูเรื่อยๆ
เซี่ยเหล่ยจ่ายเงินเดือนให้เหล่าพนักงานเป็นสองเท่า ซึ่งเงินนั้นไม่ใช่โบนัสหรือเงินบำรุงอะไรแต่เพราะไม่มีใครอยากเห็นโรงงานทหารอาชาสายฟ้าต้องปิดตัวไปแน่ๆ ดังนั้นทุกคนจึงมารวมตัวกันที่นี่ เพื่อปกป้องโรงงานของพวกเขา!
เซี่ยเหล่ยยกยิ้ม “ประธานมู๋ คุณเป็นคนที่แข็งแกร่งนะครับแถมคุณยังมีอำนาจสั่งทหารที่นี่ได้ด้วยแต่คุณมีกึ๋นพอจะสั่งให้ทหารของคุณยิงพนักงานของผมรึเปล่าครับ? หรือคุณกล้าปล่อยให้คนของคุณปะทะกับคนของผมรึเปล่า?”
มู๋เจียนเฟิงขยับปากกำลังจะพูดข่มขู่คนอื่นแต่สุดท้ายเขาก็ไม่พูดมันออกมา จิ้งจอกแก่อย่างเขาจะไปเข้าใจแรงจูงใจที่แท้จริงของเซี่ยเหล่ยได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อห้ามยิ่งใหญ่ของประเทศจีน มู๋เจียนเฟิงเป็นคนพาพวกตัวเองมากดดันเซี่ยเหล่ย ถ้าเขาทำให้เกิดการปะทะกันของคนสองกลุ่มโดยมีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง ไหนจะสามัญชนอีก ยิ่งถ้าเขาทำให้เกิดการยิงกันด้วยแล้ว เรื่องก็คงไปกันใหญ่!
เซี่ยเหล่ยพูดต่อ “ประธานมู๋ ผมรอคุณตัดสินใจอยู่นะครับ”
”ฮึ่ม! รอบริษัทเราขอหมายศาลก่อนเถอะ” มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างไม่พอใจ “พวกเรากลับ!”
เซี่ยเหล่ยหันกลับมามองพนักงานของเขาพร้อมตะโกนว่า “วันนี้กินเลี้ยงกัน!” ติดตามตอนต่อไป………..